“ฮองเฮาเพคะ อีหลานมีความผิดติดตัว มิกล้ารบกวนฮองเฮาเพคะ...” ดวงตาของหนานกงเยวี่ยฉายแวววิตกกังวล ในใจมีเพียงความคิดเดียว นั่นคือนางต้องไม่ปล่อยให้อีหลานเข้าวังเป็แน่ การเข้าวังครานี้ ไม่แน่ว่าอาจให้อีหลานไปรับโทษอื่น
ทว่าภายใต้อำนาจของฮ่องเต้ มีเื่ใดบ้างที่นางไม่ยอมแล้วจะไม่เกิด?
“ทำไมเล่า? เ้าคิดว่าตำหนักชีอู๋ของเปิ่นกงจะปรนนิบัติไม่ดีหรือ?”ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้ว น้ำเสียงของนางฟังดูไม่พอใจเล็กน้อย
“มิใช่เพคะ หม่อมฉันมิบังอาจ หม่อมฉัน...” หนานกงเยวี่ยรีบส่ายหัวปฏิเสธ ไหนเลยจะกล้ายอมรับคำพูดนั้น?!
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น เื่นี้ก็เอาตามนั้นเถิด”
หนานกงเยวี่ยที่ยังไม่ทันเอ่ยจบ กลับถูกฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยแทรก ตัดบทนางอย่างเ็า ระหว่างที่พูด ฮองเฮา องค์หญิงใหญ่ชิงเหอและฉางไทเฮาก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
“เพราะตระกูลเหนียนของเ้า จึงทำให้เปิ่นกงเสียเวลาไปมากขนาดนี้ ที่จริงวันนี้เปิ่นกงรู้สึกผ่อนคลาย ทว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่อารมณ์ใดๆ แล้ว ช่างโชคร้ายเสียจริง”
ฮองเฮาอวี่เหวินดูอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างมาก ทุกเื่ราวในจวนเหนียนวันนี้ ทำให้นางได้เปิดหูเปิดตาเสียจริง สายตาราบเรียบมองผ่านหนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงไปอย่างรวดเร็วโดยมิปิดบังแววตาตำหนิ
“ฮองเฮาโปรดพระทัยเย็นลงก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ เป็เพราะกระหม่อมต้อนรับไม่ดีเองพ่ะย่ะค่ะ...” เหนียนเย่าตื่นตระหนก แม้ทั้งร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทว่าก็ยังคุกเข่าตามลงไปด้วยเช่นกัน
“เพียงแค่ต้อนรับไม่ดีงั้นหรือ?” ฮองเฮาอวี่เหวินพ่นเสียงเ็า “บุตรชายบุตรสาวที่พวกเ้าสกุลเหนียนสั่งสอนอบรมมา วันนี้ช่างร้ายกาจเสียจริง เหนียนเย่า ฮูหยินเหนียน ไหนพวกเ้าทั้งคู่ลองบอกเสียว่านี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเ้า!”
ไม่เพียงแค่หนานกงเยวี่ย เหนียนเย่าเองก็ตื่นตระหนกหวาดกลัวกับการตำหนิของฮองเฮาอวี่เหวิน “กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมจะพิจารณาตัวเองให้ดีพ่ะย่ะค่ะ จะจัดการสั่งสอนพวกเขาให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
“พิจารณางั้นหรือ! เ้าควรจะพิจารณาตัวเองจริงๆ เ้าเป็ขุนนางในราชสำนัก ต้องจัดการเื่ต่างๆ ให้ฝ่าา เปิ่นกงมิอาจสั่งห้ามเท้าของเ้าได้ ทว่าฮูหยินของเ้า ่นี้ก็ให้นางอยู่ในห้องพิจารณาตัวเองเสียหน่อยเถิด!"
หลังฮองเฮาอวี่เหวินตรัสจบ นางปรายตาให้ข้ารับใช้สองคน และรับสั่งออกมาว่า “พวกเ้าสองคนรีบไปลงทัณฑ์ตีให้ครบสิบทีเสีย แล้วพาคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนผู้นี้เข้าวังหลวง ให้หมอหลวงมาดูาแเสียหน่อย ไม่ต้องให้ฮูหยินเหนียนเข้าวัง ส่วนเื่ศพของฟางเหอก็พาไปด้วย พวกเ้าเข้าใจคำพูดของเปิ่นกงชัดเจนหรือไม่?”
ความหมายของฮองเฮาอวี่เหวินชัดเจนอย่างยิ่ง ยามนี้นางแค่้าสั่งห้ามไม่ให้หนานกงเยวี่ยเข้ามาในวัง ส่วนเหนียนอีหลาน...
นางบอกว่าให้ไปอยู่ในตำหนักชีอู๋ของนาง ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าได้คิดเพ้อเจ้อจะวอนขอ อย่าได้คิดเพ้อเจ้อที่จะเปลี่ยนแปลง!
บรรยากาศในลานตึงเครียดอย่างยิ่ง แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเองก็รู้ว่า ยามนี้มิอาจขัดพระทัยของฮองเฮาอวี่เหวินได้แล้ว นางดึงสติของหนานกงเยวี่ยที่ชะงักงันไปเล็กน้อย เอ่ยกระตุ้นขึ้นว่า “ยังไม่รีบขอบพระทัยอีก”
ทันใดนั้นหนานกงเยวี่ยพลันได้สติรู้สึกตัว รีบวางเหนียนอีหลานลง และคุกเข่าลงกับพื้น “หม่อมฉัน...หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะ หม่อมฉันจะพิจารณาตัวเองให้ดีเพคะ”
นางไม่กลัวที่จะไม่ได้ออกไปข้างนอก ทว่าสิ่งที่นางกังวลคืออีหลาน...
อีหลานเข้าวังหลวงเช่นนี้ จะมีสิ่งใดรอนางอยู่กันแน่?
หนานกงเยวี่ยรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงแม้นางจะรู้สึกไม่สบายใจ ทว่ายามนี้นางเองก็ไร้ซึ่งหนทางใดๆ แม้แต่ท่านแม่...
หนานกงเยวี่ยเหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงที่ด้านข้าง เสียงที่ปลุกนางเมื่อครู่ เป็การบอกนางกลายๆ แล้วว่า ท่านแม่เองก็ไร้ซึ่งแรงจะช่วยเหลือเช่นกัน
ทว่าทำได้เพียงมองดูอีหลานที่ถูกพาเข้าวังจริงหรือ?
ข้ารับใช้ทั้งสองไม่กล้ารีรอแม้แต่น้อย หนานกงจื้อขึ้นไปนอนบนตั่งอย่างรวดเร็ว แม้หนานกงจื้อจะเป็บุรุษ ทว่าไม้กระบองที่ตีลงบนตัวถึงสิบทีนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงคำรามจากเขา แต่หยาดเหงื่อที่หยดลงมาบนใบหน้าก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายอะไรมากมาย
ในไม่ช้า ข้ารับใช้ทั้งสองก็ได้พาเหนียนอีหลานออกไปพร้อมกับฮองเฮาอวี่เหวิน
ผู้คนในลานต่างทยอยกันแยกย้าย ก่อนที่จ้าวอิ้งเสวี่ยจะเดินออกไป นางเหลือบมองเหนียนยวี่ สายตานั้นแฝงความหมายลึกซึ้ง
หนานกงเยวี่ยเดินตามเหนียนอีหลานไปตลอดทางจนออกจากลานเซียนหลาน และไม่ย้อนกลับมาอีก ฉางไทเฮาเองก็พาหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนออกไป
ยามที่ฮองเฮาอวี่เหวินกำลังเดินออกไป เดิมทีจะเรียกให้เหนียนยวี่กลับตำหนักองค์หญิงใหญ่ ทว่าทันทีที่เอ่ยออกไป กลับถูกเหนียนเย่ารั้งไว้ก่อน
“ทูลองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ หลายวันมานี้กระหม่อมไม่เห็นแม้แต่เงาของยวี่เอ๋อร์ กระหม่อมเป็กังวลอย่างยิ่ง ให้กระหม่อมกล่าวอะไรกับนางสักหน่อยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เพียงครู่เดียว กระหม่อมจะสั่งให้คนไปส่งนางถึงตำหนักองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ...” น้ำเสียงของเหนียนเย่าแฝงแววหยั่งเชิงและหวาดกลัว เื่ที่เกิดขึ้นในจวนเหนียนวันนี้ กระทบทั้งเขาและจวนเหนียนอย่างใหญ่หลวงมากจริงๆ
เพราะเหนียนเฉิงขากะโผลกกะเผลก เขาจึงฝากความหวังไว้กับอีหลานมานาน หวังว่านางจะได้แต่งเข้าสู่ราชวงศ์ และโบยบินขึ้นไปบนฟ้า ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าอีหลานจะ...
สภาพของอีหลานในตอนนี้ นางเกือบจะฆ่าฮองเฮา แม้จะมีตระกูลหนานกงคอยหนุน ทว่าอนาคตของนางนั้นไม่แน่นอนเสียแล้ว ทว่าโชคยังดีที่ยังมีเหนียนยวี่อยู่อีกคน!
เมื่อคิดเช่นนี้ สายตาของเหนียนเย่าที่มองเหนียนยวี่ จึงเปี่ยมล้นไปด้วยความกระตือรือร้น
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเหลือบมองเหนียนยวี่ ครั้นเห็นว่าสีหน้าแววตาของนางยังดูสงบนิ่งเยือกเย็น และไม่ได้ดูจะปฏิเสธเหนียนเย่า จึงค่อยๆ ยกยิ้มเอ่ยขึ้นมาว่า "ปล่อยให้นางอยู่ที่นี่สักพักแล้วกัน ทว่านายท่านเหนียน หากบุตรีบุญธรรมผู้นี้ของเปิ่นกงได้รับาเ็ หรือถูกล่วงเกินใดๆ จวนเหนียนของพวกเ้าต้องระวังไว้ให้ดี หากนางได้รับาเ็แม้เพียงนิดเดียว เปิ่นกงจะสอบสวนให้ถึงที่สุด"
แม้องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจะเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ทว่าน้ำเสียงของนางกลับน่ากริ่งเกรงเป็อย่างยิ่ง
ในใจของเหนียนเย่าสั่นสะท้าน เขาจะไม่เข้าใจความหมายที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ้าสื่อได้อย่างไร
เขารีบเอ่ยตอบกลับไปทันทีว่า “พ่ะย่ะค่ะ ในจวนเหนียนแห่งนี้ กระหม่อมจะดูแลปกป้องยวี่เอ่อร์เป็อย่างดีแน่นอน”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอไม่สนใจเหนียนเย่า นางเหลือบมองเหนียนยวี่ และเดินออกจากลานเซียนหลานไปโดยมีจือเถาคอยประคองเดิน
ในลานเซียนหลาน เหลือเพียงเหนียนเย่าและเหนียนยวี่สองคนเท่านั้น
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองเริ่มแปลกประหลาดขึ้นมาเล็กน้อย เหนียนเย่าจ้องมองเหนียนยวี่โดยไม่หันไปทางอื่นเลย ราวกับว่ากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
ั้แ่นางกลับมาอยู่ในฐานะบุตรี ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างไม่เหมือนเดิม ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมองบุตรสาวคนนี้ตรงๆ เช่นนี้เลย และยังปล่อยให้นางถูกหนานกงเยวี่ยกดขี่ในจวน ทว่ายามนี้ บุตรีอนุที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาผู้นี้ ไม่เพียงแต่ได้จี้หยกเกล็ดั ทว่ายังมีองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ...
ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า เหนียนยวี่ลบหลู่องค์หญิงชิงเหอจนสูญเสียความโปรดปราน ทว่าจากที่เห็นวันนี้ ตรงไหนที่เรียกว่าสูญเสียความโปรดปรานกัน?
“ท่านพ่อ หากท่านมีอะไรก็พูดมาเลยเถิด” เหนียนยวี่ให้เขาจ้องมองมา นางรู้ดีว่าสายตาคู่นั้นแฝงความหมายอะไรไว้
ในสายตาของเหนียนเย่า แต่ไหนแต่ไรมาเขาสนใจเพียงแค่เกียรติยศของตระกูลเหนียนและผลประโยชน์ของตัวเขาเท่านั้น สำหรับเขาแล้ว คงไม่พ้นมองนางเป็เครื่องมือที่ดูมีความหวังเท่านั้น
เหนียนเย่าฉีกยิ้มมุมปาก “ยวี่เอ๋อร์ อีหลานอย่างไรเสียก็เป็พี่สาวเ้า...”
“ความหมายของท่านพ่อคือ เป็ยวี่เอ๋อร์ที่ทำร้ายนางหรือ?” เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว
ทันทีที่เอ่ยออกไป เหนียนเย่าพลันชะงักไปเล็กน้อย รีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น"
เื่ราวในวันนี้ เขาเองก็แจ่มแจ้ง อีหลานขังยวี่เอ๋อร์ไว้ในสวนร้อยสัตว์ ถึงแม้เื่ในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับเหนียนยวี่ และแม้ในใจเขาจะดุด่าอย่างรุนแรงเท่าใด ทว่าใบหน้าที่แสดงออกกลับไม่โทษนาง อย่างไรเสีย เหนียนยวี่ในตอนนี้ไม่เหมือนกับเหนียนยวี่ในวันก่อนอีกต่อไปแล้ว!
“ได้ยินว่า เ้ากับท่านอ๋องมู่สนิทสนมกัน ภายภาคหน้าเ้าต้องเอาใจใส่ท่านอ๋องมู่ให้มากกว่านี้เสียหน่อยเล่า” เหนียนเย่าภายในใจลอบถอนหายใจ ตอนนี้ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่เหนียนยวี่ ให้นางคว้าใจท่านอ๋องมู่ไว้ หากวันข้างหน้าได้ขึ้นเป็มู่อ๋องเฟย เช่นนั้นจวนเหนียนก็จะรุ่งโรจน์ตามไปด้วย
มู่อ๋องหรือ?
เหนียนยวี่ยกยิ้มอย่างประชดประชัน ที่แท้เพราะความคิดนี้ บิดาของนางจึงลงมือเคลื่อนไหว!
เหนียนยวี่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง สายตานางมองไปรอบๆ พลันเหลือบไปเห็นบุรุษที่ยืนอยู่ที่ประตู นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว