สีหน้าของฉีอวี้ดูเหี้ยมโหด กล้ามเนื้อที่ใบหน้ากระตุก ยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “เ้า...เ้ามันหาประโยชน์จากผู้อื่น เ้า...เ้า้าจะแก้แค้นข้า ในตอนที่เ้าอยู่เหนือกว่า”
หยางหนิงหัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า “พูดได้ดี ข้าบอกเ้าแล้วว่าเ้ามันคนฉลาด ในเมื่อเป็อย่างนี้แล้ว เ้าพูดถูกแล้ว ข้าหาประโยชน์จากคนอื่น และข้า้าแก้แค้นเ้า” จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ข้าชอบเห็นท่าทางไม่เต็มใจ แต่ไร้หนทางของเ้าแบบนี้จังเลย อย่างเ้าจะทำอะไรข้าได้?” เขาเห็นฉีอวี้กำหมัด ก็พูดว่า “ดูท่าเ้าเตรียมพร้อมจะลงมือแล้วนี่ มา เข้ามาได้เลย ข้าจะไม่ตอบโต้เ้าในเวลานี้ เ้าหาเหตุผลที่เหมาะสมให้ข้าไล่เ้าออกจากจวนด้วยตัวเอง โดยที่ข้าไม่ต้องขอ”
สายตาของฉงอี๋เหนียงดูโเี้ จากนั้นนางก็พูดขึ้นว่า “ฉีอวี้ เขาเป็ซื่อจื่อ ในเมื่อเขาให้เ้าคำนับเขา เ้าก็ทำเถอะ”
“ท่านแม่...!” ฉีอวี้หันหน้ากลับมา เห็นฉงอี๋เหนียงพยักหน้าเบาๆ ด้วยสายตาโเี้มาก ฉีอวี้อดกลั้นความโกรธเอาไว้ ลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาคำนับหยางหนิง
“ดีมาก” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “เริ่มเข้าใจกฎเกณฑ์แล้วนี่ ถือเป็สัญญาณที่ดี ฉีอวี้ ในฐานะพี่ชาย ข้ามีอะไรจะพูดกับเ้าสักเล็กน้อย จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เ้า”
ฉีอวี้แค่พยักหน้ารับ สีหน้าท่าทางที่มองหยางหนิงมันคือสายตาของคนที่มองศัตรู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หยางหนิงพูดอย่างช้าๆ ว่า “ข้ารู้ดีว่าเ้าชอบอวดฉลาด และก็รู้ด้วยว่าเ้าไม่ใช่คนโง่ หากเ้าใช้ความฉลาดของเ้าอย่างถูกต้อง มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร เสื้อผ้าอาภรณ์ อาหารการกินต่างๆ ก็จะไม่ขาด แต่ข้าขอเตือนเ้า อย่าเอาความฉลาดของเ้าไปใช้ในทางที่ผิด และอย่ามาทำอะไรลับหลังข้า ข้าก็จะไม่พาลโมโหเ้า แต่หากว่าเ้าทำอะไรให้ข้าโกรธ ่ชีวิตที่เหลือของเ้าก็จะไม่มีความสุขอีกต่อไป” พูดด้วยน้ำเสียงเ็าอีกว่า “เ้าได้ยินหรือเปล่า?”
ฉีอวี้ส่งเสียงเคืองเบาๆ หลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เขาเดินผ่านหน้าฉงอี๋เหนียงไป ไม่หันกลับมาอีก
ฉงอี๋เหนียงเหลือบไปมองหยางหนิง หลังจากนั้นก็เดินตามฉีอวี้ไป
หยางหนิงมองสองแม่ลูก สายตาของเขาเปลี่ยนเป็ความเ็า
ตระกูลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ จะทำลายจากภายนอกมันแทบเป็ไปไม่ได้เลย แต่สาเหตุที่มันทลายลง มันก็มาจากภายในรั้วกำแพงทั้งนั้น ที่มันทำให้มีรอยร้าว
จริงๆ แล้วหยางหนิงไม่ได้สนใจเลยว่าอำนาจบารมีของจวนองครักษ์เสื้อแพรจะสูงขึ้นหรือต่ำลง แต่ว่าฉีอวี้และแม่ของเขา ก็น่ารังเกียจจริงๆ นั่นแหละ
ที่ฉีอวี้ด่าทอสาปแช่งกู้ชิงฮั่นเมื่อครู่ หยางหนิงเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่การพูดออกมาพล่อยๆ เท่านั้น แต่ว่าฉีอวี้เก็บไว้ในใจมานานมากแล้ว
กู้ชิงฮั่น้ารักษากฎและระเบียนดั้งเดิมของจวนองครักษ์เสื้อแพรเอาไว้ ปกป้องการปกครองของฉีหนิง ซึ่งมันต้องกระทบไปถึงพวกของฉีอวี้แน่นอนอยู่แล้ว และเป็อุปสรรคชิ้นโตสำหรับฉีอวี้ในการรับตำแหน่งสืบทอดองครักษ์เสื้อแพร คนแบบนี้ ฉีอวี้ก็จะต้องเห็นนางเป็ก้างชิ้นโตแน่นอน หากมีวันไหนที่ฉีอวี้มีอำนาจขึ้นมาแล้วละก็ จะต้องแก้แค้นกู้ชิงฮั่นแน่
หยางหนิงเข้าใจคนอื่นๆ ได้ขนาดนี้มันเป็เพราะหลักการ แต่ว่าเื่เลวร้ายที่สองแม่ลูกคิดจะทำ ที่ชอบวางแผนทำอะไรลับหลังคนอื่น มันเป็วิธีที่แตกต่างกับที่กู้ชิงฮั่นใช้
ต่อให้วันหนึ่งตัวเขาต้องจากไปจริงๆ ก็จะต้องกำจัดเสี้ยนนามให้กู้ชิงฮั่นก่อน
หยางหนิงรู้ดีว่า คนประเภทนี้ จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เป้าหมายของสองแม่ลูกในตอนนี้ก็คือเขา ตัวเขาเองก็จะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ หากว่าเจอจุดอ่อนหรือช่องโหว่ของพวกเขาได้ ตัวเขาก็จะไม่ปล่อยไปเช่นกัน
เดินไปพลางคิดไปพลาง ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงของต้วนชางไห่ดังขึ้นมาว่า “ซื่อจื่อ ในที่สุดก็เจอท่านเสียที”
“อ้อ ท่านอาต้วน ท่านหาข้ามีอะไรหรือ?” หยางหนิงมองไป เห็นต้วนชางไห่เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเองก็มีเื่สำคัญจะต้องปรึกษาท่าน”
“ซื่อจื่อท่านมีอะไรจะสั่งหรือ?” ต้วนชางไห่เดินเข้ามาทำความเคารพ
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ระหว่างเราก็ไม่ต้องมากพิธีอะไรขนาดนี้หรอกนะ” จากนั้นก็พูดเบาๆว่า “จริงสิ ท่านอาต้วน ท่านรู้หรือเปล่าว่าจวนอู่เซียงโหวอยู่ที่ไหน? อยู่ที่ถนนผีพานี่ด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?”
ต้วนชางไห่ส่ายหน้า “จวนอู่เซียงโหวอยู่ที่สะพานเหวินเต๋อ ห่างจากจวนของเราระยะทางประมาณหนึ่ง อยู่ดีๆ ท่านถามถึงจวนอู่เซียงโหวทำไมกัน?”
“ข้าอยากจะไปเยี่ยมเยียนอู่เซียงโหวสักหน่อย” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ไปมาหาสู่กันมันเสียมารยาท อู่เซียงโหวครั้งที่แล้วมาหาเราถึงจวน เรายังไม่ได้ให้คำตอบเขาเลย งานศพก็เสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว เราก็ควรจะไปให้คำตอบเขาสักหน่อย”
“อ๊า?” ต้วนชางไห่รีบถามกลับว่า “ไท่ฮูหยินตัดสินใจได้แล้วหรือ?”
หยางหนิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า “นี่เป็การแต่งงานของข้า จะอย่างไรเสีย ข้าก็จะเป็คนตัดสินใจเอง” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “อีกอย่างอู่เซียงโหวพูดขนาดนั้นแล้ว ท่านคิดว่าเรามีสิทธิที่จะพลิกกลับมาได้อีกหรือ?”
ต้วนชางไห่สีหน้าจริงจัง แล้วพูดว่า “ซูเจินเ้าคนไร้ศักดิ์ศรี เื่ใหญ่ขนาดนี้ คิดจะทิ้งก็ทิ้ง คิดว่าต่อไปคงไม่มีหน้าไปพบท่านเหล่าอู่เซียงโหวอีกแล้ว” เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “เกือบลืมไปเลย ซื่อจื่อ ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนไปจวนอู่เซียงโหว ตอนนี้มีคนมาหาท่าน”
“หาข้าหรือ?” หยางหนิงพูดด้วยความประหลาดใจ “ใครกันที่มาหาข้า?”
ต้วนชางไห่พูดด้วยเสียงเบาว่า “พี่น้องร่วมสาบานของท่าน หยวนหรง”
“พี่น้องร่วมสาบาน?” หยางหนิงใ “ข้า...ข้ามีพี่น้องร่วมสาบานด้วยหรือ?”
“เอ่อเื่นี้...!” ต้วนชางไห่คิดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างระวังว่า “ซื่อจื่อ คุณชายหยวนกับท่านก็ถือว่าสนิทสนมกันระดับหนึ่ง แต่ว่า...ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ คนแบบนั้นอย่าไปสนิมสนมมากจะดีกว่า เมื่อก่อนท่านชอบอยู่กับคนพวกนี้ จริงๆ...จริงๆ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย มิหนำซ้ำยังเสียเปรียบด้วยซ้ำ ฮูหยินสามเองก็ไม่ชอบให้ท่านอยู่กับคนพวกนี้มากนัก”
“อ๋อ?” หยางหนิงเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เมื่อได้ยินต้วนชางไห่พูดอย่างนั้น ก็เข้าใจในทันที จากนั้นก็หัวเราะแล้วถามว่า “ท่านอาต้วน พี่น้องร่วมสาบานของข้าคนนี้ เป็พวกชอบดื่มเที่ยวอะไรแบบนั้นใช่หรือไม่? พวกเขาเป็เพื่อนเที่ยวเพื่อนดื่มของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ต้วนชางไห่ได้ยินดังนั้น จากที่ขมวดคิ้วก็คลายลง ยิ้มแล้วพูดว่า “ที่แท้ท่านซื่อจื่อก็รู้อยู่แล้ว แบบนี้ข้าน้อยค่อยวางใจหน่อย หยวนหรงเป็หลานชายคนโตของใต้เท้าหยวนราชเลขาประจำกรมพิธีการ ใต้เท้าหยวนเป็คนที่รอบรู้เื่ราวมากมายทั้งอดีตและปัจจุบัน แต่คุณชายหยวนกลับเป็แบบนี้ ความรู้ก็พอมี แต่ว่า...!” ยิ้มแล้วส่ายหัวว่า “อายุน้อย บ้าคลั่งไปบ้าง ก็ยังถือว่าปกติ”
“น่าแปลกนะ ข้ากลับมาตั้งนานแล้ว งานศพของท่านพ่อก็จัดเสร็จแล้ว ข้าไม่ยักจะเห็นพี่น้องของข้าคนนี้โผล่มาเลย” หยางหนิงพูดทีเล่นทีจริง “ทำไมพอเสร็จงานศพถึงได้วิ่งแจ้นมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
ต้วนชางไห่พูดเสียงเบาๆ ว่า “หากข้าน้อยเดาไม่ผิด น่าจะเป็เพราะเื่การลอบสังหารท่านที่เรือนรับรองจงหลิง”
“อ๋อ?” หยางหนิงขมวดคิ้ว “ท่านอาต้วนหมายความว่าไง?”
ต้วนชางไห่คิดว่าหยางหนิงคงเข้าใจผิด จึงอธิบายว่า “ท่านซื่อจื่ออย่าเพิ่งคิดมาก เื่การลอบสังหารท่านคงไม่เกี่ยวกับหยวนหรงหรอก หยวนหรงถึงแม้จะไม่เอาไหน แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร” จากนั้นก็มองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ปู่ของเขาเป็ถึงราชเลขาประจำกรมพิธีการ เรือนรับรองจงหลิงอยู่ในการดูแลของกรมพิธีการ ลอบสังหารซื่อจื่อเป็เื่ใหญ่ หากทำให้เป็เื่ขึ้นมา ใต้เท้าหยวนในฐานะราชเลขากรมพิธีการ คงหนีไม่พ้นต้องรับโทษ”
“อ๊า?” หยางหนิงเข้าใจในทันที “ใต้เท้าหยวนกรมพิธีการอยากให้เื่นี้จบเงียบๆ แต่ไม่สะดวกออกหน้าเอง ก็เลยจะให้หยวนหรงมาหยั่งเชิงก่อนอย่างนั้นสินะ?”
ต้วนชางไห่ยกนิ้วโป่งให้ “ท่านซื่อจื่ออ่านขาดมาก ก็น่าจะเป็เช่นนั้น” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม ในใจก็แอบคิดว่าซื่อจื่อฉลาดขึ้นทุกวัน ์คุ้มครองจริงๆ มันเป็เื่โชคดีมากๆ ของจวนองครักษ์เสื้อแพรทีเดียว
เมื่อหยางหนิงพบหน้าหยวนหรง หยวนหรงกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่เรือนรับรองของจวนองครักษ์เสื้อแพร
หยางหนิงไม่ได้เข้าไปหาในทันที แต่แอบมองอยู่ด้านนอก หยวนหรงอายุราวยี่สิบ สวมชุดผ้าไหมสีขาวนวล สวมหมวกผ้าแพร ที่ชุดมีแส้บังคับม้า มีเครื่องประดับหยกมากมาย ดูแล้วก็น่าจะขี้เหล้าพอสมควร
ที่เรือนรับรองมีหยวนหรงอยู่คนเดียว เขาเหมือนจะไม่ค่อยชอบชาสักเท่าไร แถมยังไม่รู้ด้วยว่าหยางหนิงซ่อนตัวแอบดูเขาอยู่ข้างนอก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “น้องชาย ข้าคิดถึงเ้าที่สุดเลย ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอเ้าสักที...!” มือของเขากางออกเหมือนกับจะกอด
หยางหนิงใ คิดว่าเขาเก่งมาก ถึงได้รู้ว่าตัวเขานั้นแอบอยู่ข้างนอก แต่เมื่อเห็นเขากอดกับอากาศก็เข้าใจทันทีว่า เขากำลังพูดกับตัวเองอยู่
ไม่ผิดจากที่คิด หยวนหรงส่ายหัว จากนั้นก็พูดกับตัวเองว่า “แบบนี้ไม่ได้ พ่อของเขาเพิ่งจะเสียไป เวลาแบบนี้ข้าจะต้องแสดงความเสียใจถึงจะถูก...!” จากนั้นเขาก็เงยหน้า แล้วทำท่าทางเสียใจ เช็ดน้ำตาเบาๆ แล้วพูดว่า “น้องชาย ท่านองครักษ์เสื้อแพรสิ้นไป ทั่วแค้วนต่างก็โศกเศร้า เ้าจะต้องทำใจให้สบายนะ หากมีอะไรให้ข้าช่วย ก็พูดออกมาได้เลย ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็จะทำให้ เพราะเรามันเป็พี่น้องร่วมสาบานกัน” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แบบนี้ไม่ได้ เกิดเ้าเด็กนั้นให้ข้าไปทำอะไรให้จริงๆ ข้าก็ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ น่ะสิ?”
สีหน้าของเขามีหลากอารมณ์มาก ทั้งดีใจทั้งเสียใจ พูดอยู่กับตัวเองวนไปวนมา หยางหนิงอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นเขาก็ส่งเสียงกระแอม มือไขว้หลังแล้วเดินเข้าไปในเรือนรับรอง
หยวนหรงได้ยินเสียงกระแอม ก็รีบกลับสู่สภาพปกติ หันไปเห็นหยางหนิงเดินเข้ามา เขารีบยิ้มให้ก่อน เห็นสีหน้าของหยางหนิงเรียบเฉย ก็รีบเปลี่ยนท่าทางเป็โศกเศร้า แล้วเดินหน้าขึ้นมา “น้องชาย เ้า...!” เขายังไม่ทันพูดจบ หยางหนิงแทบจะไม่มองเขาเลย แล้วเดินผ่านหน้าเขาไป หยวนหรงตะลึงแบบเขินๆ เห็นหยางหนิงเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้ว ก็รีบเดินเข้าไปหา แล้วถามเบาๆ ว่า “น้องหนิง เ้า...เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?”
หยางหนิงเงยหน้าขึ้นมาแล้วจ้องไปที่หยวนหรง ไม่พูดอะไรเลย สีหน้าไร้ความรู้สึก
หยวนหรงถูกหยางหนิงจ้องจนขนลุก ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านองครักษ์เสื้อแพรโหว... ท่านองครักษ์เสื้อแพรสิ้นบุญแล้ว เ้า...เ้าคงโศกเศร้ามาก หากมีอะไร...หากมีอะไรให้ช่วย... เอ่อ ไม่ใช่ น้องหนิง เ้าเอ่อข้า...คือว่า...!” เขาพูดติดอ่างไม่เป็คำ แล้วเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็ยิ้มแบบขมขื่นว่า “น้องชายคงไม่พอใจที่ข้าไม่ได้มาช่วยงานเลยใช่ไหม?”
หยางหนิงไม่พูดอะไร
หยวนหรงยกมือขึ้นมา แล้วพูดว่า “ให้์เป็พยาน ตอนที่ข้าได้ยินว่าเ้าถูกจับตัวไป กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดจะนำคนออกไปตามหาเ้าตั้งหลายครั้ง แต่ว่า...แต่ว่าผู้าุโในบ้านข้าบอกว่าแม้แต่ทายาทองครักษ์เสื้อแพรยังกล้าจับ ในเมืองหลวงก็วุ่นวาย ก็เลยจับข้าขังเอาไว้ในห้อง ออกไปไหนไม่ได้เลย”
หยางหนิงเหลือบไปมองเขา แล้วยิ้มแห้ง
“แต่จริงๆ แล้ว แม้เขาคิดจะขวางข้า แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” หยวนหรงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “น้องชายเ้าโดนจับตัวไป ในฐานะที่ข้าเป็พี่ชายข้าจะไม่สนใจเ้าได้อย่างไรกัน? ข้าหยวนหรงทำอะไรคุณธรรมต้องมาก่อน หัวหลุดจากบ่าได้ เืไหลออกจากกายได้ แต่จะทิ้งคุณธรรมไปไม่ได้ มีคืนหนึ่งข้าแอบออกจากจวนกลางดึก คิดจะไปตามหาเ้า แต่ว่า...!” ถอนหายใจยาว “แต่ว่าาุโที่จวนข้าเ้าเล่ห์มาก จับตัวข้ากลับไป แถมยังลงโทษข้าด้วยกฎบ้านอีก ก้นข้าแทบเละ ขยับไม่ได้ตั้งครึ่งเดือน” เห็นหยางหนิงนิ่งๆ ก็รีบร้อนพูดอีกว่า “น้องชายเ้าไม่เชื่อข้าหรือ ไม่เป็ไร ข้าถอดกางเกงให้เ้าดูตอนนี้เลยก็ได้นะ”
สายตาของหยวนหรงดูร้อนรน เขาสะบัดชุดออก แล้วเขยิบหลังเข้ามาหาหยางหนิง จากนั้นก็ถอดกางเกงลงเพื่อพิสูจน์ตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้