ในขณะนั้น ดูเหมือนว่ากลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดจำต้องปรากฏตัวออกมา เหมือนฝูงมดที่ถูกไฟไหม้ กรูกันเข้ามายี่สิบคน
เพียงครู่เดียว ทั้งสองฝ่ายพลันเข้าปะทะฟาดฟันดาบกันในป่าทึบ
ฝีมือดาบบนหลังม้าของจ้าวอี้ เดิมทีนับว่าไม่เลวนัก แม้อยู่ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ทว่าสิ่งนี้ไม่แม้แต่จะลดทอนความกล้าหาญของเขาเลยแม้แต่น้อย คมดาบแหลมที่กวัดแกว่ง ปลิดชีพศัตรูฝ่ายตรงข้ามไปมากมาย เืสีแดงฉานสาดทั่วพื้นที่
ไม่เพียงแค่จ้าวอี้เท่านั้น แต่ทหารองครักษ์ที่ติดตามจ้าวอี้ สังเกตเห็นเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะทิ้งระยะห่างตลอด ราวกับว่าอีกฝ่ายยินยอมพร้อมตายและไม่ได้้าชีวิตของจ้าวอี้
จ้าวอี้ที่กำลังสำรวจถึงความแปลกประหลาดนี้ ทันใดนั้นมีธนูดอกหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืดมิด จ้าวอี้ไม่ทันตั้งรับ ‘ฉึก’ เสียงของคมธนูแหลมปักเข้าร่างกาย...
“อึก...” ร่างกายของจ้าวอี้พลันหยุดชะงัก และโอดร้องอย่างเ็ป
ทหารองครักษ์ด้านข้างเองก็ตื่นตระหนก “อารักขาท่านอ๋องมู่!”
เสียงะโดังลั่น จุดประกายความเืร้อนในหัวใจของทหารองครักษ์ทันใด เพียงชั่วขณะหนึ่ง ั์ตาพลันร้อนแรงแดงฉานแผ่รังสีสังหาร
ลูกธนูดอกนั้นปักลงบนไหล่ของจ้าวอี้ เืรินไหลอาบย้อมเสื้อผ้าจนกลายเป็สีแดงทันที ความเ็ปกระตุ้นโทสะของจ้าวอี้ เขาฟาดฟันตัดศีรษะของชายชุดดำตรงหน้าจนขาดสะบั้น เืสีแดงสดพุ่งกระฉูด แลดูน่ากลัวเหลือคณา
“ฆ่าให้หมด ไม่ต้องปรานี!”
จ้าวอี้ออกคำสั่ง
ภายในป่า ทั้งสองฟาดฟันกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คมดาบทหารองครักษ์ปลิดชีวิตฝ่ายตรงข้าม ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่า ในความมืดมีเงาหนึ่งแอบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ กำลังจ้องมองทุกสิ่ง คันธนูในมือของเขากำลังเล็งไปทางที่ทั้งสองฝ่ายกำลังห้ำหั่น...
ท่ามกลางความมืดมิด ทุกครั้งที่ลูกธนูสีดำถูกยิงออกไป หนึ่งคนในวงต่อสู้จะล้มตามลงไป ภายใต้แสงยามราตรีและคมดาบ เทพเซียนไม่รู้ ผีสางไม่เห็น[1]
เดิมทีในสถานการณ์การต่อสู้ของผู้คนนับสิบค่อยๆ ทยอยล้มลงทีละคนๆ หลังจากนั้นไม่นาน เหลือเพียงแค่จ้าวอี้และคนอีกหนึ่งคนเท่านั้น
ในความมืด คันธนูและลูกธนูในมือของใครบางคนในเงามืดกำลังเล็งไปที่จ้าวอี้ ลูกธนูพุ่งออกจากคันธนูอีกครั้ง แฝงรังสีคุกคามหมายปลิดชีวิต ดาบในมือของจ้าวอี้ ทันทีที่แทงลงจุดสำคัญของฝ่ายตรงข้าม รังสีคุกคามพลันพุ่งตรงใกล้เข้ามา...
"อึก…"
ลูกธนูแหลมคมปักลงบนหลังของจ้าวอี้เข้าอย่างจัง
จ้าวอี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโเี้ เขาหันกลับมา เท่าที่สายตาของเขามองเห็น กลับไม่มีใครอยู่ที่นั่น
ไม่มีใครเลย?
จ้าวอี้ขมวดคิ้ว จะไม่มีใครได้อย่างไร?
ไม่มีคน ลูกธนูนี้จะมาจากไหน?
แทบทันใดนั้น จ้าวอี้พลันตระหนักถึงความผิดปกติของเื่นี้
ทว่าในขณะนั้นเอง ลูกธนูหลายดอกแหวกผ่านอากาศพุ่งตรงมาทางเขา ลูกธนูแหลมคมตรงหน้าเขา พุ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนเขาไม่มีเวลาที่จะหลบหลีก ลูกธนูแหลมคมพลันพุ่งตรงเข้าใส่หัวใจของจ้าวอี้ ร่างกายของเขาเอนล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง...
ในความมืดมิด จ้าวอี้จ้องมองดูราตรีอันว่างเปล่าราวกับว่ามีภาพของเหนียนยวี่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“เสี่ยวยวี่เอ๋อร์...”
จ้าวอี้เอ่ยพึมพำแ่เบาในลำคอและสติของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป
เขาจะตายแล้วหรือ?
แต่พรุ่งนี้...
พรุ่งนี้เป็วันเกิดของยวี่เอ๋อร์และเขาสัญญาว่าจะกลับไปขอนางแต่งงาน!
ราวกับค่อยๆ หมดเรี่ยวแรง ทุกส่วนของร่างกายดูเหมือนจะมิอาจควบคุมได้อีกต่อไป ยามที่สติของเขาดับลง ทุกรอยขมวดคิ้ว ทุกรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าพลันแตกสลายทันใด
หอชิงยวี่
ในห้องนอนชั้นสองของเหนียนยวี่ นางที่นอนอยู่บนเตียงพลันสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นใ ตอนนี้เป็่เหมันต์ อากาศหนาวเย็น ทว่าตอนที่นางผล็อยหลับ ทั้งร่างกายของเหนียนยวี่กลับเต็มไปด้วยเหงื่อ
ในฝันเมื่อครู่...
ในความฝัน คนผู้นั้นทั้งร่างกายของเขาอาบไปด้วยเื ะโเรียกชื่อนางเสียงดัง ภาพและเสียงร้องนั้นบิดเบี้ยวไม่ชัดเจน นางอยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูว่าคนผู้นั้นเป็ใคร แต่ต่อให้พยายามเท่าใด นางกลับไร้หนทางจะเข้าไปใกล้ ทว่าเสียงร้องะโเรียกของคนผู้นั้นกลับบีบหัวใจของนางมากเสียจน ทำให้นางรู้สึกเ็ปเล็กน้อย แม้แต่การหายใจก็ยังลำบาก
เกิดอะไรขึ้นกับนาง?
จิตใจของนางรู้สึกกระสับกระส่ายมาั้แ่เช้า และยามนี้ในใจนางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม
เหนียนยวี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ยามนี้เป็เวลาดึกดื่นเกินค่อนคืนแล้ว ทว่าเหนียนยวี่กลับรู้สึกไม่ง่วง ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นสวมเสื้อคลุม และเดินออกจากห้อง
อีกด้านหนึ่ง ยังมีอีกคนที่นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน
จวนหลีอ๋อง
ในห้องอักษร แสงเทียนยังคงส่องสว่างแทบทั้งคืน
เหล่าข้ารับใช้ในจวนล้วนหลับใหลเข้านอนแล้ว ทว่าในยามนี้ ท่านอ๋องหลีกลับนั่งอยู่ใต้เชิงเทียนอยู่เพียงลำพัง เขาไล่ชื่อฉินและโม่ชูที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายเขาออกไปแล้ว บนโต๊ะด้านหน้ามีเครื่องมือสำหรับขัดหยกนั้นบอบบางเป็พิเศษวางอยู่ จี้หยกชิ้นหนึ่งพลันส่องแสงสีม่วง เขาที่กำลังถือมันไว้ในมือ จึงก้มมองพินิจอย่างละเอียด ใบหน้าหล่อเหลางดงาม ดูเหมือนจะพอใจอย่างมากกับงานชิ้นใหม่ของตนเอง
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้นอย่างคุ้นเคย ในห้อง บุรุษชุดขาวดูงดงาม สายตากดดันเล็กน้อย ทว่าไม่นานจากนั้น รอยยิ้มพลันแย้มบานขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
มีข่าวแล้วหรือ?
“เข้ามา” จ้าวเยี่ยนเอ่ยอย่างใจเย็น
ประตูถูกเปิดออก สตรีคนนั้นเข้าไปในห้อง หญิงสาวที่แต่งกายเป็สาวใช้ยังมิทันได้เอ่ยคารวะ เสียงของชายหนุ่มกลับดังขึ้นอีกครั้ง “เป็อย่างไร?”
ด้วยสีหน้าที่ดูเฉยเมยราบเรียบนั่น เพียงถ้อยคำสามคำนี้เท่านั้นที่เผยให้เห็นอารมณ์ของเขา เขา้าคำตอบที่แน่ชัดโดยเร็ว!
โม่หลีไม่กล้ารอช้า นางรีบเอ่ยตอบออกไปทันทีว่า “นายท่านโปรดวางใจ ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว”
“แล้วคนอื่นเล่า?” ดูเหมือนว่าจ้าวเยี่ยนจะไม่พอใจกับคำตอบเพียงผิวเผินนี้
โม่หลีใเล็กน้อย เงยหน้าเหลือบมองบุรุษตรงหน้า “ตายแล้ว”
“ตายแล้ว…” ดวงตาของจ้าวเยี่ยนตึงเครียด ชั่วขณะนั้น มือที่กำจี้หยกสีม่วงพลันกำแน่นขึ้นเล็กน้อย “ตายแล้วหรือ?”
จ้าวเยี่ยนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถ้อยคำประโยคนี้ ดวงตาดำขลับราวสระน้ำลึก ยากจะคาดเดา
ครู่ใหญ่ผ่านไป ดวงตาคู่นั้นพาดผ่านประกายเ็าสายหนึ่ง เอ่ยอย่างทอดถอนหายใจ “ช่างน่าเสียดาย เดิมทีพรุ่งนี้ควรเป็วันเกิดที่ดี หึ ตายแล้ว...เช่นนั้น เื่แต่งงานคงจะไม่เกิดขึ้นเสียแล้ว”
การแต่งงานจะไม่เกิดขึ้น นั่นคือสิ่งที่ฮองเฮาอวี่เหวิน้าจะเห็นมิใช่หรือ?
แต่น่าเสียดาย เื่บางเื่ แม้แต่ฮองเฮาอวี่เหวินก็มิอาจควบคุมได้ในตอนนี้!
“หลังจากนี้จะจัดการอย่างไร?” ดวงตาของจ้าวเยี่ยนหรี่ลงเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องจี้หยกในมือ และยังคงตรวจสอบจี้หยกเล่นต่อไป
“เรียนนายท่าน ผู้น้อยจะทำตามรับสั่งของนายท่าน พรุ่งนี้ยามที่พวกเขาพบร่างของท่านอ๋องมู่ ก็จะพบหลักฐานการลอบสังหาร” หญิงสาวเอ่ยรายงานอย่างเคารพ หลักฐานการลอบสังหารนั่นจะชี้ไปที่...
โม่หลีเหลือบมองจ้าวเยี่ยน และเมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายจิติญญาแย่งชิงทำร้าย ในใจพลันสั่นสะท้านอย่างมิอาจห้ามได้ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียบเคียง เมื่อคู่กับประกายชั่วร้ายในดวงตายามนี้ ราวกับจะสามารถดูดิญญาของผู้คนเข้าไป
นายท่าน...คงพอใจมากแล้วใช่หรือไม่?
ในใจของโม่หลีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดีมาก” จ้าวเยี่ยนเลิกคิ้วหล่อเหลา “ในเมื่อเป็เช่นนี้ วันพรุ่งนี้คงจะมีงิ้วดีๆ ให้ดู”
พรุ่งนี้...ขณะที่จ้าวเยี่ยนครุ่นคิด ในใจเขาก็ยิ่งตั้งตารอการมาถึงของวันพรุ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ครั้นเห็น ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย เขาที่ไม่ได้นอนทั้งคืนก็ยิ่งไม่อยากนอนในเวลานี้ เขาเก็บจี้หยกในมือใส่ไว้ใต้เสื้อคลุมบริเวณหน้าอกอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงลุกยืนเดินออกไปด้านนอก...
……
แสงสว่างของกลางวัน ส่องเจิดจ้าปกคลุมความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดและเมื่อท้องฟ้าสว่าง ดูเหมือนทุกคนเมืองชุ่นเทียนจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ไม่มีใครลืมว่าวันนี้เป็วันอะไร
วันนี้เป็วันเกิดของคุณหนูรองสกุลเหนียน ท่านอ๋องมู่จะมาสู่ขอนางถึงหน้าประตูจวนด้วยตนเอง ผู้คนมากมายล้วนตั้งตารอชม ่เวลาที่คุณหนูรองสกุลเหนียนผู้นี้ได้โบยบินขึ้นไปบนยอดกิ่ง และกลายเป็หงส์งาม วันนี้จะต้องเป็งานใหญ่อย่างแน่นอน!
[1] เทพเซียนไม่รู้ ผีสางไม่เห็น หมายถึง ไม่มีใครสังเกตเห็น