หลินเยว่รีบสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเป็การควบคุมอาการตื่นเต้นของตนเองให้ลดลง เขาถอนสายตากลับมาพร้อมหลับตาลง
ณ เวลานี้เอง หลินเยว่จึงพบว่าดวงตาของเขาไม่รู้สึกเ็ปอีกแล้ว และการใช้พลังพิเศษในครั้งนี้กลับไม่มีผลกระทบที่ตามมาเหมือนแต่ก่อนเลย
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในใจของหลินเยว่เกิดความสงสัย แต่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจมาก
หลังจากรอจนฟื้นตัวกลับมาเป็ปกติ หลินเยว่ถือมีดแกะสลักไว้ในมือ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ขึ้นอีกครั้งพร้อมถามขึ้น “เถ้าแก่ มีดเล่มนี้มาถึงั้แ่เมื่อไรหรอ?”
“เพิ่งมาถึงวันนี้เอง พอเอาออกมาวางโชว์คุณก็เห็นมันพอดี สหายหนุ่ม ตาแหลมไม่เลวเลย ฮ่าๆ......”
หลินเยว่รู้สึกโล่งอกทันที เขาได้แต่รำพึงถึงความโชคดีของตัวเอง โชคดีที่เขามาเร็ว มิฉะนั้นคงจะถูกคนที่มองของเป็ซื้อตัดหน้าไปก่อนแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะกำมีดแกะสลักที่อยู่ในมือให้แน่นขึ้น
“แล้วทำไมถึงไม่เอาคราบดินที่อยู่้าออกล่ะ?” หลินเยว่ถามขึ้น
เ้าของแผงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น “นี่เป็การเตรียมไว้สำหรับคนที่มองของเป็น่ะ หากทุกคนสามารถมองเห็นสภาพด้านในจริงๆ ก็คงจะถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว”
ถึงเ้าของแผงจะเอ่ยปากพูดออกมาเช่นนี้ แต่ความจริงเขากลับสบถขึ้นในใจ “หากข้าสามารถเอามันออกไปได้ ข้าคงไม่ปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้นหรอก!”
ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะไม่รู้ว่าเ้าของแผงคิดอย่างไร แต่คำพูดของเ้าของแผงกลับทำให้หลินเยว่ต้องเบะปากอย่างอดไม่ได้ “เป็การเตรียมไว้สำหรับคนที่มองของเป็” เหตุผลบ้าบออะไรกัน มันเป็เพียงคำพูดเพ้อเจ้อเท่านั้นเอง หลินเยว่คิดว่าเ้าของแผงอาจจะเอาไม่ออก หรือไม่ก็ไม่อยากเอาออกเท่านั้นแหละ หากสามารถเอาออกได้ก็คงทำไปนานแล้ว ลักษณะภายนอกดูสวยงามถึงจะสามารถขายได้ราคาดี แต่ดูสภาพตอนนี้สิ มันแย่มาก คิดจะขายให้ผีบ้าหรือไง!
แต่ทว่าเขาไม่ใช้ผีบ้า เขาเป็คนครึ่งเซียนน่ะ!
“เถ้าแก่ ขอราคาที่แท้จริงเลยละกัน บอกมาเลยว่าราคาเท่าไรกันแน่”
หลินเยว่ไม่คิดจะพูดจาไร้สาระต่อไป เขาจึงถามราคาออกมาโดยตรง
เถ้าแก่ชูนิ้วมือทั้งห้าออกมา “ห้าหมื่น”
“ห้าหมื่น? ขูดเืขูดเนื้อกันหรือไง!”
หลินเยว่ะโออกมาเสียงดัง และเสียงนี้ก็ทำให้คนรอบๆ ตัวต่างหันมามองอย่างสนใจ
เมื่อรับรู้สึกสายตาของคนรอบตัว หลินเยว่จึงกดเสียงต่ำลงทันที “เถ้าแก่ ราคาที่คุณ้าโหดเกินไปหรือเปล่า ทำไมถึงแพงขนาดนี้!”
“นี่เป็ราคาตามป้าย และก็ถือว่าไม่แพงด้วย”
เ้าของแผงพูดอย่างมั่นใจ เหมือนกับว่าเขากุมชัยชนะเอาไว้ในมือ สีหน้าท่าทางของเขาดูนิ่งมาก
“ห้าหมื่นยังไม่ถือว่าแพงอีกหรอ! ถึงจะเป็ดาบสั้นสัมฤทธิ์ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกราคาก็แค่ระดับหนึ่งหมื่นหยวนเท่านั้นหรือเปล่า คุณตั้งราคาโหดเกินไปแล้ว” หลินเยว่พูดโพล่งออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะอันที่จริงเขาไม่รู้ว่าดาบสั้นสัมฤทธิ์ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกจะมีราคาเท่าไรกันแน่ แค่ว่าเขารู้สึกว่ามันคงไม่ได้แพงไปกว่านี้
“ของพวกนั้นเป็แค่ของปลอม หรือไม่ก็เป็ของเลียนแบบที่ทำขึ้นมาในภายหลัง ราคาก็ย่อมถูกเป็ธรรมดา”
“ของปลอม? ของเลียนแบบ?” หลินเยว่ได้ยินก็รู้สึกตกตะลึง ร่างของเขาเกร็งค้างขึ้นทันที เขามองเ้าของแผงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อพร้อมถามเสียงต่ำ “ความหมายของคุณก็คือของชิ้นนี้คุณรับประกันว่าเป็ของแท้?”
เ้าของแผงเอาแต่ยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในสายตาของหลินเยว่ รอยยิ้มของเ้าของแผงนั้นหมายถึงว่าอีกฝ่ายยอมรับว่าเป็เื่จริง เขายิ่งรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครในสถานที่แห่งนี้กล้ารับประกันว่าของของตนเองเป็ของแท้จริงๆ ถึงจะเป็หรงเล่อเซวียนที่เป็ร้านวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงยาวนานเช่นนี้ก็ยังไม่กล้ารับประกันว่าเป็ของแท้อย่างแน่นอน แล้วเพราะเหตุใดเ้าของแผงผู้นี้ถึงได้มีความมั่นใจเช่นนี้ล่ะ?
หรือว่า......
หลินเยว่สะดุ้งเฮือก เขาคิดออกแล้ว มีอีกกรณีหนึ่งที่อาจจะเป็ไปได้... เขาเคยได้ยินท่านเฮ่อฉางเหอพูดว่าตลาดวัตถุโบราณนี้ มีบางคนเป็โจรขุดสุสาน พวกเขาจะนำของที่ดูไม่ค่อยน่าสนใจออกมาขายเอง แต่หากเป็ของชิ้นใหญ่ๆ พวกเขาก็จะไม่เอามาขายที่นี่ หากมีดแกะสลักเล่มนี้ขุดมาจากสุสานจริงๆ การที่เขารับประกันว่าเป็ของแท้ก็ไม่ได้ผิดอะไร
เมื่อหลินเยว่คาดการณ์เช่นนี้ เขาจึงหันหน้าไปถามเ้าของแผงเสียงต่ำ “มีดเล่มนี้คงไม่ได้ขุดมาจากในดินหรอกนะ?” นี่เป็คำพูดในตลาดมืด ซึ่งเป็ประโยคที่หลินเยว่เรียนรู้มาจากท่านเฮ่อฉางเหอ หากเ้าของแผงเป็โจรขุดสุสานจริงๆ ย่อมต้องเข้าใจเป็อย่างดี
และเป็ไปตามคาด อีกฝ่ายได้ยินประโยคนี้ก็เกิดอาการเกร็งค้างขึ้นอย่างกะทันหัน รอยยิ้มบนใบหน้าดูแข็งขึ้นเล็กน้อย
หลินเยว่ดูสีหน้าของอีกฝ่ายเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าคำตอบคืออะไร เขาทายได้ถูกต้องจริงๆ อีกฝ่ายอาจจะเป็โจรขุดสุสานโดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็คนที่รับซื้อของจากโจรขุดสุสานโดยตรงก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็กรณีไหน ก็ไม่ใช่เื่ที่หลินเยว่จะต้องเข้าไปยุ่ง และหลินเยว่ก็ไม่ได้คิดว่าตนเองจะมีคุณธรรมจนถึงขั้นไปแจ้งความ คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะทำเช่นนั้น
“ถูกลงหน่อยได้ไหม สักสองหมื่น” หลินเยว่ลองต่อราคาอีกครั้ง
เ้าของแผงส่ายศีรษะ สายตาเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจัง “ในเมื่อคุณเดาได้แล้ว เราก็มาคุยกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อมกันดีกว่า ห้าหมื่นหยวน ขาดไปหยวนเดียวก็ไม่ได้”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดจาหนักแน่นขนาดนี้ หลินเยว่จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างจำใจ เขาจึงต้องพยักหน้ายอมรับกับราคานี้
ขอเพียงราคาของมีดแกะสลักเล่มนี้อยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถรับได้ ไม่ว่ามันจะมีราคาเท่าไรเขาก็ยินดีซื้อเก็บไว้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้เพียงไม่นานเขายังกลุ้มใจกับเงินอันน้อยนิดของตัวเอง แต่ผ่านไปชั่วพริบตาเขาก็ใช้เงินไปอีกห้าหมื่นหยวน
หลินเยว่ได้แต่โอดครวญในใจ ถึงแม้ว่าจะเป็เช่นนี้ แต่ในใจลึกๆ ของเขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่ดี เพราะสำหรับช่างแกะสลักแล้ว มีดแกะสลักเล่มนี้มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างมหาศาลยิ่งนัก
เ้าของแผงฝากให้แผงข้างๆ ช่วยดูแลแผงของเขาชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาจึงตามหลินเยว่ไปโอนเงินที่ธนาคารที่อยู่ไม่ไกลนัก
หลังจากโอนเงินเรียบร้อยแล้ว หลินเยว่ก็ไม่คิดจะไปพนันหินหยกอีกแล้ว เขาตรงดิ่งกลับไปหรงเล่อเซวียนทันที
ท่านเฮ่อฉางเหอเห็นว่าหลินเยว่กลับมาทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาสี่โมงครึ่ง ท่านจึงรู้สึกแปลกใจมากพร้อมถามขึ้น “ทำไมถึงกลับมาเร็วนักล่ะ ดูครบแล้วหรือ?”
“ครับ ดูครบแล้ว เมื่อตะกี๊เพิ่งซื้อของจากแหล่งเครื่องสัมฤทธิ์มาชิ้นหนึ่งด้วยครับ”
หลินเยว่ส่งของชิ้นนั้นให้กับท่านเฮ่อฉางเหออย่างตื่นเต้น
ท่านเฮ่อฉางเหอรับมีดแกะสลักที่สภาพภายนอกดูไม่ค่อยดีนักด้วยความสงสัย หลังจากดูแล้วท่านจึงเงยหน้ามองหลินเยว่ด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนหน้านี้ท่านบอกอย่างชัดเจนว่าให้หลินเยว่ไปดูเครื่องเคลือบ แต่ทำไมสุดท้ายถึงได้เครื่องสัมฤทธิ์กลับมาล่ะ และเมื่อพิจารณามีดเล่มนี้จริงๆ มันก็ไม่เหมือนเครื่องสัมฤทธิ์สักเท่าไร อีกทั้งลักษณะภายนอกก็ดูไม่ค่อยดีเสียด้วย
หลินเยว่หัวเราะแหะๆ ความจริงเขาก็มองออกว่าท่านเฮ่อฉางเหอรู้สึกสงสัยเป็อย่างมาก แต่เขาก็แกล้งทำเป็โง่ต่อไป
ท่านเฮ่อฉางเหอกลอกตาใส่หลินเยว่อย่างอ่อนใจ หลังจากนั้นจึงถามขึ้น “ของชิ้นนี้ดูไม่เหมือนสัมฤทธิ์เลยนะ”
“ไม่ใช่ครับ มันเป็เหล็กน่ะครับ” หลินเยว่ตอบตามความเป็จริง
“อยู่คนละวงการกัน ย่อมไม่รู้ว่าวงการอื่นเป็อย่างไร ผมก็คงจะพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ว่าลักษณะภายนอกมันดูแย่เกินไปหรือเปล่า สนิม้าก็ดูไม่เหมือนของปลอม คุณจ่ายเงินไปเท่าไรล่ะ?”
ระหว่างที่ท่านเฮ่อฉางเหอพูด ท่านก็วางมีดแกะสลักในมือลง หลังจากนั้นจึงหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วค่อยๆ จิบไปด้วย
“ห้าหมื่นครับ” หลินเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พรวด......”
เมื่อท่านเฮ่อฉางเหอได้ยินคำตอบ น้ำชาที่อยู่ในปากก็พ่นออกมาอย่างแรงทันที ท่านไม่ทันได้เช็ดน้ำชาที่ริมฝีปาก เพราะเอาแต่มองหลินเยว่ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อและหลุดปากถามออกมาอีกครั้ง “เท่าไรนะ?”
“ห้าหมื่นครับ”
หลินเยว่รีบดึงกระดาษทิชชูจากด้านข้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วส่งให้กับท่านเฮ่อฉางเหอพร้อมพูดตอบอีกครั้ง
ท่านเฮ่อฉางเหอโมโหจนหนวดกระดิก ท่านเบี่ยงตัวไม่ยอมรับกระดาษทิชชูจากมือของหลินเยว่แล้วถามด้วยความโมโหจัด “คุณเป็พวกล้างผลาญเงินจริงๆ ของแบบนี้คุณยังกล้าจ่ายไปถึงห้าหมื่นอีกหรือ เครื่องเคลือบดีๆ ไม่ยอมซื้อ แต่กลับไปซื้อเครื่องสัมฤทธิ์ อยากจะซื้อก็เอาเถอะ แต่กลับซื้อเหล็กกลับมา คุณ...... มันน่าโมโหจริงๆ!”
“ท่านอย่าเพิ่งโกรธไปครับ ท่านลองฟังคำอธิบายอย่างละเอียดจากผมก่อนนะครับ”
หลินเยว่รีบปลอบท่านเฮ่อฉางเหอเพื่อไม่ให้ท่านเฮ่อฉางเหอมีอารมณ์รุนแรงจนเกินไป
เมื่อได้ยินว่าหลินเยว่พูดเช่นนี้ ท่านเฮ่อฉางเหอก็คิดออกว่าปกติหลินเยว่ไม่ได้เป็พวกวู่วามทำอะไรไม่ยอมคิดก่อน ท่านจึงพยายามระงับความโกรธลง แล้วก็พูดอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก “คุณลองพูดมาซิ ผมจะรอฟังว่าคุณมีเหตุผลอะไรบ้าง?”
“ของชิ้นนี้มีมูลค่าถึงห้าหมื่นจริงๆ ครับ มันเป็ของที่โจรขุดสุสานขุดออกมาขาย หากผมไม่ได้ไปเห็นเร็วขนาดนี้ เกรงว่าคงจะถูกคนอื่นตัดหน้าแย่งไปก่อนแล้วล่ะครับ”