ผู้บังคับบัญชาฉินเมื่อได้ฟังเื่ราวของตระกูลฉินที่แท้ย่าทวดของเป่าเจียก็เป็นักปราชญ์หญิงที่มีชื่อเสียงแม้ว่าพ่อของผู้บังคับบัญชาฉินจะไม่มีพื้นฐานพลัง ผู้บังคับบัญชาฉินเองก็ไม่มี แต่หลินลั่วหรานมั่นใจไม่รู้ว่าเ้าสิ่งนี้เกิดปฏิกิริยากลับกับในร่างกายของเป่าเจียหรือว่ามาจากพลังของรูปภาพสีทองแต่ก็ดูเหมือนว่าเื่ที่เป่าเจียมีพื้นฐานพลังจะโดนปักขึ้นบนบอร์ดเสียแล้ว
สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเธอที่ถูกส่งตรงไปยังผู้บังคับบัญชาฉินก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าลงอย่างจริงจัง
เมื่อความดีใจขึ้นมา ผู้บังคับบัญชาฉินก็เงียบไปครู่หนึ่งผ่านไปสักพักถึงได้หยิบเครื่องห้อยชิ้นหนึ่งออกมาจากด้านในเสื้อ และลูบลงไปเบาๆ
หลินลั่วหรานมองไปอย่างพิจารณา นั่นคือแผ่นหยกขาวชิ้นหนึ่ง ขอบนอกถูกเส้นลวดลายสีทองห่อหุ้มเอาไว้แต่บนแผ่นหยกกลับเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวเพียงแค่มองลงไปก็รู้ได้ทันทีว่าถูกซ่อมโดยช่างฝีมือ หลินลั่วหรานมองดูสถานการณ์ดวงตาของเธอก็เป็ประกายขึ้นมา
ผู้บังคับบัญชาฉินเห็นว่าเธอมองดูด้วยความตั้งใจ ก็รู้ได้ถึงความคิดของเธอเขาพยักหน้าลงพูด “นี่เป็แผ่นหยกที่สืบทอดมาจากย่าของฉันชิ้นที่แตกออกในาชิ้นนั้น...เพราะว่าชายนักปราชญ์คนนั้นบอกว่าเป็แผ่นหยกแห่งชีวิตของย่าหลังจากนั้นพ่อก็เลยหาช่างฝีมือมาซ่อมและเก็บมันไว้ข้างกายจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ก่อนจะมอบมันมาให้ฉัน”
แผ่นหยกที่สามารถปกป้องเ้าของได้? เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่ถูกห่อด้วยกรอบทองบนมือของผู้บังคับบัญชาฉินคือสิ่งที่ผู้ฝึกศาสตร์สร้างขึ้นดวงตาของหลินลั่วหรานก็เปล่งประกายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เธออยากจะลองดูมันอย่างละเอียดสักครั้ง
เธอบอกความคิดนี้ออกไป คนแก่ได้แต่ยิ้มๆก่อนจะส่งแผ่นหยกนั้นใส่มือหลินลั่วหราน บอกว่าตัวเองเล่าเื่มาทั้งคืนแล้วจะขอกลับไปพักก่อน
นอกจากไข่มุกแล้ว นี่ก็เป็ครั้งแรกที่หลินลั่วหรานได้จับสิ่งของผู้ฝึกศาสตร์เธอตื่นเต้นเสียจนไม่รู้ว่าจะวางมือและเท้าไว้ตรงไหน
เมื่อคิดดูแล้วคืนนี้ก็แปลกมากอย่าแรกคือเธอได้รู้ถึงการต่อสู้ในแบบของนักปราชญ์แล้ว อีกทั้งยังได้เข้าใจ“พื้นฐานพลัง” จากผู้บังคับบัญชาฉิน แม้แต่ได้ฟังเื่ราวความลับของโลกศาสตร์ความประหลาดใจมาได้เจออย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ก็ยังมีของของผู้ฝึกศาสตร์ที่เป็สิ่งสืบทอดของตระกูลฉินวางอยู่ในมืออีกแล้วคืนนี้เธอจะนอนหลับลงได้อย่างไร?
เธอตรงกลับไปยังห้องรับแขก ก่อนจะเปิดโคมไฟขึ้นเพื่อทำการตรวจสอบแผ่นหยก
แม้ว่าบนแผ่นหยกจะเต็มไปด้วยรอยร้าวแต่ก็ยังคงสามารถมองออกว่าแกะสลักเป็รูป “เรือตกปลาสะท้อนแสงจันทร์บนแม่น้ำ”แม้ว่าจะเป็การวาดแบบง่ายๆ แต่กลับดูสวยงดงามมาก
เจียงิเยว่ (พระจันทร์สว่างบนแม่น้ำ) นี่อาจจะเป็ของที่ชายนักปราชญ์บ้าคลั่งทำมาเพื่อเป็สิ่งที่ใช้ปกป้องชีวิตของเธอแม้ว่าสุดท้ายแล้วผู้บังคับบัญชาฉินจะไม่ได้บอกว่าชายบ้าคลั่งคนนั้นเป็ใครแต่หลินลั่วหรานที่ฉลาดหลักแหลมนั้น จะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าเขาจะต้องเป็คนที่มีสายสัมพันธ์กับเจียงิเยว่อย่างแน่นอนหรือแม้แต่อาจจะเป็พ่อของเธอก็ได้ !
หากว่าไม่ใช่คนสนิทของเธอใครจะสามารถรู้ได้ว่าตระกูลฉินต่างก็เป็ขยะไร้ค่าที่ไร้ “พื้นฐานพลัง”อีกทั้งยังอุตส่าห์เดินทางไกลไปยังเกาหลีเหนือบนโลกนี้มีเื่บังเอิญเสียที่ไหนกันคนคนนั้นจะต้องตั้งใจไปช่วยปกป้องผู้บังคับบัญชาฉินอยู่แล้วเป็แน่
หลินลั่วหรานหยุดความคิดเอาไว้ ก่อนจะมองลงไปยังแผนหยกอย่างพิจารณาแม้ว่ารูปภาพจะสลักเอาไว้สวยงามมากเท่าไร แต่การที่มันสามารถหลบการโจมตีและปกป้องผู้ที่เอาไว้ได้ ก็ไม่น่าจะเป็เพราะแกะสลักได้สวยงามใช่ไหมล่ะ?
สิ่งที่ต่างออกไป คือตรงไหนกันแน่นะ?
แม้แต่พลังการมองเห็นของหลินลั่วหรานก็ไม่สามารถมองเห็นจุดที่พิเศษออกมาได้ เธอจึงหยิบแผ่นหยกขึ้นมาก่อนจะใช้แสงไฟจากโคมไฟส่อง เพื่อดูอย่างละเอียดอีกครั้ง
เอ๋ ดูเหมือนว่าจะมีอะไรแปลกๆ อยู่นะเมื่อหลินลั่วหรานใช้สายตาคมชัดเฉียบไวของเธอมองลงไป ขอบสีทองรอบๆหยกขาวก็หายไปแล้ว ร่องรอยแตกบนผิวหยกถูกมองข้ามไป เธอ “เห็น” เนื้อในของแผ่นหยกแล้ว เส้นประหลาดพวกนั้นคืออะไร?
หลินลั่วหรานมั่นใจว่าเส้นเ่าั้ไม่ใช่รอยแตกแม้ว่าจะผสมดูในร่องรอยแตกเ่าั้ แต่เส้นที่แปลกประหลาดเ่าั้เต็มไปด้วยความรู้สึกสบายผ่อนคลาย เหมือนกับว่าจะเป็สิ่งมันควรจะเป็ั้แ่แรก
เมื่อเื่ดีๆ เกิดขึ้น สมองของหลินลั่วหรานก็ทำงานได้อย่างฉับไวเธอใช้พลังเข้าไปสำรวจภายในแผ่นหยก เมื่อได้รับการบำรุงรักษาจากพลังรอยเส้นเ่าั้ก็ค่อยๆ ส่องประกายออกมา หรือบางทีอาจจะเป็แผ่นเคยแตกไปรอยแตกได้ทำลายเส้นทางการส่งพลังออก แม้ว่าเส้นสายเ่าั้จะส่องประกายขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่สามารถที่จะกลับมาสมบูรณ์ได้จึงทำให้หลินลั่วหรานรู้สึกเสียใจเป็อย่างมาก
แต่แม้ว่าจะเป็แบบนั้น หลินลั่วหรานก็ดีใจขึ้นมาแล้วเส้นสายที่พลังสามารถผ่านไปได้เหล่านี้บางทีอาจจะเป็ยุทธวิธีของนักปราชญ์ในตำนานหรือเปล่า? หากจะพึ่งพลังบางเบาเหล่านี้เพียงอย่างเดียวก็ไม่น่าจะทำการปกป้องชีวิตในสนามรบเอาไว้ได้ตั้งหลายครั้งอย่างที่ผู้บังคับบัญชาฉินเล่า
มีเพียงแค่ยุทธวิธีศาสตร์ในตำนานที่คนจีนพูดเล่าต่อกันมาเท่านั้นที่จะสามารถใช้ความสามารถเท่านี้ได้ เพียงพึ่งสิ่งของพิเศษนี้ก็จะสามารถทำให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าหรือแม้แต่สามารถเพิ่มขึ้นมาได้ถึงหนึ่งร้อยเท่า
แผ่นแยกแตกจนเป็แบบนี้ หากอยากจะซ่อมมันกลับไปดูจากทักษะของหลินลั่วหรานในตอนนี้แล้ว อย่าได้แม้แต่จะคิดเลยหลินลั่วหรานเปลี่ยนความคิดในทันที แล้วถ้าหากว่าลองคัดลอกรูปนี้ออกมาล่ะ?
หลินลั่วหรานไม่ได้คิดว่าตัวเองมีพร์ที่สุดยอดอะไรขนาดที่จะสามารถคัดลอกยุทธศาสตร์ของมันออกมาได้ตามแบบแต่ถ้าว่าเป็ลองคัดลอกลงมาเพื่อทำความเข้าใจ แบบนั้นก็น่าจะพอได้อยู่!
ในห้องพักของหลินลั่วหรานมีปากกากับกระดาษอยู่แล้วทำให้เธอไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นกลางดึก เธอกางกระดาษออก มือขวาของเธอถือปากกาเอาไว้หลินลั่วหรานรวบรวมพลังส่งไปสำรวจแผ่นหยกอีกครั้ง
เส้นสายภายในของแผ่นหยกค่อยๆ สว่างขึ้นตามลำดับครั้งนี้ท่าทางของหลินลั่วหรานเป็ไปอย่างช้าเฉื่อย เพราะเธอกำลังมองดูไปพร้อมกับขยับมือข้างขวาตามไปปลายปากกาในมือของเธอขยับไปอย่างคล่องแคล่วโดยที่กำลังพยายามวาดภาพร่างของเส้นสายเ่าั้ออกมา
ในส่วนที่ขาดออกของเส้นสายไม่ใช่ปัญหามันเป็ระยะห่างที่มีขนาดเล็กหนึ่งไมครอน แม้จะส่งผลกระทบต่อการนำพาพลัง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับภาพโดยรวม
แม้ว่าภาพยุทธศาสตร์ด้านในจะดูเล็ก และการทำก็น่าจะไม่ต้องออกแรงมากแต่เพราะว่ามีขนาดเล็กการที่จะแกะสลักรูปที่มีสายเส้นซับซ้อนแบบนี้ลงไปในพื้นที่เล็กๆ ได้นั้นก็สามารถจินตนาการได้แล้วว่า รูปยุทธศาสตร์โดยรวมจะมีความซับซ้อนมากแค่ไหน
ั้แ่ตีหนึ่งจนถึงตีสาม เพื่อที่จะคัดลอกรูปภาพนี้ ในส่วนเล็กๆ ละเอียดๆทำต่อไปได้ยาก หลินลั่วหรานจึงเพิ่งจะวาดได้เพียงครึ่งเดียวเส้นสายที่สลับซับซ้อนไม่เท่ากัน หลินลั่วหรานไม่ได้ปล่อยผ่านไปแม้แต่น้อยเพราะเธอไม่อาจจะรับประกันได้ว่า บางทีพวกเส้นที่มีขนาดแตกต่างกันนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับความถี่และการสั่นกระเพื่อมของเส้นสายโดยมีแผ่นหยกเป็ศูนย์กลางในการเชื่อมต่อออกไป
เข็มนาฬิกาค่อยๆ ขยับผ่านเลยไป ด้านนอกหน้าต่างเริ่มมีแสงส่งออกมาบางเบาเพราะว่าเป็่ฤดูหนาวท้องฟ้าจึงสว่างช้ากว่าปกติ
หลินลั่วหรานกะพริบตา ในที่สุดเธอก็วางปากกาและแผ่นหยกในมือลง
หืม? หกโมงแล้วเหรอ? เมื่อหันไปมองนาฬิกาที่แสดงเวลา หลินลั่วหรานก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเท่าไรไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดวงตาทั้งสองของเธอถึงได้แห้งผากไปหมดแขนข้างขวาของเธอก็เกือบจะยกขึ้นมาไม่ได้อีกแล้วพลังในร่างกายก็เริ่มเรียกร้องที่จะหยุดทำงานแล้วที่แท้เธอก็วาดรูปมาทั้งคืนโดยที่ไม่ทันได้รู้สึกตัวเสียแล้ว
เธอมองไปยังกระดาษขาว รูปภาพที่ถูกวาดขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่าสิบเท่าส่วนหัวและหางต่อกัน สามารถมองเห็นเส้นสายได้อย่างชัดเจน เหมือนมองดูรวมๆ แล้วก็เป็รูปที่ให้ความรู้สึกสวยงามแปลกตารูปหนึ่ง หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมายาวๆ
ที่แท้ก็เป็ยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อฟ้าดินได้จริงๆนั่นเป็สิ่งที่ทำให้เข้าใจและมีประโยชน์มาก ดังนั้นสำหรับเธอแล้วสิ่งที่พยายามลงไปตลอดทั้งคืน ก็ถือว่าคุ้มค่า
ไม่ว่าอย่างไร แม้ว่าจะสามารถคัดลอกแบบมาได้ แล้วก็ทำขึ้นมาใหม่อีกอันก็ไม่น่าจะต่างไปจากนี้มากไหม?
หลินลั่วหรานมองไปยังผลงานจากการพยายามอย่างหนักของเธออย่างพินิจพิจารณาก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพอใจออกมา
แต่ว่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าลวดลายเส้นเหล่านี้ ดูคุ้นตาแปลกๆ อยู่นะ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้