ตอนที่นางโน้มตัวขึ้นไปเพื่อสูดกลิ่นนั้น นางทำเพื่อสังเกตปานบริเวณลำคอของเขา ซึ่งตรงนั้นก็มีปานอยู่จริงๆ ดังนั้นสถานะของเขาจึงชัดเจนแล้ว
จินอวิ่นพระโอรสลำดับรองแห่งแคว้นอวี้เหิง
เขาเป็องค์ชายที่เกิดจากหญิงขับกล่อมบทเพลง ไม่เป็ที่โปรดปรานทว่ากลับมีจิตใจที่ภักดีต่อแผ่นดิน
อันที่จริงกงอี่โม่ไม่ค่อยย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในชาติที่แล้วทว่าหากถามนางว่าชาติที่แล้วนางทำผิดต่อใครมากที่สุด?
กงอี่โม่ยิ้มน้อยๆ
ชาติที่แล้วนางทำผิดต่อผู้คนมากมายเพราะนางรับพระบัญชาสู้รบั้แ่เหนือจรดใต้ สังหารผู้คนนับไม่ถ้วนทำให้ครอบครัวผู้บริสุทธิ์มากมายต้องพลัดพรากจากกัน ทุกคนต่างรู้สึกดีหากไม่มีนาง
ทว่าหากให้กล่าวถึงบุคคลที่นางรู้สึกผิดมากที่สุด...มีเพียงผู้เดียว
เขาเป็ผู้ที่รักนางอย่างลึกซึ้งที่สุดคนหนึ่ง
ทว่าบุคคลผู้นั้นไม่ใช่จิงอวิ๋นผู้มีรูปร่างหน้าตางดงามดุจหยกแต่เป็จินอวิ่นผู้อัปลักษณ์ดุจภูตผี
ในงานเลี้ยงพระราชวังครั้งหนึ่ง เขาเจอนางโดยบังเอิญแต่กลับหลงรักนางั้แ่แรกพบ ภายหลังมีการทำาอย่างต่อเนื่องจึงเป็การผูกกรรมต่อกันมากยิ่งขึ้น
ใช่ กงอี่โม่คิดว่านางเป็กรรมของจินอวิ่น
จินอวิ่นเป็แม่ทัพที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในแคว้นอวี้เหิงและเป็องค์ชายที่รักประชาชนราวกับบุตรของตน ทว่าเขากลับแอบช่วยนางหลายครั้งและก็มีหลายครั้งที่เขาตกอยู่ในอันตรายเพราะนาง ทว่าสุดท้ายขณะที่นางจำเป็ต้องพาทัพใหญ่ออกรบเมื่อทหารของนางถึงอวี้เหิงแล้ว ขณะที่ทหารทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันนั้นก็เป็บุรุษผู้นี้ที่ไม่้าเห็นนางลำบาก เขาจึงเปิดประตูแคว้นอวี้เหิงด้วยตัวเอง
ชาติที่แล้วจินอวิ่นทำเพื่อนางจึงต้องถูกรุมประณามและถูกปะาชีวิตด้วยวิธีหลิงฉือสุดท้ายศพของเขาถูกจักรพรรดิอวี้เหิงโยนให้สุนัขกิน ตอนที่นางเข้ายึดอวี้เหิงนางไม่เจอแม้กระทั่งอัฐิของเขา
ดังนั้นชาติที่แล้วขณะที่นางสังหารคนนับครั้งไม่ถ้วน นางก็คิดว่าหากนางไม่ได้เจอกงเช่อหากนางเจอจินอวิ่นเร็วขึ้นสักหน่อยบุรุษที่รักนางปกป้องนางสุดชีวิตผู้นี้คงไม่ต้องทรมาน
แต่น่าเสียดาย มันไม่ใช่เลย
ส่วนครั้งนี้ ตอนแรกนางจำอีกฝ่ายไม่ได้เป็เขาที่ยื่นข้อเสนอขึ้นมาก่อน นางจึงเริ่มสงสัย
เดิมทีจินอวิ่นเป็คนฉลาดและมองการณ์ไกลมากคนหนึ่งชาติที่แล้วหากราชสำนักอวี้เหิงไม่ได้ทำร้ายมารดาของเขา ไม่ได้บังคับให้เขาทำให้ตัวเองเสียโฉมรวมทั้งทำลายวรยุทธ์ของเขา จากความจงรักภักดีของเขาอวี้เหิงไม่มีทางมีจุดจบเช่นนั้น
เป็ไปตามคาด นางเห็นปานดอกไม้อยู่บนลำคอของอีกฝ่ายครั้งแรกที่นางเห็น นางยังกล่าวล้อเล่นว่านี่คือรอยจุมพิต
แต่อีกฝ่ายกลับบอกนางเสียงแข็งหากมีคนเห็นใบหน้าของเขาจะไม่มีทางเกิดความคิดอยากจูบเขาแน่นอน
กงอี่โม่ไม่เชื่อ นางบอกว่านางไม่มีทางกลัว ส่วนจินอวิ่นเดินทางมาในนามทูตเพราะนางมีฐานะสูงส่ง เขาจึงต้องถอดหน้ากากออกอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ใบหน้าที่ถูกกรีดราวกับกระจกร้าวสามารถทำให้ทารกร้องไห้ในยามค่ำคืน น่ากลัวดุจยมราชทว่าตอนนั้นจินอวิ่นยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำเสียงเ็าน่าสะพรึงแต่กลับสะท้อนถึงความเศร้าและความสิ้นหวัง
เขาลูบใบหน้าของตน น่ากลัวไหม?
ตอนนั้นนางกล่าวว่าอะไรหรือ?
กงอี่โม่ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นความเ็ปทะลักขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ ตอนนั้นนางกล่าวว่า......
หากใบหน้าท่านปกติ ท่านต้องงดงามยิ่งนัก
ซึ่งเขาก็งดงามมากจริงๆ
เมื่อดึงหน้าอกของตนออกแล้ว จินอวิ่นจึงรู้สึกสบายตัวขึ้นมาเขาเห็นกงอี่โม่นิ่งเงียบอยู่นาน ไม่มีการตอบอะไร เขาจึงเงยหน้าทว่ากลับพบว่าอีกฝ่ายแสดงสีหน้าสับสน เหมือนกำลังกล่าวโทษ กำลังเศร้าสร้อยแต่ก็เหมือนยินดี แต่ก็เหมือนเสียใจ
จินอวิ่นชะงักไป ไม่รู้เป็เพราะเหตุใดเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเ็ปเพราะเขา
เขาเข้าใจผิดใช่ไหม? ในรายงานระบุไว้ว่า องค์หญิงน้อยผู้นี้มองผลประโยชน์เป็สำคัญจัดการยากมาก!
“เ้าเป็อะไร?” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยทว่าใบหน้าของเขางดงามมีเสน่ห์ยิ่งนัก กิริยาท่าทางทุกอย่างน่าหลงใหลเขาเป็บุรุษที่งามมากจริงๆเพราะมารดาของเขาเป็สาวงามที่มีชื่อเสียงที่สุดในอวี้เหิงอย่างแท้จริง
กงอี่โม่ได้สติกลับคืนมา จากนั้นจึงคลี่ยิ้มนางมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าจินอวิ่นััได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจ
“ข้าคิดว่าความร่วมมือระหว่างพวกเราต้องมีการเปลี่ยนแปลง”
คำพูดของนางทำให้จินอวิ่นระวังตัว นางคิดโก่งราคาอย่างนั้นหรือ?
“เปลี่ยนแปลงอย่างไร?”
กงอี่โม่มองเขา สายตาแฝงความนัยที่เขามองไม่ออก
“เื่แอบขุดแม่น้ำ ข้าไม่้าให้ท่านออกเงินแล้ว”
“เพราะอะไร?!” จินอวิ่นร้อนใจขึ้นมาทันทีนางไม่ตกลงแล้ว?
กงอี่โม่กลับส่ายศีรษะ “ความร่วมมือระหว่างเรายังคงมีต่อไปแต่ข้าไม่้าให้ท่านออกเงินแล้ว ทุกคนต่างรู้ดี ข้ามีเงินมากกว่าท่านเสียอีกอีกทั้งเพื่อเป็การลดแรงกดดันของแม่น้ำแยงซีข้าตั้งใจขุดแม่น้ำสายย่อยขยายเข้าแผ่นดินเพิ่มขึ้นอยู่แล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ต้องให้ฮ่องเต้เป็ผู้ออก ท่านไม่จำเป็ต้องกังวล”
ดังนั้นท่านเก็บเงินเ่าั้ไว้จัดการเหตุการณ์รอบๆ ตัว รวมทั้งใช้ปกป้องตัวเองเถิด
จินอวิ่นขมวดคิ้ว ตอนนี้คิ้วของเขาถูกแต่งจนเรียวบางเมื่อขมวดแล้วจึงเหมือนสาวงามป่วยหนัก ช่างน่าสงสารนัก
โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้เปล่า จินอวิ่นไม่เข้าใจจริงๆว่ากงอี่โม่หมายความเช่นไร
“ทำไมจึงไม่้า? นี่คือของที่ได้เปล่านะ”
“ข้าเกรงว่าท่านจะมีเงินไม่พอเท่านั้นเองเพราะท่านต้องแอบขุดแม่น้ำในอวี้เหิง ค่าใช้จ่ายย่อมไม่น้อยอีกทั้งยังต้องใช้เวลานาน ข้าไม่อยากเอาเปรียบท่านเพราะต่อไปพวกเรายังต้องร่วมมือกันระยะยาว” กงอี่โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เ้าเชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยหรือ? ใครๆ ต่างรู้ดี หากขุดแม่น้ำเชื่อมต่อทั้งหมดแล้วชาวอวี้เหิงของพวกข้าจะลักลอบเข้าไปได้ง่ายมาก เ้าไม่กลัวหรือ?” เขาขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่กลัว ท่านสะดวกเข้ามา ข้าก็สะดวกเข้าไปไม่ใช่หรือ? ถึงตอนนั้นก็ดูว่าใครมีความสามารถมากกว่าเท่านั้น อีกทั้ง...”กงอี่โม่คลี่ยิ้มน้อยๆ
“อีกทั้งเมื่อขุดคลองขนส่งเสร็จแล้วทหารของพวกเราก็ต้องคอยป้องกันอยู่ ท่านเข้ามาไม่ได้หรอกอีกอย่างมีแม่น้ำสายย่อยมากมายขนาดนั้นข้าคงไม่คิดจะทำการค้ากับท่านเพียงผู้เดียว” นางหรี่ตากล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย
สายตาของนางมองไปทางอื่นราวกับว่าั์ตาของนางมีภาพูเาแม่น้ำเชื่อมต่อทุกสารทิศปรากฏขึ้น
ช่างเป็ภาพงดงามยิ่งนัก มีการติดต่อค้าขายตลอดเวลามีสินค้าหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้คนสมปรารถนา
ดังนั้น... นางยิ้มน้อยๆ แต่ดูเด็ดขาด จากนั้นจึงถอนหายใจกล่าวขึ้น
“ข้าเชื่อว่า การลักลอบขายสินค้าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว สักวันข้าจะทำให้เกิดการค้าขายระหว่างสี่แคว้นประตูเมืองเปิดกว้าง การค้าขายคึกคัก”
นี่ไม่ใช่ความคิดเพ้อฝัน นางจะต้องทำให้สำเร็จอย่างแน่นอน
คำพูดของนางทำให้จินอวิ่นตะลึงงันมันสะท้อนถึงความทะเยอทะยานและความเด็ดขาด ทำให้จินอวิ่นรู้สึกใจสั่น
เขารู้สึกว่าความคิดของเขาช่างแคบมาก เขาพัฒนาแคว้นของตนอย่างลำบากทว่าสาวน้อยเบื้องหน้าไม่ได้คิดพัฒนาตัวเองเท่านั้น แต่นางพัฒนาแผ่นดินและยัง้าให้แคว้นเพื่อนบ้านพัฒนาร่วมกัน ช่างเป็ความคิดที่สูงส่งยิ่งนักช่างห่างไกลกับความคิดของเขาเสียเหลือเกิน
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ องค์หญิงจาวหยางผู้นี้เติบโตมาอย่างไร? เพราะเหตุใดจึงมีความทะเยอทะยานเช่นนี้? ช่างเป็ความคิดที่น่าตะลึงยิ่งนัก
เวลานี้กงอี่โม่มองเขาพร้อมส่งยิ้ม นางยื่นมือเข้าหาเขาดวงตาเต็มไปด้วยความคะนึงหาและความคาดหวัง
“ข้ารู้ว่าท่านเป็ใคร และข้าก็รู้ว่าท่านมีความสามารถเช่นไรรวมทั้งความคิด สถานการณ์ และเื่ต่างๆ ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญข้าถามท่านเพียงคำเดียว ท่านยินดีร่วมมือกับข้าไหม?”
นางใช้คำว่า ‘ข้า’ นั่นก็หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากนางนางยินดีแสดงความจริงใจของตน
จินอวิ่นยังคงตั้งตัวไม่ทันกับคำกล่าวของนางเมื่อสักครู่ขณะที่เห็นมือน้อยๆ ยื่นเข้ามาตรงเบื้องหน้า เขายังคงงุนงงอยู่ทว่าเมื่อคิดถึงมารดาของตนที่ใช้ชีวิตอย่างลำบากในตำหนักเย็น เขาจึงกัดฟันตัดสินใจเขาไม่คิดกังวลใดๆ อีก
“ตกลง”
สายตาของกงอี่โม่พลันอ่อนโยน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้