“คุณชาย สินค้าที่ฝูอันถังส่งมาได้ย้ายเข้าในลานบ้านทั้งหมดแล้ว ท่าน้าจะไปดูหรือไม่เ้าคะ?” ชิงเหมยรายงายอยู่นอกห้องหนังสืออย่างเคารพนบนอบ
ต้นไม้ที่เพาะปลูกไว้ในที่พักไท่อันเขียวขจีอยู่ตลอดสี่ฤดู เขตที่พักอาศัยภายในบ้านจึงเงียบสงัดและสงบ
กู้ฉีนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้หวงฮวาหลี [1] ฝึกคัดลายมืออย่างตั้งใจ เมื่อก่อนเขาร่างกายอ่อนแอ ไม่ขยันจริงจังกับการอ่านหนังสือรู้ตัวอักษร ส่วนใหญ่เป็สามวันตกปลาสองวันหว่านแห [2] ส่วนการบ้านของท่านอาจารย์ในตอนนั้นก็สอนชัดเจนและเข้าใจง่าย แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเรียกร้องหรือเคี่ยวเข็ญอะไรจากเขามากนัก
ขณะนี้ร่างกายของเขาค่อยๆ ฟื้นคืนสู่สภาพปกติ มีบางสิ่งที่ต้องเริ่มหยิบจับขึ้นมาใหม่
กู้ฉีกำลังวางแบบฝึกคัดลายมือที่เขียนเสร็จแล้วไว้ข้างหนึ่ง ใช้ที่ทับกระดาษทับไว้สี่มุม
เขาหยัดกายลุกขึ้นยืน เดินไปถึงหน้าประตูห้อง ดึงประตูของห้องหนังสือให้เปิดออก เห็นชิงเหมยยืนอยู่ข้างหนึ่งอย่างเคารพนอบน้อม
“ครั้งนี้ส่งอะไรมาหรือ?”
“เรียนคุณชาย เป็ผลพุทรากับเมล็ดบัวเ้าค่ะ”
ผลพุทราบ้านนางสุกแล้ว? กู้ฉีคิดขึ้นได้ว่าต้นพุทราสองต้นในลานบ้านของสกุลหูเขียวจนเป็มันขลับ ดวงตาจึงอดเป็ประกายขึ้นไม่ได้
เขาขยับไปตามที่ใจคิด มุ่งก้าวไปยังทิศทางห้องครัวเล็ก
พุทราผลสีแดงในกล่องไม้แบนยาวแผ่เรียบเสมอกัน รูปร่างผลอวบอิ่มสีมันวาวดูชุ่มชื้นนัก
กู้ฉีนั่งกึ่งยองลงไป กำขึ้นหนึ่งกำพิจารณาอย่างละเอียด ผลพุทราสีแดงลูกใหญ่แต่ละเม็ดอวบอิ่มเป็มันวาว เหมือนลักษณะผลผลิตที่เป็ของสกุลหูจริงๆ ด้วย มุมปากของเขาอดโค้งยิ้มขึ้นไม่ได้
ข้างกล่องไม้มีกระปุกปิดสนิทใบหนึ่ง คิดไปแล้วของที่ใส่อยู่ด้านในต้องเป็เมล็ดบัวแน่นอน
“ล้างผลพุทราส่วนหนึ่งให้สะอาด แล้วนำไปมอบให้ท่านแม่ พี่ชายใหญ่และท่านย่าคนละหนึ่งตะกร้า” เขาลุกขึ้นยืนแล้วออกคำสั่ง “ส่วนเมล็ดบัว ปกติแล้วควรใช้ทำอาหารอะไร?”
“เรียนคุณชาย เมล็ดบัวปกติใช้เคี่ยวกับโจ๊กหรือตุ๋นน้ำแกงเ้าค่ะ” ชิงเหมยตอบ
กู้ฉีพยักหน้า “เช่นนั้นก็เก็บไว้เคี่ยวโจ๊กหรือตุ๋นน้ำแกง ครั้งนี้มีจดหมายมาพร้อมการเดินทางหรือไม่?”
“เรียนคุณชาย ไม่มีจดหมายเ้าค่ะ แต่คนขับเกวียนบอกว่า สกุลหูฝากหลิวผิงนำสินค้าที่เหมือนกันหนึ่งชุดไปส่งให้คุณหนูลูกผู้น้องของจวนท่านโหวเหวินชางด้วยเ้าค่ะ” ชิงเหมยกล่าว
นำไปมอบให้โหยวอวี่เวย? กู้ฉีหางตากระตุกหนึ่งที สองคนนี้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไปดีเช่นนี้ั้แ่เมื่อไรกัน?
ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวผู้นั้นจะมอบให้โหยวอวี่เวยเหมือนกันหนึ่งชุดด้วย ในใจกู้ฉีบอกไม่ได้ว่าสุขหรือทุกข์
รอจนชิงเหมยนำผลพุทราที่ล้างสะอาดแล้วหนึ่งถาดเข้ามา กู้ฉีก็หยิบหนึ่งเม็ดใส่เข้าในปาก สดชื่นหวานกรอบ เอร็ดอร่อยอย่างมาก
เม็ดแล้วเม็ดเล่า ไม่นานผลพุทราครึ่งหนึ่งในถาดเครื่องเคลือบลายครามก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
กลับเมืองหลวงมาครั้งนี้ ร่างกายของเขาค่อยๆ ดีขึ้น บิดา้าให้เขาเริ่มชดเชยบทเรียนขึ้นใหม่ รอถึงเวลาที่เหมาะสมก็สามารถรับพระราชทานตำแหน่งเข้ารับราชการได้ เพื่อเตรียมอนาคตที่ดีของเขา
กู้เจวี๋ยพี่ชายของเขาเริ่มเข้ารับราชการไปอยู่ในส่วนที่ว่าง ตอนนี้ดำรงตำแหน่งหยวนไหว้หลาง [3] ขั้นห้าของลี่ปู้ [4]
กู้ฉีรู้ว่าอนาคตของเขาอาจเป็เช่นนี้ รับพระราชทานตำแหน่งเพื่อเข้ารับราชการในตำแหน่งที่ว่างอยู่ หลังจากนั้นก็แต่งภรรยาและมีลูก ทำตามขั้นตอนทีละขั้น
แต่เหตุใดในใจของเขากลับมีความต่อต้านและคัดค้านกันนะ อนาคตเช่นนี้เป็แบบที่เขา้าจริงหรือ?
กู้ฉีจิตใจห่อเหี่ยวเล็กน้อย
...ลานซีคว่าของจวนท่านโหวเหวินชางเป็เขตที่พักอาศัยของโหยวฮั่นนายท่านคนที่สาม
มีทะเลสาบฝีมืุ์สร้างขึ้นตรงกลางลานบ้าน ใบบัวเหี่ยวเฉาหนึ่งผืนใหญ่แสดงถึงความเงียบเหงาของการเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เรือลำเล็กไม่กี่ลำในทะเลสาบกำลังเคลื่อนไปทำความสะอาดใบบัวที่เหี่ยวโรยรานั้น
ต้นหลิวที่อยู่ริมฝั่งถูกลมโชยพลิ้วไหว ในระหว่างศาลา หอสูง แท่นชมวิว ศาลาพักร้อนริมน้ำและลานบ้านที่อยู่ไม่ไกลออกไป ต่างขับเด่นซึ่งกันและกัน
ในลานจิ่นหรง ใต้ต้นไม้ตรงมุมกำแพง เสียงหัวเราะของเด็กสาวดังขึ้นราวกับระฆังเงิน
“ไกวขึ้นสูงหน่อย!”
“สูงขึ้นอีกหน่อย!”
“ฮ่าๆ”
โหยวอวี่เวยนั่งอยู่บนชิงช้าที่แกว่งอยู่ แกว่งขึ้นแกว่งลง ยิ่งแกว่งยิ่งสูง
เฉินซื่อยืนอยู่ใต้ชายคาของระเบียงด้วยความกังวลใจ
“เ้าเด็กคนนี้ จริงๆ เลยเชียว ทำไมยิ่งผลักยิ่งสูง หากตกลงมาจะทำอย่างไร”
เมอเมอหวังก้มศีรษะหลุบตาลงและกล่าวด้วยเสียงสุภาพ “คุณหนูชื่นชอบการแกว่งชิงช้ามาั้แ่เด็ก ท่านอย่ากังวลใจเลย ด้านข้างมีสาวใช้ดูแลอยู่ เหล่าหนี่ว์กำชับพวกนางแล้วเ้าค่ะ”
“เฮ้อ เด็กคนนี้ดื้อรั้นมาั้แ่เด็ก ชื่นชอบของอยู่อย่างเดียว เปลี่ยนแปลงไปน้อยนัก” เฉินซื่อถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ออกจากเมืองหลวงกลับมาครั้งนี้ โหยวอวี่เวยเหมือนโตขึ้นเล็กน้อย คุณชายกู้ฉีนั่นกลับมาถึงเมืองหลวง แต่นางกลับไม่ได้ไปหาเขาทันที อดทนอยู่สองวันถึงไปจวนสกุลกู้ เื่ของพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรดี”
เื่โหยวอวี่เวยที่เมืองไท่ผิง เมอเมอหวังล้วนรายงานให้เฉินซื่อทราบเป็เื่ๆ ไป
พอเฉินซื่อฟังจบ เงียบไม่พูดจาอยู่นาน ที่จริงนางรู้นานแล้วว่ากู้ฉีไม่ได้ใส่ใจโหยวอวี่เวย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าท้ายสุดแล้วจะมาถึงจุดที่หลบเลี่ยงไม่ทัน
บุตรสาวอันเป็ที่รักที่นางประคองอยู่ในอก เมื่อถูกคนรังเกียจ นางไม่โกรธสิถึงจะแปลก
แต่เฉินซื่อก็เข้าใจกู้ฉีเช่นกัน อย่างไรเสียเื่ของความรู้สึกก็บังคับกันไม่ได้ นางเองก็เคยผ่านวัยหนุ่มสาวมาแล้วเหมือนกัน
นางเพียงสงสารบุตรสาวของนาง ฝ่ายที่ทุ่มเทมากก็ยิ่งได้รับาเ็มากกว่า
ส่วนหลี่หรงเหนียงที่เมอเมอหวังเอ่ยถึง เฉินซื่อหวนคิดเล็กน้อย ราวกับว่ามีคนคนนี้อยู่จริงด้วย คนรับใช้หญิงระดับสองที่ซื่อสัตย์ไม่มารยาสาไถย ให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน ไม่คิดเลยว่าหลังถูกในจวนส่งขายออกไป กลับแต่งให้ครอบครัวที่ดีได้
เมื่อก่อนตอนเด็กโง่เขลา ผิดที่เห็นบุรุษทรยศเป็คนดีงาม ทำให้สาวใช้ค่อนข้างโตสองคนในตอนนั้นต้องสละชีวิต ภายหลังนางทรมานใจจากความละอายอยู่นานมาก จึงทำได้เพียงชดใช้ให้ครอบครัวของพวกนางมากขึ้น
ในเมื่อเป็สาวรับใช้ที่ขายทิ้งออกไป ย่อมไร้ความเกี่ยวข้องกับสกุลเฉินแล้ว แม้หลี่หรงเหนียงรักษาเสียงได้หายขาด ขอแค่นางไม่พูดจาสร้างความวุ่นวาย เฉินซื่อก็ไม่คิดจะไปสืบหาสาเหตุมากมายอะไร
ขณะที่กำลังพูดอยู่ คนรับใช้ก็เข้ามารายงานว่าทางชายแดนเอ้อโจวนำผลพุทราและเมล็ดบัวหนึ่งกล่องใหญ่มาส่งให้ ระบุว่านำมาส่งให้คุณหนูสี่
ชายแดนเอ้อโจว? เฉินซื่องงงวย หรือเป็ลุงคนรองส่งมา? เหมือนว่าจะไม่ใช่นะ ของขวัญวันไหว้พระจันทร์ก็ได้ส่งมาแล้ว นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง ทั้งยังระบุชื่อว่านำมาส่งให้โหยวอวี่เวยด้วย
ในใจเมอเมอหวังกระตุก พลันคิดอะไรขึ้นได้
“ฮูหยิน น่าจะเป็บุตรสาวของหรงเหนียงผู้นั้นส่งมาให้คุณหนู ตอนแรกคุณหนูอยู่บ้านสกุลหูได้พูดคุยกับบุตรสาวของนางมีความสุขอย่างมากเลยเ้าค่ะ”
“มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ เร็ว ให้โหยวอวี่เวยมานี่” เฉินซื่อเกิดความคิดขึ้น หาข้ออ้างให้นางลงจากชิงช้าได้พอดีเลย
เมอเมอหวังรับคำสั่งเข้าไปถ่ายทอด
ไม่นาน ใบหน้าเล็กของโหยวอวี่เวยก็วิ่งโผเข้ามา
“อยู่ไหน ผลพุทราของข้าที่น้องสาวเจินจูส่งมาให้ล่ะเ้าคะ?”
“ไอ๊หยา บรรพบุรุษตัวน้อยของข้า เ้าช้าหน่อย” เฉินซื่อรีบเข้าไปประคองนางทันที หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนผ้าไหมมาเช็ดเหงื่อให้นาง “ข้าให้ย้ายเข้ามาแล้ว เ้าเข้าบ้านไปดื่มน้ำลูกบ๊วยก่อน ่นี้ร้อนอบอ้าวที่สุด หลังเข้าฤดูใบไม้ร่วงก็ร้อนอย่างมาก ดูเหงื่อเต็มศีรษะเ้านี่สิ”
“ท่านแม่ ข้าจะบอกท่าน ต้นพุทราของบ้านน้องสาวเจินจูเขียวขจีนัก ข้าไม่เคยเห็นใบไม้ไหนที่เขียวอย่างนี้มาก่อน เขียวจนเป็มันขลับเลยล่ะ บนต้นพุทราเขียวเพียงนี้ผลพุทราต้องออกมาอร่อยมากอย่างแน่นอนเ้าค่ะ” โหยวอวี่เวยวาดมือไม้ด้วยความดีอกดีใจ รอยยิ้มเอ่อล้นเต็มอยู่ทั้งดวงตา
ในใจเฉินซื่อเบิกบานนัก หลายวันแล้วที่บุตรสาวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้ หาได้ยากที่นางจะมีความสนใจอย่างมากต่อสิ่งหนึ่ง บุตรสาวตัวน้อยสกุลหูผู้นี้มีวาสนาเข้ากันกับโหยวอวี่เวยนัก
“อึกๆๆ” โหยวอวี่เวยดื่มน้ำลูกบ๊วยแช่เย็นจนหมด ผลพุทราและเมล็ดบัวก็จัดวางอยู่ในลานบ้านแล้ว
“ท่านแม่ ท่านดูสิเ้าคะ ผลพุทราของครอบครัวนางงดงามอย่างที่คิดจริงด้วย ลูกแดงสด รูปร่างใหญ่กว่าผลพุทราทั่วไปนัก” สองมือของโหยวอวี่เวยกอบผลพุทราขึ้น ยิ้มกว้างจนดวงตาสองข้างหยี
“ค่อนข้างใหญ่มากจริงด้วย เมอเมอ ให้คนหยิบไปล้างให้คุณหนูชิมเสียหน่อยสิ” เฉินซื่อเห็นดวงตาสองข้างยิ้มกว้างของบุตรสาว รอยยิ้มบนใบหน้าก็หยุดไม่ได้เช่นกัน
โหยวอวี่เวยเปิดอีกหนึ่งกล่องด้านข้างออก ด้านในเป็เมล็ดบัวตากแห้ง
“โอ๊ะ เมล็ดบัวของครอบครัวน้องสาวเจินจูใหญ่กว่าของที่บ้านอีก ท่านแม่ ท่านดูสิ รูปร่างก็ใหญ่มากด้วย รสชาติก็สดชื่นกว่าของที่บ้านอีกเ้าค่ะ”
นางใช้เล็บมือแกะเปลือกเมล็ดบัวเขี่ยออก เมล็ดบัวด้านในมีสีขาวเหลือง นางแกะด้านในเมล็ดบัวออกอีกทีด้วยความชำนาญ หลังจากนั้นนำเมล็ดบัวใส่เข้าในปาก ลานซีคว่าก็ปลูกดอกบัวเช่นกัน นางมักเก็บโคนของรากบัวมาทานเป็อาหารว่างอยู่บ่อยๆ
“อื้ม... หวานมาก อร่อยกว่าของที่บ้านอีก”
เฉินซื่อมองนางที่เหมือนกระรอกก็ไม่ปาน แกะออกมาเม็ดแล้วเม็ดเล่า อดเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ “เอาล่ะ ให้สาวรับใช้จัดเก็บของให้เป็ระเบียบก่อน อีกเดี๋ยวยกขึ้นโต๊ะแล้วค่อยทาน”
ขณะกล่าวก็ดึงนางกลับเข้าห้องโถงไปด้วยกัน
“ท่านแม่ ท่านน่ะไม่รู้ แตงกวาของบ้านน้องสาวเจินจูอร่อยมากจริงๆ พี่ชายกู้อู่มักซื้อวัตถุดิบของบ้านนางบ่อยๆ ครั้งที่แล้วนางเชิญข้าชิมแตงกวาที่บ้านนางปลูก โอ้โห ข้าไม่เคยทานแตงกวาที่สดและกรอบขนาดนั้นมาก่อนเลย อร่อยมากเ้าค่ะ ถามเมอเมอหวังดูก็ได้ นางก็ชิมด้วยเช่นกัน” โหยวอวี่เวยพูดสิ่งที่พบเห็นจากบ้านสกุลหูอย่างไม่หยุดปาก “กุหลาบพันธุ์ไม้เลื้อยและหวายม่วงของบ้านนางเติบโตได้สวยงามมากด้วย เป็ผืนใหญ่โต ผลิบานได้สวยสดงดงามยิ่งนัก มองไปจากที่ไกลๆ ทั้งกำแพงบ้านเป็สีชมพูและม่วงเต็มไปหมด ลานบ้านของนางเหมือนถูกโอบล้อมขึ้นด้วยดอกไม้ งดงามมากจริงๆ เ้าค่ะ”
“บ้านนางยังเลี้ยงสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่หนึ่งตัวด้วย ฉลาดอย่างมาก เห็นพวกข้าก็ไม่เห่า แต่มันเชื่อฟังแค่คำของนางเท่านั้น ข้าร้องเรียกมัน มันไม่สนใจข้าเลย แล้วยังเลี้ยงแมวดำหนึ่งตัวด้วยนะเ้าคะ แต่ข้าเคยเห็นแค่ครั้งเดียวเอง น้องสาวเจินจูบอกว่ามันลึกลับนัก มักวิ่งออกไปเล่นในูเาอยู่เสมอ เก่งกาจมากเลยเ้าค่ะ”
“น้องสาวเจินจูมีน้องชายคนหนึ่งนามว่าผิงอัน หน้าตาค่อนข้างงดงามมากเลยล่ะ ทุกวันเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน อ้อ ตอนนี้มารดาของนางยังตั้งครรภ์เ้าตัวเล็กอีกด้วย ต่อไปนางจะมีน้องสาวหรือน้องชายมากขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว…”
โหยวอวี่เวยกล่าวเื่ครอบครัวสกุลหูกับเฉินซื่อไม่หยุด เฉินซื่อฟังนางบรรยายอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินว่าหลี่หรงเหนียงตั้งครรภ์ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็หยุดชะงักลง บุตรสาวที่น่าสงสารของนาง เพราะมารดาตนเองไร้ความสามารถ ไม่สามารถมีน้องสาวหรือน้องชายเป็เพื่อนให้นางได้ เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวตลอด ในจวนไม่มีลูกพี่ลูกน้องจริงๆ เลย เวลาส่วนใหญ่ทำได้เพียงอาศัยอยู่ในลานบ้านของตนเองเท่านั้น
รอหลังจากสาวรับใช้ยกพุทราแดงล้างสะอาดมาให้แล้ว โหยวอวี่เวยก็ใส่เข้าในปากหนึ่งคำทันที
“อร่อย ทั้งหวานทั้งกรอบ ท่านแม่ ท่านก็ชิมดูสิเ้าคะ”
เฉินซื่อหยิบผลพุทราขึ้นมาหนึ่งเม็ด ลองชิมหนึ่งคำ ผลไม้เนื้ออวบอุดมสมบูรณ์ น้ำมากสดกรอบ อร่อยจริงๆ ด้วย
“อร่อยใช่ไหมล่ะเ้าคะ ฮ่าๆ” โหยวอวี่เวยใส่เข้าในปากอีกหนึ่งเม็ด “ทางชายแดนของพวกนางดินอาจจะดี แตงกวาที่ปลูกจึงล้วนอร่อยกว่าภายนอกนัก”
“เ้าทานช้าหน่อย มีเม็ดนะ ระวังสำลักเข้า” เฉินซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากของนาง หันหน้าไปออกคำสั่ง “เอาผลพุทราไปล้างให้สะอาด แล้วส่งไปให้แต่ละบ้านสักหน่อย”
โหยวอวี่เวยได้ยินเช่นนั้นะโขึ้นมาทันที “ไม่ได้ ให้ได้แค่ท่านลุงใหญ่กับท่านปู่คนละหน่อย ที่เหลือล้วนเป็ของข้าเ้าค่ะ”
เฉินซื่อเห็นดังนั้นก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก บุตรสาวที่โตเพียงนี้ยังหวงของกินอยู่อีก นางอธิบายด้วยความอดทน “เ้าชอบทานผลพุทรา หมู่บ้านของเราก็มี รอทานหมดแล้วค่อยให้พวกเขาส่งมาสดๆ สักหน่อย ผลพุทรามากมายเช่นนี้ วางไว้นานก็ไม่สดแล้ว”
“ไม่เอา ของในหมู่บ้านไม่อร่อย ข้าชอบของที่น้องสาวเจินจูส่งมาให้ ไม่สดก็อร่อยเช่นกัน ห้ามเอาไปให้ผู้อื่นนะเ้าคะ” โหยวอวี่เวยทำหน้ามุ่ย ผลพุทราเหล่านี้ต้องส่งไปจวนสกุลกู้หนึ่งชุดแน่นอน นางอยากทานของสิ่งเดียวกันกับพี่ห้า พอเป็เช่นนี้แล้วนางรู้สึกว่าสองคนจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นหน่อย
“ได้ๆๆ ไม่ให้ เก็บไว้ให้อวี่เวยทานเอง” เฉินซื่อรับปากนางอย่างตามใจ
“ท่านแม่ก็ทานด้วยสิเ้าคะ” โหยวอวี่เวยยื่นให้นางหนึ่งเม็ด “รอท่านพ่อกลับมาจะให้ท่านพ่อชิมด้วยเ้าค่ะ”
เฉินซื่อใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส รับผลพุทรามาแล้วใส่เข้าในปาก รู้สึกว่าผลพุทรารสชาติหวานราวกับน้ำผึ้งก็ไม่ปาน
สองคนหยิบลูกแล้วลูกเล่า ไม่นานผลพุทราหนึ่งถาดก็กวาดไปจนหมดเกลี้ยง
เชิงอรรถ
[1] ไม้หวงฮวาหลี (黄花梨) คือ ไม้มีราคาในสมัยราชวงศ์ิและชิง เ้าขุนมูลนาย ฮ่องเต้จะต้องมีเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหวงฮวาหลีไว้ใช้งานประดับบารมี ไม้ชนิดนี้เป็ไม้เขตร้อน พบทางจีนตอนใต้และเวียดนาม ไม่พบในไทย บางคนเรียกไม้พะยูงหอม มีความโดดเด่นที่ลวดลายสวยงาม ยิ่งเก่ายิ่งมีริ้วและประกายสีเหลืองทองในเนื้อไม้
[2] สามวันตกปลาสองวันหว่านแห (三天打鱼两天晒网) หมายถึง เดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิก
[3] หยวนไหว้หลาง (员外郎) คือ รองอธิบดีของกรม
[4] ลี่ปู้ (礼部) คือ เสนาบดีกรมธรรมการ กรมนี้ทำหน้าที่คล้ายกรมการศาสนากับกรมพิธีการทูต ทั้งทำหน้าที่บวงสรวงพิธีกรรม นอกจากนั้นยังทำหน้าที่ดูแลควบคุมนักบวชทั้งพระ ทั้งนักพรตทั่วราชอาณาจักร ต้อนรับทูต รวมไปถึงการจัดสอบจอหงวนด้วย นิยมแปลว่ากรมพิธีการ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้