“หิมะตกหนักเกินไป ถนนสายหลักสัญจรไม่ได้ อาจารย์บอกว่า ให้หยุดพักการเรียนไปก่อน รอให้ถึงวันที่สิบแปดเดือนหนึ่งค่อยไปเรียน”
“เดิมทีคิดว่าอาจารย์จะรอให้จบรอบสิบวันนี้ก่อนจึงค่อยหยุด ผู้ใดจะทราบว่า์ไม่เป็ใจ บันดาลให้หิมะตกหนักเร็วเพียงนี้เชียว”
“เมื่อวันก่อนที่อำเภอซั่งก็มีหิมะตกหนัก ตกเร็วกว่าอำเภอของพวกเราอีก ได้ยินว่าสำนักศึกษาชิงซงประกาศหยุดเรียนั้แ่เมื่อวานแล้ว”
“สำนักศึกษาหยุดเรียน พวกเราก็มีเวลาทำงานที่บ้าน”
จ้าวซื่อกล่าวโทษ์อยู่ในใจ ที่ทำให้หิมะตกหนักจนบุตรชายได้เรียนน้อยลงครึ่งเดือน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ที่บ้านมีบ่าวไพร่แล้ว พวกเ้าไม่ต้องทำงานแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือไปก็พอ”
หลี่เจี้ยนอันพูดขึ้นว่า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ พวกเราต้องทำงาน ให้ท่านพ่อ ท่านอา และน้องสาวได้พักผ่อน”
หลี่ซานไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้บุตรชายทั้งสี่รู้จักแต่เรียนหนังสือไม่รู้จักทำงานหนัก จึงพูดไปว่า “ข้ากับอารองของเ้าไม่เหนื่อย ส่วนน้องสาวเ้าก็ต้องพักผ่อนให้ดี หากพวกเ้ามีเวลาว่างจากการอ่านหนังสือก็ไปทำงานเถิด”
หลี่หรูอี้เห็นจ้าวซื่อขมวดคิ้ว จึงรีบพูดขึ้นว่า “พวกพี่ชายต้องทำงานแล้วก็ต้องอ่านหนังสือด้วย หากเป็เช่นนี้ก็ต้องแบ่งเวลาให้เหมาะสม จะได้สุขภาพแข็งแรง สมองปลอดโปร่ง ความคิดก็จะลื่นไหล”
หลี่อิงฮว๋ายิ้มบางๆ พูดขึ้นว่า “น้องสาว อาจารย์ของพวกเราก็กล่าวเช่นเดียวกับเ้า เขากำชับพวกเรามาว่า ให้พวกเราเรียนหนังสือในสำนักศึกษา กลับมาก็ต้องทำงานบ้านบ้าง อย่าได้เป็หนอนหนังสือที่ทำอย่างอื่นไม่เป็”
หลี่หรูอี้มีความประทับใจที่ดีต่อจางซิ่วไฉ คนเช่นนี้หากเป็ขุนนางจะต้องเป็ขุนนางใสซื่อมือสะอาดแน่นอน นางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “อาจารย์ของพวกท่านมีความรู้มาก เข้าใจจิตใจคน ไม่ว่าอะไรก็ดี น่าเสียดายที่นิ้วขาดไปครึ่งนิ้ว…”
จ้าวซื่อกล่าวเสียงแ่ “มนุษย์เราเก้าในสิบล้วนไม่สมปรารถนา”
หลี่ฝูคังกล่าวขึ้นบ้าง “ใช่แล้ว อาจารย์ก็เคยกล่าวเช่นนี้”
หลี่อิงฮว๋าส่ายหน้า จะคิดให้มากมายเพียงนั้นทำไมกัน “ข้าจะไปอุ้มน้อง” จากนั้นก็เดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ หลี่ิ่หานก็ตามไปด้วย
เด็กทารกทั้งสองนอนกลางวันมาก เมื่อพวกเขาหลับ ผู้ใหญ่ก็มีงานน้อยลง
นางจางต้องตื่นกลางดึกสองสามรอบจึงนอนไม่พอ นางถือโอกาสนี้นั่งพิงหัวเตียงตาปรือ เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็ลืมตาขึ้น พบว่าคุณชายสามและคุณชายสี่เข้ามา จึงรีบลุกขึ้นยืนกล่าวทักทาย
“นั่งไปเถิด พวกเราจะมาดูน้องชาย ประเดี๋ยวก็ไปแล้ว”
“พวกเราไม่ได้เื่มากเพียงนั้น”
นางจางมองดูคุณชายสามและคุณชายสี่เดินจากไป คิดในใจว่าคุณชายทั้งสองมีจิตใจดีงามนัก ครอบครัวพวกนางได้เจอเ้านายเช่นบ้านหลี่นับว่าเป็วาสนาที่สั่งสมมาหลายชาติแล้ว
ตอนหิมะตกยังไม่หนาว แต่ยามที่หิมะละลายอากาศจะหนาวเย็น เมื่อหิมะที่ทับถมหนาเช่นนี้เกิดละลายขึ้นมาก็ทำให้อุณหภูมิในอากาศลดลง โอ่งเก่าๆ ที่เอาไว้เก็บของเบ็ดเตล็ดซึ่งอยู่ในลานด้านหลังของบ้านหลี่ก็แข็งจนแตก
อากาศหนาวเพียงนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนเลย กระทั่งสัตว์ก็ยังไม่อยากเคลื่อนไหว เจาไฉและจิ้นเป่าเป็หมาฉลาด พวกมันอยู่ในห้องที่เป็ต้นทางของเตียงเตา
ยามปกติสตรีในหมู่บ้านจะยุ่งอยู่กับการขายเต้าหู้จึงไม่มีเวลาแวะมา หลายวันมานี้ไม่ต้องขายเต้าหู้แล้ว แต่ละคนก็นำของขวัญมาที่บ้านหลี่โดยไม่กลัวความหนาว พูดคุยกับจ้าวซื่อ กุมมือไปมา แสดงความขอบคุณที่บ้านหลี่ช่วยเหลือพวกนาง
“ต้องขอบคุณวาสนาของครอบครัวพวกเ้าแล้ว สามีข้าได้ก่อเตียงเตา ข้ากับบุตรชายสองคนได้ไปขายเต้าหู้ หาเงินได้ทุกคน ปีนี้เป็ปีที่ดี”
“ครอบครัวเ้าจิตใจดี ได้ดีแล้วยังไม่ลืมญาติมิตร”
“เนื้อหมูนี้อาจไม่มีราคาเท่าใดนัก พวกเ้าเอาไปกินเถิด”
เนื้อหมูหนึ่งชิ้น ไข่ไก่อีกหลายชั่ง แป้งขาวอีกหลายชั่ง น้ำมันงาอีกหนึ่งชั่ง และของอื่นๆ ไม่ว่าของขวัญอะไรล้วนมีทั้งสิ้น นี่เป็สินน้ำใจของคนในหมู่บ้าน
เฟิงซื่อก็มามอบของขวัญให้บ้านหลี่เช่นกัน ของขวัญย่อมดีกว่าผู้อื่น เป็เนื้อแพะยี่สิบชั่งและซี่โครงแพะสิบชั่ง
คนร่ำรวยในแคว้นต้าโจวจะกินเนื้อแพะมากกว่ากินเนื้อหมู ซึ่งเนื้อแพะก็แพงกว่าเนื้อหมู
สองสามีภรรยาหวังไห่อาศัยบ้านหลี่ทำให้หาเงินได้มากมาย ในหมู่บ้านนี้นอกจากบ้านหลี่แล้วก็มีบ้านของเขาที่นับว่ามีเงิน นอกจากนี้หวังไห่ยังอาศัยการก่อเตียงเตาทำให้รู้จักคนมากมาย
ใบหน้าของเฟิงซื่อประดับไปด้วยรอยยิ้ม “คราวที่แล้วข้าได้ยินหรูอี้บอกว่า เนื้อแพะจะช่วยให้มีน้ำนม พอดีข้าไปเยี่ยมพี่เขยที่อำเภอจึงถือโอกาสซื้อเนื้อแพะกลับมาด้วย ให้พวกเ้าครึ่งหนึ่ง เ้าก็กินให้มากจะได้มีน้ำนมมาก จะได้พอให้หลานตัวน้อยกิน”
จ้าวซื่ออุ้มบุตรชายคนที่หกมาหาเฟิงซื่อ กล่าวกับทารกน้อยว่า “มา ยิ้มให้น้าเฟิงหน่อย”
“เขาเด็กขนาดนี้จะฟังออกที่ไหนกัน” เฟิงซื่อเพิ่งกล่าวจบก็เห็นทารกน้อยยิ้มที่มุมปาก ใบหน้านุ่มนิ่ม ดวงตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสา น่ารักเป็อย่างยิ่ง “อ่า... เขาฟังออกจริงๆ ฉลาดเกินไปแล้ว”
“ใช่ พวกเขาพี่น้องฉลาดเหมือนหรูอี้” ยามที่จ้าวซื่อกล่าวถึงบุตรสาว น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หวังเยี่ยนที่นั่งอยู่ด้านข้างยืดตัวขึ้น ผายมือทั้งสองออก “ท่านป้า ให้ข้าอุ้มน้องชายบ้างเถิด”
จ้าวซื่อส่งบุตรชายคนที่เจ็ดให้หวังเยี่ยน มองสำรวจหวังเยี่ยนอยู่พักหนึ่ง วันนี้แม่นางน้อยทาแป้งเล็กน้อย ทั้งยังทาสีชาดนิดหน่อย แม้จะดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก แต่รูปโฉมยังนับว่าธรรมดา หากจับคู่กับบุตรชายคนโตยังนับว่าต่างกันเกินไป ทว่าทันใดนั้นนางก็เห็นมือทั้งสองของหวังเยี่ยนที่เต็มไปด้วยรอยด้าน ในใจจึงคิดว่าให้นางสมดุลแล้ว ในฐานะที่เป็สะใภ้คนโตของบ้านหลี่ คุณธรรมต้องมาเป็อันดับหนึ่ง จะมีรูปโฉมธรรมดาก็ไม่เป็อะไร
วันต่อมาสองแม่ลูกเฟิงซื่อก็มาอีกครั้ง หวังเยี่ยนเปิดห่อสัมภาระเล็กๆ หยิบเสื้อผ้าเด็กสองตัวที่ทำจากผ้าฝ้ายสีแดงปักลายมงคลออกมา ใช้มือทั้งสองหยิบยื่นให้จ้าวซื่อแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านป้า นี่เป็เสื้อผ้าฤดูหนาวที่ข้าทำให้น้องชายเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อยิ้มทั้งใบหน้าและดวงตา หยิบเสื้อผ้าเ่าั้ขึ้นมาดูแล้วกล่าวชมเชย “เยี่ยนเอ๋อร์ฝีมือดีจริงๆ ใช้สีแดงเช่นนี้ดูแล้วให้ความรู้สึกเป็มงคลทั้งยังไม่เปื้อนง่ายด้วย”
หลี่หรูอี้หยิบเสื้อผ้าชุดนั้นขึ้นมาดูบ้าง เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าบนร่างของทารกน้อย จะพบว่าดูหรูหรากว่ามาก นางกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชมว่า “พี่เยี่ยนฝีมือดีกว่าข้ามากนัก มือทั้งสองของข้าใช้การไม่ได้เลย ไม่อาจปักผ้าได้ดี”
หวังเยี่ยนได้รับคำชมก็รู้สึกยินดียิ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เ้าทำอาหารแปลกใหม่ได้มากเพียงนั้นแล้ว นำออกไปขายก็หาเงินได้มากเพียงนั้น ยังจะนับว่ามือใช้การไม่ได้อีกหรือ”
จ้าวซื่อยื่นมือออกไปลูบศีรษะบุตรสาวของตนแล้วพูดกับเฟิงซื่อว่า “ฝีมือทำครัวของข้าไม่ดี คนของข้าบอกว่า ฝีมือทำครัวของหรูอี้ได้มาจากย่าของนาง”
“ฝีมือทำครัวของเ้าดีกว่าข้ามาก ตาแก่หน้าตายของบ้านข้ามักจะพูดว่า ข้าทำอาหารหมู เขาไม่คิดบ้างว่าอาหารหมูเอาไปให้หมูกิน แสดงว่าเขาบอกว่าตนเองเป็หมู” ในขณะที่เฟิงซื่อกล่าวถึงหวังไห่น้ำเสียงก็เจือไปด้วยความอ่อนโยน หลังจากแยกบ้านแล้วความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองสามีภรรยาก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ต่อมายังได้พึ่งพาวาสนาของจ้าวซื่อ ได้งานรับซื้อไข่ไก่และแป้งขาว ได้งานก่อเตียงเตา ได้งานขายเต้าหู้ ทำให้หาเงินได้มากมาย ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกระหว่างพวกเขาก็ดีขึ้นด้วย
จ้าวซื่อกล่าวกับหลี่หรูอี้ว่า “น้าของเ้าชอบกินหมูสามชั้น พี่เยี่ยนของเ้าชอบกินหมูนึ่งแป้ง”
เมื่อจ้าวซื่อหมด่อยู่เดือนแล้วก็คอยดูแลงานในบ้าน นอกจากงานครัว งานอื่นๆ ก็ให้นางจางเป็คนจัดการดูแลทั้งหมด ตอนนี้หลี่หรูอี้รับผิดชอบงานครัวและการค้า เื่อื่นไม่ได้ดูแลแล้ว
วันที่สาม สองแม่ลูกเฟิงซื่อเกรงใจจึงไม่ได้มาหาอีก แต่หลี่ซานและจ้าวซื่อเข้าใจดี จึงถือโอกาสที่หลายวันนี้ไม่ต้องทำเต้าหู้ขายไปหาแม่สื่อ เพื่อพูดคุยเื่แต่งงานกับครอบครัวหวังไห่
หวังไห่ไม่อยู่บ้าน แต่เฟิงซื่อเคยหารือกับเขาไว้นานแล้ว จึงตกลงด้วยความยินดียิ่ง
สองครอบครัวแลกเปลี่ยนวันเกิดกัน บ้านหลี่มอบสินสอด จากนั้นก็ไปทำบันทึกที่ตำบล การแต่งงานนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว
่ต้นเดือนสิบสอง หลี่เจี้ยนอันบุตรชายคนโตของบ้านหลี่ก็ได้หมั้นหมายกับหวังเยี่ยนบุตรสาวของหวังไห่ บ้านหลี่และตระกูลหวังจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
หิมะหนาเริ่มละลาย ถนนหนทางเพิ่งจะสัญจรได้วันเดียวหิมะก็ตกลงมาอีกครั้ง
คราวนี้หิมะตกไม่มาก ทว่าหนึ่งชั่วยามผ่านไปก็กลายเป็ตกหนักอีก ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยปุยหิมะสีขาว เพียงไม่นานทั่วทั้งจวนเจียงก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
ทันใดนั้นชายชราผู้หนึ่งก็ส่งเสียงร้องดังลั่นห้องด้วยความเ็ป ทำลายความสงบของจวนเจียงจนสิ้น
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้