จากที่เฉินเนี้ยนหรานคำนวณเ้าของที่ดินมีที่นาหนึ่งพันไร่ รายได้หนึ่งปีได้เงินแค่ประมาณหนึ่งพันตำลึง
ข่าวสารที่ไปสอบถามมาก่อนหน้านี้ทำให้รู้ว่าเ้าของที่ดินโจวมีที่ดินเพียงประมาณหนึ่งพันไร่
ที่ดินน้อยนิดเช่นนี้แค่คนในเรือนของเขาก็ใช้ไม่พอ อีกทั้งเขายังมีลูกสาวจอมฟุ่มเฟือยอีกหลายคน รวมถึงอนุจำนวนมากอีก…
คนมากมายเช่นนี้ที่นาพันไร่จะสามารถเลี้ยงดูทุกคนได้อย่างไร จนถึงตอนนี้สิ่งเฉินเนี้ยนหรานสามารถยืนยันได้คือเ้าของที่ดินโจวจะต้องมีปัญหาเพียงแต่เขาทำสิ่งใดนั้นกลับพูดได้ยากจริงๆ
ทว่ามีจุดหนึ่งที่นางกลับเข้าใจชัดเจนนั่นคือจวนสกุลโจวที่ดูเหมือนไร้พิษภัย
ในความจริงแล้วกลับลึกซึ้งเกินไป!
ด้านในโรงครัวมีพ่อครัวสิบคนกำลังยุ่งทำงานกันอยู่ เมื่อเห็นป้าคนดูแลพาคนมาแล้ว จึงมีคนคอยสั่งงานให้ไปทำ
ตลอดสายวันนี้เฉินเนี้ยนหรานเพียงหั่นผักอย่างเดียว นางก็หั่นไปแล้วถึงสามกะละมัง
พอหั่นจนถึงชิ้นสุดท้ายแค่เห็นเศษผักนางก็อยากจะอ้วกแล้ว มองไปรอบตัวที่มีแม่ครัวหั่นผัก จัดการกับข้าวนางจึงรำคาญใจแล้ว หากเป็เช่นนี้ต่อไปจะสอบถามข้อมูลได้อย่างไร?
นางที่ยังร้อนใจอยู่นั้นด้านนอกพลันมีคนส่งอาหารเดินเข้ามา
“วันนี้ผู้ใดทำกับข้าว?”
ทันใดนั้นทั้งโรงครัวก็เงียบลงไปทุกคนต่างเบนสายตามองไปยังพ่อครัวร่างอ้วนที่ยืนอยู่ไม่ไกลสาวใช้ที่มายกกับข้าวก็ฉลาด ะโให้เสียงดังขึ้นอีกหน่อย
“ข้าจะถามอีกครั้งวันนี้อาหารของแขกห้องที่สามผู้ใดเป็คนทำ?”
ในตอนนี้พ่อครัวร่างอ้วนทำแค่เดินออกมา
“ขอขออนุญาตพี่ชุน เป็ เป็ข้าที่ทำขอรับ”
สาวใช้เรือนใหญ่พวกนี้ต่างมีตำแหน่งสูงกว่าพ่อครัวในโรงครัวมากนัก ดังนั้นในเวลาปกติแม้พ่อครัวจะอายุมากกว่าสาวใช้เขากลับต้องเรียกพวกนางว่าพี่
เฉินเนี้ยนหรานมองสาวใช้คนนั้นที่อายุไม่กี่สิบปีแต่สายตากลับเฉียบแหลมมาก นางหัวเราะเสียงเย็น ยกมือขึ้นเอาถ้วยน้ำแกงราดบนตัวของพ่อครัวร่างอ้วน
“ชุนเซิงเ้าถูกไล่ออกแล้ว กล้าทำน้ำแกงที่รสชาติเปรี้ยวเกินไปเช่นนี้ ทำให้แขกไม่พอใจทำให้ข้าต้องถูกทำโทษ ออกจากจวนไปเดี๋ยวนี้”
แม้น้ำแกงร้อนจะถูกราดบนตัวของพ่อครัวคนคนนั้นกลับไม่กล้าหลบ
“ขอรับๆพี่สาวพูดถูก ข้าน้อย ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้” ชุนเซิงตัวสั่นไม่ปฏิเสธเลยสักนิดก่อนจะหมุนตัวไปเก็บของ
เมื่อเห็นพ่อครัวมีท่าทีหวาดกลัวเพียงนี้เฉินเนี้ยนหรานจึงขมวดคิ้วอีกครั้ง
จะต้องรู้ว่าสิ่งที่ชัดเจนคือชุนเซิงคนนี้เป็พ่อครัวใหญ่ในจวนสกุลโจวแต่สาวใช้คนหนึ่งบอกว่าไล่ออกก็ออกเลย และพ่อครัวที่มีฝีมือกลับจากไปโดยไม่กล้าโต้แย้งสิ่งใดออกมาเลยสักคำนี่สามารถอธิบายได้ว่า คนที่ทำงานที่นี่มานาน คงเห็นเื่ราวน่ากลัวในเรือนนี้มามากดังนั้นเมื่อเกิดเื่พวกเขาจึงไม่กล้าโต้แย้ง…
สาวใช้คนนั้นเตะมาที่ตัวของชุนเซิงหนึ่งทีถึงจะระบายความโกรธออกไปได้ก่อนจะเงยหน้าใช้สายตาดุร้ายมองไปยังพ่อครัวทุกคนและแม่ครัว
“หลัวซานจู้ั้แ่วันนี้ไป เ้าคือคนดูแลโรงครัว ตอนนี้ไม่ว่าเ้าจะใช้วิธีใด ก็ตามจะต้องทำอาหารที่แขกห้องสามชอบให้ได้”
ต่อจากประโยคนี้บุรุษตัวเล็กคนหนึ่งพลันทำหน้าขมขื่น เขาคือคนที่ถูกสาวใช้เรียกชื่อให้เป็คนรับผิดชอบคนใหม่
น่าเสียดายสิ่งที่เขาแสดงออกมาอย่างชัดเจน คือเขาไม่้าเป็คนดูแลนี่เลยแม้แต่น้อย ทเขากลับปฏิเสธไม่ได้
สาวใช้พูดประโยคนี้เสร็จก็เดินจากไป
บุรุษตัวเตี้ยผู้ดูแลคนใหม่ทำหน้าขมขื่นเรียกพ่อครัวทุกคนมารวมตัวกัน
“มาๆมาช่วยข้าคิดหาวิธี เื่นี้เกี่ยวข้องกับพวกเราว่าจะสามารถทำงานใหญ่ในเรือนนี้ได้หรือไม่ค่าแรงหนึ่งเดือนห้าตำลึง ด้านนอกหาแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ”
พ่อครัวทุกคนต่างทำหน้าเคร่งเครียดคิดหาวิธีอยู่ตรงนั้น
“พวกเราทำอาหารเปรี้ยวเผ็ด ขม หวาน ทุกรสชาติล้วนทำมาหมดแล้ว แต่แขกห้องที่สามก็ยังไม่ชอบนี่ ไม่ชอบนั่นข้า ข้าคิดหาวิธีไม่ออกแล้ว”
“แน่นอนข้าดูแลเ้านายมาตั้งมากมาย ไม่มีผู้ใดดูแลยากเท่าเซียนซือที่เป็แขกห้องสามเลย”
“ช่างเถิดรีบคิดหาวิธีเถิด ผู้ใดให้เซียนซือห้องที่สามคนนี้เป็คนที่คุณหนูใหญ่ต้องตากันเล่าได้ยินมาว่าคนที่จะออกเรือนก็คือเขา…”
ได้ยินถึงตรงนี้เฉินเนี้ยนหรานก็สูดลมหายใจ จากนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ
ให้โม่เต้าจื่อเ้านักต้มตุ๋นออกเรือน…
ฮ่าๆเื่นี้ มันน่าขันเกินไปเสียหน่อยแล้ว
แต่จากตรงนี้ก็สามารถมองออกว่าคุณหนูใหญ่สกุลโจวคนนี้ รสนิยมไม่ธรรมดานัก
“ข้าคิดไม่ออกเลยว่าจะเตรียมตัวถูกไล่ออกเช่นไรดีเลย”
“ข้าเองก็หมดหนทางเฮ้อ แม้ค่าแรงที่นี่จะสูง แต่หากอยู่ที่นี่ต่อไป ข้าก็ไม่มีวิธีแล้วเช่นกัน”
“พวกเ้า…ยอมแพ้กันเช่นนี้แล้วข้า ข้าจะทำเช่นไรเล่า?”
เมื่อเห็นว่าเหล่าพ่อครัวแต่ละคนต่างเศร้าสลดตาของเฉินเนี้ยนหรานจึงกลอกไปมา
“ทุกท่านข้าทำเอง ข้ามีอาหารชนิดหนึ่ง ที่สามารถทำให้คนอยากอาหารมากที่สุดสู้ให้ข้าลองทำได้หรือไม่?”
กลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีหนทางแล้วพอได้ยินว่ามีคนทำได้ สายตาของทุกคนต่างมองมาที่นาง แต่ครั้นเห็นคนที่พูดว่ามีวิธีกลับเป็แม่ครัวคนใหม่ที่โพกผ้าอยู่บนหัวทุกคนก็เหมือนจะกลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้ง
“เฮ้อเ้าเป็สตรีธรรมดา พวกเราเหล่าพ่อครัวล้วนคิดวิธีไม่ออก หากเ้ามีวิธีสิแปลกไม่ต้องพูดถึงทำกับข้าวออกมาเลย แค่จานข้าวหล่นนั้นเป็เื่เล็กถึงตอนนั้นคงจะไล่พวกเราเหล่าบุรุษออกไป นั่นต่างหากที่เป็เื่ใหญ่”
หัวหน้าคนใหม่ส่ายหน้าด้วยท่าทางมั่นใจ
“ทุกท่านเช่นนั้นพวกท่านมีวิธีหรือไม่?” เฉินเนี้ยนหรานมองเหล่าคนที่เรียกตนเองว่าพ่อครัว
“ไม่มี”
“ในเมื่อไม่มีแล้วเอาคำพูดไร้สาระมากมายมาพูดกับข้าว่านี่ไม่ได้ นั่นไม่ได้อย่างไรถ้าทำกับข้าวออกมาไม่ได้ก็ถูกไล่ออก แล้วเหตุใดไม่ให้ข้าลองเล่า? ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่แม่นางคนนั้นพูดเอาไว้แล้วไม่ว่าพวกเ้าจะใช้วิธีอะไร ขอเพียงทำอาหารออกมาได้ แล้วทำให้แขกห้องที่สามทานอย่างมีความสุขก็พอ ยังมีเวลาอีกห้าวันจะถึงวันมงคลแล้วในเวลาห้าวันนี้ หากเลี้ยงแขกห้องที่สามได้ไม่ดี พวกเราทุกคนล้วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้กันทั้งนั้น”
ทุกคนเมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป จะต้องรู้ว่าคำพูดนี้ของนางได้แทงใจเหล่าพ่อครัว
ผู้ดูแลคนใหม่กลับเป็คนง่ายๆเลิกคิ้วขึ้น “ได้ เช่นนั้นให้เ้าลองทำ เฮ้อ เื่ในวันนี้เอาเช่นนี้แล้วกันอย่างมากพวกเราก็เตรียมตัวม้วนเสื่อออกจากงานก็พอ”
เหล่าพ่อครัวต่างออกมาจากห้องครัวเล็กแล้วให้เฉินเนี้ยนหรานเป็คนทำกับข้าว
มองผักมากมายหลายชนิดวางเตรียมไว้บนโต๊ะเฉินเนี้ยนหรานก็ลงมือเลือก
ทำต้าจ๋าฮุ่ย[1]!
“เอ๋เ้านี่ เหตุใดในน้ำแกงเผ็ดนี่ถึงใส่ผักลงไปมากมาย ดูแล้วจะทานได้หรือ?” มีพ่อครัวยืนล้อมดูตลอดการทำพูดออกมาด้วยความสงสัย
“ได้หรือไม่ได้มีแค่ทานเข้าไปแล้วจึงจะรู้ เสร็จแล้ว ตอนนี้ก็ยกหม้อออกไปให้เ้านายห้องสามลองทานดูสักหน่อย”
แม้จะพูดว่าเป็ต้าจ๋าฮุ่ยความจริงแล้ว นี่คือหม้อไฟที่ก่อนหน้านี้เฉินเนี้ยนหรานเคยทำ
ตอนนั้นหนิงเซียงกับโม่เต้าจื่อทานกันอย่างเอร็ดอร่อยทุกคนจึงนัดกันแล้วว่าต่อไปไม่มีสิ่งใดก็ทานพวกหม้อไฟนี่ แต่ที่คิดไม่ถึงคือเพิ่งจะทานกันไปเพียงรอบเดียว พวกนางกลับแยกย้ายกันไปหมด
เฉินเนี้ยนหรานคิดไม่ออกว่าจะมีวิธีการใดที่สามารถทำให้โม่เต้าจื่อกับพวกหนิงเซียงจำตนเองได้สิ่งเดียวที่จำได้มีเพียงหม้อไฟนี้เท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดคือคนที่นี่ไม่ทานหม้อไฟหากหม้อนี้ถูกยกออกไปเชื่อว่าโม่เต้าจื่อจะต้องจำได้ว่านางเฉินเนี้ยนหรานมาตามหาพวกเขาแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานและพ่อครัวทุกคนต่างยืนรออย่างกล้าๆกลัวๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลัวว่าเ้านายห้องสามจะไม่พอใจ แล้วมาไล่พวกเขาออกไป
ที่เหล่าพ่อครัวกังวลคือจะรักษางานนี้เอาไว้ไม่ได้
ที่เฉินเนี้ยนหรานกังวลใจคือหากพวกโม่เต้าจื่อสมองทึบเช่นนั้นการที่นางมาที่นี่ในครั้งนี้ย่อมเปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ
เวลาถูกใช้ไปนานมากแล้วนางถูกขังอยู่โรงครัว ลิ่วจื่อ จินจื่อ สาวใช้สีต่างหายไปกันหมด ไม่รู้ว่าพวกนางจะสืบเื่มาได้ถึงไหนแล้ว
พูดถึงสาวใช้จิ้งจื่อยกอาหารที่เรียกว่าหม้อไฟไปที่ห้องหมายเลขสาม ในใจรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ มาก
การออกเรือนของคุณหนูครั้งนี้เบื้องหน้าแค่บอกว่าจะออกเรือนกับคุณชายลั่วความจริงแล้วยังมีเซียนซือที่อยู่ในห้องหมายเลขสามท่านนี้
อีกทั้งจากลางสังหรณ์ของนาง เซียนซือในห้องสามท่านนี้ ได้รับความรักจากคุณหนูใหญ่มากกว่าสักหน่อย
แม้ว่าเซียนซือห้องหมายเลขสามจะไม่พอใจคุณหนูใหญ่มากปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างเ็ามาก แต่คุณหนูใหญ่กลับชอบจุดนั้นของเซียนซือหากวันใดเซียนซือยิ้มให้กับคุณหนู วันนั้นพวกนางทุกคนจะได้รางวัลไม่น้อย
ที่น่าเสียดายคือนิสัยของเซียนซือไม่ค่อยจะดีสักเท่าใด โดยเฉพาะในหลายวันนี้ที่นิสัยของเซียนซือยิ่งอาละวาดหนักทำสิ่งใดนิดหน่อยก็พาลโมโหใส่ ทั้งยังเอาอาหารมาคว่ำใส่ตัวสาวใช้อย่างพวกนาง
เหตุผลก็แน่นอนว่าเซียนซือท่านนี้ไม่พอใจที่จะถูกจับออกเรือนแต่พวกนางที่เป็ทาสกลับถูกร่างแหไปด้วย
แม้จะเป็เช่นนี้คุณหนูใหญ่กลับมีคำสั่งลงมาว่าจะต้องเลี้ยงเซียนซือให้ดี เพราะเื่นี้ทำให้สาวใช้น้อยใหญ่ในจวนทุกคนต่างกลัวที่จะต้องมาดูแลเซียนซือห้องหมายเลขสามคนนี้
มองหม้ออาหารเผ็ดร้อนตรงหน้าที่ได้กลิ่นก็สำลักแล้วจิ้งจื่อในตอนนี้กลัวว่าแกงหม้อนี้จะถูกราดลงบนร่างของตนเอง
“ก๊อกๆ…”
เสียงเคาะประตูอย่างมีมารยาทก่อนหนิงเซียงและชิงเฟิงที่อยู่ในห้องจะมองตากัน ในสายตาของทั้งสองคนมีความรู้สึกไร้ทางช่วยเล็กน้อย
แค่ไม่ทันได้ระวังกลับต้องมาติดอยู่ในจวนเ้าของที่ดินก่อนที่ทั้งตัวของพวกเขาจะอ่อนปวกเปียกจะไปก็ไปไม่ได้ อีกทั้งทุกวันจะถูกคุณหนูใหญ่มาหยอกล้อเพราะเื่นี้ ทุกคนจึงโกรธหนิงเซียงมาก
“เฮ้อข้าไปเปิดแล้วกัน ความจริงแล้วก็คิดแล้วจริงๆ” หนิงเซียงพูดอย่างขัดเขิน แล้วคลานพาขาอ่อนแรงนี่ไปเปิดประตู
ยาอ่อนแรงสมควรตายหลังจากเข้าจวนนี้มา ทั้งร่างของนางคล้ายว่าไม่มีแรงอย่างไรอย่างนั้นจะคลานอย่างไรก็คลานไม่ไหว ทุกวันนี้จะเดินแต่ละทีต้องให้คนมาพยุง
หากไม่ใช่เช่นนี้พวกเขาคงจะออกไปจากที่นี่นานแล้ว
ชิงเฟิงถลึงตาดุใส่นางเบ้ปากพูดฮึดฮัดออกมาอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม “เื่นี้ต้องโทษเ้าหากไม่ใช่เ้ารับปากสตรีบ้านั่น พวกเราจะตกอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร ฮือ ผู้ใดใช้ให้เ้าเห็นเงินก็โลภมากเล่าข้าเกลียดนัก”
หนิงเซียงจะหายใจแรงยังไม่กล้ายิ่งไม่สามารถตอบโต้ได้เลย
เป็อย่างที่ชิงเฟิงพูดจริงๆทั้งหมดนี้เป็เพราะนางเห็นเงินแล้วโลภทั้งนั้น
เชิงอรรถ
[1] 大杂绘 เป็อาหารที่คนนิยมทำกันมาก โดยการเอาผักมากมายหลายชนิดมาใส่รวมกันในหม้อเดียวเหมือนต้มจับฉ่ายของไทย
