“จะรักษาหรือไม่? ฉินหวังเฟย เ้าหมายความว่าอย่างไร เ้ามีวิธีรักษาไท่จื่ออย่างนั้นหรือ?” ฮ่องเต้เทียนฮุยถามอย่างจริงจัง
ในกรณีของไท่จื่อ หากเป็ในยุคปัจจุบันสามารถใช้อัลตราซาวด์ในการวินิจฉัยได้ แล้วก็ตามด้วยผ่าตัดในทันทีซึ่งมันก็เหมือนกับการผ่าคลอด อย่างไรก็ตาม ในแง่ของเงื่อนไขทางการแพทย์ในสมัยโบราณนั้น คงเป็เื่ยากเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้นหานอวิ๋นซีก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล แน่นอนว่านางมีวิธีอื่น
“รักษาอย่างไร?” หลงเทียนโม่ถามอย่างกังวลใจ คำพูดนี้ของเขาเผยให้เห็นถึงความไว้วางใจในตัวหานอวิ๋นซีในทันที
“ข้าจะเตรียมยาแก้พิษเนื้องอก สลายเนื้องอกขนาดใหญ่ในร่างกายให้เป็เืพิษ จากนั้นก็เปิดช่องท้องและจะใช้การฝังเข็มเพื่อกำจัดพิษ” หานอวิ๋นซีตอบตามความเป็จริง
หากผ่าเปิดช่องท้องโดยตรงเพื่อเอาสิ่งที่อยู่ในท้องของไท่จื่อออกมา มันจะต้องเป็ช่องโหว่ที่ใหญ่และลึกมาก หากไม่มีเครื่องมือเย็บแผล นางก็จะไม่เสี่ยง
อย่างไรก็ตาม หากใช้ยาเพื่อสลายสิ่งที่อยู่ในช่องท้องของไท่จื่อให้กลายเป็เื จากนั้นก็เปิดปากแผลเพื่อขับพิษออก มันก็จะเป็การผ่าตัดเล็กๆ คล้ายกับที่นางทำกับแม่ทัพใหญ่
แค่มั่นใจได้ว่าจะไม่เสียเืมากเกินไป ความเสี่ยงของการรักษานี้ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของนางอย่างสมบูรณ์
ทันทีที่พูดจบหานฉงอันก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เ้าก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าไท่จื่อเป็เนื้องอกมะเร็งในช่องท้อง”
“หากเนื้องอกกลายเป็เืแล้ว หมอเทวดาหานก็สามารถเอาเืไปตรวจดูว่ามีพิษหรือไม่” หานอวิ๋นซีหัวเราะเยาะ พูดเน้นคำว่า “หมอเทวดาหาน”
ใบหน้าของหานฉงอันเปลี่ยนเป็สีแดงด้วยความโกรธ เกลียดอย่างสุดจะทน แต่เขากลับไม่สามารถพูดได้
“ต้องผ่าตัดอย่างนั้นหรือ” ฮองเฮาถามอย่างลังเล
“เช่นนี้...มันไม่ถูกต้อง” ไท่เฮาเองก็ลังเลเช่นกัน นางเผยสีหน้ากังวลออกมา ซึ่งเป็ความกังวลจริงๆ สุดท้ายแล้วไท่จื่อก็เป็หลานชายคนโตที่นางรักที่สุด
“ในตอนแรกที่ข้าล้างพิษให้แม่ทัพใหญ่ ก็ทำการผ่าตัดเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงถูกไท่เฮาเข้าใจผิด หากไท่เฮาไม่เชื่อในตัวข้า ท่านสามารถไปดูแม่ทัพใหญ่ได้ อาการาเ็ที่ท้องของแม่ทัพใหญ่น่าจะยังอยู่ คงจะกลายเป็แผลเป็แล้ว” น้ำเสียงของหานอวิ๋นซีนิ่งและเรียบเฉย
ประกายแห่งความโกรธวาบขึ้นในดวงตาของไท่เฮา คิดไม่ถึงว่าเ้าเด็กคนนี้จะยังจำเื่นี้ได้ ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าเป็การเยาะเย้ยนาง
ไท่เฮาถึงกับเงียบไป
ทันทีที่พูดถึงกรณีที่ประสบความสำเร็จออกมา หานอวิ๋นซีก็โยนปัญหาให้กับฮ่องเต้เทียนฮุย และมอบอำนาจการตัดสินใจเื่นี้ให้กับเขา
“ฝ่าา อวิ๋นซีได้พูดไปอย่างชัดเจนแล้ว จะรักษาหรือไม่ ท่านเป็ผู้ตัดสินใจ”
ฮ่องเต้เทียนฮุยและหลงเทียนโม่ที่นอนอยู่บนเตียงมองหน้ากันผ่านม่านผ้าโปร่ง และเงียบกันเป็เวลานาน
หานอวิ๋นซีเป็คนฉลาด ผลวินิจฉัยของนางแตกต่างไปจากหานฉงอันอย่างสิ้นเชิง หากฮ่องเต้เทียนฮุยเชื่อนาง ก็ปล่อยให้นางรักษา แต่ถ้าหากไม่เชื่อ ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับนางเช่นกัน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หานฉงอันไม่กล้าพูดมากเกินไป อย่างไรก็ตามหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่สามารถวางแผนการรักษาได้ และการพูดมากเกินไปก็เหมือนกับการหาเื่ใส่ตัว
ครู่หนึ่ง ห้องทั้งห้องก็เงียบลง
โดยไม่คาดคิด ฮ่องเต้เทียนฮุยหันกลับมาช้าๆ และมองไปที่หลงเฟยเยี่ย “ฉินอ๋อง เ้าคิดว่าอย่างไร?”
หานอวิ๋นซีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก นางไม่คิดว่าฮ่องเต้เทียนฮุยจะถามหลงเฟยเยี่ย อย่างไรก็ตามหลงเฟยเยี่ยยังคงสงบนิ่งราวกับที่คาดไว้
การแสดงออกที่ไม่แยแสของเขา ทำให้ผู้คนยากที่จะเข้าใจ “เื่นี้เป็เื่สำคัญอย่างมาก เสด็จพี่ตัดสินใจเถอะ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อำนาจการตัดสินใจยังคงเป็ของฮ่องเต้เทียนฮุย
แน่นอนว่า ฮ่องเต้เทียนฮุยก็ไม่ใช่คนเื่มาก ดังนั้นเขาจึงถามต่อไปว่า “ฉินอ๋องเชื่อใจฉินหวังเฟยหรือไม่?”
คำถามดังกล่าว บังคับให้หลงเฟยเยี่ยต้องตอบ
หานอวิ๋นซีที่สับสน รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มีข่าวลืออย่างกว้างขวางว่าฮ่องเต้เทียนฮุยและฉินอ๋องเป็พี่น้องกัน ฉินอ๋องเป็ผู้กุมอำนาจไว้ และฮ่องเต้เทียนฮุยเองก็้ามีมารยาทกับเขา
อย่างไรก็ตาม ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้เทียนฮุยและฉินอ๋องไม่ได้ดูเป็พี่น้องที่รักใคร่กันมากนัก อย่างไรก็ดูเป็สิ่งที่พูดได้ยาก!
เมื่อฮ่องเต้เทียนฮุยถามคำถามนี้ หากหลงเฟยเยี่ยตอบว่าเชื่อ ถึงหานอวิ๋นซีจะทำพลาด ก็คงไม่มีความผิดใช่หรือไม่?
ถ้าหลงเฟยเยี่ยตอบว่าไม่เชื่อ เกมของหานหอวิ๋นซีก็จะจบลง
ตอนนี้ทุกคนหันไปมองที่หลงเฟยเยี่ย หลงเฟยเยี่ยเคยไปที่จวนท่านแม่ทัพเพื่อช่วยเหลือหานอวิ๋นซี ครั้งนี้เขาจะยังช่วยอีกหรือไม่?
เหตุใดเขาถึงต้องไปที่จวนท่านแม่ทัพด้วยตนเองแล้วสอนบทเรียนให้ฉางผิงและเ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ นั่นก็เพื่อช่วยหานอวิ๋นซีไม่ใช่หรือ?
ทำไมเขาถึงยอมให้มีผ้าตกสีแดง เขากับหานอวิ๋นซีแต่งงานกันจริงหรือ?
เป็เพราะหานอวิ๋นซีไม่ได้ขี้เหร่และมีทักษะทางการแพทย์ ดังนั้นเขาจึงมองหานอวิ๋นซีต่างออกไป เลยยอมรับภรรยาเอกคนนี้ไว้ในใจใช่หรือไม่?
คำถามที่น่าสงสัยเหล่านี้ มีไม่น้อยเลยทีเดียว!
ทุกคนคาดหวังคำตอบของหลงเฟยเยี่ย แต่ใครจะรู้ว่าเขากลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าเชื่อนางไปก็ไม่มีประโยชน์ หากจะมีประโยชน์ก็คงต้องเป็ฮ่องเต้กับไท่จื่อที่เชื่อในตัวนาง”
ด้วยประโยคง่ายๆ เพียงประโยคเดียว ใช้แรงเพียงเล็กน้อยแต่ได้ผลยิ่งใหญ่ สามารถแก้ไขสถานการณ์ของฮ่องเต้เทียนฮุยได้
หานอวิ๋นซีเกือบจะหัวเราะออกมา ชายผู้นี้เป็จิ้งจอกแก่เ้าเล่ห์จริงๆ
ฮ่องเต้เทียนฮุยเม้มริมฝีปาก เมื่อกำลังจะถามต่อ หลงเฟยเยี่ยกลับพูดว่า “เสด็จพี่ ไท่จื่อไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว เขาควรจะเป็อิสระ”
คำพูดเหล่านี้ หมายความว่าไท่จื่อควรตัดสินใจเื่ของเขาด้วยตัวเอง
การสนับสนุนของฉินอ๋องมีอิทธิพลสำคัญต่อองค์ชายทุกคน แน่นอนว่าฮ่องเต้ก็หวังเป็อย่างยิ่งว่าเขาจะสนับสนุนไท่จื่อ
ฮ่องเต้เทียนฮุยยิ้มและมองไปที่ไท่จื่อ “เทียนโม่ เสด็จอาของเ้าสอนบทเรียนนี้ให้เ้าแล้ว เ้าตัดสินใจเื่ของตัวเองเถอะ”
เจ็ดปีมาแล้ว หลงเทียนโม่พอแล้วจริงๆ
แม้ว่าในใจลึกๆ แล้วเขาจะยังไม่ไว้ใจหานอวิ๋นซี แต่เขาก็อยากจะลองดู ดีกว่าอยู่รอความตาย เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าหากโรคนี้ยังคงอยู่ เสด็จพ่อต้องยอมแพ้ในตัวเขาอย่างแน่นอน
ในความเงียบ เสียงของหลงเทียนโม่ชัดเจนเป็พิเศษ “ข้าจะรับการรักษา!”
หานอวิ๋นซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าใบหน้าแก่ชราของหานฉงอันที่อยู่ข้างๆ กลับมืดมน ปฏิกิริยาของไท่จื่อปฏิเสธเขาโดยสิ้นเชิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ฮ่องเต้เทียนฮุยพอใจเป็อย่างมากกับการตัดสินใจที่กล้าหาญของไท่จื่อ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ฉินหวังเฟย เริ่มตอนนี้เลยได้หรือไม่?”
“ข้าต้องทำการตรวจอย่างละเอียดเพื่อระบุตำแหน่งและขนาดของเนื้องอกก่อนที่จะเริ่มทำการรักษาได้” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
ทันทีที่ตัดสินใจทำการรักษา นางก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปทั้งตัวและรีบตรวจอย่างละเอียด
ในไม่ช้า นางก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในท้องของหลงเทียนโม่นั้นใหญ่กว่าที่นางคิดไว้ และยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วยเพราะนางกดจุดฝังเข็มหลายแห่ง จึงพบว่าสิ่งนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้
เห็นเพียงแววตาและใบหน้าที่ซับซ้อนของนาง
“เป็อย่างไร?” หลงเทียนโม่ถามอย่างประหม่า
หานอวิ๋นซียิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป สองวันนี้พักผ่อนให้เพียงพอก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดเื่ใดๆ ทั้งสิ้น”
ขณะที่นางพูด ก็ถอยออกมา ฮองเฮาและไท่เฮาเองที่อยู่รอบๆ ก็เดินเข้ามา
“เป็อย่างไรบ้าง?”
“สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทันทีหรือไม่?”
“้ายาอะไร บอกมาได้เลย”
…
“ใบสั่งยาค่อนข้างซับซ้อน ข้าต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะยืนยันได้” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน หานฉงอันก็รีบถามออกมาว่า “ฉินหวังเฟย ข้าแก่แล้วและไร้ความสามารถ แต่ก็คุ้นเคยกับยาเป็อย่างดีและยินดีที่จะช่วยเหลือท่าน”
หากหานอวิ๋นซีไม่สามารถรักษาได้ ตระกูลหานเองก็คงถึงจุดจบเช่นกัน แต่ถ้าหากรักษาหาย เขาก็จะได้รับประโยชน์จากนาง แน่นอนว่าเขาเองก็้าที่จะดูว่าความมั่นใจของสาวน้อยคนนี้มาจากที่ไหนกัน แล้วจะรักษาให้หายได้อย่างไร!
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินคำพูดของเขา และพูดอย่างจริงจังว่า “ฝ่าา ข้า้าให้หมอหลวงกู้เป่ยเยวี่ยมาช่วยเป็ลูกมือข้า”
เมื่อเทียบกับหานฉงอันแล้ว แน่นอนว่าฮ่องเต้เทียนฮุยไว้วางใจกู้เป่ยเยวี่ยมากกว่า ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงทันที “ทหาร ไปเรียกกู้เป่ยเยวี่ยมา!”
หานอวิ๋นซีหยุดเอาไว้ “ฝ่าา นี่ไม่ใช่เื่เล็กน้อย ข้าจะไปที่โรงหมอหลวง ปรึกษาเื่นี้กับหมอหลวงกู้ และจะออกใบสั่งยาให้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน”
สุดท้ายแล้วถึงที่นี่จะมีผู้คนมากมาย เพียงแค่ฮ่องเต้เทียนฮุยพยักหน้า ก็มีคนพาหานอวิ๋นซีไปที่นั่นทันที
หานฉงอันที่เฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น แต่ในเวลานี้ ไท่เฮากลับพูดอย่างเ็าว่า “หมอเทวดาหาน ข้าหวังว่าเ้ากลับไปรอข่าวดีเกี่ยวกับบุตรสาวของเ้าดีกว่า”
“ไท่เฮา กระหม่อมรับใช้ไท่จื่อมาเจ็ดปีแล้วและทราบอาการของไท่จื่อดีที่สุด ไยถึงไม่ให้กระหม่อมอยู่เฝ้า…”
ก่อนที่หานฉงอันจะพูดจบ ฮองเฮาก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา “เหอะๆ หานฉงอัน เ้ากำลังพูดถึงอะไรกัน? ไม่มีประโยชน์แล้วจะอยู่ให้รกหูรกตาทำไมกัน ข้าจะบอกเ้าไว้เลยนะ ภาวะชีพจรตั้งครรภ์ของสตรีเ้าก็เป็คนวินิจฉัยออกมา รอให้ไท่จื่อหายดีเมื่อไร ข้าจะจัดการเ้าแน่นอน!”
หานฉงอันกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงรีบขอตัวลาและหนีไปด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังอันบอบช้ำของหานฉงอัน แววตาของฮองเฮาก็เต็มไปด้วยความหม่นหมอง นางคิดว่าถ้าครั้งนี้หานอวิ๋นซีรักษาเทียนโม่ได้ เช่นนั้นความผิดของฉางผิงก็คงต้องปล่อยผ่านไปชั่วคราว และจะเป็นางที่ชดใช้ความผิด
แต่หากไม่สามารถรักษาให้หายได้ นางจะต้องถอนรากถอนโคนตระกูลหาน และทำให้ตระกูลแพทย์นี้หายไปตลอดกาลในแผ่นดินใหญ่! ปล่อยให้หานอวิ๋นซีกลายเป็คนบาปที่ทำลายตระกูลของตนเอง
ทั้งไท่เฮาและฮองเฮาไม่ได้ออกไปไหน ยังคงเฝ้าอยู่ข้างเตียงหลงเทียนโม่ และฮ่องเต้เทียนฮุยเองก็ดูเหมือนไม่มีความตั้งใจที่จะออกไปเช่นกัน สีหน้าของเขาจริงจังเป็อย่างมาก
ต้องยอมรับว่าพวกเขาทั้งหมดต่างเป็กังวล
นี่เป็โอกาสสุดท้ายของไท่จื่อ หากหานอวิ๋นซีไม่สามารถช่วยเขาได้ ฮ่องเต้เทียนฮุยคงทำได้เพียงแค่ยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจ
สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ก็อยู่ในมือของหานอวิ๋นซีและไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
หลงเฟยเยี่ยที่ดูเหมือนจะเป็คนที่ไม่มีพิษมีภัยที่สุด เขาลุกขึ้น เดินเข้าไปแล้วพูดว่า “เสด็จพี่ ไปกันเถอะ ข้าอยากดื่มชากับท่านเสียหน่อย”
ฮ่องเต้เทียนฮุยที่ได้สติกลับมา ก็พยักหน้าและออกไปกับหลงเฟยเยี่ย
“การปกครองประเทศนั้นง่าย แต่การปกครองครอบครัวนั้นยากเหลือเกิน” ฮ่องเต้เทียนฮุยถอนหายใจ
“ไท่จื่อเป็คนโชคดี เสด็จพี่สบายใจได้” หลงเฟยเยี่ยพูดอย่างใจเย็น
ฮ่องเต้เทียนฮุยที่ถามลองเชิงเขาไปมากกว่าหนึ่งครั้ง ทว่ากลับไม่สามารถรู้ท่าทีของเขาได้เลย ดังนั้นจึงได้แต่ยอมแพ้ในทุกครั้ง
เขาอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็ไท่จื่อหรือองค์ชายองค์อื่นๆ ก็ไม่มีใครเทียบได้กับฉินอ๋อง ความจริงแล้ว ถ้าไท่เฮาไม่ได้วางแผนต่อต้านอี้ไท่เฟย เขาก็คงไม่ได้นั่งบัลลังก์เช่นตอนนี้หรอก
อาณาจักรทางตอนเหนือเป็ประเทศศัตรูของเทียนหนิง แต่ในสายตาของฮ่องเต้เทียนฮุย น้องชายคนนี้ที่อายุไล่เลี่ยกับลูกชายของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่ากองทัพเสือและหมาป่าของอาณาจักรทางตอนเหนือเสียอีก!
“การสอบสวนทางเหนือเป็อย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้เทียนฮุยถาม
“ยังมีปลาตัวใหญ่ซุ่มอยู่ แต่ข้าก็ได้เหวี่ยงแหไปแล้ว” หลงเฟยเยี่ยตอบตามความจริง
“เ้าต้องรู้ว่าหากไม่มีผู้ที่อยู่เื้ั ปฏิบัติการลับเหล่านี้จะไม่สามารถทำให้เกิดพายุใหญ่เช่นนี้ได้” ฮ่องเต้เทียนฮุยพูดเตือนอย่างเ็า
“ข้าเข้าใจแล้ว เสด็จพี่เองก็วางใจเถิด” หลงเฟยเยี่ยที่นิ่งสงบจนทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเ็า
ทั้งสองพูดพลางเดินเข้าไปในสวน และในขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีก็เพิ่งจะมาถึงโรงหมอหลวง
กู้เป่ยเยวี่ยเป็หัวหน้าของโรงหมอหลวง ดังนั้นที่แห่งนี้จึงเป็ขอบเขตอิทธิพลของเขา
ทันทีที่เขาได้ยินว่าหานอวิ๋นซีมาเพื่อจัดการเื่ของไท่จื่อ เขาก็รีบไล่หมอตี๋[1]ทั้งหมดในห้องออกไปทันที และสั่งให้เฝ้าประตูโดยห้ามให้ใครเข้ามาใกล้
หานอวิ๋นซีที่ยังไม่ได้พูดอะไร เมื่อเห็นเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมว่ากู้เป่ยเยวี่ยที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่กลับเป็คนที่น่าเกรงขามเช่นกัน
ถ้าหลงเฟยเยี่ยเป็จิ้งจอกเ็า ชายผู้นี้ก็เป็จิ้งจอกที่อ่อนโยน
หลังจากปิดประตู เขาก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางสงบ พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ “ฉินหวังเฟย การวินิจฉัยออกมาแล้วใช่หรือไม่?”
เื่ใหญ่เช่นนี้ หากเป็คนอื่นต้องรู้สึกตื่นเต้นมากๆ อย่างแน่นอน
แต่กู้เป่ยเยวี่ยนั้นมักจะสงบนิ่งอยู่เสมอ หานอวิ๋นซีชอบที่จะเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเขาเป็พิเศษ รอยยิ้มแบบนี้สามารถทำให้นางใจเย็นลงได้ทันที อย่างไรก็ตาม ราวกับว่าทุกครั้งจะเป็นางที่ทำลายความสงบในสายตาของเขา
“ไม่ใช่ชีพจรตั้งครรภ์ของสตรี” นางพูดด้วยรอยยิ้ม
-------------------------------
[1]หมอตี๋ (药童) คือ แพทย์หรือเภสัชกรที่ไม่มีใบอนุญาต