หลิวเฟินส่งอาหารให้ทังหงเอินมาเป็เวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
อันที่จริงทังหงเอินออกจากโรงพยาบาลั้แ่วันที่ 4 ผลการตรวจร่างกายของเขานั้น ทางโรงพยาบาลได้ตัดประเด็นการกลายเป็มะเร็งออก แต่โรคแผลในกระเพาะอาหารของเขายังคงคลุมเครือจริงๆ พอจะผ่าตัดตำแหน่งก็ยังไม่ตรงตามข้อบ่งชี้ ทำได้แค่รับประทานยาและค่อยๆ รักษาไปพร้อมกันเท่านั้น แพทย์ขอให้ทังหงเอินเลิกบุหรี่กับสุรา อีกทั้งความเครียดก็เป็สาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารเช่นกัน ทังหงเอินไม่เพียงแต่ต้องใส่ใจนิสัยการกิน กระทั่งความเคยชินในชีวิตประจำวันล้วนต้องแก้ไขทั้งสิ้น
หลังจากออกจากโรงพยาบาล แม่บ้านที่ลางานได้กลับมาทำงานดั่งเดิมแล้ว หลิวเฟินเองก็มาที่บ้านของทังหงเอินเพื่อสอนแม่บ้านทำอาหารอวี้หนาน เรียนอยู่สามวัน แม่บ้านพอทำได้สองสามอย่าง หลิวเฟินจึงไม่ไปบ้านทังอีก
เธอไม่ได้คิดว่าการทำอาหารเป็เื่ลำบากอะไร ทว่าพอผ่านวันที่ 20 สิงหาคมไป หลิวเฟินต้องกลับไปซางตูพร้อมเซี่ยเสี่ยวหลาน
กำหนดการของเซี่ยเสี่ยวหลานคือเตรียมตัวเข้าปักกิ่งหลังวันที่ 28 สิงหาคม วันเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยหัวชิงประจำปีนี้คือวันที่ 2 กันยายน นักศึกษาใหม่สามารถรายงานตัวล่วงหน้าสองวันได้ กลับซางตูครั้งนี้เธอและหลิวเฟินยังต้องนำเสื้อผ้าใหม่ของฤดูใบไม้ร่วงกลับไปด้วย บ้านในชนบทสร้างไปถึงไหน เซี่ยเสี่ยวหลานต้องไปดูเช่นกัน เมื่อจัดการธุระจุกจิกต่างๆ เสร็จ ก็ควรเตรียมพร้อมไปรายงานตัวที่ปักกิ่งแล้ว!
ส่วนด้านเผิงเฉิงนี้ ‘อันเจียวัสดุ’ ยังตกแต่งไม่เรียบร้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอจนหลังกลางเดือนกันยายนถึงจะเปิดกิจการอย่างเป็ทางการได้ เส้ากวงหรงกลับปักกิ่งไปก่อนแล้ว เขาทิ้งงานนานเกินไปไม่ได้ ส่วนคนที่เอ้อระเหยอย่างคังเหว่ยนั้น ลาหยุดยาวเพื่อมาทำร้านใหม่ นั่งเครื่องบินกลับไปจัดการธุรกิจค้าบุหรี่ทุกสองสามวัน ในเวลาอื่นๆ ก็พักพิงอยู่ที่เผิงเฉิงไม่ไปไหน การทำหน้าร้านจริงกับขายบุหรี่เก็งกำไรไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไร เฝ้าดูอาคารซีเมนต์เปลือยเปล่าหนึ่งหลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย อาจมีกำไรไม่มาก ทว่าความอิ่มเอมใจจากความสำเร็จไม่น้อยเลยทีเดียว
แน่นอนว่ารวมถึงการไปเจรจากับผู้ค้าคนกลางเ่าั้ด้วย คังเหว่ยเป็ฝ่ายได้เปรียบในการทำธุรกิจค้าบุหรี่ คนอื่นย่อมปฏิบัติตามความ้าของเขาเป็ธรรมดา
ทว่าสำหรับผู้ค้าวัสดุคนกลางเหล่านี้ คังเหว่ยต้องดูสีหน้าคนอื่นเพื่อปฏิบัติตามแทนเสียแล้ว... เรียนรู้ได้อะไรบ้างยังไม่แน่ใจ ทว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายกล่อมเกลาเขาจนมีความอดทน ราคาเริ่มต้นของกระเบื้องเซรามิกหนึ่งแผ่นถูกลงอีกสองเฟินไม่ใช่เื่ใหญ่ ดูเหมือนไม่คุ้มค่าที่จะต่อรองราคา? แต่เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าเผิงเฉิงจะสร้างอาคารอีกมากมาย จะมีคนจำนวนมากใช้กระเบื้อง และกระเบื้องที่ขายออกไปจาก ‘อันเจียวัสดุ’ ไม่ว่าลายใดก็สามารถจำหน่ายคิดเป็จำนวนได้มากถึงล้านแผ่น กระเบื้องหนึ่งแผ่นราคาถูกลงสองเฟิน หลังการจำหน่ายร่วมล้านแผ่น สิ่งที่ได้เพิ่มก็คือกำไรอีก 20000 หยวน!
คังเหว่ยถูกอบรมจนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อกาฬ แม้แต่กระเบื้องแผ่นเล็กๆ ยังมีผลประโยชน์ร่วมมากมายขนาดนี้ เขาต้องกดราคามากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
คนเช่นเขาวางความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีลง พอยอมเปลืองน้ำลายเพื่อเงินสองเฟินแล้ว อัตราความสำเร็จสูงมากจริงๆ ไม่หวั่นเกรงที่จะติดต่อกับผู้คน หน้าด้านหน้าทน อีกทั้งเก่งในการหว่านล้อมเป็พิเศษ... เมื่อคุณชายช่างจ้อจากปักกิ่งเริ่มคุยโว ทำเอาคนต่างถิ่นงุนงงไปตามๆ กันได้เลยทีเดียว
—------------------------------------------------
หัวชิงใกล้เปิดภาคเรียน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ไปรายงานตัวได้หรือ?
ธุรกิจใหญ่ขนาดไหนก็จำต้องวางไว้อีกทางก่อน หลิวเฟินย่อมทำอาหารให้ทังหงเอินไม่ได้อีกเป็ธรรมดา สองสามวันนี้หลิวเฟินและทังหงเอนไม่มีโอกาสเห็นหน้ากันเลย พอหลิวเฟินบอกว่าจะกำลังจะกลับไปซางตู เลขาเผิงคือคนแรกที่รู้สึกอาลัยอาวรณ์ “่นี้หัวหน้าเขากินอย่างมีวินัยแล้ว นี่คุณ...”
หลิวเฟินลำบากใจ “เสี่ยวหลานจะเปิดเรียนแล้วน่ะค่ะ ฉันต้องกลับไปกับลูก”
เลขาเผิงเกือบลืมเสียแล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นักศึกษา!
ไม่เพียงแต่เป็นักศึกษา ยังเป็ถึงอันดับหนึ่งของมณฑล เป็นักศึกษาใหม่ของหัวชิงอีกด้วย สอบติดหัวชิงแต่ไม่ไปเรียน กลับจะอยู่ทำธุรกิจอิสระในเผิงเฉิง ต่อให้หาเงินได้ทุกวัน นั่นก็ถือว่าเป็การกระทำที่โง่เง่ามาก! หลังจากปฏิรูปเศรษฐกิจแล้ว เงินทองนั้นหาได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทว่ามหาวิทยาลัยหัวชิงมีแค่หนึ่งเดียว ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสสอบติดสถาบันชั้นยอดเช่นนี้ หากเป็เลขาเผิงก็จะไม่ทิ้งหัวชิงเพื่ออยู่เอาใจใครในเผิงเฉิงเหมือนกัน
าอีก 20 ปีข้างหน้า ในกลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่สอบเข้าหัวชิงพร้อมเซี่ยเสี่ยวหลาน อาจมีใครสักคนได้นั่งตำแหน่งของทังหงเอินเช่นกัน
สิ่งที่น่าหวาดกลัวไม่ได้มีแค่ชื่อของหัวชิงเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์ทางสังคมซึ่งอยู่ภายใต้ชื่อนี้อีกด้วย!
ลองคิดดูว่าเหล่ามิตรสหายที่เล่นสนุกกันในมหาวิทยาลัยเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลานล้วนเป็สุดยอดนักเรียนผู้มาจากทั่วประเทศ... เลขาเผิงเจ็บจี๊ดอยู่ในใจ เขาไม่อยากยอมรับเลยว่าตนเองรู้สึกอิจฉาเหลือเกิน
ตอนส่งอาหารไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าหรือทักทาย ทว่าวันที่เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวเฟินกำลังจะจากไปนั้น ทังหงเอินกลับเลี้ยงอาหารทะเลพวกเธอ
“สำหรับมื้อนี้ เงินเดือนทั้งเดือนของผมก็หมดแล้วล่ะ!”
อาหารหลายหลากมากมาย ทังหงเอินทำเพื่อขอบคุณความเหน็ดเหนื่อยในหลายวันที่ผ่านมาของหลิวเฟิน เธอไม่ใช่แม่บ้านที่เขาจ้าง ทว่ายังอุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายและแรงใจทำอาหารให้เขาอยู่หลายวัน เลขาเผิงบอกว่าแม้หลิวเฟินจะพูดน้อย เป็ก็เป็คนละเอียดลออยิ่งนัก ทำอาหารของอวี้หนานก็จริง แต่ถามหมอว่ามีวัตถุดิบอะไรไม่เหมาะสมบ้าง
จริงใจและแข็งขัน คือความประทับใจลึกซึ้งที่สุดซึ่งทังหงเอินมีต่อหลิวเฟิน
ทำงานแล้วไม่ขอความดีความชอบ?
เขาเคยพบแค่หลิวเฟินคนเดียวจริงๆ
“สหายหลิวเฟิน ผมขอเคารพคุณหนึ่งถ้วยด้วยน้ำชาแทนเหล้า ขอบคุณในความช่วยเหลือของคุณจริงๆ !”
หลิวเฟินยกถ้วยชาขึ้น เธอบอกตัวเองว่าจะมือสั่นไม่ได้ ต้องไม่ทำให้ลูกสาวขายหน้า
พอถ้วยชาจรดขอบปากถึงนึกได้ เธอวางถ้วยชาลงและโพล่งออกมา “คุณผู้ชายทังคะ หมอบอกว่าคุณต้องดื่มชาแต่น้อยค่ะ!”
ทังหงเอินรู้สึกใ
เลขาเผิงก็บอกเขาเบาๆ เช่นกัน “โรคแผลในกระเพาะไม่เหมาะดื่มชาครับ ถ้าคุณติดชา ดื่มได้แค่ชาเขียวปริมาณน้อยๆ เท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาน้ำมาสักแก้วแทนแล้วกัน”
ทังหงเอินปฏิบัติตามอย่างไม่อิดออด
เลขาเผิงและคนขับรถหวังก็ห่วงใยเขาไม่แพ้กัน แต่เขาเป็หัวหน้ามานาน ความน่าเกรงขามที่ติดตัวนั้นคับคั่ง สำหรับคนใกล้ชิดอย่างเลขาเผิง แม้ใจรู้ดีว่าเขาไม่ควรดื่มชา ก็ไม่คิดจะแย้งเขาต่อหน้าคนนอก หลิวเฟินกลัวเขามากกว่าเลขาเผิงเสียอีก ทว่าเป็คนซื่อตรงมากจริงๆ นั่นแล ไม่รู้ว่าต้องรักษาหน้าของหัวหน้าเลยด้วยซ้ำ
ทังหงเอินคิดว่าเป็แบบนี้ดีทีเดียว หลังจากเขาเปลี่ยนชาเป็น้ำ หลิวเฟินผ่อนคลายมุมปากอย่างเห็นได้ไม่บ่อยนัก ทั้งตัวก็ดูสบายขึ้นมากเช่นกัน
ท่านนายกเทศมนตรีทังเป็คนที่สามารถสื่อสารได้ เขายังฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอีกด้วย และเขาไม่ได้ถือโทษว่าเธอจุ้นจ้านน่ารำคาญ... สิ่งเหล่านี้คือความคิดของหลิวเฟิน
เซี่ยเสี่ยวหลานมองปูในจาน
รู้สึกว่าบรรยากาศออกจะชอบกลอยู่ตลอดเวลา แม้แม่ของเธอจะช่วยทำอาหารอยู่หลายวัน แต่แทบไม่ได้เจอหน้ากับทังหงเอินเลยไม่ใช่รึ?
ทั้งสองคนมีความสมานฉันท์มาจากไหนกัน?
ตัวเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นเป็พวกอาภัพรักที่ตรัสรู้ช้ามาก เธอััได้ถึงความคลุมเครือเล็กๆ ที่แฝงอยู่ในบรรยากาศ ถึงกระนั้นก็รู้สึกว่าตนคงคิดมากไปเอง จึงปล่อยให้เื่นี้ผ่านไปเฉยๆ !
วันที่ 20 สิงหาคม ชุดกีฬาสองหมื่นชุดที่มอบหมายให้เฉินอวี่ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานขอให้เฉินซีเหลียงส่งมายังตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดสะพานเหรินหมินทันทีเป็จำนวน 2000 ชุด กำหนดราคาต่อหนึ่งชุดไว้ที่ 20 หยวน ไม่จำเป็ต้องให้ไป๋เจินจูลงสนามเองด้วยซ้ำ หลังขายปลีกไปหลายสิบชุด ก็ถูกผู้ค้ารายย่อยคนอื่นกวาดสินค้าไปจนหมดเกลี้ยง
ชุดกีฬาสองหมื่นชุด ดูท่าจะไม่พอขายเสียด้วยซ้ำ
ต้องอธิบายก่อนว่าเวลานี้หยางเฉิงและเผิงเฉิงนั้นอากาศร้อนมากจริงๆ ชุดกีฬาแขนยาวยังไม่สามารถใส่ได้ เฉินซีเหลียงจับจุดสำคัญของการแพร่หลายครั้งนี้ได้เป็อย่างดี ชุดกีฬาแบบนี้ได้รับความนิยมล้นหลามจริงๆ
จะเพิ่มปริมาณสั่งจองสินค้าหรือไม่ รวมถึงควรเพิ่มเท่าไร เฉินซีเหลียงกับเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่มีมติร่วมกันที่เป็เอกฉันท์
แต่มีหนึ่งสิ่งที่ทั้งสองเชื่อมั่นได้ เมื่อบวกยอดค้างชำระที่ติดเฉินอวี่อยู่ ครั้งนี้พวกเขาลงทุนไปมากกว่าหนึ่งแสนต่อคน มันจะไม่ขาดทุนเปล่าๆ ปลี้ๆ แน่นอน!
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกได้แล้วเช่นกันว่าการค้าส่งเสื้อผ้าทำกำไรรวดเร็วเพียงใด จำหน่ายชุดกีฬาสองหมื่นชุดนี้แล้ว สำหรับกำไรครึ่งเดียวที่ได้รับส่วนแบ่งมา ‘หลานเฟิ่งหวง’ ต้องขายถึงสามเดือนกว่าจะมีกำไรมากขนาดนี้ และต้องเป็่ฤดูกาลที่ลูกค้าอุ่นหนาฝาคั่งอีกด้วย!