ในระหว่างที่กำลังรอสาวใช้ไปเชิญเถ้าแก่เ้าของร้านมาที่นี่ มู่เฟิงก็เดินชมสินค้าที่วางขายอยู่บนชั้นวางสินค้าในบริเวณชั้นหนึ่งไปพลางๆ ซึ่งสินค้าที่วางขายในชั้นหนึ่งนี้ก็คือพวกพืชสมุนไพร มู่เฟิงนั้น้าที่จะหาซื้อหญ้ากระดูกเสือเพื่อนำไปใช้ในการฝึกวิชาดรรชนีทองคำตัดสะบั้นพอดี
“เ้าช่วยนำหญ้ากระดูกเสือเ่าั้มาให้ข้าหน่อย”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปยังมุมหนึ่งของชั้นวางสินค้าก่อนจะกล่าวขึ้น
สตรีในชุดคลุมสีเหลืองที่เป็ผู้ช่วยของทางร้านรีบเดินไปหยิบมันในทันที ภายในกล่องไม้บรรจุพืชสมุนไพรสีเหลืองเอาไว้สามต้น ซึ่งมันก็คือหญ้ากระดูกเสือ
ในเวลาเดียวกันนั้น ได้ปรากฏกลุ่มคนจำนวนสามคนเดินเข้ามาภายในร้าน หนึ่งในนั้นเป็เด็กหนุ่มอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “ข้า้าหญ้ากระดูกเสือจำนวนสามต้น”
“ต้องขออภัยคุณชายหวังด้วยนะเ้าคะ ทางเราได้ขายหญ้ากระดูกเสือให้กับคุณชายท่านนี้แล้วเ้าค่ะ”
เมื่อผู้ช่วยหญิงเห็นเด็กหนุ่มผู้นั้นเดินเข้ามา นางก็แสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายในทันที ก่อนจะรีบกล่าวขออภัย
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินดังนั้น เขาก็พลันเหลือบสายตามองมาทางมู่เฟิง ก่อนพบว่าอีกฝ่ายกำลังถือกล่องไม้เอาไว้ในมือ และกล่องไม้กล่องนั้นต้องเป็หญ้ากระดูกเสืออย่างแน่นอน
เด็กหนุ่มเดินเข้ามาหามู่เฟิง ก่อนจะตบลงบนไหล่ของเขา แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “เ้าหนุ่ม สำหรับหญ้ากระดูกเสือของเ้านี้ข้าจะจ่ายเงินเพิ่มให้ ข้า้ามัน”
มู่เฟิงเหลือบมองอีกฝ่าย เขารู้สึกว่ารูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีขาวผู้นี้ช่างไม่น่ามองยิ่งนัก ดวงตาเรียวเล็ก ทั้งยังจมูกย่นดูน่าเกลียด สามารถกล่าวได้ว่าอัปลักษณ์เลยทีเดียว ทว่าเขากลับมีความเย่อหยิ่งเปี่ยมล้นอยู่ในแววตา
หลังจากมู่เฟิงเหลือบมองอีกฝ่าย เขาก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอโทษด้วย ข้าเองก็้าใช้มันเช่นกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าขุ่นเคืองออกมาทันที “เฮ้ย เ้าโง่หรืออย่างไร ไม่รู้รึว่าข้าคือใคร?”
“ข้าต้องสนใจด้วยรึว่าเ้าคือใคร ข้าซื้อขายก่อนย่อมต้องได้รับของก่อนเป็ธรรมดา”
มู่เฟิงกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าอีกฝ่าย
“คุณชายท่านนี้ ข้าคิดว่าท่านควรมอบของให้คุณชายหวังดีกว่านะเ้าคะ เขาคือคุณชายรองจากตระกูลหวัง...”
หญิงผู้ช่วยพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงแ่เบา “หญ้ากระดูกเสือนี้จะเข้ามาวางขายในร้านทุกครึ่งเดือน หากว่าคุณชาย้า ทางเราสามารถเก็บไว้ให้คุณชายได้เ้าค่ะ”
หลังได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็แสยะยิ้มออกมาทันที ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “อะไรกัน ร้านว่านเป่าของพวกเ้าซื้อขายกันอย่างไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้น่ะหรือ? ตระกูลหวัง ข้าไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลนี้มาก่อน ส่วนหญ้ากระดูกเสือเหล่านี้ ข้า้ามันตอนนี้”
มู่เฟิงไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ
“เฮ้ เ้าหนุ่ม เ้าคงไม่เข้าใจอะไรเลยสินะ”
เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีขาวเดือดดาล เขายื่นมือออกมาหมายจะคว้าคอเสื้อของมู่เฟิง ทว่ามู่เฟิงกลับคว้ามือของอีกฝ่ายไว้และบิดมันอย่างแรง
“โอ๊ย เจ็บๆ ๆ ปล่อยนะ ปล่อยเหล่าจือ*นะ”
(*คำเรียกตัวเองเวลายกตนเหนือคนอื่น)
มือของเด็กหนุ่มผู้นั้นถูกมู่เฟิงบิดอย่างแรง จนเขาต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเ็ป
บ่าวรับใช้ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังรีบก้าวออกมาในทันที แต่ขณะที่พวกเขากำลังจะจู่โจมมู่เฟิง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะะโเสียงดังว่า “หยุดมือ!”
เสียงนี้ดังสั่นะเืเข้าไปถึงในแก้วหูของทุกคน ทำให้เกิดความมึนงงขึ้นชั่วขณะ ด้านมู่เฟิงนั้นก็รีบปล่อยมือออกในทันที ส่วนบ่าวรับใช้สองคนต่างยืนนิ่งโดยไม่ขยับตัว
ผู้มาใหม่คือชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงิน ชายผู้นี้มีท่าทางภูมิฐานและดูสง่าอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาทอประกายแวววับ ดูจากจุดไท่หยางของเขาแล้ว* เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้ฝึกยุทธ์ อีกทั้งยังเป็ยอดฝีมือผู้หนึ่งด้วย
(*ตำแหน่งบริเวณขมับ กึ่งกลางระหว่างคิ้วกับหางตา)
“เถ้าแก่หลี่!”
หญิงผู้ช่วยแสดงสีหน้าโล่งอกออกมาในทันที ก่อนจะรีบทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
เมื่อเถ้าแก่หลี่ปรากฏตัวขึ้น เขาก็กำหมัดคำนับทั้งสองฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ต้องขออภัยทุกท่านด้วย แต่ห้ามต่อสู้กันภายในร้านของข้า”
“เถ้าแก่หลี่ ท่านมาได้ทันเวลาพอดี ข้า้าจะซื้อหญ้ากระดูกเสือจากร้านของท่าน”
เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีขาวกล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคือง
“โอ้ เป็คุณชายหวังเยว่นี่เอง เสี่ยวซิ่ว คุณชายหวังเยว่้าหญ้ากระดูกเสือ เหตุใดเ้ายังไม่รีบไปนำมาอีก”
เถ้าแก่หลี่ะโบอกผู้ช่วยของร้านในทันที
“เถ้าแก่ พอดีว่าหญ้ากระดูกเสือได้ถูกคุณชายท่านนี้ซื้อไปแล้ว อีกทั้งเขายังไม่ยอมมอบมันคืนมาให้อีกด้วย”
หญิงผู้ช่วยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
เถ้าแก่หลี่เหลือบมองมู่เฟิงในทันที เขาขมวดคิ้วเพราะไม่เคยพบเห็นเด็กหนุ่มผู้นี้มาก่อน จากนั้นเขาได้กำหมัดพร้อมค้อมศีรษะไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อย “คุณชายท่านนี้ รบกวนท่านมอบหญ้ากระดูกเสือเหล่านี้ให้กับคุณชายหวังได้หรือไม่ อีกครึ่งเดือนจะมีสินค้าเข้ามาใหม่ หากว่าท่านยินดีตกลง ทางเราจะเก็บสินค้าในรอบนั้นไว้ให้ท่าน พร้อมทั้งลดราคาให้ท่านอีกครึ่งหนึ่ง เช่นนี้ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?”
“เฮอะ ที่แท้ร้านว่านเป่าของพวกท่านก็แบ่งแยกคนตามฐานะนี่เอง เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ หญ้ากระดูกเสือนี้ข้าไม่้ามันแล้ว”
มู่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะโยนกล่องสมุนไพรไปยังหญิงผู้ช่วย จากนั้นเขาได้เก็บไข่อสูรทั้งสองฟอง รวมถึงผลึกอสูรที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์กลับเข้าไปในแหวนเฉียนคุน จากนั้นเด็กหนุ่มได้หมุนตัวเตรียมจะจากไปในทันที
“เ้าคนอัตคัด คิดจะสู้กับข้างั้นรึ”
หวังเยว่กล่าวเสียงเย็น
เมื่อเห็นฉากนั้น ดวงตาของเถ้าแก่หลี่พลันเป็ประกาย เขากล่าวขึ้นอย่างรีบร้อนในทันที “ช้าก่อน!”
มู่เฟิงชะงักฝีเท้าโดยไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเพียงตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “ยังมีอะไรอีก?”
เถ้าแก่หลี่รีบเดินตรงไปยืนเบื้องหน้าของมู่เฟิงในทันที เขากำหมัดขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะกล่าวว่า “คุณชาย ไข่อสูรสองฟองเมื่อครู่ ท่าน้านำออกมาขายใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง แต่ดูจากทัศนคติของพวกท่านในตอนนี้ ข้าไม่้าจะขายมันแล้ว ในเมืองอันหนานไม่ได้มีแค่ร้านของพวกท่านร้านเดียวเสียหน่อย”
มู่เฟิงกล่าวเยาะ
“คุณชายโปรดอภัยด้วย เมื่อครู่เพราะข้าไม่ทราบว่าเป็คุณชายที่้าขายไข่อสูร เสี่ยวซิ่ว ยังไม่รีบนำสมุนไพรมาคืนให้กับคุณชายท่านนี้อีก”
เถ้าแก่หลี่รีบเปลี่ยนสีหน้าในทันที พร้อมกับสั่งให้หญิงผู้ช่วยรีบนำสมุนไพรมาคืนอย่างรวดเร็ว หญิงผู้ช่วยจึงรีบนำกล่องสมุนไพรมาให้ด้วยความเคารพ
เมื่อหวังเยว่เห็นดังนั้นก็ไม่พอใจในทันที “เถ้าแก่หลี่ ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ต้องขออภัยคุณชายหวังด้วย เอาไว้คราวหน้าทางเราจะเก็บหญ้ากระดูกเสือไว้ให้ท่านดีหรือไม่? ถึงเวลานั้นข้าจะมอบให้ท่านฟรีอีกหนึ่งต้น”
เถ้าแก่หลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างขออภัย
“เ้า…”
หวังเยว่รู้สึกขุ่นเคือง แต่เมื่อกลับมาขบคิดดูอีกทีแล้วเื่นี้เขาไม่ได้เสียเปรียบ แค่ต้องรอต่อไปอีกครึ่งเดือนเพื่อแลกกับของมูลค่าหลายสิบเหรียญตำลึงทอง หลังจากคิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มก็พยักหน้า และพาคนของตนไปนั่งรอยังมุมพักผ่อน ก่อนจะจ้องมองไปทางมู่เฟิง
เขาไม่มีทางยอมปล่อยคนที่ทำให้ตนต้องเสียหน้าไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
“คุณชาย หญ้ากระดูกเสือนี้มอบให้ท่านแล้ว เช่นนั้นเื่ไข่อสูร...”
เถ้าแก่หลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
มู่เฟิงไม่ได้พูดอะไร ฉับพลันนั้นแหวนเฉียนคุนบนมือของเขาพลันส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาได้นำไข่อสูรสองฟองและผลึกอสูรสามก้อนวางลงบนเคาน์เตอร์
เถ้าแก่หลี่เบิกตากว้าง เขาหยิบไข่อสูรขึ้นมาพิจารณามอง ก่อนจะส่งพลังชีวิตของตัวเองเข้าไปยังไข่ฟองนั้น ฉับพลันนั้นสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็ยินดี พร้อมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “เป็ไข่พญางูเหลือมระดับหนิงกัง!”
“ว่าอย่างไร ไข่พญางูเหลือมนี้ พวกท่านจะให้ราคาเท่าไรดี?”
มู่เฟิงเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ไข่พญางูเหลือมสองฟองนี้เป็สิ่งที่หาได้ยากยิ่ง เช่นนั้นคุณชาย ทางเราให้ท่านราคาฟองละห้าพันเหรียญตำลึงทองเป็อย่างไร?”
เถ้าแก่หลี่กล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล
“ห้าพันเหรียญตำลึงทอง!”
หลังได้ยินราคาของมัน ดวงตาของหวังเยว่ที่กำลังนั่งพักผ่อนพลันลุกวาวขึ้นมาในทันที เขามองไปยังไข่อสูรทั้งสองฟองนั้นด้วยสายตาแห่งความโลภ
“นึกไม่ถึงว่าเ้าเด็กนั่นจะมีของดีเช่นนี้!”
หลังได้ยินดังนั้น มู่เฟิงก็เตรียมจะเก็บไข่กลับคืนในทันที เถ้าแก่หลี่จึงรีบร้อนกล่าวขึ้นว่า “หกพัน คุณชาย นี่เป็ราคาที่สูงที่สุดแล้ว หากมากกว่านี้ทางเราก็คงไม่ได้กำไรอะไรแล้ว”
“เช่นนั้นก็ได้ ส่วนผลึกอสูรทั้งสามก้อนนี้ ขายทั้งหมดนี่เลยแล้วกัน”
มู่เฟิงยอมพยักหน้าในที่สุด
“เอ่อ ผลึกอสูรทั้งสามก้อนนี้เป็เพียงผลึกอสูรระดับจื่อฝู่ธรรมดาเท่านั้น เอาเช่นนี้แล้วกัน ทางเราจะจ่ายให้ท่านก้อนละหนึ่งพันเหรียญตำลึงทอง”
เถ้าแก่หลี่กล่าว
“เอาละ ถือว่าข้าตกลง ส่วนราคาของหญ้ากระดูกเสือนี้ พวกท่านหักจากจำนวนเงินเ่าั้เถอะ”
มู่เฟิงพยักหน้าก่อนกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ข้ายัง้ากระดาษหนังสัตว์อีกห้าโหลและแก่นหมึกอีกหนึ่งขวด”
“ทราบแล้วขอรับ เอ่อ หรือว่าคุณชายจะเป็นักสลักลายเส้นงั้นหรือ?”
เถ้าแก่หลี่เอ่ยถามด้วยประหลาดใจ สิ่งของเ่าั้ล้วนเป็สิ่งที่นักสลักลายเส้นหรือผู้ที่กำลังเรียนรู้การแกะสลักลายเส้นใช้กัน
มู่เฟิงไม่ได้ตอบกลับ เถ้าแก่หลี่จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก เขาเพียงให้คนไปนำกล่องไม้จำนวนห้ากล่องและขวดหยกมาหนึ่งขวด ภายในกล่องไม้แต่ละกล่องนั้นได้บรรจุม้วนกระดาษหนังสัตว์สีดำเอาไว้จำนวนสิบสองแผ่น
ส่วนภายในขวดหยกนั้นถูกบรรจุไว้ด้วยน้ำหมึกสีแดงโลหิต สิ่งนี้เรียกว่าแก่นหมึก เป็หมึกชั้นดีที่กลั่นจากเืของอสูรร้าย น้ำหมึกเหล่านี้มีพลังบรรจุเอาไว้ภายใน และใช้สำหรับการแกะสลักลาย
“ไข่พญางูเหลือมสองฟอง รวมกับผลึกอสูรสามก้อนเป็เงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญตำลึงทอง หักลบกับกระดาษหนังสัตว์ แก่นหมึกและหญ้ากระดูกเสือแล้ว เหลือเงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยเหรียญตำลึงทอง คุณชาย ท่านมีป้ายทองหรือไม่?”
เถ้าแก่หลี่คำนวณราคาออกมา
“อืม ข้ายัง้ายาบ่มเพาะพลังปราณอีกสี่ขวด”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเขาได้หยิบขวดยาบ่มเพาะพลังปราณมาเพิ่มอีกสี่ขวด ดังนั้นเงินของเขาจึงเหลือเพียงหนึ่งหมื่นสองพันเหรียญตำลึงทอง
หลังจากใช้ป้ายทองทำการค้ากันเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มก็จากไปพร้อมกับของที่้า โดยมีหวังเยว่และคนของอีกฝ่ายตามหลังเขาไปด้วย