เฟิงซื่อกับหลินต้าเหอหูผึ่งทันที “ฟู่อิน มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ ขอเพียงป้าสองทำได้ย่อมต้องทำให้เ้าแน่!”
ทั้งเฟิงซื่อและหลินต่างเหอต่างก็คิดว่าเป็เื่ของหลินฟู่อิน ทำให้นางยิ้มออกมา “เื่นี้เกี่ยวกับพี่ซานหลางเ้าค่ะ ให้ไปพบท่านหลี่เจิ้งและผู้าุโคนอื่นในหมู่บ้านเพื่อเป็พยาน พอพี่ซานหลางกลายเป็ลูกพวกท่านอย่างเป็ทางการแล้ว หวังว่าท่านลุงท่านป้าจะสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนของพี่ซานหลางได้”
ทั้งเฟิงซื่อและหลินต้าเหอต่างก็เฝ้ารอเื่นี้อยู่แล้ว
หากเป็เมื่อก่อนที่พวกตนไร้ที่ดินไร้บ้านเป็ของตัวเอง ที่บ้านไม่มีรายได้ ทั้งคู่คงไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แต่ตอนนี้หลินฟู่อินมีความคิดดีๆ ในการขายไข่ดอกสน แน่นอนว่าคู่สามีภรรยาต่างก็อยากมีลูกเป็บัณฑิตเช่นกัน
หากเป็ไปได้ หลินต้าเหอจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาเป็คนไร้ประโยชน์ คนที่เขาชื่นชมที่สุดคือผู้ที่อ่านออกเขียนได้
“ฟู่อิน ตราบใดที่ซานหลางอยากเรียน พวกข้าสามีภรรยาก็จะจ่ายให้!” หลินต้าเหอถูมือไปมา ท่าทีวิตก
หลินฟู่อินพยักหน้ามองเฟิงซื่อ ตอนนี้อีกฝ่ายคิ้วตั้ง หางตามีรอยย่นน้อยๆ “ข้าเห็นเด็กคนนั้นข้างนอกดูทึ่มทื่อ แต่กลับคล่องแคล่วดีนัก ให้เขาไปศึกษาร่ำเรียนดีแล้ว กลับมาจะได้สอนอาเฟินอาฟางอ่านหนังสือทำบัญชี จะได้ไม่หูหนวกตาบอด”
ไม่นึกว่าเฟิงซื่อจะมีวิสัยทัศน์เช่นนี้ ทำให้หลินฟู่อินพอใจมากทีเดียว ทั้งสองกล่าวอีกหลายคำ ก่อนหลินฟู่อินจะช่วยวางแผนอาหารจานเล็กอีกสามชนิด
จานหนึ่งเป็ปลาเล็กกับกุ้งแห้ง อีกจานเป็ไข่คนใส่กุยช่าย จานสุดท้ายเป็ยำไข่เยี่ยวม้าที่นำมาจากบ้านนาง
ส่วนอาหารมังสวิรัติ วิธีการที่ง่ายที่สุดคือสวนผักที่บ้านของหลินฟู่อิน มีทั้งฟักทอง น้ำเต้า มะเขือม่วง ถั่วฝักยาว แตงกวา ต้นหอม ผักกาด ของเหล่านี้มีมากจนกินไม่หมด ยังมีของที่บ้านเฟิงซื่อส่งมาเสริม แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว
ส่วนเื่เล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่น เฟิงซื่อแก้ไขเองได้ เดิมทีนางเป็คนมีความสามารถ แต่กลับถูกคนบ้านใหญ่กดข่มตลอดหลายปีมานี้
พอหลินฟู่อินจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยก็กลับบ้านตัวเอง ในใจยังมีเื่ใหญ่เื่อื่นอยู่ นั่นคือรอให้พ่อลูกสกุลเฉียนกลับมา
หลินฟู่อินกลับถึงบ้านไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา คนสกุลเฉียนก็กลับมาแล้วจริงๆ แต่ไม่ได้ตรงมาที่บ้านนาง คนขอให้เหลียงซื่อมาแจ้งข่าวให้ไปที่บ้านของทางนั้นแทน
หลินฟู่อินพกเงินตำลึงติดตัวไปด้วยสิบกว่าตำลึงเงิน รีบร้อนตามเหลียงซื่อไป
เมื่อมาถึงห้องหลักของบ้านเฉียน ปู่เฉียนกับลูกชายสองคนก็กำลังนั่งดื่มน้ำกันอยู่
สามพ่อลูกตอนนี้ทั้งผอมทั้งดำ ทำให้รู้ว่าคงลงแรงตามหาไม่น้อย วางใจไม่ผิดคนจริงๆ
“ท่านปู่เฉียน ท่านลุงเฉียนใหญ่ ท่านลุงเฉียนสอง ขอบคุณพวกท่านมากเ้าค่ะ! ฟู่อินซาบซึ้งใจยิ่งนัก!” ทันทีที่มาถึง อย่างแรกนางกล่าวขอบคุณทั้งสามก่อน จากนั้นจึงเข้าเื่ทันที “ตอนกลับจากเมืองข้าพบคนจากหมู่บ้านเหล่าชู่ เล่าว่าเหมือนท่านพ่อข้าจะได้เรือของทางการช่วยเอาไว้ จริงหรือไม่เ้าคะ?”
ปู่เฉียนพยักหน้า สีหน้าไม่แปลกใจ น้ำเสียงต่ำฟังชัด “ฟู่อิน ก่อนหน้านี้ที่หมู่บ้านเหล่าชู่มีข่าวลืออยู่แล้ว พวกเราค่อยๆ รวบรวมข้อมูลไป ถามั้แ่เื่เสื้อผ้าจนถึงหน้าตา ยังถามชาวบ้านที่เห็นเรือทางการจากที่ไกลๆ พวกเขายืนยันว่าคนที่ได้เ้าหน้าที่ทางการช่วยเอาไว้สวมเสื้อผ้าสีเดียวกับพ่อเ้า”
ครุ่นคิดสักพัก ปู่เฉียนก็กล่าวต่อ “แต่ว่าก็ยังไกลเกินกว่าจะเห็นหน้าตาของบุรุษผู้นั้น”
หลินฟู่อินตื่นเต้นอยู่แล้วั้แ่ได้ยินว่าสวมชุดสีเดียวกัน ลุงเฉียนรีบพูดขึ้นทันที “ฟู่อิน ที่เราคิดว่าบุรุษผู้นั้นเป็พ่อเ้าก็เพราะมีคนเห็นคนเขาถูกช่วยขึ้นเรือทางการ ทั้งเขายังมีธนูสีดำคันใหญ่อยู่บนหลัง…”
เช่นนี้ก็ไม่ไกลจากความจริงไปแปดถึงเก้าส่วนแล้ว หลินฟู่อินจับมือตัวเองแน่น ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีที่ไม่อาจอธิบายเป็คำพูด ทั้งน้ำตายังไหลรินออกมาทันที
“ฟู่อินอย่าร้องไห้เลย พ่อเ้าเก้าในสิบส่วนยังสบายดี เื่นี้เป็เื่ดี อย่าร้องเลยนะ อย่าร้อง…” เหลียงซื่อเห็นน้ำตาของหลินฟู่อินร่วงลงมาดุจไข่มุกหลุดจากสายแต่กลับไม่เห็นคนร้องไห้ออกมาดีๆ ก็เกรงว่าจะจุกอก จึงรีบเข้าไปปลอบใจทันที
ปู่เฉียนกับลูกทั้งสองคนต่างก็ะเืใจเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวตั้งอกตั้งใจตามหาบิดาถึงเพียงนี้ เมื่อได้ยินข่าวว่าพ่อของนางยังไม่ตายก็พากันดีใจยกใหญ่
ปู่เฉียนกล่าว “ใช่ เป็เื่ดีเช่นนี้อย่าร้องไห้เลย” พอคิดๆ แล้ว ใบหน้าก็ย่ำแย่ลงเล็กน้อย “ใช่แล้ว พวกเราตามสืบก็ได้รู้ข่าวจากปากบ่าวของเศรษฐีผู้หนึ่ง ว่าเรือทางการลำนั้นเป็ของบุตรขุนนางคนหนึ่งในเมืองหลวงที่มาเที่ยวชมูเาและสายน้ำ หาก้าพบตัวพ่อเ้าเกรงว่า…”
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินประโยคนี้ ไม่ต่างจากโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
ไม่รู้ร่างกายของท่านพ่อหลินเป็อย่างไรบ้างหลังจากได้รับการช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าคนต้องอยู่ท่ามกลางน้ำเชี่ยวกี่วันกี่คืนกว่าจะมีคนมาช่วย ร่างกายคงถึงขีดจำกัดแล้ว เกรงว่าจะป่วยหนักเอาได้
ท่านพ่อหลินเป็เพียงนายพรานตามหมู่บ้านทั่วไป ไม่รู้ว่าขุนนางเมืองหลวงจะช่วยผู้อื่นจนถึงที่สุดหรือไม่ ทั้งต้องตามหาหมอ ให้หมอขึ้นเรือมาเพื่อรักษาคนอีก!
“ฟู่อินไม่ต้องกังวลนะ พ่อเ้าตกน้ำที่หมู่บ้านเราตรงนี้ ลอยไปไกลถึงหมู่บ้านเหล่าชู่แล้วยังมีคนช่วยขึ้นมาได้ เช่นนั้นถือว่าเป็คนโชคดีมากแล้ว” ปู่เฉียนเห็นสีหน้าหม่นหมองของหลินฟู่อินก็อดพูดปลอบไม่ได้
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่พูดปลอบใจ แต่หลินฟู่อินก็ยังอยากจะเชื่อเช่นนั้น
พ่อของนางต้องไม่เป็ไร!
แม้ว่าตอนนี้พ่อของนางจะมีเรือทางการช่วยไปแล้วไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่อย่างน้อยก็ได้ทราบว่าเขามีคนช่วยเหลือแล้ว นางเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องรอดแน่นอน
เมื่อนางทำเงินได้มากๆ แล้ว นางต้องไปตามหาเขาในเมืองหลวงแน่!
ปู่เฉียนเป็คนสายตาเฉียบคม เห็นความสิ้นหวังในดวงตาหลินฟู่อินหายไปแล้ว ยามนี้กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก็ทราบว่านางคงหาวิธีได้แล้ว
แต่ในฐานะผู้ใหญ่ เขาจึงออกปากเตือนด้วยความเป็ห่วง “ฟู่อิน พวกเรารู้ว่าเ้าเป็ลูกที่กตัญญู หากพ่อเ้าหายดีต้องกลับมาแน่นอน เ้าเก็บเงินตำลึงที่พ่อแม่ให้เอาไว้แล้วเลี้ยงน้องๆ ให้ดี!”
เป็เพราะเกรงว่าหลินฟู่อินจะตามหาพ่อจนใช้เงินในครอบครัวหมดนั่นเอง
หลินฟู่อินทราบว่าเขาเจตนาดีจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านปู่เฉียนเ้าค่ะ ถึงเงินที่ท่านพ่อท่านแม่ให้ไว้จะมีไม่น้อย แต่การไล่ตามเรือทางการเข้าเมืองหลวงเพื่อตามหาท่านพ่อคงเป็ไปไม่ได้ ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าท่านพ่อมีคนช่วยเอาไว้แน่ๆ อีกหน่อยก็แค่รอให้กลับมาพบกันเท่านั้น”
สิ่งที่หลินฟู่อินกล่าวล้วนมาจากใจ นางไม่เคยพบท่านพ่อหลินมาก่อน ทางจิตใจจึงไม่ได้มีความผูกพันธ์ลึกซึ้ง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้นางรักเ้าซาลาเปาน้อยทั้งสองคนยิ่งนัก เพื่อเ้าตัวเล็กทั้งสองแล้ว อย่างไรก็ต้องพยายามตามหาท่านพ่อหลินให้เต็มที่!
เมื่อทราบข่าวท่านพ่อหลินแล้ว หลินฟู่อินก็ปาดน้ำตาตัวเอง ล้วงเงินจำนวนสิบตำลึงเงินออกมาส่งให้กับมือของปู่เฉียนด้วยความจริงใจ
ปู่เฉียนก้มมอง ในมือร้อนผ่าวจนรีบส่งคืนทันที “เยอะเกินไปแล้วฟู่อิน เ้าเคยให้เงินพวกข้ามาก่อนแล้ว ไม่จำเป็ต้องให้เพิ่มแล้ว!”