บทที่ 74 สังหารหมู่
“ฮ่าๆๆ! ทำไมคนมากกว่าถึงจะไม่พอเล่า? เด็กระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณอย่างเ้าจะทำอะไรได้? เย่อหยิ่งถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าเ้าไปเอาความมั่นใจนี่มาจากไหนกัน”
เริ่นหู่หัวเราะเสียงดังที่ฉู่อวิ๋นแม้ใกล้ตายก็ยังคงเย่อหยิ่งปากแข็ง ทำให้เขารู้สึกราวได้ยินเื่น่าขันที่สุดในโลก
“ฉู่อวิ๋น อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม พลังปราณของพวกเขาแข็งแกร่งมาก อาจเป็นักรบในระดับแปดหรือสูงกว่าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ มันอันตรายเกินไป ข้าช่วยเ้าเอง!” มู่หรงซินหันไปมองบนหลังคาอย่างระแวดระวัง
มือซ้ายนางกอดเสี่ยวหวงแน่น มือขวาหยิบธนูตามจันทร์ออกมา ด้วย้าเข้าร่วมการต่อสู้
“หืม? สาวน้อย ดูเหมือนว่าเ้าจะเป็นักรบเหมือนกันสินะ ทั้งยังอยู่ที่ระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ?” เริ่นหู่เผยสีหน้าประหลาดใจ ปรบมือแล้วพูดกับฉู่อวิ๋น “เ้าหนู แม้แต่คนงามที่เ้า้าปกป้องก็เหนือกว่าเ้า เ้าประเมินความสามารถของตนเองสูงไปแล้วจริงๆ”
หลังจากพูดจบ ผู้ฝึกธนูบนหลังคาก็หัวเราะเบาๆ เห็นได้ชัดว่าฉู่อวิ๋นคนนี้อยากอวดความแข็งแกร่งต่อหน้าหญิงสาว
ในเวลานี้ เริ่นหู่ยกยิ้มน่ากลัวและพูดว่า “ข้าแนะนำให้เ้าเก็บกระบี่ลงไปจะดีกว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นแล้วข้าเกิดส่งสัญญาณให้เหล่าพี่น้องผิดพลาด เ้าจะกลายเป็เม่นเอาได้! ฮ่าๆ!”
“เฮ้อ ไม่รู้จริงๆ ว่าโจวอันดา้าทำอะไร! เขาขอให้หัวหน้าส่งกลุ่มของเราออกมาจัดการกับเ้า ในความคิดของข้า เลือกใครสักคนบนหลังคามาล้วนจัดการกับเ้าได้ทั้งสิ้น น่าเบื่อเหลือเกิน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็นึกขึ้นได้ เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดจาถากถาง “โจวอันดา... คนที่ส่งพวกเ้ามาปล้นข้าน่ะหรือ? เขาแย่งข้าไปไม่ได้ เลยใช้วิธีสกปรกเพื่อแย่งเสี่ยวหวงไป ฮ่าๆ ช่างน่ารังเกียจ ไร้ยางอายเสียจริง”
“หึ นั่นแล้วอย่างไร? เ้านี่ใกล้ตายแล้วยังแสร้งชอบธรรมอยู่อีก ข้าจะบอกเอาไว้ให้นะ ใต้หล้านี้ผู้ใดหมัดหนักที่สุด ก็คือคนที่ชอบธรรมที่สุด และที่นี่พวกข้ากลุ่มหมาป่าเป็ใหญ่ที่สุด พวกเราสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ใจ้า!”
“เ้าหนู ก่อนจะไปเกิดใหม่ก็จำไว้ให้แม่นๆ เล่า! ฮ่าๆๆ!” เริ่นหู่หัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ผู้ฝึกธนูทุกคนดูผ่อนคลาย เริ่มส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามมา
ตอนนี้ พวกเขามั่นใจมากว่าฉู่อวิ๋นผู้นี้เป็เพียงชายหนุ่มจากตระกูลร่ำรวยที่ไม่มีประสบการณ์ใดๆ ทั้งโง่ ทั้งไร้เดียงสา
“โอ๋?”
ได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ยังคงสงบ ยิ้มเบาๆ และเอ่ยอย่างใจเย็น “พูดถึงกลุ่มหมาป่าของเ้า เมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะพลั้งมือฆ่าสมาชิกของพวกเ้าไปหลายคน... แย่แล้ว ข้าความจำไม่ดีนัก ชื่อพวกเขายังจำไม่ได้เลย ไร้มารยาทจริงๆ”
“แต่คนเราไม่ต้องจำชื่อขยะหรอก ใช่หรือไม่?”
“ฟุ่บ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น ใบหน้าของผู้ฝึกธนูทุกคนก็โกรธเคืองขึ้นมาทันที พวกเขาดึงสายธนูเหมือนพระจันทร์เต็มดวงพร้อมยิงอีกครั้ง!
เริ่นหู่เผยสีหน้าใ หายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างแล้วพูดว่า “เป็... เป็เ้า!? เมื่อวาน... เ้าเป็คนที่ทำให้คนของเราพิการหรือ? ไม่... เป็ไปไม่ได้!”
เริ่นหู่ใมาก เขาเพิ่งรู้ข่าวว่ามีผู้ใช้กระบี่คนหนึ่งทำร้ายคนของกลุ่มหมาป่ากลางที่สาธารณะ ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นช่างน่ากลัว แต่เขาคิดไม่ถึงว่าฉู่อวิ๋นจะยอมรับออกมาตรงๆ เช่นนี้
แต่ผู้ใช้กระบี่ระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณจะสามารถทำร้ายนักรบระดับแปดหลายคนพร้อมกันได้หรือ? เริ่นหู่ไม่เชื่อเลยสักนิด
“หึ หยุดเสแสร้งแกล้งทำเสียที เ้าแข็งแกร่งแล้วอย่างไร? ัแกร่งยังแพ้งูเ้าถิ่น ยอมรับความตายเถอะ!”
ทันใดนั้น เริ่นหู่ก็ยกมือขึ้น ผู้ฝึกธนูบนหลังคาด้านซ้ายและขวาก็ปฏิบัติตามคำสั่งทันที คันธนูกว่ายี่สิบคันก็ดึงสายทันที!
“ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง——”
สายธนูถูกปล่อยทีละเส้น ทำให้เกิดเสียงหึ่งๆ ด้วยพลังส่งที่น่าใ
ศรธนูกว่ายี่สิบดอกบินออกไปราวกับตั๊กแตนบนท้องฟ้า ก่อตัวเป็ม่านลูกศรที่มืดมนและน่ากลัว ปกคลุมท้องนภา บดบังดวงอาทิตย์ เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
ม่านลูกศรหนาทึบเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ พวกมันพุ่งเข้ามารอบๆ ฉู่อวิ๋นอย่างหนาแน่น มืดสนิทและน่ากลัวมาก
หากถูกโจมตีเข้า คงพรุนไปทั้งตัว
“เชอะ ข้าก็คิดว่าจะทำอะไรได้ ก็แค่เด็กกะโปโลดีแต่พูด น่ารังเกียจ” เมื่อเห็นลูกศรพุ่งมาด้วยความเร็วแสง ฉู่อวิ๋นยังคงมีสีหน้าปกติ ในใจของเริ่นหู่จึงรู้สึกดูถูก เขารู้สึกว่าฉู่อวิ๋นกำลังรอความตาย
ชั่วขณะสายฟ้าฟาด
“กับแค่เศษเหล็กพวกนี้ก็คิดจะมาทำร้ายข้า? น่าหัวร่อ”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นจ้องเขม็ง กระบี่ชื่อยวนสะท้อนแสงอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครมองเห็นเงา
ทันใดนั้น คลื่นกระบี่สามสิบหกมรรคาหมุนวนไปในอากาศ รังสีของแสงธนูหายไป ปรากฏแสงสีม่วงสว่างจ้าขึ้นมาแทน ก่อตัวเป็ดวงดาวหลายดวงที่หมุนวนรอบตัวอย่างรวดเร็ว
“ปึก ปึก ปึก——”
มองเห็นลูกศรเหล็กกระทบกับร่างของฉู่อวิ๋นอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันทั้งหมดกลับถูกม่านกระบี่ดวงดาวปิดกั้นไว้ และถูกทำลายจนกลายเป็ผุยผง
“นี่... เกิดอะไรขึ้น? เขาไม่ได้รับาเ็อะไรเลย!” เริ่นหู่ตกตะลึง เขาขยี้ดวงตาสุดแรง โดยคิดว่าตนเองตาฝาด
ผู้ฝึกธนูที่อยู่ทั้งสองด้านของหลังคาต่างประหลาดใจ ด้วยลูกศรที่หนาแน่นเช่นนี้ แม้แต่นักรบระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณที่อ่อนแอสักหน่อย ก็ยังต้องหลีกเลี่ยงศรอันแหลมคมของพวกเขา ไม่กล้าแม้จะเผชิญหน้า
บนถนนสายนี้ นักรบระดับหกของขอบเขตควบแน่นปราณอย่างฉู่อวิ๋น สามารถทำลายม่านลูกศรได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว? นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ!
“ฟึบ”
ยามนี้เอง ในขณะที่ลูกศรดอกสุดท้ายถูกปล่อยออกมา ฉู่อวิ๋นก็เงยหน้าขึ้น ชี้กระบี่ชื่อยวนขึ้นท้องฟ้า ปรากฏไอสังหารชัดเจน
“ยิงหมดแล้วหรือ? ถึงตาข้าแล้ว” ฉู่อวิ๋นพูดอย่างเรียบเฉย ความหดหู่และเ็ปที่เขาได้รับใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ะเิออกมาจนหมด!
คนพวกนี้้าฆ่าเขา และเขาจะไม่ทนอีกต่อไป!
“ควั่บ!”
ฉู่อวิ๋นะโขึ้นไปในอากาศ ก้าวออกไปพร้อมเงาลอยตามตัว และลอยข้ามท้องฟ้าราวกับภูตผี ขึ้นไปบนหลังคา
“เขา...เขาะโขึ้นมาแล้ว! รีบ...รีบฆ่าเขาซะ!” เมื่อเห็นแรงกดดันของฉู่อวิ๋น เริ่นหู่ก็เหงื่อเย็นไหลอาบและสั่งโจมตีทันที
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ผู้คนบนหลังคาะโเสียงดัง ทิ้งธนูเหล็กแล้วดึงอาวุธต่างๆ ออกมาแทน มุ่งโจมตีไปที่ฉู่อวิ๋น รังสีพลังปราณกระจายไปรอบๆ พร้อมแสงเย็นเยียบ นักรบที่อยู่อีกด้านหนึ่งของหลังคายังคงยิงธนูต่อไปโดยคิดที่จะลอบโจมตี
“หือ ฆ่าข้า? น่าขำ!”
ฉู่อวิ๋นแค่นเสียงอย่างเ็า ร่างกายของเขาหายวับก่อนก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกที่ที่เขาผ่านจะมีปราณกระบี่พลุ่งพล่าน และทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยไอสังหาร ไม่เห็นเืไม่หยุดโจมตี!
“ชึบ——”
กระบี่ชื่อยวนในมือขวาของเขาฟันออกไปในแนวนอน เืกระเซ็นออกมา และร่างของคนสี่คนถูกฟันฉับจนเสียชีวิตทันที!
“ฟุ่บฟุ่บ--”
มือซ้ายใช้ฝ่ามือัพเนจรออกไปโดนหน้าใครสักคน เนื้อและเืบริเวณนั้นแหลกสลายไปทันที ใบหน้าของเขายุบหายไปหมด
แม้ว่าฝ่ามือัพเนจรของฉู่อวิ๋นยังไม่ถึงระดับเริ่มต้น แต่เขายังคงสามารถสร้างพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพอันบริสุทธิ์และพลังปราณฮุ่นหยวน!
“ฟุ่บ-”
ฉู่อวิ๋นเหวี่ยงกระบี่อีกครั้ง และศีรษะของชายคนหนึ่งก็แยกออกจากกัน เืหลั่งไหลเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ
“ฟิ้ว!”
ในเวลานี้ ลูกศรอีกสิบลูกดอกยิงขึ้นไปในอากาศจากฝั่งตรงข้าม แต่ละลูกทั้งน่ากลัวและดุร้าย มีพลังทะลุทะลวงสูง และมุ่งเป้าไปที่จุดสำคัญ
“ลอบโจมตี? ไร้สาระน่า!”
ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเปื้อนเื คล้ายเทพซิวหลัวที่กลับชาติมาเกิด น่าสะพรึงกลัวเป็อย่างยิ่ง เขายกมือที่ถือกระบี่ขึ้นโบก ปรากฏแสงกระบี่ขึ้น! คลื่นกระบี่ยาวสิบหมี่พุ่งข้ามความว่างเปล่า คล้ายจะทำลายโลก พุ่งไปทำลายลูกศรทั้งหมด
ทว่าคลื่นกระบี่ก็ยังไม่หยุด ความเร็วปานสายฟ้านั้น คร่าชีวิตทั้งห้าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามในทันที เืสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่ว ทำให้หลังคาย้อมสีกลายเป็สีแดง!
“ฆ่า...ฆ่า!!”
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงร้องอันดุเดือดดังออกมา เมื่อเห็นนักรบที่ถือหอกพุ่งมาทางด้านหลังของฉู่อวิ๋น แสงของหอกที่สะท้อนแสงแหลมคมและน่ากลัวมาก
“เชอะ!”
ฉู่อวิ๋นแค่นเสียงอย่างเ็า เขาหันกลับมาระดมพลังปราณไปที่ฝ่ามือ คว้าจับด้ามหอก จากนั้นก็ก้าวออกไปพร้อมกับก้าวเงาบิน พุ่งตรงไปข้างหน้า ควบคุมแขนของนักรบด้วยมือเดียว และบิดมันอย่างแรงจนแขนหักสิ้น
มือขวาแทงกระบี่เพิ่มไปอีกเล่มหนึ่ง คมกระบี่แทงทะลุหน้าอก เสียงกระดูกแตกเปราะดังจนน่าใ ทำให้นักรบที่เหลือตกตะลึง
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว เพียงไม่กี่ครั้ง ฉู่อวิ๋นก็สังหารพวกเขาไปมากกว่าสิบคนแล้ว ทั้งที่เขาเืท่วมตัวขนาดนั้น แต่กลับไม่มีาแเลยสักนิดเดียว!
“มาร...มารร้าย! มารร้าย!!”
ในเวลานี้ ผู้ฝึกบนหลังคาฝั่งตรงข้ามเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงทิ้งหมวกและชุดเกราะ แล้วรีบหนีไป
“อยากหนีหรือ?! หึ!”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นเ็า เขาะโขึ้นไปบนหลังคา เงาฝีเท้าซ้อนทับกัน ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังพวกเขาในทันที
“ควั่บ!”
ปราณกระบี่สีม่วงหลายเส้นพุ่งออกมาจากอากาศ และทันใดนั้น รอยกระบี่ขนาดใหญ่และแสนดุร้ายก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของคนที่จะหลบหนี อวัยวะภายในเกือบทั้งหมดได้รับาเ็จากปราณกระบี่ พวกเขากระอักออกมาเป็เืและกลิ้งลงมาจากกลางอากาศ ตกลงบนพื้นเสียงดังและเสียชีวิตทันที
“เป็ไปได้อย่างไร?! เขาอยู่แค่ระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้นเอง...ถูกนักรบระดับแปดล้อมรอบขนาดนี้กลับไม่เป็อะไรเลย ซ้ำยังตอบโต้กลับมาได้อีก?”
“โรคจิต...นี่มันโรคจิต!!”
ภายใต้การคุ้มครองของสองคนที่เหลือ เริ่นหู่เริ่มถอยกลับ แต่ขาของเขายังคงสั่นเทา
แม้ว่าเขาจะเป็นักรบระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะฉู่อวิ๋นที่บ้าคลั่งเช่นนี้ได้
หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ สามารถสังหารนักรบระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณได้ตามใจชอบ แม้แต่นักรบระดับเก้าขั้นสูงก็ทำไม่ได้!
“ยังเหลือเ้า!”
เมื่อมองไปที่เริ่นหู่ ใบหน้าของฉู่อวิ๋นก็จริงจังขึ้น เขาะโขึ้นอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว ลากกระบี่เข้ามาใกล้ คล้ายเสือดุร้ายพุ่งเข้าโจมตี
“ชิ้ง!”
นักรบทั้งสองพยายามต่อต้านอย่างเต็มที่ แต่ทันทีที่กระบี่ทั้งสองเล่มถูกยกขึ้นป้องกัน ก็ถูกกระบี่ชื่อยวนของฉู่อวิ๋นฟันจนหัก จากนั้นปราณกระบี่ก็เปลี่ยนไป เขาฟาดฟันกระบี่ข้ามความว่างเปล่า ทั้งสองถูกตัดขาดเป็สองท่อนในทันที
“ฟุ่บ--”
เืสดไหลริน ในยามนี้ นักรบกว่ายี่สิบชีวิตจากกลุ่มหมาป่า ต่างก็นอนตายเกลื่อนกลาดกลางถนน บางคนตายโดยไร้าแเสียด้วยซ้ำ
“ฉู่อวิ๋น…” เมื่อมองไปที่ถนน เศษเนื้อและกลิ่นคาวเืคละคลุ้งไปทุกที่ มู่หรงซินอุ้มเสี่ยวหวงไว้ในมือแน่น ร่างกายอันบอบบางของนางสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัวและกังวล
นางไม่เคยเห็นฉู่อวิ๋นอาฆาตพยาบาทขนาดนี้มาก่อน จึงกลัวเหลือเกินว่าเขาจะหลงทางเข้าสู่เส้นทางมาร
ในเวลานี้ มีเพียงเริ่นหู่ซึ่งอยู่ที่ระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้บนหลังคา ทว่าร่างกายของเขาสั่นเทา เหงื่อกาฬไหลอาบ แม้จะยืนก็ยังยืนไม่อยู่
“กลุ่ม... กลุ่มหมาป่าไม่ปล่อยเ้าไปแน่! เ้า... เ้าคิดว่าเรามีสมาชิกเพียงแค่ขอบเขตควบแน่นพลังปราณหรือ? ฆ่าข้า… เ้าจะต้องเสียใจ!” เริ่นหู่ข่มขู่ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นเข้ามาใกล้ เขาก็ใจนต้องถอยหนี
“เชอะ! ขั้นมหาสมุทรแล้วอย่างไร?! สักวันหนึ่งข้าก็ต้องไปถึงขั้นนั้น! พวกเ้ารังแกคนอื่นเข้ากระดูก ป่าเถื่อนโหดร้าย ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย เพราะฉะนั้นก็ตายเสียเถอะ!”
“ควั่บ!”
กระบี่ชื่อยวนเผยแสงคมกริบออกมาและโจมตีไปที่เริ่นหู่ แต่ในตอนนี้เอง เริ่นหู่หยิบก้อนกลมเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนมันลงบนพื้น
เมื่อมีเสียงดังปัง ก้อนกลมเล็กๆ ก็ะเิทันที ควันจำนวนมากล่องลอยอยู่ในอากาศ บดบังสายตาของฉู่อวิ๋น
“แค่ก... น่าตายนัก! อยากหนีหรือ?!” ฉู่อวิ๋นยกกระบี่ขึ้นมาฟาดฟันอย่างดุเดือด ปราณกระบี่พลุ่งพล่าน แหวกกระจายควันขมุกขมัวที่บดบังให้สลายออก แต่เมื่อทัศนียภาพของเขาชัดเจนขึ้นมา เริ่นหู่ก็หนีไปไกลแล้ว
“บ้าเอ๊ย!”
ฉู่อวิ๋นกัดฟันกรอด ก้าวเงาบินออกไปด้วย้าจะไล่ตามเขา แต่ทว่าก้าวไปได้สองสามก้าว เขาก็เห็นร่างหลายสิบร่างกระโจนเข้ามาหาจากระยะไกล พร้อมด้วยแรงกดดันที่ทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์