เมื่อรู้ตัวว่ากำลังหวนนึกถึง่เวลานั้น โจวอ้าวเสวียนก็รีบปัดความคิดนั้นออกไป “ก็ดีขอรับ”
“หากเ้าชอบสาวใช้คนนั้นจริง ย่าสามารถเก็บนางไว้ให้เ้าได้ แต่ย่าขอพูดไว้ก่อนนะ อย่างไรสาวใช้นั่นก็เป็เพียงหญิงอุ่นเรือน หากอยากจะดึงขึ้นมาเชิดหน้าชูตานั้นยากที่จะทำได้”
ฐานะสูงศักดิ์ต้อยต่ำถูกวางไว้ตรงหน้า โดยเฉพาะตำแหน่งอันน่ากระอักกระอ่วนของโจวอ้าวเสวียน เขาที่ยังไม่แต่งงานมีครอบครัว ทว่ากลับยกย่องหญิงอุ่นเรือน เลี้ยงดูนางในห้องของตนเอง เช่นนั้นคงไม่เป็ผลดีต่ออนาคต หรือจะขยับฐานะของตระกูล ในความคิดของฮูหยินแล้ว ควรจะหาคนที่สามารถช่วยเหลือหรือยกระดับชื่อเสียงของตระกูลตนเองได้ แม้แต่พวกอนุก็ต้องเป็คนที่มีฐานะ มีตำแหน่งเสียหน่อย ต้องมีประโยชน์สักนิดถึงจะดี เื่นี้คือข้อดีของการแต่งงานระหว่างตระกูล!
“ไม่ต้องหรอกขอรับ หลานยังอยากจะเรียนรู้ให้มากกว่านี้” แม้จะสนใจมาก ทว่าโจวอ้าวเสวียนกลับรีบปฏิเสธในทันที
เื่ระหว่างพวกเขาเป็เพียงแค่ข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้น
“ช่างเป็เื่ดีนักที่เ้าไม่อาลัยอาวรณ์นาง ผ่านไปอีกสองปีจะได้ไปสู่ขอแม่หนูสกุลหลัวแต่งเข้าตระกูลเรา แบบนี้ย่าจะได้มีเหลนให้อุ้มไวๆ ”
พอท่านย่าเอ่ยถึงสกุลหลัว ั์ตาของโจวอ้าวเสวียนก็เข้มขึ้น ทว่าบนใบหน้ากลับยังไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา
ถัดจากสองย่าหลานที่กำลังพูดคุยกัน มากล่าวถึงทางด้านเฉินเนี้ยนหรานบ้าง
ั้แ่ออกมาจากเรือนของโจวอ้าวเสวียน เธอก็ได้รับสายตาทั้งอิจฉาทั้งริษยา
สายตายุ่งเหยิงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและรังเกียจของเหล่าหญิงสาวแรกรุ่น ทำให้เธอเซ็งมากจริงๆ แต่สายตาเหยียดหยามของป้าๆ พวกนั้นกลับทำให้รู้สึกหมดคำพูดไปด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอ้า แต่กลับเป็ตัวเลือกที่เธอจำใจต้องเลือก
“เห็นแก่ที่เ้ายังมีความฉลาดอยู่บ้าง ฮูหยินท่านพูดเอาไว้แล้วว่า หลังจากเ้าดูแลคุณชายจนผ่านวันเกิดไปแล้ว จะให้เงินเ้าไถ่ตัวออกไป” แม่นมเข้าเรือนมาก็เชิดคางใส่ ใช้คำพูดเหยียดหยามเฉินเนี้ยนหราน ก่อนจะบิดเอวที่อ้วนฉุเดินออกจากเรือนไป
หลังจากส่งแม่นมออกไปแล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็ทิ้งตัวลงกับเตียงด้วยความโกรธ นอนแน่นิ่งไม่ยอมขยับ
เธอคิดว่า…หลังจากเสร็จกิจแล้วก็สามารถออกไปได้ทันที ใครจะไปคิดว่ายังต้องทนไปอีกหลายวัน!
“มารดาเอ๊ย เห็นแก่นายที่น่าสนใจหรอกนะ เจ้จะถือว่าเอาเปรียบนายไปแล้วกัน อย่างไรเื่นี้ก็บอกไม่ได้หรอกว่าใครเสียเปรียบ”
หลังปลอบใจตัวเองเสร็จ เฉินเนี้ยนหรานก็รู้สึกดีขึ้นมาก ก่อนจะลุกขึ้นไปหาอะไรกินแล้วกลับมาพักผ่อนบนเตียง
เมื่อถึงเวลากลางคืน หลังจากดูแลคุณชายห้าทานข้าวเรียบร้อยแล้ว เห็นสายตาของเขาที่ปรายตามองมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เฉินเนี้ยนหรานก็ถึงกับสะอึก รู้สึกหน้าร้อนผ่าว
ถูกชายหนุ่มใช้สายตานิ่งเฉยปรายมองมา แค่ก... ความจริงแล้วเธอยังรู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง เพียงแต่หลังจากที่ได้รับความเ็าของเขา รวมถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ทุกอย่างที่ร้อนขึ้นมาของเฉินเนี้ยนหรานราวกับเปลี่ยนมาสงบลง
เธอในตอนนี้... ไม่มีนิ้วทองคำและไม่มีความสามารถที่จะหนีออกไปเองได้ จึงทำได้ในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ ก็คืออดทนไปอีกประมาณสิบวัน
“คุณชายเ้าคะ ท่านจะพักผ่อน…หรือว่า?” เธอเอ่ยปากถามด้วยท่าทางเป็การเป็การเป็งาน
โจวอ้าวเสวียนมองไปที่นางอีกครั้ง รู้สึกเหมือนตัวเองพ่ายแพ้ เป็นางที่สงบนิ่งได้เร็วกว่าเขา เมื่อครู่เพียงแค่ใช้สายตามอง สาวใช้นางนี้ก็หน้าแดงเสียแล้ว ยังรู้สึกว่าน่าสนใจ ใครจะไปคิดว่าชั่วเวลาเพียงแค่เสี้ยวเดียว สตรีนางนี้ก็สามารถกลับมานิ่งสงบเหมือนเดิม น่าแปลก ภายในใจของโจวอ้าเสวียนรู้สึกไม่พอใจ
เขายกมือขึ้นผลักเฉินเนี้ยนหรานลง
แม่นมที่กำลังจะเดินเข้ามา พอเห็นท่าทางของทั้งสองคน ก็รีบยกมือขึ้นห้ามทุกคนที่จะเข้ามาภายในห้อง นางค่อยๆ ย่องออกไป พร้อมปิดประตูห้องเบาๆ แม่นมซ่อนรอยยิ้มเอาไว้แล้ววิ่งไปรายงานกับฮูหยินเฒ่า
“คิดไม่ถึงเลยว่าหลานชายของข้า พอได้มีครั้งแรกก็โปรดปรานเื่แบบนี้เข้าเสียแล้ว เป็แบบนี้นานเข้าจะไม่ดีกับเขา ผ่านวันเกิดไปแล้วก็ส่งสาวใช้คนนั้นออกไปแล้วกัน” ฮูหยินเฒ่าไม่ได้ดีใจมากเท่าไร เพียงแต่พอคิดว่าน้อยครั้งนักที่ตนจะทำให้หลานชายมีความสุขได้ จึงเห็นแก่ตัวเก็บเฉินเนี้ยนหรานเอาไว้สักสองสามวันก่อน
ขณะเดียวกันภายในห้อง
เฉินเนี้ยนหรานถูกกดลงบนเตียง มองดวงตาแดงก่ำบนร่างของตัวเอง ชัดเจนเลยว่าชายหนุ่มกำลังโกรธ… เธอหมดคำพูดจริงๆ เหมือนมองไม่เห็นความคิดเร่งรีบที่อยากจะจัดกาเธอในสายตาของเขา กลับกัน เธอกลับมองเห็น…. ชายหนุ่มคนนี้เหมือนจะกำลังโกรธ กำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง
เธอลองถามตัวเองในใจ เหมือนว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา แต่ว่าใจของคุณชายก็เปรียบดั่งเข็มในมหาสมุทร บางครั้งความคิดของคุณชาย ไม่ว่าใครก็คาดเดาไม่ออกหรอก
……
พอถึงวันต่อมา เฉินเนี้ยนหรานออกไปแล้ว โจวอ้าวเสวียนกลับไม่ยอมตื่น
ถึงแม้ตาจะปิดอยู่ แต่สติของเขากลับเฉียบแหลม
เื่ราวเมื่อคืนอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด นึกขึ้นมาตอนนี้ก็รู้สึกว่าช่างคาดไม่ถึงจริงๆ ทำไมสตรีนางนั้นถึงได้มีความกล้าขนาดนั้นกัน
เริ่มรุกก่อน ร้อนแรงดั่งไฟ แต่ว่าเขาเองก็สมควรตาย… ที่หวนกลับไปคิดถึงอยู่ร่ำไป
ตอนที่ใกล้จะแยกจากกัน โจวอ้าวเสวียนจับไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้แน่น “จำเอาไว้ เ้าคือคนของข้า”
สตรีใต้ร่างชะงักไปแล้วค่อยเชยคางเขาขึ้นมา ดวงตาซุกซนคู่นั้นมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ของท่าน? ท่านรู้ไหมการเป็อิสตรีของท่าน ท่านจะต้องแข็งแกร่งเท่าใด? ตอนที่ท่านยังไม่สามารถปกป้องสิ่งของหรือคนที่ท่านโปรดปรานได้ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าใครคือของผู้ใดหรอก หากอยากให้ข้าเป็ของท่านล่ะก็ นอกเสียจากว่าจะมีวันที่ท่านสามารถทำตามความคิดตนเองได้โดยไม่ต้องไว้หน้าผู้ใด ถึงเวลาที่ท่านสามารถเผชิญหน้ากับข้าได้เพียงคนเดียวเมื่อไร ตอนนั้นท่านค่อยพูดกับข้าเช่นนี้”
เห็นสีหน้าขาวซีดของเขา นางก็ยังไม่ลืมที่จะโจมตีเขาอีกหนึ่งที
“อ้อ แล้วก็... ชีวิตของข้าไม่เพียงแต่จะชอบคนคนหนึ่งไปจนตาย ยังชอบบุรุษที่แข็งแกร่ง สามารถปกป้องข้าได้ ตอนที่ท่านยังไม่แข็งแกร่งพอ อย่ามาเจอข้าเลย พวกเราสองคน… เป็เช่นนี้ก็ดีแล้วนะเ้าคะ พรุ่งนี้ข้าจะจากไปที่นี่ตามความ้าของฮูหยิน ส่วนท่านก็รักษาตัวด้วยนะเ้าคะ”
คำพูดของนาง ไม่ให้ความสำคัญ ไม่มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด เขาโอบเอวบางของนางเอาไว้แน่น เฉินเนี้ยนหรานเบิกตากว้างมองมาที่เขา ใบหน้าแดงก่ำ…
เธอไม่สงสัยเลยสักนิด ตอนนี้ ผู้ชายคนนี้อยากจะจับเธอยัดเข้าไปในร่างของเขา เธอเชื่อว่าตอนนี้เขามีทั้งความหลงใหล และก็มีความแปลกใหม่ จนถึงขั้น….มีความรักใคร่ปรารถนา
แต่ว่าความรักชั่วครู่แบบนี้ เธอไม่้า สิ่งที่เธอ้าคือความรักยั่งยืน ไม่ใช่ความรักสวยงามเพียงชั่วคราวเหมือนดั่งดอกไม้ไฟที่ส่องประกายงดงามเพียงชั่วอึดใจ
ถึงแม้จะเห็นใจเ้าเด็กคนนี้ที่ต้องแบกรับภาระมากมาย ทว่าั้แ่ต้น เธอและเขาก็ถูกกำหนดให้เป็คนแปลกหน้า หากเขารักเธอเข้ากระดูกจริงๆ สักวันหนึ่งตอนที่เขาเปลี่ยนมาแข็งแกร่งแล้ว เธอก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยที่จะรับเด็กหนุ่มคนนี้มาเป็สามีของตนเอง
โจวอ้าวเสวียนจ้องเธอนิ่ง ลมหายใจก็ยิ่งเร่งเร้าขึ้น ชัดเจนเลยว่าตอนนี้เธอทำให้เขาโกรธเคืองเสียแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็ก้มลงมาทาบทับ กัดที่บ่าของเธอ
“ซี๊ด…”
เจ็บ เจ็บมากมารดาเอ๊ย สิ่งที่ตามความเจ็บมาติดๆ ก็คือกลิ่นคาวเืที่ฟุ้งกระจายออกมา
เฉินเนี้ยนหรานไม่ต้องดูก็รู้ว่าตอนนี้บ่าของเธอถูกเด็กหนุ่มกัดจนเืไหล แต่ว่าบนใบหน้าของเธอยังมีรอยยิ้มงดงาม ไม่ใช่เธอใจจืดใจดำ แต่ในความเป็จริงนั้น…เธอไม่ยอมให้ตัวเองจมลงไปในความรักของชายหญิง
มีเพียงทางเดียวคือใจร้ายกับตัวเองในตอนนี้ ถึงจะสามารถถอยหลังกลับมาได้ ถึงจะไสามารถหลุดพ้นจากความยุ่งยากในตอนนี้ได้
“เ้าเป็ของข้า เป็ของของข้า…” ชายหนุ่มช่างยึดติดยิ่งนัก ปากยังคงพร่ำพูดกับตัวเองว่า ของข้า ของข้า…
เฉินเนี้ยนหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นไปตบหลังของเขา
“ข้าจะพูดอีกครั้งนะ หากอยากให้ข้าเป็ของท่าน ท่านจะต้องเปลี่ยนเป็คนที่แข็งแกร่ง เปลี่ยนเป็…คนที่สามารถควบคุมจวนนี้ได้ สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง อยากจะสู่ขอผู้ใดก็จะไม่ถูกผู้อื่นพูดถึง ไม่เอ่ยคำพูดดูถูกดูแคลนเช่นนี้อีก”
นางพูดช้ามาก แต่น้ำเสียงยิ่งเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
นางที่เป็เช่นนี้ ทำให้โจวอ้าวเสวียนที่กำลังหวาดกลัวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
เขาสบมองั์ตาเ็าของนาง บนใบหน้าปรากฏความรู้สึกที่ทั้งขัดขืน ดิ้นรน ทุกข์ระทม สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็ความมุ่งมั่น และรอยยิ้มมั่นใจ
“เช่นนั้นเ้าก็ต้องรับปากข้าว่าจะไม่ให้ชายอื่นแตะต้องเ้า... ห้าปี ให้เวลาข้าห้าปี” ชายหนุ่มรีบร้อนแสดงความสามารถตนเอง ทั้งยังเหมือนกลัวว่านางจะดูถูกเขา ทันใดนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนมามั่นคงเข้มแข็ง “ผู้หญิงเช่นเ้าอย่าให้ชายอื่นมาเข้าใกล้ แล้วเมื่อไม่มีข้าอยู่ข้างกาย เ้าจะต้องดูแลตัวเองดีๆ หากข้ารู้ว่าเ้าไปอยู่กับชายอื่น…”
ฉับพลัน เขายกมือขึ้นบีบเข้าที่คอของนาง ราวกับว่าหากนางไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาจะบีบคอนางให้ตาย เพียงแต่เมื่อเจอเข้ากับรอยยิ้มสดใสของนาง เขากลับพ่ายแพ้ให้อย่างน่าประหลาด
เขาหงุดหงิดมากจริงๆ ทั้งที่นางเยาว์วัยกว่า แต่กลับเหมือนสามารถมองทะลุถึงตัวตนของเขาออก มองสัจธรรมของชีวิตออก มอง…ทั้งโลกใบนี้ออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ทั้งที่เขาและนางรู้จักกันแค่บนเตียง กลับกัน…เขากลับถูกนางดึงดูด ไม่เพียงแค่ร่างกายของนาง แต่เพราะว่า…นิสัยของนางไม่เหมือนผู้ใด ทั้งยัง…ความสงบเยือกเย็นเกินอายุของนางอีก…
ทั้งหมดของนาง จากที่เขาไม่ได้ใส่ใจในคราแรก ก็เปลี่ยนมาใส่ใจ…ท้ายที่สุด วันนี้เขากลับถูกทำให้ต้องจมดิ่งลงไป…
เขาพ่ายแพ้ให้กับสายตาที่นิ่งสงบจนเกินไปของนาง มือที่บีบคอค่อยๆ คลายออก
โจวอ้าวเสวียนนอนทาบทับอยู่บนเรือนร่างของนางด้วยความหงุดหงิด ชายหนุ่มใช้ปากขบเม้นไปทั่วราวกับ้าระบายความโกรธ เสมือนว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น