เพราะการมาของหลิวเสี่ยวหว่าน หมี่หลันเยว่และเฉียนหย่งจิ้นจึงไม่ได้ออกไปข้างนอกในเช้าวันนี้ พวกเขาพาเธอไปพบกับแม่เจิ้งก่อน
"พี่เสี่ยวหว่าน นี่คือคุณแม่ของอาจารย์เจิ้ง คุณป้าเจิ้งค่ะ"
พอเห็นหมี่หลันเยว่พาเด็กสาวหน้าตาน่ารักสดใสมาด้วย แม่ของเจิ้งก็ถูกชะตาเข้าอย่างจัง เธอจับมือไว้แน่นแล้วมองซ้ายขวาไม่วางตา ดูยังไงก็ไม่มีเบื่อ คนเรานี่ช่างน่าแปลกจริงๆ บางคนรอบตัวมีแต่คนหน้าตาดี รอบตัวหลันเยว่ไม่มีใครหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่สักคน ไม่ว่าชายหรือหญิง ล้วนดูดีน่ามอง ชายก็หล่อเหลา หญิงก็งดงาม จนละสายตาไม่ได้
เมื่อแม่เจิ้งได้ยินว่าสาวน้อยคนนี้เป็ถึงผู้จัดการโรงงานเสื้อผ้าที่บ้านเกิดของหมี่หลันเยว่ แถมยังดูแลคนงานกว่าร้อยชีวิต ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ฟังหลันเยว่แนะนำจบก็เริ่มเอ่ยปากชมหลิวเสี่ยวหว่านยกใหญ่ จนหลิวเสี่ยวหว่านหน้าแดง
"โอ้โห เสี่ยวหว่าน เธอเก่งจริงๆ อายุแค่นี้ก็บริหารโรงงานใหญ่ขนาดนั้นได้แล้ว ป้าล่ะเปิดหูเปิดตาจริงๆ คลื่นลูกใหม่ไล่คลื่นลูกเก่า ป้าไม่ยอมแก่ก็ไม่ได้แล้ว อนาคตของประเทศชาติอยู่ที่พวกเธอแล้วล่ะ"
"คุณป้าเจิ้งอย่าชมหนูเกินไปเลยค่ะ หลันเยว่ต่างหากที่เก่ง แถมยังมีหย่งจิ้นกับคนอื่นๆ แต่ละคนก็เก่งทั้งนั้น ส่วนหนูทำได้แค่เฝ้าโรงงาน ถ้าให้ทำอะไรมากกว่านี้คงไม่ไหว เทียบกับพวกน้องๆ แล้วหนูยังด้อยกว่าอีกเยอะ"
เมื่อเห็นหลิวเสี่ยวหว่านส่ายหน้าปฏิเสธว่าตัวเองยังไม่เก่งพอ แม่เจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาจากใจจริง
"จริงด้วย หลันเยว่ ลูกน้องของเธออายุยังน้อยกันทุกคนเลยเหรอเนี่ย ผู้จัดการโรงงานคุมคนเป็ร้อยยังเป็แค่สาวน้อยอายุยี่สิบกว่าๆ เอง"
"คุณป้า หนูอายุยี่สิบสองแล้วนะคะ แก่กว่าพวกน้องๆ เยอะเลย หนูเป็น้าของหย่งจิ้นค่ะ"
เมื่อได้ยินคุณป้าบอกว่าตัวเองอายุยี่สิบกว่า หลิวเสี่ยวหว่านก็รีบแก้
"แต่ลูกน้องของหลันเยว่ที่ดูแลงาน นอกจากคนงานแล้ว หนูคงจะอายุมากที่สุดจริงๆ ค่ะ"
แม่เจิ้งถึงกับอึ้งไปอีกรอบ
"อ้าว ที่แท้ก็เป็น้าของหย่งจิ้น เป็น้าแท้ๆ เลยเหรอ?"
หลิวเสี่ยวหว่านรีบพยักหน้ายืนยันว่าเป็น้าแท้ๆ
"พอหนูพูดอย่างนี้ ป้าว่าหนูกับหย่งจิ้นก็หน้าตาคล้ายกันจริงๆ ด้วย เสี่ยวหว่านเอ๊ย หลานชายของหนูคนนี้เป็คนเก่งกาจจริงๆ หน้าตาก็ดี ปากก็หวาน ทำงานก็ไว้ใจได้ คราวนี้หลันเยว่ตกแต่งร้าน ป้าไปดูมาหลายครั้ง งานที่ทำออกมาดีมากๆ ช่างยังแอบชมเขาให้ป้าฟังตั้งหลายหน"
ไม่คาดคิดว่าประโยคของแม่เจิ้งจะวกกลับมาชื่นชมตัวเองอีกครั้ง เฉียนหย่งจิ้นต่อให้หน้าหนาแค่ไหนก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี
"มาๆ เดี๋ยวฉันรินน้ำสมุนไพรเย็นๆ ให้พวกเธอดื่มกัน เรามานั่งลงคุยกันดีกว่า"
แม่เจิ้งถึงเพิ่งสังเกตว่าตัวเองยืนจับมือคุยกับสาวน้อยมาตั้งนาน
"เชิญนั่งๆ ดูสิ ป้ามัวแต่ตื่นเต้นที่เจอสาวสวยจนลืมเชิญให้นั่งเลย"
หมี่หลันเยว่และหลิวเสี่ยวหว่านหัวเราะขำกับท่าทางของแม่เจิ้ง
"คุณป้า ผู้ชายถึงจะตาลายเวลาเจอสาวสวยนะคะ คุณป้าตาลายอะไรกันล่ะคะเนี่ย?"
หมี่หลันเยว่หยอกเย้า แม่เจิ้งทำปากยื่นแล้วพูดว่า
"รักสวยรักงามเป็เื่ธรรมดา ป้าก็อยากจะมองอะไรสวยๆ งามๆ นานๆ หน่อยนี่นา ยิ่งเป็สาวงามด้วยแล้ว"
เมื่อได้ยินหมี่หลันเยว่กับคุณป้าคุยกันไปกันใหญ่ หลิวเสี่ยวหว่านก็รีบหยิบของฝากจากบ้านเกิดออกมาจากกระเป๋า
"คุณป้า นี่คือข้าวเหนียวเคี่ยวน้ำตาล [1] จากบ้านหนูค่ะ คุณป้าลองชิมดูสิ จริงๆ แล้วบ้านหนูยังมีของดีขึ้นชื่ออีกอย่าง คือ ไส้กรอกไข่ [2] แต่ว่าอากาศมันร้อนเกินไป เอามาไม่ได้ค่ะ"
"แค่นี้ก็ดีแล้ว แค่นี้ก็ดีแล้วจริงๆ"
แม่เจิ้งหยิบข้าวเหนียวเข้าปาก
"อร่อย นุ่มลิ้น ไม่หวานมาก แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่พิเศษมากๆ ป้าชอบ"
"ถ้าคุณป้าชอบก็ทานเยอะๆ นะคะ แต่ว่าวันหนึ่งก็อย่าทานเยอะเกินไป ยังไงก็เป็ของหวาน ทานมากไปจะไม่ดีต่อกระเพาะอาหารค่ะ"
หลิวเสี่ยวหว่านเตือนด้วยความเป็ห่วง แม่เจิ้งพยักหน้ายิ้ม เธอเอ็นดูสาวน้อยคนนี้จริงๆ
"รู้แล้วๆ สาวน้อยอายุยังไม่เท่าไหร่ แต่ช่างละเอียดลออจริงๆ พวกเธอกลับไปคุยกันเถอะ ป้ารู้ว่าพวกเธอคงมีเื่ต้องคุยกัน ป้าจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย ตอนเที่ยงป้าจะให้ครัวทำอาหารอร่อยๆ ต้อนรับเสี่ยวหว่าน พวกเธอคุยงานเสร็จแล้วค่อยมานั่งคุยกับป้า"
แม่เจิ้งเข้าใจและไล่ทั้งสามคนกลับไปคุยธุระกัน ทั้งสามคนจึงกลับมาที่ห้องของหลันเยว่
"พี่เสี่ยวหว่าน ไปแช่น้ำให้สบายตัวก่อนเถอะ เมื่อกี้แค่ล้างหน้าคงยังไม่หายเหนื่อย เื่งานค่อยคุยกันทีหลังก็ได้"
หลิวเสี่ยวหว่าน้าสิ่งนี้พอดี เธอรีบไปแช่น้ำในห้องน้ำทันที เฉียนหย่งจิ้นยังคงอยู่ในห้องของหมี่หลันเยว่ เพื่อคุยเื่ที่ทั้งสองคุยค้างไว้ พอหลิวเสี่ยวหว่านอาบน้ำเสร็จ ทั้งสองคนถึงได้คุยเื่การประชาสัมพันธ์จบ
"พี่เสี่ยวหว่าน มานั่งตรงนี้สิ ว่าแต่พี่มาได้ยังไงเนี่ย เมื่อก่อนตอนที่ฉันโทรศัพท์กลับไปบ้าน ฉันยังบอกหลันซิงอยู่เลยว่า ถ้าพี่มาปักกิ่งได้ก็คงดี แต่พี่ก็มาจริงๆ ฉันแปลกใจมากเลยนะ"
หมี่หลันเยว่จับมือหลิวเสี่ยวหว่าน พาเธอไปนั่งข้างเตียง
เมื่อพูดถึงเื่ที่ตัวเองได้มาปักกิ่ง หลิวเสี่ยวหว่านก็ตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง
"เื่มันเป็อย่างนี้ หลันซิงรับโทรศัพท์ของเธอ เขาบอกว่าเธอกังวลว่าฉันจะไม่สะดวกออกจากซวงเฉิง แถมทางบ้านก็อาจจะไม่สบายใจที่ฉันมาที่ไกลๆ แบบนี้คนเดียว เลยไม่ได้พูดเื่นี้กับฉัน"
"แต่หลันซิงก็ให้คำแนะนำฉัน เขาบอกว่าตอนนี้พี่อายุยังไม่มาก การได้มีโอกาสออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอกเป็เื่ยาก หวังว่าฉันจะคว้าโอกาสนี้ไว้ ให้โอกาสตัวเองได้เลือก ฉันเองก็อยากจะมาลองเสี่ยงโชคที่ปักกิ่งดู ก็เลยหว่านล้อมให้ทางบ้านอนุญาตให้มาปักกิ่ง"
แม้ว่าหลิวเสี่ยวหว่านจะพูดอย่างสบายๆ แต่หมี่หลันเยว่ก็รู้ว่าเธอคงต้องฝ่าฟันแรงกดดันจากทางบ้านมาแน่ๆ ในยุคนี้โดยทั่วไปแล้วทางบ้านยังไม่ค่อยสนับสนุนให้ลูกหลานออกมาผจญภัยในโลกกว้าง ยกเว้นแต่จะสอบเข้าเรียนได้ เธอเข้าใจความคิดของพ่อแม่ในยุคนี้ดี
"ผมว่าน้าต้องหว่านล้อมคุณยายมาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นน้าคงไม่มีโอกาสมาปักกิ่ง คุณตาเป็คนหัวโบราณคงไม่ยอมให้น้าออกมาแน่ๆ ตอนที่น้ามาทำงานในเมือง คุณตายังขัดขวางสารพัด ถ้าไม่ได้คุณยายช่วยพูด น้าคงไม่ได้เข้าโรงงานด้วยซ้ำ"
ยังไม่ทันที่หมี่หลันเยว่จะได้พูดอะไร เฉียนหย่งจิ้นก็พูดออกมาก่อน เพราะเขารู้สถานการณ์ที่บ้านตัวเองดีที่สุด แต่หลิวเสี่ยวหว่านกลับส่ายหน้า
"คราวนี้คิดผิดแล้ว ที่ฉันมาปักกิ่งได้ ทางบ้านสนับสนุนมากเลย"
"จริงเหรอ? ผมไม่เชื่อหรอก"
เฉียนหย่งจิ้นรู้ดีว่าคุณตาเป็คนหัวโบราณแค่ไหน จึงไม่ค่อยเชื่อคำพูดของน้าสาว ยืนยันว่าการที่น้าสาวได้มาปักกิ่งนั้นไม่ใช่เื่ง่าย
"คราวนี้ฉันพูดจริงๆ ฉันบอกทางบ้านว่าหลันเยว่จะมาเปิดโรงงานใหม่ที่นี่ ฉันอยากจะมาลองเสี่ยงโชคที่ปักกิ่ง ทางบ้านก็เห็นด้วยทันที พวกเขาบอกว่าทำตามหลันเยว่ไม่มีผิดพลาดแน่นอน ในเมื่อเป็ธุรกิจของหลันเยว่ พวกเขาก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่"
คำพูดนี้ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ใครจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าที่นี่จะต้องไปได้ดีอย่างแน่นอน ที่นี่คือปักกิ่ง ไม่ใช่เมืองเล็กๆ อย่างซวงเฉิง ตอนนี้เธอแค่ได้เปรียบเพราะอยู่ในยุคที่ยังไม่ทันสมัยเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าพูดว่าตัวเองมั่นใจว่าจะทำธุรกิจที่ปักกิ่งให้ดีได้
"คุณตาก็ยอมให้น้ามาด้วยเหรอ?"
เฉียนหย่งจิ้นยังคงรู้สึกว่าเื่นี้เหลือเชื่อ คราวนี้หลิวเสี่ยวหว่านถึงทีที่จะได้ภูมิใจบ้าง
"แน่นอนสิ คุณตาให้การสนับสนุนมากที่สุดเลย"
"คุณตาบอกว่าตอนที่ฉันมาทำงานที่โรงงานครั้งแรก เขาขัดขวางก็เพราะว่าไม่มั่นใจในการทำธุรกิจส่วนตัว หวังว่าฉันจะเข้าทำงานในโรงงานของรัฐ แต่ผลสุดท้ายก็พิสูจน์แล้วว่าเขาตัดสินใจผิด โรงงานของเรามีสวัสดิการดีกว่าโรงงานของรัฐมาก คุณตาก็ยอมรับการตัดสินใจของฉัน"
"โดยเฉพาะหลังจากที่เสื้อผ้าของเราขายส่งไปทั่วเฮยหลงเจียง กลายเป็บริษัทดาวเด่นของทั้งมณฑล ท่านก็ชื่นชมหลันเยว่มาก ตอนนี้เวลาที่ท่านพูดถึงหลันเยว่ ก็มีแต่คำชม แถมยังรู้สึกภูมิใจที่ฉันได้ทำงานในโรงงานของหลันเยว่อีกด้วย"
หมี่หลันเยว่ดีใจมากที่คนแก่คนเฒ่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนี้ เมื่อได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านแล้ว เธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก หมี่หลันเยว่กลัวที่สุดคือการที่ทางบ้านคอยดึงขา ทำให้ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
"แล้วพี่มาที่นี่ แล้วโรงงานที่โน่นใครดูแลล่ะ?"
หมี่หลันเยว่เป็ห่วงทางบ้านอยู่บ้าง ที่เธอเอาคนสำคัญๆ มาหมด แล้วทางบ้านจะเริ่มใช้คนใหม่หมด แบบนี้ก็เป็ปัญหาใหญ่
"พี่ซุนเฉี่ยวจิ้งดูแลน่ะ ่หลายปีมานี้ฉันก็ให้เขาเป็ผู้ช่วยอยู่แล้ว ปกติก็ทำงานด้วยกันมาตลอด ฉันว่าพี่ซุนน่าจะรับตำแหน่งของฉันได้ไม่มีปัญหา"
หลิวเสี่ยวหว่านเตรียมคนไว้แล้ว พี่ซุนทำงานได้ดีมาหลายปี น่าจะไม่พลาด
"ก็ดีแล้ว ถ้าพี่มั่นใจก็โอเคค่ะ ที่นี่กำลังจะสร้างโรงงานแล้ว ซื้อที่ดินไว้แล้ว กำลังสร้างบ้าน แต่ตอนนี้มีปัญหาใหญ่อยู่เื่หนึ่งคือเื่คนงาน ตอนนี้พี่หลันหยางกำลังยุ่งเื่นี้อยู่ แต่เขาไม่ค่อยถนัดเื่การเลือกคนงาน ตอนนี้พี่เสี่ยวหว่านมาถึงพอดีเลย"
แม้ว่าหมี่หลันหยางจะมีความคิดเห็นดีๆ ในการคัดเลือกคน แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า ดังนั้นในการคัดเลือกอย่างมืออาชีพ เขาจึงค่อนข้างลำบาก การปรากฏตัวของหลิวเสี่ยวหว่านจึงทันเวลาจริงๆ และผลงานหลังจากนั้นก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความคาดหวังของหมี่หลันเยว่นั้นถูกต้องแล้ว
ในคืนนั้นทุกคนได้พบกัน ในวันรุ่งขึ้นหลิวเสี่ยวหว่านก็ไปคัดเลือกคนงานกับหมี่หลันหยางและเจิ้งซวี่เหยา ประสิทธิภาพในการทำงานของเธอทำให้หมี่หลันหยางและเจิ้งซวี่เหยาถึงกับอาย วันรุ่งขึ้นเธอก็จัดการคนงานได้ถึงสามสิบกว่าคน ซึ่งเกือบจะเพียงพอต่อการสนับสนุนโรงงานในระยะแรกแล้ว
"บอกพวกเราหน่อยสิครับ น้าครับน้าทำได้ยังไง หลันหยางกับอาจารย์เจิ้งวิ่งวุ่นมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผลเป็รูปเป็ร่าง ไม่มีคนที่เหมาะสม แถมยังไม่มีคนจำนวนมากพอให้พวกเขาเลือกด้วย น้าทำยังไงถึงได้คนเยอะขนาดนี้ได้ครับ?"
เฉียนหย่งจิ้นอยากรู้ให้ได้ว่าน้าสาวที่หาคนได้มากขนาดนี้ทำได้อย่างไร การรับสมัครคนงานเป็เื่ที่ทุกคนกังวลที่สุด ไม่คิดว่าน้าสาวมาถึงงานก็ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ราวกับความเร็วเหนือธรรมชาติ
เชิงอรรถ
[1] ข้าวเหนียวเคี่ยวน้ำตาล (米饴糖) เป็ขนมท้องถิ่นชนิดหนึ่งของจีน ทำจากข้าวหรือข้าวเหนียวที่นำไปเคี่ยวรวมกับน้ำตาลจนกลายเป็เนื้อเหนียวหนึบ สีทองหรือน้ำตาลอ่อน มีรสหวาน กลิ่นหอมข้าว อาจถูกขึ้นรูปเป็แท่ง เป็ก้อน หรือแผ่นบางๆ
[2] ไส้กรอกไข่ (千子) เป็ของว่างพื้นเมืองชื่อดังของมณฑลเหอเป่ย ทำจากหมูบด ไข่ไก่ และแป้งสาลี แล้วนำไปทอดอย่างประณีต คล้ายไส้กรอก ห่อด้วยแผ่นไข่เจียว
