เดิมทีกูเฟยเยี่ยนสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ แต่เมื่อเห็นลูกอมชะเอมบนโต๊ะ เบ้าตาของนางก็แดงและเปียกชื้นขึ้นมาอีกครั้ง
หญิงสาวชะงักพลางจ้องมองลูกอมชะเอมตาไม่กะพริบราวกับเด็กน้อยที่เหม่อลอย
จวินจิ่วเฉินพิจารณาบริเวณโดยรอบเช่นเดียวกันกับกูเฟยเยี่ยน จากนั้นจึงเดินมาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ห้องนี้มีอายุยาวนานที่คล้ายคลึงกับลักษณะของสิ่งก่อสร้างในยุคโยวสุ่ยทางใต้”
กูเฟยเยี่ยนได้สติกลับมา ทว่าจิตใจของนางล้วนตกอยู่ที่ลูกอมชะเอม นางไม่ได้ตั้งใจฟังว่าจวินจิ่วเฉินกำลังพูดถึงสิ่งใด นางเพียงแค่ตอบไปว่า “อืม”
จวินจิ่วเฉินเห็นลูกอมชะเอมถาดนั้นเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมากพลันหันหลังเดินไปพิจารณาที่อื่น อย่างไรก็ตามกูเฟยเยี่ยนที่มองไปยังลูกอมชะเอมถาดนั้นก็รู้สึกว่าไม่กล้าลงมือแล้ว
นางกลัวความผิดหวัง กลัวว่ารสชาติของลูกอมชะเอมจะไม่เหมือนกันกับ่วัยเด็ก และกลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้จะเป็เพียงแค่ความบังเอิญจริงๆ
นางสองจิตสองใจอยู่นานก่อนจะเอื้อมมือออกไป
ทว่าใน่เวลานี้กู้อวิ๋นหย่วนกับไป๋หลี่ิชวนก็กลับมา เมื่อเห็นเช่นนี้กูเฟยเยี่ยนจึงรีบคว้าลูกอมมาใส่กระเป๋าหนึ่งกำมือแล้วหันกลับไปนั่งประจำที่
ในความเป็จริงแล้วนางแทบอยากจะซักถามกู้อวิ๋นหย่วนต่อหน้าว่าใช่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวหรือไม่ ทว่าหลังจากที่แอบขโมยลูกอมมาหนึ่งกำมือแล้วก็เกิดอาการอกสั่นขวัญแขวน
กูเฟยเยี่ยนไม่รู้ว่าตนเองตื่นใอะไร
ดูเหมือนว่าไป๋หลี่ิชวนกับกู้อวิ๋นหย่วนจะเจรจากันอย่างถูกคอเพราะเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางหันมามองกูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินด้วยความไม่ยี่หระก่อนจะนั่งลง
ทางด้านของกู้อวิ๋นหย่วนนั้นสงบนิ่ง เขาโน้มกายต่อจวินจิ่วเฉินแล้วกล่าวว่า “ให้ท่านรอนานเสียแล้ว ไม่ทราบว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย…”
เขายังพูดไม่จบจวินจิ่วเฉินก็ยกมือขึ้นมาแสดงท่าทางว่า ้าเชิญให้เขาปลีกตัวออกไปพูดคุย
ไป๋หลี่ิชวนอยากรู้อยากเห็นเพราะเขาได้ยินมาเพียงแค่ว่าเฉิงอี้เฟยใช้ยาของกูเฟยเยี่ยนในการรักษาชีวิตเอาไว้ แต่ก็สูญเสียขาทั้งสองข้างไป สำหรับสถานการณ์รายละเอียดเป็เช่นไรนั้น เขาไม่ทราบเลย
เขาจึงถามหยั่งเชิง “เสี่ยวเยี่ยนเอ๋อร์ ยาสมุนไพรที่ร้ายแรงของเ้ามาที่ใดกัน ยานั่นสามารถรักษากระเพาะได้แล้วยังสามารถทำให้ขาทั้งสองข้างพิการได้ด้วยหรือ? เหตุใดเปิ่นหวงจื่อจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน? ”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนจะไม่สนใจไป๋หลี่ิชวน แต่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วนางจึงกัดฟันเผยรอยยิ้มแสร้งทำเป็พูดล้อเล่น “นั่นคือตำรับยาลึกลับเฉพาะตัวของท่านอาจารย์ข้า ดังนั้นเ้าจะรู้ได้อย่างไร? ”
นางตอบกลับแล้วหันไปมองกู้อวิ๋นหย่วน
กู้อวิ๋นหย่วนหลบเลี่ยงสายตาของนางจนทำให้กูเฟยเยี่ยนที่กำลูกอมชะเอมในกระเป๋าเกิดความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขาก็คือท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว! ”
ไป๋หลี่ิชวนไม่คล้อยตาม “ทำไม เ้ามีอาจารย์จริงๆ หรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนจึงถามย้อนกลับไป “เ้าก็มีอาจารย์เหมือนกันไม่ใช่หรือ? เ้าเรียนรู้ทักษะยาสมุนไพรได้โดยไม่ต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะได้ด้วยหรือ? ”
นางพูดแล้วก็หันไปมองกู้อวิ๋นหย่วน “การเรียนรู้ทักษะยาสมุนไพรกับทักษะทางการแพทย์นั้นยากที่จะสำเร็จได้หากไร้ซึ่งอาจารย์ที่เผยแพร่สั่งสอนและตอบปัญหา แพทย์กู้ ท่านว่าใช่หรือไม่? ”
กู้อวิ๋นหย่วนพยักหน้าโดยไม่ได้พูดคุยกับพวกเขาต่อ
กูเฟยเยี่ยนไม่ตายใจจึงสอบถามอีกครั้ง “แพทย์กู้ ท่านยังรับลูกศิษย์อีกหรือไม่? ”
คำว่า “อีก” ของนางเป็การถามอย่างจงใจ แต่อย่างไรก็ตามกู้อวิ๋นหย่วนตอบเพียงแค่ว่า “ข้าน้อยยังไม่เคยรับลูกศิษย์”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงเล็กน้อย นางจงใจเดินเข้าไปใกล้ จ้องมองเขาด้วยความจริงจัง “เช่นนั้นท่านรับหรือไม่? ”
“ตระกูลกู้ไม่เคยรับลูกศิษย์ภายนอก”
ท่าทีของกู้อวิ๋นหย่วนเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เขาหลบหลีกสายตาของกูเฟยเยี่ยนอีกครั้งพลางทำมือเชื้อเชิญไปทางห้องโถงด้านข้าง “ท่านทั้งสองโปรดตามข้าน้อยมา”
จวินจิ่วเฉินกับไป๋หลี่ิชวนต่างก็คิดว่ากูเฟยเยี่ยนเพียงแค่้าไหว้ครูเพื่อเรียนรู้ทักษะยาสมุนไพรเท่านั้น พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย
จวินจิ่วเฉินก้าวพรวดพราดตามไป กูเฟยเยี่ยนจึงทำได้เพียงตามไปติดๆ
ทันทีที่ถึงห้องโถงด้านข้าง กู้อวิ๋นหย่วนจึงกล่าวอย่างจริงจัง “จิ้งหวาง โปรดอธิบายอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียดถี่ถ้วน”
จวินจิ่วเฉินเข้าใจไม่มากนักจึงไม่พูดออกมา
กูเฟยเยี่ยนจึงเป็ผู้พูดแทน “แพทย์กู้ ให้ข้าเป็คนพูดเถอะ”
นางคิดว่ากู้อวิ๋นหย่วนจะหลบหลีกนางต่อ ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือเขามองสบตานางอย่างเอาจริงเอาจัง
“แพทย์หญิงกู เชิญกล่าว ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
ความจริงจังในดวงตาของเขาราวกับแพทย์ท่านหนึ่งที่เผชิญหน้ากับผู้ป่วยด้วยความละเอียดรอบคอบ จริงจัง และแน่วแน่ อย่างน้อยกูเฟยเยี่ยนก็มองไม่ออกว่าเขาหวาดผวาสิ่งใด
นางคิดว่าเขาจะไม่กล้ามองนางเช่นนี้!
เขาแกล้งทำหรือจำนางไม่ได้จริงๆ? หรือว่าเมื่อสักครู่นี้เขาเพียงแค่ใสายตาจ้องมองของนาง? เขาไม่ได้หวาดผวาถึงสิ่งใด?
“แพทย์หญิงกู เชิญกล่าว”
กู้อวิ๋นหย่วนเอ่ยออกมาอีกครั้ง กูเฟยเยี่ยนจึงได้สติ ก่อนจะรีบชี้แจงรายละเอียดสถานการณ์ของเฉิงอี้เฟย กู้อวิ๋นหย่วนฟังพลางซักถาม เพียงแต่ว่ากูเฟยเยี่ยนตอบไม่ได้เลย เนื่องจากนางไม่ใช่แพทย์รักษา
ในขณะนี้เองที่กูเฟยเยี่ยนตระหนักได้ว่าแพทย์กู้ท่านนี้คือแพทย์รักษาซ่อนเร้นระดับสูง แต่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวนั้นไม่ค่อยเชี่ยวชาญในด้านทักษะทางการแพทย์ อย่างน้อยในระยะเวลาสิบปีที่นางกับเขาอยู่ร่วมกัน นางไม่เคยรับรู้เลยว่าเขามีทักษะทางการแพทย์
แกล้งทำมาแล้วทุกเื่แต่เื่ของทักษะทางการแพทย์นั้นจะแกล้งทำเป็เข้าใจได้อย่างไร?
หรือว่าเป็เพียงแค่ความบังเอิญจริงๆ ?
กูเฟยเยี่ยนกำลูกอมชะเอมในกระเป๋าเพื่อปลอบใจตนเอง บางทีท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวอาจมีทักษะทางการแพทย์แต่ปิดบังนางมาโดยตลอด ปิดบังนางมาสิบปี
ไม่ใช่ว่าท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวไม่เคยหลอกนางเสียหน่อย!
นางนำใบสั่งยาสร้างเม็ดเืใบนั้นมายื่นแล้วดึงดันหยั่งเชิงต่อไป “แพทย์กู้ ท่านลองดูใบสั่งยาแผ่นนี้ บางทีท่านอาจจะเคยพบเห็น”
นางไม่ได้หลอกไป๋หลี่ิชวนว่าท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเป็ผู้มอบใบสั่งยาแผ่นนี้ให้นาง จากความสามารถของนางในปัจจุบันนั้นมิอาจจัดใบสั่งยาเช่นนี้ได้
กูเฟยเยี่ยนมองั์ตาของเขาพลันกล่าวเสริมว่า “บางทีท่านอาจจะเข้าใจหลักการรักษาและผลกระทบมากกว่าข้าเสียอีก”
กู้อวิ๋นหย่วนรับใบสั่งยามามองดูด้วยความจริงจัง เรียวคิ้วหล่อเหลายังคงขมวดเป็ปมแน่น ท่าทางเช่นนี้ทำให้คนคาดเดาไม่ได้ว่าเขาคุ้นเคยกับใบสั่งยาแผ่นนี้หรือไม่
ภายในห้องที่เงียบสงบ ความสนใจของจวินจิ่วเฉินล้วนตกอยู่ที่แพทย์กู้ เพราะเขาค่อนข้างกังวลว่าแพทย์กู้จะไม่มีความมั่นใจในอาการของเฉิงอี้เฟย ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของกูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนจ้องมองกู้อวิ๋นหย่วนอย่างรอคอย
ไม่ช้าเขาก็ทำให้กูเฟยเยี่ยนเกิดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมา เขาก้มหน้าก้มตาดูแล้วกล่าวว่า “แพทย์หญิงกู ใบสั่งยาของเ้าแปลกประหลาดเหลือเกิน ข้าน้อยมองหลักการรักษากับผลกระทบที่จะตามมาไม่ออก ทว่าจากสถานการณ์ของขาทั้งสองข้างนั้น ข้าน้อยมีความมั่นใจต่อการฝังเข็มถึงเจ็ดส่วนโดยที่ไม่ต้องพึ่งพายาสมุนไพร”
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองกูเฟยเยี่ยนอย่างจริงจัง “แพทย์หญิงกู ในเมื่อใบสั่งยาแผ่นนี้เป็วิชาความรู้ของอาจารย์เ้า ไม่ว่าจะเป็แพทย์รักษาท่านไหนก็ต้องเชิญเขามาวินิจฉัยร่วมด้วย”
ถ้าจวินจิ่วเฉินไม่อยู่กูเฟยเยี่ยนคงจะร้องไห้ออกมา
ทว่าในเวลานี้นางไม่ได้ร้องไห้ นางกัดฟันเผยรอยยิ้มแล้วตอบกลับไปอย่างล้อเล่น “แพทย์กู้ อาจารย์ข้าไม่้าข้าแล้ว ข้าตามหาเขาไม่พบแล้ว…ท่านว่า ทำอย่างไรดี? ”
กู้อวิ๋นหย่วนยังคงขมวดคิ้วโดยที่มิอาจทราบได้ว่าเขาจงใจทำเป็โง่เขลาหรือฟังคำพูดโดยนัยของกูเฟยเยี่ยนไม่ออกจริงๆ เขาถอนหายใจออกมาแ่เบา “เฮ้อ เป็เื่ที่ตัดสินใจได้ยากเสียจริงว่าข้าน้อยควรไปกับใคร! ”
จากนั้นเขาก็ลุกเดินไปทางห้องโถงรับรอง ฝ่ามือเขกศีรษะเบาๆ ราวกับลำบากใจมากจริงๆ
ความจริงของเขา ความหนักแน่นของเขาและความลำบากใจของเขา ไม่เหมือนท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเลยแม้แต่นิดเดียว ในความทรงจำของกูเฟยเยี่ยนนั้นท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวมักจะเหนื่อยหน่ายเป็กันเอง สุขุมเยือกเย็นและให้ทุกอย่างเป็ไปตามธรรมชาติ น้อยครั้งที่จะขมวดคิ้ว
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของกู้อวิ๋นหย่วน จู่ๆ นางก็คาดหวังให้เขาไม่ใช่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวแล้ว
ถ้าเขาไม่ใช่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาว จิตใจของนางก็จะไม่ทุกข์ทรมานขนาดนั้นใช่หรือไม่?