หนทางพันลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก…
่กลางวันหลังกลับจากขายเต้าฮวย เสิ่นม่านเอาเงินทั้งหมดที่ขายได้หลายวันนี้ออกมานับ
รวมแล้วมีมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง
เงินเหล่านี้ หากคิดจะผลิตเต้าหู้ออกสู่ตลาด ก่อนอื่นก็ต้องมีสถานที่ทำเต้าหู้ บ้านนางมีหม้อทั้งหมดสามใบ หนึ่งใบไว้ทำอาหาร ส่วนอีกสองใบไว้ทำเต้าฮวย ตอนนี้ยังไม่พอใช้ด้วยซ้ำ
คงต้องหาสถานที่เพื่อทำโรงงาน จะได้ต้มเต้าฮวยเพิ่มอีกหลายหม้อ นอกจากนี้ยังต้องสั่งอุปกรณ์สำหรับทำเต้าหู้ รวมถึงหินโม่ที่ไว้ใช้โม่ถั่วเหลือง อุปกรณ์เหล่านี้นางยังมีไม่พอ
ต้องหามาให้ครบเสียก่อน
สำหรับเื่สถานที่ ด้านหลังบ้านที่นางอยู่ตอนนี้ บังเอิญมีที่ดินรกร้างราวสามถึงสี่หมู่ [1] อีกเดี๋ยวนางจะไปลองถามผู้ใหญ่บ้านดูว่าจะมีหนทางขอซื้อบ้านกับที่ดินในคราวเดียวหรือไม่
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางมีเงินแล้ว การซื้อที่ดินไม่ต้องใช้เงินมากมายนัก
เสิ่นม่านไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อสอบถามเื่ที่ดินและบ้านที่นางเช่าอยู่ตอนนี้ ผู้ใหญ่บ้านหลี่เถี่ยโถวเองก็ทุ่มเทสุดความสามารถ ไม่นานก็สามารถติดต่อครอบครัวที่ให้นางเช่าบ้านได้
เ้าของบ้านเช่าคือตาเฒ่าวัยห้าสิบเศษ แซ่หวัง ลูกชายและสะใภ้ทำการค้าในตำบล น้อยครั้งที่จะกลับมา เขาเองก็เป็คนคุยง่าย จึงตกลงขายบ้านพร้อมที่ดินรกร้างให้แก่นาง
ทั้งหมดเป็เงินเก้าตำลึง
หลังจากจัดการเื่บ้านและที่ดินเรียบร้อย เสิ่นม่านเป็คนประเภทเน้นลงมือทำ เพิ่งจะซื้อที่ดินมาก็ให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยติดต่อช่างก่ออิฐมาช่วยรับงานก่อสร้างที่บ้าน
นางตั้งค่าจ้างไว้ที่วันละสองร้อยอีแปะ พร้อมเลี้ยงอาหารหนึ่งมื้อ
ทันทีที่ข่าวออกไป ก็คนแห่มาสมัครที่บ้านนางเยอะเสียจนธรณีประตูแทบพัง
มีเื่ดีเช่นนี้ด้วยหรือ?
ในตำบล ค่าจ้างช่างก่ออิฐที่ดีที่สุดยังแค่วันละหนึ่งร้อยอีแปะ นี่ยังไม่รวมอาหารด้วย!
เมื่อมีคนมาสมัครมากมาย เสิ่นม่านเองก็ไม่ได้โง่เขลา ช่างก่ออิฐที่นางจะรับนั้นต้องทำสัญญาเสียก่อน ข้อตกลงนั้นเรียบง่าย ไม่ี้เี ไม่เกี่ยงงาน ฝีมือใช้ได้ หากพบว่าอู้งานจะหักค่าแรงครึ่งหนึ่ง
เมื่อมีสัญญา พริบตาเดียวก็สามารถขจัดคนี้เีที่คิดจะมากินเงินค่าจ้างจากบ้านเสิ่นม่านได้สามถึงสี่คน
คัดไปคัดมา สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกหลี่ต้าหนิวกับน้องชายของเขาที่อยู่ทิศตะวันตกของหมู่บ้าน
ทั้งสองคือพี่น้องร่วมสกุลกับหลี่เถี่ยโถว ซึ่งหลี่เถี่ยโถวนั้นเสิ่นม่านรู้จักดี ส่วนหลี่ต้าหนิวกับหลี่ต้าหู่ก็ขึ้นชื่อเื่ความขยันหมั่นเพียร ยามปกติไม่ชอบพูดมาก มีนิสัยซื่อตรง คนงานเช่นนี้ เสิ่นม่านพึงพอใจอย่างยิ่ง
วันแรก เสิ่นม่านกลับจากขายเต้าฮวยและเห็นหลี่ต้าหนิวกับหลี่ต้าหู่ฉาบกำแพงอีกฝั่งหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทำงานได้คล่องแคล่วว่องไว นางพึงพอใจอย่างยิ่ง
ใน่เย็น เสิ่นม่านทำหมูชุบแป้งทอดและไก่ตุ๋นเกาลัดหนึ่งหม้อใหญ่ นอกจากนั้นยังมีข้าวโพดบดจี่ เด็กๆ กับหนิงโม่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนหลี่ต้าหนิวกับหลี่ต้าหู่ที่เพิ่งมา นี่เป็ครั้งแรกที่ได้ลิ้มชิมฝีมือของเสิ่นม่าน พวกเขาราวกับได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่!
หากอาหารที่ปรุงโดยภรรยาของพวกเขานับว่าอร่อยแล้ว เช่นนั้นทักษะการทำอาหารของเสิ่นม่านเกรงว่าคงต้องเป็ระดับเทพเซียนถึงจะมีโอกาสได้กิน!
ทั้งสองเติมข้าวถึงสามถ้วย กินจนจานอาหารสะอาดเกลี้ยง ตอนออกจากบ้านเสิ่นม่านถึงกับต้องเดินเกาะกำแพงออกมา เนื่องจากอิ่มเสียจนแทบจะเดินไม่ไหว
ทันทีที่พวกเขาออกจากบ้านก็เจอกับใครบางคน ซึ่งก็คือคังต้าจ้วงที่ขณะนี้กำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ นั่งสูบยาอยู่ข้างทาง เหมือนกำลังรอทั้งสองอยู่นานแล้ว
เมื่อเห็นทั้งสองเกาะกำแพงออกมา คังต้าจ้วงก็มองพวกเขาอย่างยากจะบรรยาย จากนั้นเอ่ยด้วยท่าทีลึกลับ
“ข้าขอเตือนพวกเ้า เลิกทำงานให้เสิ่นม่านจะดีกว่า นางคือปีศาจงูหลาม ระวังจะถูกนางกลืนกินสมอง จับพวกเ้าตรึงไว้กับพื้นแล้วจั๊กจี้ จากนั้นก็จะคร่าชีวิตพวกเ้า! เ้าดูสิ นี่เพิ่งวันแรก พวกเ้าก็อิ่มจนเดินกันไม่ไหวแล้ว...”
หลี่ต้าหนิวกับหลี่ต้าหู่ลูบท้องพลางจ้องหน้ากัน
คังต้าจ้วงผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?
กลางดึกเมื่อคืนวิ่งะโโหยหวนจนได้ยินกันไปทั่วหมู่บ้านยังไม่พอ เช้ามาก็ไล่บอกกับคนทั้งหมู่บ้านว่าเมื่อคืนเขาเห็นงูหลามตัวใหญ่อยู่ในบ้านเสิ่นม่าน
งูหลามตัวนั้นไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่ตรึงเขาไว้กับพื้นและจั๊กจี้? เื่แบบนี้ผู้ใดจะเชื่อลง?
อีกหนึ่งเื่ก็คือ พวกเขาสองพี่น้องทำงานที่บ้านเสิ่นม่านทั้งวัน ไม่เห็นจะมีงูหลามที่ว่าแต่อย่างใด หากมีงูหลามจริง เกรงว่าทั้งสองคงถูกเขมือบไปนานแล้ว
หลี่ต้าหนิวกับหลี่ต้าหู่ถือเสียว่าเขากำลังพูดไร้สาระตามประสาคนบ้า จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจและเดินจากไป
สีหน้าของคังต้าจ้วงเปลี่ยนเป็ถมึงทึง จากนั้นจ้องเงาร่างของทั้งสองด้วยความโมโหพร้อมสบถ
“ถุย! ไม่เชื่อข้าหรือ? เ้าพวกอายุน้อยด้อยปัญญา! ถึงเวลาถูกงูหลามจับไปกิน ต่อให้หาเงินมาได้แต่ก็ไม่ได้ใช้!”
“เ้าหมายถึงงูหลามอะไรหรือ?”
เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากด้านหลังประตู คังต้าจ้วงพลันสะดุ้งตัวสั่น พอหันกลับมาก็เห็นเสิ่นม่านกำลังยิ้มแย้มให้เขา
“งู ปีศาจงู... อ๊าก!” คังต้าจ้วงแผดร้องเสียงหลง จากนั้นสับขาวิ่งหนีเร็วรี่เสียยิ่งกว่าสุนัข
เสิ่นม่านเชิดหน้ามือกอดอก มองคังต้าจ้วงที่วิ่งหนีหางจุกตูดพร้ะโกนไล่หลัง
“ปีศาจงูอะไร? เ้าน่ะสิปีศาจงู! ป่วยก็รีบไปรักษา อย่าเอาแต่มาทำตัวลับๆ ล่อๆ บ้านข้า!”
เมื่อไล่คังต้าจ้วงกลับไป เสิ่นม่านผิวปากอย่างอารมณ์ดี พอหันกลับมาก็แทบชนกับใบหน้าของคนบางคน
เสิ่นม่านผงะถอยหลังมือลูบอก “ทำอะไรน่ะ? วันๆ แต่งกายราวกับโจร แล้วยังเดินไม่มีสุ้มมีเสียงอีก?”
หนิงโม่เหลือบมองนางแวบหนึ่งแล้วค่อยๆ เบนสายตาออก
“ข้าอยากถามเ้าั้แ่เช้า คังต้าจ้วงเป็ฝีมือเ้าใช่หรือไม่”
“ฝีมืออะไร?” เสิ่นม่านเลียริมฝีปากไร้ซึ่งความเกรงกลัว “ข้าว่านะพี่ชาย จะพูดอะไรก็ต้องมีหลักฐาน เมื่อคืนข้าไม่ได้ออกจากห้องด้วยซ้ำ ใครจะรู้ว่างูหลามที่เขาพูดนั้นหมายถึงสิ่งใดกันแน่? ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน!”
“ไม่เกี่ยวกับเ้าหรือ?”
ใบหน้าของหนิงโม่เป็ปกติ เพียงแค่ดวงตาฉายแววสนุกสนาน
“เมื่อคืนข้าอยู่บนหลังคาห้องครัว เห็นคังต้าจ้วงอยู่ดีๆ ก็บ้าคลั่ง ร้องะโลั่นบ้าน หากเป็ปกติเ้าคงรีบตื่นมาจับโจรแล้ว เพราะเหตุใดเมื่อคืนเ้าถึงไม่ตื่น?”
คำถามนี้ ดูเหมือนจะมีเหตุผลนะ
เสิ่นม่านหัวเราะ จากนั้นยืดอกหลังตรงตอบอย่างฉะฉาน
“เพราะเหตุใดข้าถึงไม่ตื่น? เ้ายังมีหน้ามาถามหรือ? ข้าต้องโม่ถั่วเหลืองวันละหลายสิบชั่ง แล้วยังต้องไปขายเต้าฮวยในตำบล ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ต้องตื่นมาทำงาน เหนื่อยอย่างกับสุนัข กลางคืนยังไม่ให้เข้านอนอีกหรือ? ไม่สิ… เมื่อคืนเ้าเห็นคังต้าจ้วงมาขโมยของในครัว แล้วเหตุใดจึงไม่จับเขา? หรือว่าเ้าคิดจะรอดูฉากสนุกของข้าล่ะสิ?”
เอ่อ…
การยิงคำถามรัวจากเสิ่นม่านทำเอาหนุ่มรูปงามถึงกับวางหน้าไม่ถูก หนิงโม่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างเก้ๆ กังๆ จากนั้นเอ่ยอ้ำอึ้ง
“ข-ข้าก็แค่ถามดู เหตุใดเ้าต้องร้อนรนด้วย...”
ยังไม่ทันพูดจบ เสิ่นม่านก็คว้าคอเสื้อเขาและชิงเป็ฝ่ายคาดคั้นเสียเอง
“ร้อนรนอะไร? หืม? เ้าบอกข้าสิว่า ไยต้องปล่อยคังต้าจ้วงไป? เป็เพราะเขามาวุ่นวาย ตื่นเช้ามาข้ายังต้องเก็บกวาดพื้นครัวใหม่อีกตั้งหนึ่งรอบ! ตกลงว่าเพราะอะไรกันแน่?!”
แค่กๆ
หนิงโม่ถูกคอเสื้อรัดจนไอไม่หยุด ขณะแหงนหน้าขึ้นก็เห็นพิราบสีขาวบินเข้ามาท่ามกลางความมืดและเกาะนิ่งอยู่ตรงลานบ้าน
ในที่สุดเยี่ยนชีก็ส่งข่าวมาเสียที!
-----
เชิงอรรถ
[1] หมู่ 亩 เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร
