เมื่อโดนหลินกู๋หยู่จับจ้อง ฉือเทารู้สึกอึดอัดอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาได้รับเงินห้าสิบตำลึงแล้ว เขาไม่มีอะไรจะบ่นแล้ว
ใบหน้าของฉือหางไม่น่ามองขึ้นไปทุกที "เงินข้าหมดแล้ว รีบคืนโต้ซามาให้ข้าเถอะ!"
"น้องสาม" ฉือเทาเดินไปหาฉือหางด้วยรอยยิ้ม "เ้าไม่ต้องกังวล เราเป็ครอบครัวเดียวกัน ตราบใดที่เ้าให้เงินพี่รองเพิ่มอีกสักเล็กน้อย พี่รองได้เงินกลับคืนทั้งหมดเมื่อไร ข้าจะคืนให้เ้า”
ฉือหางมองไปที่ฉือเทาอย่างเฉยเมย และพูดอย่างขุ่นเคือง "ขายบ้านของข้าสิ ดูว่ามันคุ้มค่ากับเงินเพียงเล็กน้อยหรือไม่ เช่นนี้สามารถเอาโต้ซากลับมาได้หรือไม่?"
เมื่อฟังคำพูดของฉือหาง มือของฟางซื่อก็กำถุงเงินไว้แน่น คิ้วขมวดมุ่น ลูกตาของนางกลอกอย่างรวดเร็วเป็พิเศษ!
ฉือเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป "พี่รอง พี่รีบคืนโต้ซาให้พี่สามเถอะ ถ้าข้ารู้ว่าพี่จะทำเช่นนั้น ข้าคงไม่เปิดประตูั้แ่แรก และก็คงไม่ถูกพี่ทุบตีจนสลบ!"
เมื่อเห็นว่าฉือเทาไม่ฟังถ้อยคำของเขา ฉือเย่จึงเดินไปหาโจวซื่อ เขาจับแขนของผู้เป็แม่อย่างร้อนรน "ท่านแม่ ท่านรีบไปบอกพี่รองเถอะ พี่รองทำเช่นนี้ไม่ได้ ทำเช่นนี้เป็การรังแกพี่สามมากเกินไปแล้วจริงๆ!"
อาจเป็เพราะโจวซื่อก็คิดเช่นกันว่าฉือเทาทำเกินไป นางหลุบตาลง เดินไปบิดใบหูของฉือเทา เอ่ยอย่างเดือดดาลในเวลาเดียวกัน "เ้าพอแล้ว โต้ซาเป็หลานชายของเ้า เ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?"
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ใบหน้าของฉือเทาก็ซีดขาวจากความเ็ป เขาเอามือปิดใบหูข้างหนึ่งไว้ พูดเบาๆ ว่า "ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านหยุดบิดได้แล้ว ข้าจะเอาตัวโต้ซากลับมาเดี๋ยวนี้"
หลินกู๋หยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หัวใจที่พะว้าพะวังตลอดเวลาก็ค่อยๆ สงบลง
"ลูกข้าอยู่ที่ไหน?" ฉือหางมองฉือเทาอย่างเ็า สายตาจับจ้องจากศีรษะจรดปลายเท้า
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด ฉือเทาก็ยิ้มๆ "เ้าจะกังวลมากไปทำไมกัน? โต้ซาเป็หลานชายของข้า ข้าจะทำร้ายเขาได้อย่างไร?"
ฉือเทายิ้มๆ เบี่ยงหน้าไปมองฟางซื่อ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ยังไม่พาโต้ซากลับมาอีก เ้ารีบไปรับเถอะ"
หลินกู๋หยู่ฟังคำพูดของฉือเทา นางก็มองไปที่ฟางซื่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง
"โต้ซาอยู่ที่บ้านญาติของข้า" ฟางซื่อพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าหลังจากเก็บเงิน "แต่ระยะทางบ้านญาติข้าไกลเล็กน้อย จะต้องใช้เวลาเดินราวหนึ่งชั่วยาม เวลานี้มันก็ดึกแล้ว ทำไมพวกเราไม่ไปพรุ่งนี้เล่า?"
“พี่สะใภ้รอง ไปวันนี้เถอะ พวกเราไม่สนว่ามันจะดึกแค่ไหน” หลินกู๋หยู่ก้าวเท้าไปข้างหน้า มองฟางซื่อด้วยใบหน้าสงบ น้ำเสียงของนางนุ่มนวลประดุจฝ้าย “ไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปกับเ้า”
“ไปพรุ่งนี้เถอะ ดีหรือไม่?” โจวซื่อยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยพูดลอยๆ
ลูกคนนี้ไม่ใช่ของนาง แน่นอนว่านางไม่เป็ห่วง
"ไปเดี๋ยวนี้!" ฉือหางมองไปที่ฟางซื่อด้วยสายตาเย็นเยียบ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดวงตาคู่นั้นไร้ซึ่งความอบอุ่น ทำให้ฟางซื่อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางก้มศีรษะลงพลางเม้มริมฝีปากแน่น
“งั้นไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้” ฟางซื่อไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่ฉือหาง
หลินกู๋หยู่ก้าวเท้าติดตามฟางซื่อ
"ให้ข้าไปเถอะ" ฉือหางยื่นมือไปจับมือของหลินกู๋หยู่ ก่อนที่จะยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของผู้เป็ภรรยา เขามองนางอย่างเป็กังวล
หลินกู๋หยู่ส่ายศีรษะยิ้มๆ ชำเลืองมองฉือเทาอย่างเฉยเมยปราดหนึ่ง เอาแขนโอบรอบคอของฉือหาง ยืนเขย่งเท้าแล้วเอนตัวแนบใบหู "ข้าจะไปดูพี่สะใภ้รอง ส่วนเ้าคอยดูพี่รอง!”
ถ้าหลินกู๋หยู่ไม่ได้พูด ฉือหางก็อาจจะยังไม่ตระหนักถึงเื่นี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางก็คิดได้มากขึ้น เขามองไปที่ฉือเทาที่ด้านข้างด้วยใบหน้าระแวดระวัง
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าร่างกายของตนเองอ่อนแอปวกเปียก นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืนตัวตรงเพื่อไม่ให้ฉือหางเห็นอาการผิดปกติของนาง
หลังจากปล่อยฉือหางแล้ว หลินกู๋หยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา พยายามยกริมฝีปากให้โค้งขึ้นอย่างหนัก ก่อนที่จะเดินตามฟางซื่อออกไป
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าทุกย่างก้าวที่นางก้าวเดินนั้นยากลำบาก นางหันศีรษะมองไปที่ฟางซื่อด้านข้าง น้ำเสียงของนางเรียบเฉยเป็อย่างมาก "พี่สะใภ้รอง อีกนานไหมกว่าจะถึง?"
ลมกระโชกแรงพัดผ่านมา ร่างกายของหลินกู๋หยู่สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้
หนาวเหลือเกิน
ดูเหมือนในร่างกายจะไม่มีความอุ่นเลยแม้แต่เศษเสี้ยว
หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลง ไม่เช่นนั้นฟางซื่ออาจเห็นสิ่งผิดปกติของนาง
ฟางซื่อพาหลินกู๋หยู่เดินราวครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็มาถึงบ้านแม่ของฟางซื่อ
เดินตามฟางซื่อเข้าไปข้างใน หลินกู๋หยู่กล่าวทักทายทุกคนอย่างสุภาพ
ฟางซื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ และเดินตามพี่ชายของตระกูลฟางเข้าไปด้านใน
“ผู้หญิงคนนั้นเป็น้องสะใภ้สามของเ้าใช่หรือไม่?” พี่ใหญ่ของตระกูลฟางพูดเบาๆ “นางดูไม่เหมือนเด็กสาวที่มาจากครอบครัวที่ยากจนเลย”
คิ้วของฟางซื่อขมวดเล็กน้อย พูดด้วยเสียงเบาว่า "พี่ชาย โต้ซาอยู่ไหน พวกเขาเพิ่งกลับมา นำตัวโต้ซาออกมาเถอะ พวกเราจะเอาตัวกลับไป"
เมื่อได้ยินดังนั้น พี่ใหญ่ของตระกูลฟางมองไปที่ฟางซื่อด้วยความลำบากใจหลายส่วน
เมื่อเห็นท่าทีพี่ใหญ่ตระกูลฟาง ฟางซื่อก็เอ่ยถามอย่างงงงวยเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้น?"
เมื่อฟางซื่อเดินออกไปก็เห็นหลินกู๋หยู่ยืนอยู่ที่ลานบ้าน
เมื่อหลินกู๋หยู่เห็นฟางซื่อเดินออกมา นางก็รีบเดินไปหาฟางซื่อด้วยใบหน้าแดงก่ำร้อนผ่าว "พี่สะใภ้รอง โต้ซาอยู่ที่ไหน?"
“โต้ซา” ดวงตาของฟางซื่อหลุบลงเล็กน้อย ยิ้มๆ ขณะจับมือของหลินกู๋หยู่ “เขายังคงหลับอยู่ พี่สะใภ้ของข้าไปเรียกเขาแล้ว”
“ขอข้าเข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฟางซื่อ ขณะเอ่ยถามอย่างระแคะระคาย
หลังจากได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของฟางซื่อดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่ครู่หนึ่งนางก็ฉีกยิ้ม "ไม่มีอะไรหรอก"
หลินกู๋หยู่ได้ฟังสิ่งที่ฟางซื่อพูด จึงเอ่ยอย่างใจเย็น "งั้นข้าจะยืนรออยู่ที่นี่ก็ได้ ถ้าโต้ซารู้ว่าข้ามาหา เขาจะต้องมีดีใจมากและรีบออกมาอย่างแน่นอน"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด การแสดงออกทางสีหน้าของฟางซื่อก็ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
เดิมทีร่างกายของหลินกู๋หยู่ก็ไม่สบายอยู่แล้ว นางมองไปที่ม้านั่งหินข้างๆ แล้วเดินไปนั่ง
รู้สึกว่าศีรษะหนักเต็มทน
หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของตนเอง รู้สึกว่าศีรษะของนางอึดอัดเพิ่มมากขึ้น แม้กระทั่งคนที่อยู่ข้างหน้าก็มองเห็นไม่ชัดเจนนัก
เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา หลินกู๋หยู่ไม่อาจอดทนนั่งนิ่งๆ ได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นเดินไปหาฟางซื่อ น้ำเสียงของนางเ็า "โต้ซาอยู่ที่ไหน?"
ก่อนที่ฟางซื่อจะพูด หลินกู๋หยู่มองฟางซื่ออย่างเ็า "เ้าบอกว่าโต้ซาหลับไปแล้วไม่ใช่หรือ นี่เวลาก็ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?"
เมื่อได้ยินดังนั้น การแสดงออกทางสีหน้าของฟางซื่อก็น่าเกลียด
เดิมนางคิดว่าหลินกู๋หยู่จะไม่ชอบโต้ซา ดังนั้น นางจึง...
แต่เป็ไปได้อย่างไรที่หลินกู๋หยู่ห่วงใยเด็กคนนั้นอย่างมาก
"คือ" ฟางซื่อพูดอย่างละล้าละลัง เงยหน้าขึ้นมองไปที่หลินกู๋หยู่ปราดหนึ่ง นานช้ากว่าจะเอื้อนเอ่ย "เมื่อครู่มีคนเอาโต้ซา..."
คิ้วของหลินกู๋หยู่ขมวดแน่น หัวใจของนางเย็นเยียบ ใบหน้าของนางกลายเป็ไม่พอใจ "เอาเขา แล้วอย่างไร?"
“เขาถูกพวกค้ามนุษย์ซื้อตัวไปแล้ว!” ฟางซื่อลดศีรษะ พูดเสียงเบา
เพียะ!
หลินกู๋หยู่ฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าของฟางซื่อโดยไม่ลังเล
"เ้าป่วยหรือไง ข้าขายหลานชายของข้า มันเกี่ยวอะไรกับเ้า!" ฟางซื่อะโเสียงดัง "เ้าคิดว่าเ้าเป็ใคร เ้าเป็แค่แม่เลี้ยงเท่านั้น ข้าบอกกับแม่ค้าคนกลางว่าเ้าบอกให้ข้าทำเช่นนี้!"
“ต่ำทราม!” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฟางซื่ออย่างไม่เชื่อสายตา ใบหน้าของนางก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น คิดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่ด้วย “แม้ว่าข้าจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของโต้ซา แต่โต้ซาก็ยังมีพ่อ เื่ของเขาจำเป็ต้องให้เ้าเข้ามาแทรกแซงั้แ่เมื่อไร”
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฟางซื่อก็เบี่ยงศีรษะ เม้มริมฝีปากล่างเบาๆ
ถ้าฉือหาง้าหาตัวโต้ซาจริงๆ จะทำอย่างไร
หลินกู๋หยู่ผลักฟางซื่อออกไปและเดินออกไปข้างนอก
แม่ค้าคนกลางเพิ่งจะจากไป
หลินกู๋หยู่จำได้ว่าขณะที่นางเดินทางมาที่นี่ นางเห็นรถม้าขับแล่นผ่านไป ในเวลานั้นนางไม่ได้สังเกต นางไม่รู้ว่าคนเ่าั้ไปไกลแล้วหรือไม่
ขาทั้งสองข้างของนางเบาหวิว เบาหวิวเสียจนนางไม่รู้สึกใดๆ หลินกู๋หยู่กัดฟันและเดินออกไปข้างนอก
จะต้องหาพวกเขาให้เจอ จะต้องหาพวกเขาให้เจอให้ได้
หลินกู๋หยู่รู้สึกปวดใจอย่างมาก ขณะรีบเร่งฝีเท้าวิ่งออกไปข้างนอก
หลังจากวิ่งไปตามทางอย่างกระวนกระวาย ในที่สุดหลินกู๋หยู่ก็เห็นรถม้าคันหนึ่ง
รถม้าหยุดอยู่ที่ด้านหน้าประตูของครอบครัวหนึ่ง
หลินกู๋หยู่ไม่รู้ว่านี่คือรถม้าของแม่ค้าคนกลางที่ค้ามนุษย์หรือไม่
รถม้าสภาพเก่าทรุดโทรมมาก ด้านหลังม้าทั้งหมดถูกห่อด้วยกล่องไม้สีน้ำเงินอย่างแ่า จึงมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
“เด็กสาวของบ้านเ้าหน้าตาดี นางจะต้องได้เจอบ้านที่ดีอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็ห่วง ข้าจะหาบ้านที่ดีกว่านี้และขายลูกสาวของเ้าให้”
“งั้นข้าก็รบกวนท่านให้ต้องลำบากแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจ นี่คือสิ่งที่เราควรทำอยู่แล้ว”
หลังจากพูดจบ สตรีาุโในชุดสีน้ำเงินก็พาเด็กสาวออกจากบ้าน
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเด็กสาวคนนั้นร้องไห้ราวสาลี่ต้องหยาดฝน เด็กสาวหันศีรษะกลับไป ระหว่างก้าวเดินออกมา
มีชายหนุ่มร่างใหญ่สี่คนยืนเฝ้าอยู่รอบๆ รถม้า
หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะไอ เดินช้าๆ ไปที่ด้านหน้าของรถม้า
เมื่อแม่ค้ามนุษย์คนกลางเห็นหลินกู๋หยู่ นางยิ้มเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "สาวน้อย เ้าอยากขายใครในบ้านหรือ?"
หลินกู๋หยู่เปิดริมฝีปากเล็กน้อย มองไปที่บุคคลนั้นด้วยความไม่เชื่อ
“ข้าแค่อยากจะถามว่า” เสียงของหลินกู๋หยู่สั่นเครือ สูดจมูกอย่างแรง “มีเด็กอายุประมาณสองขวบหรือไม่?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของสตรีาุโสดใสเป็ประกายยิ่งขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า "เ้าหมายความว่าอย่างไร เ้า้าซื้อเด็กหรือ?"
มนุษย์ถูกซื้อขายตามชอบใจไม่ต่างอะไรจากสัตว์
หลินกู๋หยู่สูดลมหายใจ ในขณะที่นางกำลังจะพูด นางรู้สึกว่าด้านหลังศีรษะของนางหนักอึ้ง จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ตรงหน้าคือเหตุการณ์ในยุคโบราณและเหตุการณ์ในสมัยใหม่ปรากฏขึ้นสลับกันในความคิด
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว ร่างกายก็รู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
ดวงตาของหลินกู๋หยู่มืดสนิท เมื่อลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน กระทั่งนางสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างชัดเจนแล้ว นางพบว่ามีคนมากมายนั่งอยู่ข้างๆ นาง
“เ้าไม่ได้เป็อะไรใช่หรือไม่” เด็กสาวข้างๆ หลินกู๋หยู่กระซิบเสียงเบา “ศีรษะของเ้ายังเจ็บอยู่ไหม?”
ศีรษะของนางเจ็บเล็กน้อยจริงๆ หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นแตะศีรษะของตนเอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้ นางก็พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า "ไม่เป็ไร"
“แค่กๆ!” หลินกู๋หยู่กระแอมไอสองครั้ง กุมหน้าอกแน่น
“เ้าไม่สบาย” เด็กสาวที่นั่งใกล้หลินกู๋หยู่ที่สุดพูดด้วยเสียงเบา “ใน่สองสามวันที่ผ่านมานี้อากาศหนาวเหลือเกิน เ้าต้องหนาวมากจนเป็ไข้เป็แน่!”
หลินกู๋หยู่ไม่ได้เอ่ยตอบ นางแค่รู้สึกว่าหน้าอกของนางอึดอัดสุดจะทน