Chapter 29
แซ็กคารีกลับวังที่เผ่าซาตาน เก็บตัวอยู่ในห้องของตนเองอยู่หลายสัปดาห์ และจะออกมาเมื่อมีเหตุจำเป็เท่านั้น เขาปิดปากเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามของพ่อและแม่ แม้ว่าพวกเขาพยายามถามเื่บุตรของประมุขเทพไม่หยุด เขากำลังหลบซ่อนตัวจากเทพโจไซอา ไม่อยากพบหน้าเทพกายผ่ายผอม ไม่อยากได้ยินเสียง หรือเพียงแค่เอ่ยถึง
“เ้าชาย” ซาตานผู้รับใช้าาเผ่ามานาน เคาะประตูห้องนอนของแซ็กคารี โค้งหัวคำนับอย่างนอบน้อมเมื่อเ้าของห้องยอมเปิดประตู
“มีอะไร” เขาไม่ชอบให้ใครเรียกว่าเ้าชาย แต่เคยพูดหลายครั้งแล้วไม่มีใครฟังจึงปล่อยเลยตามเลย
“จดหมายถึงท่านครับ”
“ขอบคุณ”
จดหมายม้วนเล็ก ๆ ด้วยกระดาษสีอมเหลือง ผูกเชือกสีแดงบ่งบอกถึงจดหมายด่วน แซ็กคารีจึงรีบรับมันจากซาตานผู้รับใช้ และปิดประตูห้องนอนในทันที
จดหมายฉบับนี้ย่อมมาจากเมืองเทพอย่างไม่ต้องสงสัย เขาดึงปมเชือก คลี่กระดาษสีอมเหลือง อ่านข้อความที่เขียนด้วยหมึกสีดำเป็อักขระเทพในนั้น ลายมืออ่านยากและคราบหมึกเลอะเทอะแสดงถึงนิสัยของผู้ส่งจดหมาย ใบหน้าของเทพไฮเดนลอยมาทันที
เมื่อกวาดตามองอักขระเทพสั้น ๆ ที่เขียนในจดหมายเสร็จ แซ็กคารีรีบขยำมันทิ้งและปล่อยให้มันเผาไหม้ทำลายตัวเองบนมือของเขา จากนั้นจึงเดินทางออกจากเผ่าซาตานด้วยปีกสีขาวแข็งแรงทั้งสองข้าง มุ่งหน้าไปเมืองเทพทันที
“ท่านเทพไฮเดน”
ซาตานหนุ่มคุกเข่าทำความเคารพเมื่อมาถึงห้องโถงในบ้านหลังใหญ่ของเทพแห่งการแปลงกาย เทพไฮเดนรีบสั่งให้แซ็กคารีลุกขึ้นยืน และร่างกายสีขาวซีดนวลของซาตานก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็สีน้ำผึ้ง เขาโค้งงอสองข้าง และปีกใหญ่หายไปด้วยการเก็บซ่อนมันเอาไว้ภายใต้ร่างของมนุษย์
เทพไฮเดนในวันนี้ดูเคร่งขรึมแตกต่างจากปกติที่แซ็กคารีเห็น ไม่มีแก้วเหล้าอยู่ในมือ ไม่มีกลิ่นเหล้าหมักหลงเหลือในห้องโถง มือสีแทนของเทพโบกให้แซ็กคารีนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตัวเดิม
“ฉันได้ข่าวมาแล้ว”
“ครับ”
“เทพโจไซอาเป็โรครักระทมได้ 99 ปี ปีหน้า— ไม่สิ ภายในสิ้นปีนี้ถ้าเทพโจไซอาไม่หาย เขาจะตาย”
แม้แต่เทพไฮเดนที่ไม่รู้จักเทพโจไซอามาก่อนยังรู้สึกหดหู่ที่ต้องเอ่ยเื่นี้ออกมา เทพเป็ะ สามารถฟื้นฟูทุกาแในร่างกายตนเองได้ แต่เทพโจไซอากลับต้องตายเพราะโรคซึ่งเป็เหตุผลเดียวที่คร่าชีวิตเทพ
“สิ้นปีนี้… ก่อนฤดูหนาววนมาอีกครั้งเหรอ” แซ็กคารีเอ่ยเสียงเบา ก้มหน้ามองมือสองข้างที่วางบนตัก
“อะไรนะ”
“ปีเดียวกับที่เอเดนตาย”
“นี่กำลังท่องอะไรอยู่ พูดกับฉันหรือเปล่า” เทพไฮเดนขมวดคิ้วแน่น มองซาตานที่นั่งพึมพำราวท่องมนต์
“ท่านเทพโจไซอาเป็โรครักระทม ปีเดียวกับที่เอเดน กริฟฟินตายครับ” แซ็กคารีเอ่ยรัวเร็วอย่างกระตือรือร้น แววตาเบิกกว้างสบมองเทพไฮเดน
“อืม แล้วเอเดนคือ… นายรู้จักเขาเหรอ” ไฮเดนไม่รู้จักเอเดน กริฟฟิน เทพผิวแทนยกมือถูตอหนวด จ้องมองแซ็กคารีพร้อมคำถาม
“ชื่อของผม… เมื่อชาติก่อนครับ”
แววตาของแซ็กคารีเปลี่ยนไป หลากหลายความรู้สึกละเลงอยู่ในดวงตาสีเฮเซลอย่างซับซ้อน มันสั่นไหวด้วยความไม่แน่นอน ใบหน้าตกตะลึงเพราะเขากำลังรื้อค้นความทรงจำและข้อมูลทุก ๆ อย่างมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน
“โรครักระทมเกิดจากมนุษย์ใช่ไหมครับ”
“ใช่”
“ผมคือคนคนนั้น”
“นายพูดอะไรเนี่ยแซ็ก” ไฮเดนยังคงไม่เชื่อ และคิดว่าแซ็กคารีเริ่มพูดวกไปวนมา เทพสะบัดหน้าหนีขยี้เส้นผมของตนเอง
“ท่านไฮเดน ความจริงแล้วมีเหตุผลอื่นที่ท่านโจไซอาเลือกผม”
ทุก ๆ อย่างพรั่งพรูจนยากจะกักเก็บไว้กับตัว ริมฝีปากบางสั่นขณะพยายามเรียบเรียงหลายร้อยความคิดให้ออกมาเป็คำพูด แซ็กคารีไม่สนอีกแล้วว่าเทพตรงหน้าไว้ใจได้มากเพียงใด เพราะตอนนี้ความรู้สึกที่ก่อเกิดกำลังบังคับให้เขาต้องพูดออกมา
“ท่านโจไซอาบอกว่าผมคือคนรักเมื่อชาติก่อน แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลย”
ไฮเดนเห็นสีหน้าจริงจังของแซ็กคารีและปฏิเสธไม่ได้ว่าซาตานตนนี้พูดความจริง เทพพรูลมหายใจรื้อค้นข้อมูลน้อยนิดในหัวของตนเองเพราะไม่ชอบใส่ใจกับสิ่งรอบข้างนอกจากเหล้าและสตรี
“เพราะกฎเทพ”
“อะไรนะครับ”
“ในกฎเทพกำหนดไว้ว่าถ้ามนุษย์คนใดหมดรักเทพแล้ว จะถูกส่งตัวไปลบความทรงจำเกี่ยวกับเทพทั้งหมด ถ้านายเป็คนรักของท่านโจไซอาจริง นายอาจโดนลบความทรงจำก็ได้”
แซ็กคารีขมวดคิ้วแน่นเพราะไม่เคยอ่านเจอกฎเทพข้อนี้มาก่อน แม้อ่านตำราเล่มหนาเกี่ยวกับกฎเทพมาแล้วหลายครั้ง
“มีกฎข้อนี้ด้วยเหรอครับ ทำไมผมไม่—”
“ไม่แปลกหรอก กฎเทพฉบับสมบูรณ์จะเขียนเป็อักขระเทพด้วยแท่งเหล็กพิเศษ มีแค่เทพเท่านั้นที่มองเห็น พวกตำราที่นายเคยอ่านเขียนโดยซาตานที่ได้ยินและจำมาจากเทพอารักษ์กฎอีกที”
แซ็กคารีซบใบหน้าเข้าหาฝ่ามือใหญ่สองข้างของตนเอง ลูบหน้าด้วยแววตาสั่นไหว แท้จริงแล้วร่างกายของเขาแทบสั่นไปทั้งตัว ความกลัวชัดเจนมากกว่าสิ่งใดในขณะนี้ และเพียงแค่หลับตาภาพของเทพโจไซอาพร้อมกับเืสีแดงสดละเลงอยู่ทั่วก็ฉายชัด
“ท่านบอกว่ามนุษย์คนนั้นจะถูกส่งตัวไปลบความทรงจำใช่ไหมครับ”
“อืม ที่เกาะของเทพแห่งความทรงจำ”
“ผมรู้ว่าอยู่ที่ไหน”
ครอบครัวของแซ็กคารีเป็นักสำรวจจุดเชื่อมโยงระหว่างสองโลกมาั้แ่รุ่นบรรพบุรุษ เขาเคยไปเกาะห่างไกลในโลกมนุษย์ที่เทพแห่งความทรงจำใช้เป็ที่อยู่อาศัย ครั้งที่ติดตามพ่อออกตามหาจุดเชื่อมอื่น ๆ เพื่อบันทึกลงในแผนที่ ความทรงจำอันแม่นยำของซาตานทำให้เขาไม่อาจลืมที่นั่น เขาจำได้ดีแม้กระทั่งเรือลำใหญ่ของาาเผ่าซาตานที่เกือบถูกภูตผีคุ้มกันเกาะทำลาย
เพียงแค่ไฮเดนมองผ่านแววตาของแซ็กคารีก็รับรู้ได้ทันทีว่าซาตานตนนี้กำลังคิดอะไรในหัว เทพแห่งการแปลงกายรีบส่ายหน้าห้ามทันที
“ไม่ อย่าคิดอะไรบ้า ๆ” แซ็กคารีเพิกเฉยเทพไฮเดน และลุกขึ้นจากโซฟา
“ท่านโจไซอาแทบไม่เหลือเวลาอีกแล้วนะครับ”
“คิดว่าการไปที่นั่นจะช่วยอะไรได้เหรอแซ็ก ไม่รู้เื่ภูตเฝ้าเกาะหรือไง”
แซ็กคารีก้าวเท้าต่อไปโดยไม่หันหลังกลับ เท้าสองข้างใกล้ถึงประตูบานใหญ่แต่หยุดชะงักด้วยโซ่ตรวนผูกรัดข้อเท้าข้างหนึ่งเอาไว้โดยฝีมือของเทพไฮเดน เทพผิวสีแทนเดินมาขวางทาง จ้องมองซาตานดื้อดึงด้วยแววตาจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ
“เทพที่บุกไปที่นั่นยังาเ็สาหัส แล้วคิดว่าซาตานอย่างนายจะรอดกลับมาเหรอ”
เทพไฮเดนเอ่ยเตือนสิ่งที่แซ็กคารีรู้ดีอยู่แล้ว เขาอาจไม่รอดกลับมาเพราะพวกภูตผีบริวารของเทพแห่งความทรงจำย่อมทำหน้าที่คุ้มกันเกาะอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซาตานถูกฆ่าตายได้ ไม่เหมือนเทพที่ฟื้นฟูาแด้วยตนเอง แต่ถึงอย่างนั้นความกลัวตายกลับเล็กน้อยกว่าความรู้สึกอื่น
“แต่ท่านโจไซอาไม่ควรตายเพราะมนุษย์โง่ ๆ แค่คนเดียว”
แซ็กคารีเอ่ยเสียงสั่น ไฮเดนชะงักค้างเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากของซาตาน
“ผมต้องรู้ให้ได้ครับ ว่าทำไมผมถึงไม่รักเขา”
ทั้งฝ่ามือสองข้างที่กำแน่น ริมฝีปากบาง และดวงตาต่างสั่นไหว เขาต้องเดินทางไปหาเทพแห่งความทรงจำโดยไม่มีข้อแม้ ไม่สนชีวิตแสนสั้นของซาตาน เพราะเทพโจไซอาสำคัญมากกว่าหลายร้อยเท่า
เทพร่างผอมที่แซ็กคารีเห็นแตกต่างจากเทพผู้กดขี่ซาตานที่เขารู้จัก โจไซอาไม่เคยแสดงท่าทีดูถูกหรือยกตัวเองอยู่เหนือกว่าเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว และยังช่วยปลดปล่อยซาตานผู้ถูกสาปทันทีที่เขาเอ่ยขอ การได้อยู่ด้วยกันหลายครั้งสร้างความไว้ใจพร้อมกับได้เห็นตัวตนของเทพไปพร้อม ๆ กัน
เขาจึงมองไม่เห็นเหตุผลที่ทำให้เอเดน กริฟฟินไม่รักโจไซอาเลย
โซ่ตรวนที่ข้อเท้าสลายหายไป เทพไฮเดนเบี่ยงตัวถอยจากประตู เพื่อเปิดทางให้แซ็กคารี
“รอก่อน”
เทพผิวสีแทนเดินหายไปในห้องหนึ่ง ทิ้งแซ็กคารีให้ยืนนิ่งค้างด้วยความสงสัย เพียงไม่นานเทพไฮเดนปรากฏกายพร้อมคันธนูไม้ขนาดใหญ่ และกระบอกใส่ลูกธนูปลายขนนกหลายดอก เทพส่งให้แซ็กคารีถือ ด้ามจับของมันกระชับพอดีกับฝ่ามือของเขา
“ลูกธนูคำสาปเทพ ใช้สู้กับภูตได้”
“ขอบคุณท่านเทพ”
แซ็กคารีย่อต่ำลงคุกเข่าคำนับไฮเดนจากใจจริง เพราะมีเทพไม่กี่องค์ที่เขาเคารพด้วยหัวใจไม่ใช่ตามธรรมเนียม เทพไฮเดนเป็หนึ่งในนั้น
เมื่อแซ็กคารียืนขึ้นเต็มความสูง ร่างมนุษย์ได้จางหายไปเปลี่ยนเป็ร่างซาตานสีขาวซีดนวลทั้งกาย ซาตานหนุ่มเดินผ่านประตูบานใหญ่ และสยายปีกบินขึ้นฟ้าผ่านประตูเชื่อมทั้งสองโลก ท่ามกลางสายตากังวลของเทพไฮเดน
ซาตานหนุ่มพร้อมกับคันธนูและลูกธนูที่เทพไฮเดนมอบให้ในมือ ปรากฏกายบนท้องฟ้าในโลกมนุษย์ซึ่งเบื้องล่างมีเพียงน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มขยับเคลื่อนไหวเป็คลื่น
แซ็กคารีมุ่งหน้าไปในทิศทางที่เขามั่นใจโดยไม่ต้องใช้แผนที่นำทาง เพียงไม่นานก็เห็นเกาะลึกลับกลางทะเล ยอดเขาบนเกาะมีกลุ่มเมฆหมอกลอยต่ำคอยบดบังอยู่เสมอ ชายหาดล้อมรอบูเาเป็รูปพระจันทร์เสี้ยว คลื่นลูกแล้วลูกเล่าพัดเข้าหาชายฝั่ง และเริ่มขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็สีเทา
พายุกำลังจะมาพร้อมเมฆก้อนใหญ่ เสียงฟ้าคำรามดังมาจากที่ไกล ๆ สายลมเริ่มแรงขึ้นจนปีกใหญ่สองข้างของซาตานต้องออกแรงมากกว่าเดิม เพราะเกาะลึกลับอยู่ทิศต้านสายลม
แซ็กคารีมองเห็นโขดหินผาสูงใหญ่ด้านหน้าเกาะ และโขดหินเล็กใหญ่กระจัดกระจายทั่วบริเวณ ซาตานค่อย ๆ บินร่อนลงต่ำเพื่อพักปีกเหนื่อยล้าสองข้าง กระทั่งเท้าสองข้างเหยียบผาสูง มันกลับหายวับไปในทันที ปีกสีขาวรีบขยับกระพือขึ้นฟ้าได้ทันเวลา
เขาหยิบลูกธนูออกจากกระบอกหนึ่งดอก วางมันบนคันธนู จับด้ามไว้แน่นพร้อมยิง และบินขึ้นฟ้าสูงขึ้นจนร่างกายล้อมรอบด้วยเมฆหมอกสีเทาเข้ม ดวงตาคอยสังเกตโขดหินจาก้า แต่ไม่พบสิ่งอื่นใดนอกจากคลื่นซัดโขดหินจนเกิดฟองสีขาว
ทันใดนั้นร่างของภูตประจำท้องทะเลได้ปรากฏ เป็ุ์ร่างสูงใหญ่ มือสองข้างสีน้ำตาลแดงคว้าโขดหินดันตัวขึ้นจากน้ำ ศีรษะใหญ่โตมีเส้นผมสีดำหยักศกยาวรกรุงรังเปียกชุ่ม ใบหน้าของมันโเี้จ้องเขม็งมองหาผู้บุกรุก ่บ่ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อยิ่งกว่าซาตาน ที่กลางสันหลังมีครีบปลาสีเขียวแก่ตามแนวกระดูก
แซ็กคารีเล็งปลายลูกธนูที่ภูตประจำท้องทะเล ดวงตาข้างหนึ่งปิดสนิท และใช้ดวงตาอีกข้างแนบมือขวา กระทั่งเห็นเป้าหมายเป็กลางอกของภูตร่างใหญ่ แซ็กคารีจึงยิงลูกธนูจากท้องฟ้าอย่างไม่ลังเล ปลายแหลมคมพุ่งตรงปักแผ่นอกของภูตอย่างแม่นยำ
แต่ภูตกลับไม่สะทกสะท้านใด ๆ เพียงแค่ก้มหน้ามองลูกธนูที่ปักอก และดึงมันออกด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาสีแดงฉายแววโรจน์เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มาของลูกธนู แซ็กคารีกระพือปีกบินหลบไปทางทิศอื่น ภูตร่างใหญ่จึงมองหาอย่างไร้จุดหมายต่อไป
และเพียงไม่นาน คำสาปเทพที่อาบปลายลูกธนูได้แผ่ขยายไปทั่วกายภูตประจำท้องทะเลอย่างรวดเร็ว ผิวกายสีน้ำตาลแดงขึ้นรอยช้ำเป็สีเทาเข้มวิ่งไปทั่วตามเส้นเืจนเห็นมันผ่านิั เืสีแดงสดทะลักออกจากริมฝีปากภูต ร่างกายใหญ่โตทรุดลงคุกเข่าบนโขดหินไร้เรี่ยวแรง
แซ็กคารีจึงบินออกจากกลุ่มเมฆ ฝ่าสายลมไปที่เกาะลึกลับและพลาดปล่อยศัตรูไว้ด้านหลัง ลูกธนูดอกเดิมที่ยังมีคราบเืของภูตติดอยู่พุ่งตรงเข้ามาหาโดยมีสายลมช่วยส่งมันมาถึงบนท้องฟ้า ความแหลมคมเฉียดปีกสีขาวของซาตานเพียงเล็กน้อย เืของภูตจึงเปรอะเปื้อนอยู่บนปีกข้างขวาของแซ็กคารี
เหล่าภูตทะเลสามารถติดตามกลิ่นได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องพึ่งพาประสาทััอื่น ๆ เมื่อเืของภูตแห่งท้องทะเลประทับบนปีกซาตานแม้เพียงน้อยนิด เหล่าภูตรูปร่างอัปลักษณ์จึงปรากฏกายขึ้นจากผิวน้ำทะเลพร้อม ๆ กัน โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือขัดขวางแซ็กคารี
เขาบินสูงขึ้น หยิบลูกธนูวางบนคันธนูอีกครั้ง เล็งเป้าหมายในเวลาเสี้ยววินาที เพราะเหล่าภูตทะเลมีจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายเต็มเบื้องล่างของเขา แต่ธนูดอกนั้นกลับถูกสายลมพัดจนมันหักเหทิศทาง พุ่งตรงสู่ผิวน้ำที่ไม่มีศัตรูอยู่ แซ็กคารีพลาดเป้า จึงยิงธนูซ้ำอีกหลายดอก แต่ยังพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก
ภูตทะเลคางแหลมดวงตาเรียวปูดโปนใช้มือที่มีพังผืดคว้าลูกธนูคำสาปเทพไว้ มันไม่รอช้าและโยนใส่แซ็กคารีในทันที สายลมคอยช่วยเหลือเหล่าภูตด้วยการส่งลูกธนูมาหาแซ็กคารี เขารีบบินหนีเปลี่ยนทิศทาง แต่ลูกธนูกลับพุ่งเฉียดลำตัว แทงผ่านสายหนังรัดกระบอกลูกธนูจนขาดและร่วงหล่นลงเบื้องล่างที่มีเหล่าภูตคอยรับ
ลูกธนูเ่าั้จึงโยนจากด้านล่างขึ้นมาทางแซ็กคารี ปีกใหญ่กระพือขึ้นสูงจนหลบอยู่ในกลุ่มเมฆฝนก้อนใหญ่สีเทา เมฆเ่าั้ค่อย ๆ ลอยต่ำลงเพราะแบกอุ้มไอน้ำมากเกินจะรับไหว แสงสว่างวาบสีขาวประกายเจิดจ้าใกล้กับแซ็กคารี ซาตานหลีกหนีสายฟ้าได้อย่างฉิวเฉียด และไม่อาจหนีเช่นนี้ทุกครั้งจึงไม่สามารถหลบซ่อนในกลุ่มเมฆฝนได้อีกแล้ว
เขาจำใจบินต่ำลง พร้อมธนูดอกสุดท้าย ซาตานหนุ่มมองหาหัวหน้าของเหล่าภูตทะเลทั้งหมด แต่สายตาของเขากลับสะดุดที่โขดหินขนาดใหญ่สีดำ มีหญิงสาวผมยาวสีทองหม่นยืนอยู่ สายลมพัดพาเส้นผมของเธอจนพลิ้วไหวเปิดเผยให้เห็นใบหน้างดงาม ดวงตากลมเฉี่ยวจ้องมองแซ็กคารี เป็สีน้ำตาลคลอน้ำตาจ้องร้องขอชีวิต และร้องขอความช่วยเหลือ
“เฮเซล” เขาจำเธอได้เสมอและไม่มีวันลืม
“แซ็กคารี! ช่วยด้วย พาฉันออกไป”
เสียงของเธอดังก้องะโร้องเรียกเขา ซาตานจึงรีบบินร่อนลงต่ำที่โขดหินใหญ่ มือข้างซ้ายลดคันธนูแนบลำตัว ข้างขวายื่นออกไปด้านหน้าให้เธอคว้ามือของเขาเอาไว้ ยิ่งบินเข้าใกล้เธอเรื่อย ๆ ใบหน้าขาวผ่องนวลลออยิ่งชัดเจน หยดน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนแก้มเนียน เธอยกยิ้มอย่างขอบคุณเมื่อปลายนิ้วมือของทั้งคู่ได้แตะัักัน
แต่เฮเซลไม่รู้จักเขาในชื่อแซ็กคารีมาก่อน
ปลายนิ้วเรียวของเธอไม่อบอุ่นอย่างมนุษย์ กลับเย็บเฉียบอย่างน่ากลัวและเปียกแฉะ แซ็กคารีรีบสะบัดมือของเธอที่จับมือของเขาไว้แน่นแต่ไม่สำเร็จ ทั้งที่ร่างกายเพรียวบางแต่กลับมีเรี่ยวแรงมาก ปีกสีขาวกระพือบินขึ้นฟ้าและร่างของหญิงสาวเกาะติดตามขึ้นมาด้วย
และร่างที่แท้จริงได้เปิดเผย ผมสีทองหม่นกลายเป็สีน้ำตาลไหม้ ใบหน้านวลลออแปรเปลี่ยนเป็สีเขียวแก่อมเหลือง เคี้ยวคมยาวน่าเกลียดน่ากลัวงอกออกมาจนริมฝีปากไม่อาจปกปิดมันได้ ฟันแหลมคมกัดข้อมือสีขาวซีดของซาตานจมเคี้ยว แซ็กคารีร้องด้วยความเ็ป พร้อมสะบัดตัวสุดแรงอีกครั้งจนภูตทะเลกระเด็นตกน้ำ
มือสองข้างจับธนูอย่างมั่นคงอีกครั้ง ธนูดอกสุดท้ายในมือเล็งหาเป้าหมาย บัดนี้ร่างของผู้ที่ยืนอยู่บนโขดหินไม่ใช่เฮเซล แต่คือเทพโจไซอา ร่างกายที่ผ่ายผอมกอดตัวเอง กายสั่นเพราะลมหนาวที่พัดพามาหา ช้อนตาสีน้ำตาลจ้องมองแซ็กคารี เืกำเดาสีแดงสดไหลออกจากจมูกของเทพโจไซอา
แต่ครั้งนี้แซ็กคารีมั่นใจว่าเป็เพียงภาพลวงตา เขาปล่อยนิ้วมือข้างขวา ลูกธนูพุ่งตรงหาเป้าหมาย ปลายแหลมคมอาบด้วยคำสาปเทพทิ่มแทงกลางอกร่างเทพโจไซอา ภาพลวงตาหายวับไปเปลี่ยนเป็ภูตทะเลหน้าตาอัปลักษณ์ที่ล้มลงแน่นิ่ง
ซาตานบินต่ำเกินไปและไม่ทันระวังว่ายังมีเหล่าภูตหลายร้อยชีวิตล้อมรอบ เขาไม่อาจบินหลีกหนีเหล่าภูตที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อป้องกันเกาะไว้ได้ พืชใต้น้ำเส้นยาวสีเขียวเข้มจนเกือบดำโยนขึ้นมารัดข้อเท้าทั้งสองข้างของซาตานด้วยฝีมือของภูตทะเล พวกมันฉุดรั้งเชือกเหนียว ปีกสองข้างเริ่มอ่อนแรงของซาตานไม่อาจบินขึ้นสู้แรงพวกมันได้
ซาตานถูกดึงลงต่ำจนจมอยู่ใต้น้ำทะเลเย็นเฉียบ พยายามสลัดเชือกเหนียวออกแต่ภูตตนอื่นว่ายเข้ามาผูกเชือกให้แน่นยิ่งขึ้น และผูกอีกเส้นที่ปีกของเขา ทั้งมือ แขน ขา และปีกสองข้างของแซ็กคารีต่างดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม พร้อมกับลมหายใจที่ใกล้หมด
ซาตานที่คล่องแคล่วว่องไวบนท้องฟ้าและพื้นดิน ไม่อาจต่อสู้เหล่าภูตทะเลที่เชี่ยวชาญในโลกใต้น้ำมากกว่า แซ็กคารีหยุดดิ้น เปลี่ยนเป็ว่ายด่ำดิ่งลงต่ำ ใช้คันธนูที่เทพไฮเดนมอบให้ขัดกับเชือกเหนียวที่ข้อเท้า และดึงรั้งมันจนเชือกขาดออกจากกัน พร้อมธนูหักเป็สองท่อน
สองแขนแหวกว่ายพร้อมกับปีกที่กระพือใต้น้ำ ส่งร่างกายของตนเองให้ขึ้นฝั่ง แต่ภูตประจำท้องทะเลร่างใหญ่กลับมา มันกำมือรอบลำคอของซาตานได้ด้วยมือข้างเดียว และเป็ผู้ดึงร่างของแซ็กคารีขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยตนเอง
มันคือภูตตนแรกที่ยังมีรอยธนูบนแผ่นอก ผิวกายของมันเป็สีเทาเข้มด้วยฤทธิ์ของคำสาปเทพ แต่ภูตต่อสู้คำสาปนั้นด้วยร่างกายที่แข็งแกร่ง มันเหวี่ยงร่างซาตานบนโขดหินกว้าง ผิวกายสีขาวซีดกระแทกพื้นแข็งครูดตามแรงจนถลอก แผลจากรอยกัดที่ข้อมือข้างขวายังไม่ได้รับการเยี่ยวยา และมีเืสีแดงสดไหลออกมาไม่หยุด
แซ็กคารีหอบหายใจ ลุกขึ้นประจันหน้าภูตแห่งท้องทะเลที่ร่างกายใหญ่กว่าซาตานอย่างไร้ความเกรงกลัว ดวงตาสีแดงยังคงวาวโรจน์โดดเด่นท่ามกลางผิวกายสีเทาเข้ม และไม่รอให้แซ็กคารีกอบโกยอากาศทัน มันพุ่งเข้าใส่ด้วยพละกำลังแข็งแกร่งแต่แซ็กคารีรีบบินขึ้น
ฝ่ามือสีเทาเข้มคว้าปลายเชือกเหนียวที่ยังติดข้อเท้าของแซ็กคารี ดึงมันลงสุดแรง ซาตานจึงกระแทกศีรษะใหญ่โตของภูตด้วยเข่าทั้งสองข้างซ้ำด้วยข้อศอกจนมันล้มลงแนบโขดหินแข็ง แซ็กคารีคว้าข้อเท้าสองข้างของภูตด้วยร่างกายที่คล่องแคล่วมากกว่า จับเหวี่ยงและทุ่มกับพื้นจนโขดหินเกิดรอยแยกพร้อมเสียงร้องคำรามด้วยความเ็ป
แต่แซ็กคารีเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง และเหล่าภูตคุ้มกันมีเป็หลักร้อย ถึงระวังเพียงใดซาตานย่อมพลาดและถูกภูตตนอื่นโจมตีจากด้านหลัง ภูตตาโปนน่าเกลียดจากใต้ทะเลลึกตัวเล็กเพียงแค่หัวเข่าของแซ็กคารี แต่เข้ามาเกาะแน่นที่แผ่นหลังซาตาน ปีกสองข้างขยับเพื่อสลัดมันออก แต่เล็บยาวแหลมคมจิกสะบักหลังอย่างรุนแรง
แซ็กคารีเ็ปราวปีกจะหลุดออกจากหลัง เขาทิ้งตัวลงนอนหงายใช้น้ำหนักกายทับร่างภูตจนมันแน่นิ่ง เืสีแดงสดทั้งของซาตานและของภูตไหลเปรอะเปื้อนร่างกายสีขาวซีดนวล ปีกของซาตานมีาแทั้งจากรอยกัด รอยข่วน และแผลใหญ่ที่สะบักจึงไม่อาจขยับได้
ซาตานที่ไร้ปีกไม่ต่างกับมนุษย์ไร้แขนขา ภูตประจำท้องทะเลร่างใหญ่จึงคว้าลำคอของแซ็กคารีเอาไว้ บีบแน่นและชูขึ้นสูงด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ดวงตาสีแดงดูสุขสันต์เมื่อใบหน้าของแซ็กคารีบิดเบี้ยวอย่างทุกข์ทรมาน
ภูตจับกายสีขาวนวลเปื้อนเืแทบทั้งตัวทุ่มกับพื้นโขดหินตรงรอยแยกที่เดิม ราว้าแก้แค้น พื้นหินยุบลงเป็วงกว้าง เน้นย้ำาแที่สะบักหลังของแซ็กคารี เขาโค้งงอข้างขวากระแทกกับเนินหิน มันจึงหักกระเด็นออกจากศีรษะซาตาน
ดวงตาของแซ็กคารีพร่าเลือนมองเห็นเพียงเงาสีเข้มตัดกับท้องฟ้า เขากะพริบตาเชื่องช้า โดยมีเสียงหัวเราะของภูตประจำท้องทะเลดังก้องกังวานราวประกาศชัยชนะ แม้เขาสองข้างไร้ความรู้สึก แต่แซ็กคารีรู้ว่ามันแตกต่างจากเดิม เขาหันคอมองทางด้านขวา เขาสีขาวนวลหักออกและวางอยู่บนโขดหิน แซ็กคารีมองเขาของตนเองด้วยความเศร้าโศก ลมหายใจหอบรุนแรงเพื่อกอบโกยอากาศ และเืไหลออกจากาแนองทั่ว
เงาดำของภูตเดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง ฝ่ามือใหญ่คว้าลำคอของแซ็กคารีเพื่อปลิดชีพซาตาน บีบแรงขึ้น และแรงขึ้นจนแซ็กคารีกัดฟันแน่น ยกมือกำฝ่ามือขนาดใหญ่กว่า
ส่วนมืออีกข้าง เอื้อมคว้าเขาสีขาวนวลข้างที่หัก
แซ็กคารีปักปลายแหลมคมทิ่มแทงท่อนแขนใหญ่สุดแรงจนทะลุและชักออก ใช้เท้าทีบร่างภูตแล้วพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยปีกกับเท้าอ่อนแรง ซาตานเปื้อนเืใช้่เวลาแสนสั้นยามภูตเ็ปาแที่ท่อนแขน ผลักร่างใหญ่โตให้พลิกนอนหงาย เพื่อใช้เท้าเหยียบกลางหน้าท้อง ย่ำขึ้นถึงแผ่นอก
และใช้เขาแทงที่ซอกคอของภูตแทบมิด ดวงตาสีแดงเบิกกว้างจ้องมองแซ็กคารีด้วยความโกรธ และล่องลอยมองท้องฟ้า กระทั่งแน่นิ่งหมดสัญญาณชีพ
เหล่าภูตตนอื่น ๆ ต่างหวาดกลัวแซ็กคารีเมื่อเขาปลิดชีพภูตประจำท้องทะเลสำเร็จ พวกมันหนีหายลงสู่ใต้ทะเลลึกและไม่กลับขึ้นมาขัดขวางอีก
ซาตานแบกร่างาเ็สาหัสของตนเองขึ้นฟ้า ปีกกระพือแ่เบาเดินทางต่อไปที่เกาะลึกลับเบื้องหน้า มือข้างขวาถือเขาข้างที่หัก เืจากาแไหลอาบหยดตลอดทาง าแใหญ่ที่สะบักทั้งช้ำและขยายใหญ่จากการฝืนกระพือปีก เืไหลจากแผลถึงปลายเท้า
สายลมได้เปลี่ยนทิศทางพัดพาร่างของซาตานไปที่เกาะง่ายขึ้น เมฆฝนก้อนใหญ่และพายุเคลื่อนหายพร้อมกับสายลม แซ็กคารีร่อนต่ำลงที่ชายหาดโค้งเป็พระจันทร์เสี้ยว ปีกอ่อนแรงหยุดนิ่งทิ้งให้ร่างกายร่วงหล่นลงบนหาดทรายสีดำ ซาตานผิวกายสีขาวนวลซีดมีเืละเลงเต็มร่าง เปรอะเปื้อนเม็ดทรายสีเข้มเกาะตามิั
ซาตานนอนคว่ำใบหน้าแนบพื้นทราย ลมหายใจอ่อนแรงและแ่เบาอย่างน่าใจหาย เืไหลออกจากาแไม่หยุดผสมรวมอยู่ในหาดทรายสีเข้ม โดยมีน้ำทะเลซัดเข้าฝั่งเจือจางมันจนหายไปพร้อมฟองคลื่นสีขาว
เสียงสัตว์ปีกสีดำดังข้างหู พร้อมเสียงฝีเท้าสองข้างเล็ก ๆ เหยียบย่ำพื้นทราย เขาลืมตามองหาที่มาของเสียงข้างหู และเห็นอีกาตัวโตจ้องมองเขาอยู่ ข้อเท้าของมันผูกขนนกสีดำสนิทเส้นใหญ่ไว้ด้วยเชือกสีแดง คล้ายกับเชือกที่ผูกติดจดหมายเทพ มือสั่นไร้เรี่ยวแรงจึงดึงขนนกเส้นใหญ่ออกจากข้อเท้าอีกา มันส่งเสียงร้องตอบรับทันทีเมื่อไม่มีสิ่งใดเกะกะเท้าของมัน
ขนสีดำสนิทในมือแซ็กคารีใหญ่จนเดาได้อย่างง่ายดายว่าต้องไม่ใช่ขนของอีกา และสัตว์ที่ขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ย่อมเป็สัตว์วิเศษในโลกของุ์ แซ็กคารีกำขนนกสีดำแน่นขึ้น คิดหาเ้าของขนนกเส้นนี้
“กริฟฟิน…”
เสียงแหบสั่นเอ่ยชื่อสัตว์วิเศษที่ศีรษะ กรงเล็บสองข้างด้านหน้า และปีกเป็นกอินทรี และลำตัวกับขาหลังเป็สิงโต
ทันใดนั้นขนนกในมือแซ็กคารีจึงเปลี่ยนสภาพ กลายเป็ขวดแก้วขนาดเล็ก ด้านในบรรจุน้ำสีใสบริสุทธิ์ แซ็กคารีจ้องมองขวดในมือด้วยสายตาล่องลอย สติของเขาใกล้ขาดหายไปทุกทีเพราะเืที่ยังคงไหลออกจากร่างกายไม่หยุด
อีกาสีดำส่งเสียงร้องลั่นข้างหูราวเรียกเขา มันร้องต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กระทั่งแซ็กคารีเปิดจุกขวดออก เ้าอีกาจึงเงียบเสียง ดวงตาเป็ประกายของมันมองขวดโหลสลับกับใบหน้าของแซ็กคารี
ซาตานจรดปากขวดแก้วกับริมฝีปาก ดื่มน้ำสีใสบริสุทธิ์จนหมด ของเหลวไหลผ่านลำคอของซาตานอย่างรวดเร็วพร้อมกับเปลือกตาสีขาวซีดนวลที่ปิดสนิท แซ็กคารีหมดสติพร้อมขวดที่ยังอยู่ในมือ ส่วนเ้าอีกาตัวใหญ่บินขึ้นฟ้าเพราะหมดหน้าที่ของมัน
น้ำสีใสบริสุทธิ์อันทรงพลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของซาตาน
เืสีแดงสดหยุดไหล
าแภายนอกไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างปิดแคบลง
เพราะได้รับอำนาจเยียวยารักษาจากน้ำตาของเทพยามมีความสุข
tbc.
#เฮเซลอาย
