เขาเอ็นดูท่าที พร์ และความสามารถในการฝึกวิชาของิอวี่ พร้อมทั้งเกลียดที่ิอวี่ “มือไวใจเร็ว” ด้วย
แน่นอนว่า บ่นก็ส่วนบ่น ต่อให้ิอวี่จะทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ลู่เฟิงก็ทำได้แค่บ่นแค่ด่า แต่ไม่มีทางไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับิอวี่ เพราะความสามารถแฝงของิอวี่นั้นเยอะมาก ลู่เฟิงยิ่งมองก็ยิ่งชอบในตัวของิอวี่ แล้วจะเกลียดเขาจริงๆ ได้อย่างไรกัน?
ในพื้นที่ปิด เมื่อได้ดวงจิตแห่งไฟมาแล้วิอวี่ก็ได้ใจ เขาเริ่มวางแผนแล้วว่าต่อไปเขาจะใช้ดวงจิตแห่งไฟแยกร่างช่วยเขาฝึก
เพราะดวงจิตแห่งไฟต้องทำการถ่ายลมปราณิญญา ดังนั้น ต่อให้ถ่ายพลังให้มากแค่ไหน ความสามารถของมันก็ไม่มีทางเหนือกว่าิอวี่ไปได้ นั่นก็หมายความว่า ความสามารถของเ้าร่างแยกนั้นต้องต่ำกว่าเขาเสมอ
ถึงอย่างนั้น ขอแค่มีพลังงานคอยหนุน ร่างแยกดวงจิตก็จะสามารถแสดงศักยภาพออกมาแบบคาดไม่ถึง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันสามารถส่งศัตรูไปสู่ความตายในเวลาคับขันได้!
ิอวี่คิดถึงการใช้งานดวงจิตแห่งไฟแค่ครู่เดียวเท่านั้น เวลาก็ผ่านไปประมาณครึ่งนาทีแล้ว พื้นที่ปิดทั้งหนึ่งพันยี่สิบเอ็ดแห่งนั้นหายไปจนหมด ทุกคนเดินไปตามทางและถูกส่งออกมายังูเาลูกใหญ่อีกลูกโดยแยกออกเป็สองกลุ่ม
กลุ่มแรกมีประมาณเจ็ดร้อยคน ทั้งหมดถูกส่งมายังทางออก และมีผู้ดูแลของสายเลี่ยนเหยียนรับผิดชอบทำการรักษาตัวและส่งพวกเขาออกไป
เพราะพวกเขาทั้งหมดถูกคัดออก!
ระยะเวลาสั้นๆ แค่สามสิบวินาที คนเหล่านี้ก็ไม่อาจอดทนจนถึงวินาทีสุดท้ายได้ เมื่อััถึงความอันตรายถึงชีวิตพวกเขาก็ขอยอมแพ้ หากไม่ยอมแพ้ก็ถูกเล่นงานจนาเ็หนัก กระดูกเอ็นหักและฉีกขาด บางส่วนก็อดทนได้จนถึงสุดท้าย แต่ก็ต้องใช้เวลาไปหลายนาที คนกลุ่มนี้ก็ถูกคัดออกเช่นกัน
พวกเขาไม่พอใจและรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็ธรรม แต่คำตอบก็มีเพียงหนึ่งเดียว ในสถานการณ์การต่อสู้จริง คู่ต่อสู้ไม่มีทางให้โอกาสได้พักหายใจแน่ อย่าว่าแต่กี่นาทีเลย แค่วินาทีเดียวก็อาจจะทำให้สิ้นชีวิตได้แล้ว!
การทดสอบของสำนักเทพอัคคีก็ต้องมีความละเอียดรอบคอบในระดับนี้ และจะต้องมีอำนาจและบารมีอย่างเปี่ยมล้น ผู้กล้าที่ยังร้องหาความยุติธรรมอยู่ต่างก็ร้องไห้เสียใจน้ำตาอาบหน้าและจากไป
คนอีกกลุ่มมีทั้งหมดสามร้อยคน ทั้งหมดถูกส่งตัวไปที่ลานราบหลังเขา และรอลู่เฟิงมาอย่างเงียบๆ เพื่อประกาศผลการทดสอบ
ในเวลานี้ คนจำนวนกว่าสามร้อยคนบนพื้นหญ้า ล้วนแต่ถูกดวงจิตแห่งไฟเล่นงานจนหน้าปูดหน้าบวม
แม้แต่ยอดฝีมืออย่างเิหยูเยียน เซินถูเจ๋อ และถังเฉิน ลมปราณก็ยังดูปั่นป่วน แสดงให้เห็นว่าในครึ่งนาทีเมื่อครู่ พวกเขาต้องรับมือกับร่างแยกของมู่เฉินในระดับขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งอย่างหนัก แต่โชคยังดีที่พวกเขาก็อดทนจนผ่านมาได้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เนื้อหาในการทดสอบด่านที่สองถือเป็การทดสอบที่ใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด และก็เป็บททดสอบที่ยากที่สุดด้วย แค่พริบตาเดียวก็คัดคนออกไปจำนวนมากจนเหลือแค่สามร้อยกว่าคนที่อยู่ตรงนี้
หากตัดผู้กล้าสองร้อยกว่าคนที่หน้าตาบวมเป่ง ที่เหลืออีกไม่ถึงร้อยคนก็ได้รับาเ็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่แหละผู้มีความสามารถที่แท้จริง!
ในเวลานี้ ิอวี่ยังอยู่ในความดีใจที่ได้ดวงจิตแห่งไฟมาจากการเอาชนะร่างแยกมู่เฉิน
ถึงแม้ว่าคนรอบตัวจะยังมีการพูดคุยถึงความวิปริตของร่างแยกมู่เฉินอยู่ แต่ิอวี่ก็ไม่ได้เข้าไปร่วมวงสนทนากับพวกเขาด้วย
เพราะิอวี่ไม่ได้ต้านร่างแยกมู่เฉินเอาไว้ได้ แต่เขาใช้เวลาแค่สิบห้าวินาทีสังหารร่างแยกนั้นได้!
ิอวี่ไม่้าใช้วิธีการสนทนามาพิสูจน์ความสามารถของตนเอง เพราะความยุติธรรมมันอยู่ที่ใจ การต่อสู้เมื่อครู่พวกลู่เฟิงจะต้องมองเห็น ไม่อย่างนั้นลู่เฟิงจะตัดสินผลออกมาได้อย่างไรกัน?
เพราะอย่างนี้ ิอวี่ถึงเลือกที่จะทำอะไรเรียบง่าย เพราะเขาไม่ได้จำเป็จะต้องโอ้อวดว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน เขาแค่ได้รับการยอมรับจากผู้าุโระดับสูงก็พอ ได้รับทรัพยากรในการฝึกจำนวนมากก็พอแล้ว
หากทำจนคนอื่นล่วงรู้ไปหมด ทุกคนก็จะรู้ว่าเขามีความสามารถแค่ไหนในการทดสอบ ถ้าอย่างนั้น ิอวี่ก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะมีใครตาร้อนและคิดไม่ดีอะไรกับเขาหรือเปล่า ดังนั้นเขาถึงได้เลือกที่จะไม่พูดอะไรและรอดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ
ในเวลานี้เอง ก็มีคนเดินมาตบไหล่ของิอวี่
“ใคร?” ิอวี่หันหน้ากลับไปดู เขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดวงตาบวมเขียว ใบหน้าบวมเป่งบิดเบี้ยว มุมปากมีเืไหล และกำลังมองมาที่เขา
เมื่อเห็นิอวี่ดูไม่เป็อะไรเลยชายหนุ่มคนนั้นก็ตาโต แต่เพราะถูกซัดจนน่วมเลยพูดไม่ชัดเจนเท่าไร “ิอวี่ เ้า ... เ้าทำไมถึงไม่เป็อะไรเลยล่ะ ... ”
“ขอโทษทีนะ ... เ้าคือ?”
ิอวี่ขมวดคิ้ว เขาเหมือนจำไม่ได้เลยว่าเคยเจอหนุ่มคนนี้มาก่อน
ชายหนุ่มคนนั้นพูดด้วยความโมโหว่า “ข้าเอง ... ข้าถังซื่อหรงไง!”
“ฮะ?”
ิอวี่มองไปที่ถังซื่อหรงด้วยความตกตะลึง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเ้าอ้วนคนที่หน้าตากวนๆ ก่อนหน้านี้นั้นจะหน้าบวมปูดเหมือนหมูแบบนี้ เห็นสายตาที่น่าสงสารของเขาและใบหน้าที่เขียวช้ำ แล้วก็น้ำเสียงที่เหมือนไม่ได้รับความเป็ธรรม มันให้ความรู้สึกแบบว่า “ข้าน้อยใจนะ แต่ข้าพูดไม่ได้” ...
ปกติิอวี่เป็คนที่มีเหตุผลมาก แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวจนต้องยิ้มมุมปากเล็กๆ ขึ้นมา
“ตลกมากไหม!” ถังซื่อหรงทำหน้าจริงจังภายใต้หน้าที่บวมปูด
เมื่อเห็นหน้าตาเหมือนซาลาเปาและดูทึ่มๆ ของถังซื่อหรง รวมถึงท่าทางจริงจังของเขาแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไริอวี่ก็ยังรู้สึกตลกอยู่ดี
ิอวี่เอามือจับปากเอาไว้ พยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา “ไม่ตลกเลยสักนิด ... จริงๆ ปกติข้าเป็คนค่อนข้างใจเย็น บททดสอบของสายเลี่ยนเหยียนเข้มงวดขนาดนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อเ้า ... ต่อให้มันจะตลกมากแค่ไหนก็ตามข้าจะไม่มีทางหัวเราะออกมาเด็ดขาด ... ”
ถังซื่อหรงชี้ไปที่ิอวี่แล้วก็พูดออกมาว่า “การที่เ้าไม่หัวเราะมันถูกต้องแล้ว”
“อือ ... เว้นเสียแต่ว่าจะทนไม่ไหว ... ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อครู่ิอวี่กลั้นหัวเราะอยู่ตลอด แต่หน้าตาของถังซื่อหรงทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของเขาขาดลง มันทำให้ิอวี่หัวเราะออกมาเสียงดัง ...
“เ้า! เ้าหลอกข้า ไหนบอกว่าไม่ตลกไง!”
พอิอวี่หัวเราะก็ทำให้คนอื่นนั้นหันมามอง โดยเฉพาะสาวๆ ที่หันมาเห็นหน้าซาลาเปาของถังซื่อหรงก็ล้วนแต่อดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมา มันทำให้ถังซื่อหรงหน้าแดงด้วยความอับอายจนอยากจะหาที่มุดหนีไปเลย
ิอวี่หัวเราะไปด้วยแล้วก็อธิบายไปด้วยว่า “ไม่ ... ไม่ใช่ ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เ้าต่อสู้มาคงรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม ข้าเข้าใจดี ... พี่ชาย ข้าจะไม่หัวเราะอีกแล้ว จริงๆ ... ”
“ข้าเนี่ยนะรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม? เหอะๆ ร่างแยกมันร้ายกาจแค่ไหนกันเชียว? เห็นสภาพข้าแบบนี้ แต่ข้าก็เล่นงานเ้าร่างแยกนั่นเกือบตายเหมือนกันรู้ไหม!”
ถังซื่อหรงเริ่มแรกพูดยังเสียงแข็งอยู่ แต่พูดไปถึงหลังๆ กลับมีเสียงที่เบาลงเรื่อยๆ “ไม่ว่าอย่างไรข้ากับเขาก็สูสีกันอยู่ดี”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ... ”
ิอวี่หัวเราะอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็เอามือทั้งสองข้างปิดปากของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงหัวเราะหลุดออกมา แต่ร่างกายของเขาก็ยังสั่นไม่หยุด ...
ก่อนหน้านี้ิอวี่ยังรู้สึกอคติกับถังซื่อหรงอยู่ แต่ตอนนี้ถูกเ้าบ้านี่ทำให้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขาก็เหมือนคนประหลาดในหมู่คนสามร้อยกว่าคน นำพาความสุขมาให้กับทุกคน ...
อารมณ์ของถังซื่อหรงย่ำแย่ถึงขีดสุด แต่เขาก็ไม่มีอะไรจะเถียง
เมื่อเห็นว่าิอวี่าเ็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอาการเจ็บหนักอะไรให้เห็นเลย ต่อให้ถังซื่อหรงจะโง่แค่ไหน ก็รู้ว่าไม่ว่าจะเป็เื่ความอดทนต่อความร้อนหรือว่าความสามารถในการต่อสู้ อย่างไริอวี่ก็เหนือกว่าเขาอยู่ดี
เดิมถังซื่อหรงยังคิดอยากจะเปรียบเทียบตนเองกับิอวี่ แต่ใครจะคิด ไม่ว่าด้านไหนิอวี่ก็เหนือกว่าเขามาก มันทำให้จิตใจที่เปราะบางของเขานั้นได้รับความกระทบกระเทือนอย่างถึงที่สุด
แต่ถังซื่อหรงเป็คนหัวดื้อไม่ชอบเสียหน้า ถึงแม้จิตใจของเขาจะถูกิอวี่แทงจนพรุนไปแล้ว แต่ว่าเปลือกนอกเขายังแสดงท่าทีว่าเขานั้นแข็งแกร่งอยู่
ใช่แล้ว ข้าน้อยใจมาก แต่ว่า ... ข้าพูดไม่ได้
เมื่อเห็นถังซื่อหรงที่กลั้นโกรธอย่างน่ารัก ิอวี่ก็ตั้งสติกลับมาจากการหัวเราะ เขาต้องปรับอารมณ์ของตนเองสักหน่อยเพื่อเผชิญหน้ากับบททดสอบต่อไป
ในเวลานี้เองก็มีเงาผ่านเข้ามาในทัศนวิสัยของทุกคน
เขาคือลู่เฟิง
ลู่เฟิงจัดการพื้นที่ทดสอบเรียบร้อยก็รีบมาที่นี่ในทันที
“ยินดีกับพวกเ้าด้วย ที่ผ่านด่านทดสอบที่สองเข้ามาได้” สายตาของลู่เฟิงกวาดสายตาไปทั่ว ตอนที่กวาดสายตามาถึงิอวี่เขาก็ส่งประกายแสงออกมานิดหน่อยแบบที่ไม่มีใครจับได้
แต่สายตาแบบนี้ มันถูกััที่อ่อนไหวของิอวี่จับและััได้
ไม่ผิดอย่างที่คิด!
ิอวี่ดีใจมาก การที่เขาสังหารร่างแยกในพื้นที่ปิดเมื่อครู่ลู่เฟิงเห็นทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นลู่เฟิงไม่มีทางส่งสายตาแบบนั้นมาให้เขาแน่
ถึงแม้ไม่รู้ว่าในใจของลู่เฟิงนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ิอวี่ก็รู้ดีว่าขอแค่เขาแสดงความสามารถของตนให้ดี ผลลัพธ์ต้องออกมาดีแน่ อย่างน้อยผลก็ไม่มีทางติดลบ
ลางสังหรณ์ของิอวี่บอกเขาว่าลู่เฟิงไม่ได้มีเจตนาร้าย เขาเองก็ไม่ได้มีความคิดอะไรกับลู่เฟิง เพราะสิ่งที่เขาแสดงออกไปเมื่อครู่มันแค่พร์ เื่ของพร์ไม่มีทางชิงเอาไปได้ ซึ่งมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับลู่เฟิงเลย
ดังนั้น การที่ลู่เฟิงจับตาดูเขาจึงมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ
ในเวลานี้ลู่เฟิงกวาดสายตามองไปที่ทุกคน จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ด่านต่อไป เป็ด่านสุดท้าย พวกเ้าจะเริ่มการทดสอบที่ด้านหลังเขาลูกที่สามนี้ ที่นั่นจะมีเหล่าผู้าุโเป็ประจักษ์พยานผลคะแนนของพวกเ้า ในด่านสุดท้ายนี้จะมีคนถูกคัดออกอีกหนึ่งร้อยคน ที่เหลืออีกสองร้อยคนก็ยินดีด้วย พวกเ้าจะกลายเป็ศิษย์ของสายเลี่ยนเหยียนของเรา!”
ระหว่างที่พูด ลู่เฟิงก็เหลือบมองมาทางิอวี่ ในใจของเขาอดเป็ห่วงขึ้นมาไม่ได้
หากเป็ผู้าุโคนอื่นเขาก็ไม่ค่อยกลัวเท่าไร กลัวก็แต่ หากผู้หญิงบ้าคนนั้นเลือกิอวี่ไป ... เื่นี้ก็อาจไม่ง่ายแล้ว
