“ทางนี้!”
“ทางนั้น!”
“มีบ่อน้ำด้วย ลงไปดูให้หมด”
......
อี๋เหนียงเจ็ดสั่งเ้าหน้าที่หลายคนอย่างแข็งขันเพื่อทำการตรวจค้น ส่วนนางเดินไปมาบนทางเดินอย่างเร่งรีบ
ในเวลานั้นบนหลังคา เมื่อเวินซีได้เห็นนางก็ก้าวถอยออกมาสองสามก้าว แล้วใช้กระเบื้องบังเงาร่างของตนไว้
“พี่สะใภ้ คนพวกนี้มีเื่อันใดหรือเ้าคะ?” ซูเหอมองดูพวกคนที่ราวกับเป็โจรป่าก็ขมวดคิ้วถาม
“มาจับข้าน่ะ ซูเหอรู้สึกเบื่อหรือไม่ ประเดี๋ยวเมื่อคนพวกนี้ออกไปหมดแล้ว เ้าจะไปจวนเหลียงกับข้าหรือไม่?” เวินซีเอ่ยปาก ในแววตามีประกายแวววาว
นางเป็คนที่ใส่ใจเื่มารยาทเสมอมา การที่คนตระกูลเหลียงบุกมาล้อมร้านหม้อไฟอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ นางจะยอมโดนดูถูกโดยไม่ทำอันใดเลยได้เช่นไรกัน
ในเมื่อมากันเพราะเื่เหลียงฝูหรู่ เวินซีก็ไม่ถือสาหากจะทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถขึ้นอีก เดี๋ยวนางจะไปดูที่ตระกูลเหลียง ดูสิว่าเวินเยียนจะอยู่ในจวนของพวกเขาหรือไม่...
“ได้สิเ้าคะ เื่เช่นนี้ข้าล่ะชอบนัก” ซูเหอเอ่ยปากตอบรับ
จากนั้นสายตาของพวกนางก็กลับไปที่อี๋เหนียงเจ็ดอีกครั้ง
พวกเขากำลังเคาะประตูและค้นหาตามห้องต่างๆ ทีละห้อง ส่วนโจวอวี่ชางควบคุมพวกเขาไว้มิได้ จึงทำได้เพียงยืนมองห่างๆ
“ฮูหยินเจ็ด ห้องนี้มีคนพักอยู่ขอรับ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเ้าหน้าที่ดังขึ้น ทุกคนพากันมองไปที่เขา
สีหน้าของอี๋เหนียงเจ็ดแสดงความตื่นเต้น นางรีบวิ่งไปหาเ้าหน้าที่คนนั้นทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น คนอื่นๆ ก็พากันเดินตามไปด้วย
“ใช่คนในรูปหรือไม่?” นางถามอย่างรีบร้อน
“มิใช่ขอรับ” เ้าหน้าที่ตอบ
“มิใช่แล้วจะกระตือรือร้นไปไยกัน? ข้าให้เ้าตามหาคนในภาพมิใช่หรือ?” อี๋เหนียงเจ็ดพลันเปลี่ยนสีหน้า หยุดก้าวเท้าพลันดุด่าเขา
“ที่นี่คือร้านอาหาร มิใช่โรงเตี๊ยมเสียหน่อย แต่สวนหลังกลับมีคนอยู่ อี๋เหนียงเจ็ดไม่คิดสงสัยหรือขอรับ?” เ้าหน้าที่กล่าวข้อสังเกตของตนออกไป
เมื่อเห็นว่าที่เขาพูดมามีเหตุผล อี๋เหนียงเจ็ดก็พยักหน้าแล้วมองเข้าไปในห้อง
เพียงแวบเดียว นางก็ตกตะลึงกับต้วนจิงเย่ที่กำลังเขียนอักษรอยู่ที่ริมหน้าต่าง ร่างของนางชะงักงันไปในทันใด
นางมิเคยเห็นความงดงามที่น่าทึ่งเช่นนี้มาก่อน ร่างนั้นเปล่งประกาย มีราศีที่สง่างามและมีเสน่ห์จนมิอาจรู้สึกริษยาได้
“ฮูหยินเจ็ดขอรับ” เมื่อเห็นว่าจิตใจของนางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เ้าหน้าที่จึงเอ่ยเรียกเบาๆ
อี๋เหนียงเจ็ดกลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สงบอารมณ์ลงแล้วก็ถือภาพเข้าไปเอ่ยถามต้วนจิงเย่อย่างอ่อนโยน
“แม่นาง เ้าเคยเห็นคนในภาพนี้หรือไม่?”
“มิเคยขอรับ”
ปรากฏว่าเป็เสียงของบุรุษที่ดังออกมา ทำให้ทุกคนตกตะลึง
อี๋เหนียงเจ็ดมองไปที่โจวอวี่ชาง “จ่างกุ้ย เขาคนนี้...”
“เป็สหายของข้าขอรับ เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อมาหาข้าโดยเฉพาะ” โจวอวี่ชางรู้ว่านางจะถามสิ่งใดจึงรีบตอบก่อน
อี๋เหนียงเจ็ดพยักหน้าเข้าใจ
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ต้วนจิงเย่ หัวใจของนางก็เต้นแรง ใบหน้าพลันแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
“ฮูหยิน มีเื่อันใดอีกหรือไม่ขอรับ?” ต้วนจิงเย่วางพู่กันในมือลงพลันหันไปหานาง
แสงแดดส่องกระทบกับใบหน้าของเขา ปอยผมนั้นส่องประกาย ดวงตาเล็กๆ ราวกับสุนัขจิ้งจอกคู่นั้นราวกับดึงดูดิญญาของฮูหยินเจ็ดไป ทำให้นางไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
“ฮูหยิน?” แววตาของต้วนจิงเย่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วจงใจเรียกชื่อนางอีกครั้ง
“ไม่มีอันใด ไม่มีอันใดแล้วเ้าค่ะ ขออภัยที่รบกวน เ้าเขียนอักษรต่อเถิด” สติของอี๋เหนียงเจ็ดกลับมา นางตอบเขาไปพลันปิดประตูลง
“ค้นหาที่อื่นอีก” อี๋เหนียงเจ็ดเอ่ยสั่งเ้าหน้าที่
“ขอรับ” เ้าหน้าที่รับคำสั่งแล้วออกไป
ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับคนรับใช้ที่ยืนอยู่สองข้างของต้วนจิงเย่เลย
อี๋เหนียงเจ็ดพาเ้าหน้าที่ค้นร้านทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่เห็นเงาของเวินซีและจ้าวต้าน หลังจากที่ขอโทษโจอวี่ชางแล้ว นางก็รีบจากไปด้วยสีหน้ามัวหมอง
เมื่อทุกคนจากไปแล้ว เวินซีและซูเหอที่อยู่บนหลังคาก็ะโลงมากลางเรือน
ทั้งสองเดินไปที่ห้องของต้วนจิงเย่ทันที
ในขณะนั้นจ้าวต้านกำลังถอดเสื้อผ้าคนรับใช้ออกด้วยสีหน้ามืดมน ต้วนจิงเย่ก็แกล้งจับตามองดูเขา
“คุณหนูเวินซี” สืออีเป็คนแรกที่เห็นเวินซีเข้ามา จึงเรียกนาง
เวินซีพยักหน้าเบาๆ พลันเดินไปหาจ้าวต้าน
“ขยับตัวเบาๆ เ้าค่ะ อย่าได้กระทบแผล” เมื่อเห็นเขาขยับตัวโดยไม่ทันระวัง นางจึงเอ่ยปากเตือน
“เกิดอันใดขึ้นเ้าคะ เหตุใดเขาถึงได้อารมณ์เสีย?” นางมองไปทางสืออีแล้วถาม
“มิได้มีเื่ใหญ่อันใดขอรับ ข้าเพียงแต่คิดจะให้แม่ทัพต้านดูเหมือนคนรับใช้มากขึ้นหน่อยจึงให้เขาฝนหมึก รินชาให้ข้า เขาคงไม่พอใจกับเื่นี้น่ะขอรับ” ต้วนจิงเย่รีบพูดก่อนที่สืออีจะตอบ
จ้าวต้านเม้มริมฝีปาก มองไปที่เวินซีแต่ไม่พูดอันใด
เื่รินน้ำให้มิได้เป็เื่ใหญ่อันใดสำหรับเขา แต่เมื่อคิดได้ว่าต้วนจิงเย่คิดกับเวินซีเป็อื่น เขาก็รับมิได้ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นท่าทีที่ได้ใจของเขา...
“ช่างเถิด เื่เล็กน้อย ไม่ต้องคิดมากนะเ้าคะ กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถิด ร่างกายของท่านยังาเ็อยู่”
เวินซีเอ่ยปากบอกจ้าวต้านแล้วหันกายเดินออกไป นางเดินออกไปได้สองก้าวก็เห็นว่าเขามิได้ตามไป จึงหันกลับมามองด้วยความสงสัย
จ้าวต้านถอดเสื้อคลุมลงบนพื้น เหมือนว่าจะทำให้ไปกระทบาแเข้า เขาจึงหน้าซีดและได้แต่กุมหัวไหล่ไว้
“เจ็บหรือเ้าคะ?” เวินซีขมวดคิ้ว นางเดินกลับไปอย่างเป็กังวลและช่วยพยุงเขาไว้
“ไม่...ไม่เป็อันใดหรอก แต่เหมือนว่าแผลจะฉีกน่ะ เ้าต้องพันแผลให้ข้าใหม่เสียแล้ว” จ้าวต้านหายใจแรงพลางเอ่ยด้วยความเ็ป
“ไม่เป็อันใดนะเ้าคะ กลับห้องเถิด ข้าจะพันแผลให้ใหม่ เดินเองไหวหรือไม่?” เวินซีถามเสียงอ่อน
จ้าวต้านส่ายหน้า “เข่าก็เจ็บเช่นกัน ชาน่ะ น่าจะเดินเองมิได้แล้ว”
ขณะที่เขาพูดก็ค่อยๆ ก้มลงและวางมือบนเข่าในตำแหน่งที่ถูกลูกธนูด้วยสีหน้าเ็ป
“ข้าจะช่วยพยุงเอง ระวังหน่อยนะเ้าคะ”
“ได้”
เวินซีเอามือของจ้าวต้านวางไว้บนไหล่ของตน แล้วช่วยพยุงเขาออกไปนอกประตูอย่างระมัดระวัง
ซูเหอมองไปมาระหว่างทั้งสองคน นางอยากจะเอื้อมมือไปช่วยแต่ก็ถูกจ้าวต้านส่งสายตาให้หลีกไป นางจึงทำได้เพียงเดินตามไปอย่างเชื่อฟัง
ต้วนจิงเย่มองดูพวกเขา ใบหน้าก็ดำเข้มราวกับน้ำหมึก
“หากข้ามองไม่ผิดล่ะก็ เมื่อครู่แม่ทัพต้านจับแผลของตนเองใช่หรือไม่?” เขากัดฟันถามสืออี
“ดูเหมือน...จะใช่นะขอรับ” สืออีพยักหน้า เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ส่ายศีรษะอย่างช่วยมิได้
เขาตกตะลึงกับสิ่งที่จ้าวต้านเพิ่งทำไป แม่ทัพต้านสามารถทำได้ถึงเช่นนั้นเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากคุณหนูเวินซี
“คุณชายต้วนยอมแพ้เถิดขอรับ ดูท่าแล้ว แม่ทัพต้านเขาจริงจังกับคุณหนูเวินซีนะขอรับ” เขาเอ่ยเตือนต้วนจิงเย่
“เขาน่ะจริงจัง แต่คุณหนูเวินล่ะ? นางมิได้หวั่นไหวกับเขาน่ะสิ? ขอเพียงพวกเขายังมิได้รับโองการให้สมรสกัน ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้”
นางเป็คนที่เขาปรารถนาเพียงผู้เดียวในตลอดหลายปีมานี้ เขาจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่
ความโกลาหลที่แท้จริงยังอยู่ในเมืองหลวง เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าถึงตอนนั้นต้านอวี้เสวียนจะปฏิบัติต่อเวินซีเช่นไร
“คุณชายต้วน ระวังจะมีปัญหากับแม่ทัพต้านเพราะเื่นี้นะขอรับ” สืออีขมวดคิ้วมองดูเขาที่เอาแต่ดื้อรั้น
“ไม่หรอก ไม่ต้องห่วงไป” ต้วนจิงเย่หยิบพู่กันขึ้นมาอีกครา ก่อนจะเริ่มเขียนอักษรต่อ
ในหน้ากระดาษของเขาเต็มไปด้วยคำว่าเวินซี
สืออีถอนหายใจแรง ส่ายศีรษะอย่างช่วยมิได้แล้วเดินออกไป จึงเหลือต้วนจิงเย่เพียงคนเดียวในห้อง
หลังจากที่สืออีออกไปแล้ว ต้วนจิงเย่ก็เรียกนกพิราบสื่อสาร และนำจดหมายใส่ที่เท้านกพิราบ
เมื่อมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เขาก็ปล่อยให้มันบินออกไป