รอยยิ้มของเยี่ยนเจาเจาน่ารักโอนอ่อน จนเยี่ยนหลิวซื่อจับความผิดปกติไม่ได้เลยสักนิด
เยี่ยนฟางหวาที่โดนฮูหยินเฒ่าส่งตัวกลับก็ไม่รู้เื่ราวเหล่านี้ นางคิดแค่ว่าตนเองไม่ได้รับความเป็ธรรม ความกรุ่นโกรธในหัวแผดเผาช่องท้องของนาง จนอยากจะหันหลังกลับไปตบบ้องหูเยี่ยนเจาเจาสักสองฉาด
เมื่อกลับมาถึงเรือนของตนเอง เยี่ยนฟางหวาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป ยิ่งเห็นเด็กรับใช้เฝ้าประตูกำลังสัปหงกก็ยิ่งะเิ ตะคอกดังลั่น “ตายไปแล้วหรือ!”
เด็กรับใช้ผวาแทบตาย นางมองแล้วหงุดหงิดกว่าเดิม กลับเข้าห้องตนเองพังข้าวของบางส่วนถึงได้ใจเย็นลง
ขณะที่เด็กรับใช้กำลังชำระกายให้นางใหม่ ก็ได้ยินเสียงสุ่ยซิ่งกูกู [1] ที่เป็หญิงรับใช้ข้างกายของท่านแม่หวังซื่อมาเชิญนาง บอกว่าท่านแม่้าพบ
เยี่ยนฟางหวาใจเต้นระรัวทันที แม้จะบอกว่านางไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่มิใช่กับหวังซื่อ ท่านแม่ของตนเอง
โดยเฉพาะเมื่อนางมาถึงห้องของหวังซื่อ แล้วพบว่าท่านแม่ของตนกำลังนั่งสงบนิ่งอยู่หน้าโต๊ะ จอนผมหวีอย่างประณีต กระโปรงจับจีบจากผ้าไหมจวงฮวา [2] รีดจนเรียบกริบ
ควันจางๆ ลอยอ้อยอิ่งจากกระถางกำยานใบเล็กข้างเท้าหวังซื่อ ปกคลุมใบหน้าของนาง
ใจเยี่ยนฟางหวาพลันเย็นวาบ
ส่วนหวังซื่อสั่งสอนเยี่ยนฟางหวาเช่นไร เยี่ยนเจาเจาไม่ทราบและคร้านจะสนใจ
เยี่ยนเจาเจาเพิ่งคุยกับเยี่ยนหลิวซื่อเสร็จ หลังจากน้อมส่งเยี่ยนหลิวซื่อออกไปเหมือนเคารพ นางก็หมดสติลงในสวน
เสื้อคลุมบนร่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ร่างกายเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
เมื่อเยี่ยนเจาเจาเป็ลม เรือนหิมะมรกตก็วุ่นวาย
กว่าจะเชิญท่านหมอเฒ่ามาได้ ชายชราร่างผอมที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาคนนั้นก็จับเด็กรับใช้ที่คอยปรนนิบัติหลายคนมาดุด่า
เขาตรวจยาที่เจาเจาเคยทาน ก่อนด่าว่าหมอคนเก่าไร้ฝีมือ แล้วเก็บกากยาไป
ทั้งยังกล่าวอีกว่าเยี่ยนเจาเจาเพิ่งหายไข้จากการตกน้ำเมื่อหลายวันก่อน ร่างกายอ่อนแออย่างยิ่ง ยังออกไปรับลมหนาวทั้งที่ฝนตกหนักต่อเนื่อง อยากหาเื่ตายให้ได้หรือ?
แม้นท่านหมอเฒ่าจะอารมณ์ร้าย แต่ยาที่จ่ายก็ยอดเยี่ยม เยี่ยนเจาเจาไข้ลดทันทีที่ดื่มยาถ้วยแรก
เสี่ยวชุ่ย้าไปส่งท่านหมอ ทว่าชายชรากลับดึงดันจะออกจากเรือนหิมะมรกตเพียงคนเดียว
เมื่อออกจากสวนมวลบุปผาหอม ชายชราก็เดินอ้อมไปอ้อมมากลับโรงหมอของตนเอง
หลายวันให้หลัง นกพิราบสีขาวตัวหนึ่งบินออกไปจากลานบ้านเงียบๆ
ณ วัดม้าขาว ูเาต้าจินในเขตชานเมืองเซียงเฉิง
วัดสูงตระหง่านยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้เขียวขจี ม่านฝนสีเทาขาวข้างหลังกลายเป็ฉากอันไกลโพ้น
ในอารามสะอาดเงียบสงบ มีเด็กหนุ่มวัยเยาว์คนหนึ่งนั่งอยู่เงียบๆ
ตรงข้ามเขาเป็พระาุโร่างท้วม ดูมีเมตตากรุณาราวพระสังกัจจายน์
ทั้งสองกำลังเดินหมากล้อมกันอยู่ บนโต๊ะข้างกายวางกระถางกำยานใบเล็กงดงาม ควันของจันทน์หอมลอยละล่อง ทั่วทั้งห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝนตกเปาะแปะแ่เบาข้างนอกหน้าต่าง เวลาหมุนวนไปเอื่อยๆ เช่นนี้
เด็กหนุ่มคนนั้นอายุราวๆ สิบสี่ถึงสิบห้าปี สวมชุดยาวแขนกว้างสีขาวบริสุทธิ์ ใช้กวานหยกเกล้าผม รูปร่างสูงใหญ่ ท่วงท่าสูงสง่า
เขาอายุเพียงเท่านี้ แต่บุคลิกกลับหนักแน่นเหมือนหยกมรกตจมวารี ใบหน้าดูป่วยเล็กน้อย ผิวพรรณขาวราวหิมะ เฉกเช่นนิ้วมือที่หยิบตัวหมากขาว หากตั้งใจมองก็จะเห็นเส้นโลหิตภายใต้ผิวด้วยซ้ำ
ชั่วขณะที่เขาวางหมากตัวหนึ่งลง รอยยิ้มบนหน้าของพระร่างท้วมรูปนั้นชะงักเหมือนม้าถูกดึงบังเหียน ก่อนจะเปลี่ยนเป็ตระหนกแทน “เหตุใดเ้าถึงชนะอีกแล้ว?”
เด็กหนุ่มเม้มปากเผยรอยยิ้มอ่อน รูม่านตาแต้มสีหมึกลึกจนไร้ก้นบึ้ง
“แสดงว่าองค์หญิงกับท่านราชบุตรเขยสอนมาดี” พระร่างท้วมพ่ายแล้วก็ไม่อึดอัด เขาถือประคำในมือ หยิบลูกพลัมข้างกายเด็กหนุ่มมาทานอย่างเป็กันเองพร้อมรอยยิ้มระรื่น
แต่เมื่อพระร่างท้วมเห็นสีหน้าเด็กหนุ่มยังคงแน่นิ่งไม่หวั่นไหว จึงกลอกตาแล้วกล่าวต่ออีกว่า “และญาติผู้น้องตัวน้อยของเ้าคนนั้นคงน่ารักจริงๆ ”
ในที่สุดสีหน้าของเด็กหนุ่มก็ปรากฏคลื่นอารมณ์เจือจาง ภายในดวงตาแฝงความอบอุ่น ริมฝีปากราวกับกำลังยกยิ้ม
พระร่างท้วมเห็นท่าทีนี้ของเขาก็หัวเราะลั่น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงตบท้องตนเองก่อนจะผละจากไป
เด็กหนุ่มหลุบตามองสร้อยลูกปัดหยกที่สวมบนข้อมือของตนเงียบๆ รอยยิ้มตรงมุมปากเหมือนจะกว้างขึ้น
จู่ๆ ลายฉลุตรงหน้าต่างก็แว่วเสียงเคาะเป็จังหวะ เขาลุกขึ้นเปิดหน้าต่างไม้บานเล็กออก จึงเห็นนกพิราบขาวตัวหนึ่งฝ่าฝนมายืนจิกขนตามร่างอยู่ข้างหน้าต่าง
เด็กหนุ่มแกะม้วนกระดาษออกจากขานกพิราบขาวอย่างชำนาญ แต่หลังจากเปิดอ่านแล้ว สีหน้าก็พลันหม่นลง
ที่เรือนหิมะมรกตของเยี่ยนเจาเจา นางรู้สึกแปลกใจกับอาการเป็ลมของตนเอง นางรู้ว่าร่างกายของนางไม่แข็งแรงั้แ่ยังเล็ก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นตากลมแล้วหมดสติ เหตุใดจึงเป็เช่นนี้ได้?
น่าเสียดายที่ยามนี้นางยังเล็กเกินกว่าจะตรวจสอบอย่างเอิกเกริก อีกทั้งยังไม่มีกำลังคนในมือ เลยได้แต่ข่มใจเอาไว้
นางได้ฟังมาแล้วว่าท่านหมอแปลกหน้าที่เชิญมาคราวนี้ แม้จะเ้าอารมณ์ แต่วิชาแพทย์กลับเหนือชั้น เพียงนางได้ดื่มยาก็รู้สึกดีขึ้นทันตา
นานๆ ทีเยี่ยนเจาเจาจะมี่เวลามั่นคงปลอดภัยเช่นนี้ นางเอนนอนบนเตียงนุ่มของตน ฟังเสี่ยวชุ่ยเล่าว่าฮูหยินเฒ่ายัดความผิดฐานผลักนางตกน้ำใส่เยี่ยนฟางหวาทั้งหมด ลงโทษกักบริเวณสามเดือน และระงับเบี้ยหวัดด้วย
เสี่ยวชุ่ยดีใจสุดๆ เยี่ยนเจาเจาก็มีความสุขไม่ต่างกัน
คราวนี้นับเป็ชัยชนะเหนือเยี่ยนฟางหวาครั้งแรกั้แ่นางกลับมาเกิดใหม่
และเป็สาเหตุที่เยี่ยนเจาเจาถามเสี่ยวชุ่ยวันนั้นว่าเห็นคนผลักนางชัดๆ หรือไม่
แม้เห็นไม่ชัดและไม่มีหลักฐาน แต่เยี่ยนเจาเจาอยากโยนความผิดนี้ใส่หัวเยี่ยนฟางหวาอยู่แล้ว ชาติก่อนนางมักจะิ่เกียรติตน เจาเจา้าให้นางลิ้มรสชาตินี้บ้าง
ความจริง “ไม่เชื่อฟังพระประสงค์ฟ้า” ที่นางพูดประโคมตอนต้น จนคนรอบตัวตื่นกลัว มิใช่เป้าหมายแรกเริ่มของนาง
นางรู้ดีว่าฮูหยินเฒ่าเกรงกลัวฮองเฮา แม้ว่าเื่ปลดบรรดาศักด์ยังไม่กำหนด แต่ใครบ้างจะไม่กลัวโดนฮองเฮาลงดาบคนแรก?
เยี่ยนเจาเจาพูดมาก ก็เพราะ้าอ้างฮองเฮามาข่มขู่ให้เยี่ยนหลิวซื่อจิตใจปั่นป่วน
นางยังรู้อีกว่าเยี่ยนหลิวซื่อจะต้องใช้คำพูดบางอย่างหลอกล่อให้เยี่ยนเจาเจายอมปกปิดต้นเหตุทั้งหมดของการ “ขัดพระประสงค์ฟ้า” มิให้ฮองเฮาทราบเหมือนในชาติก่อนแน่
แต่เื่ราวดันบานปลายใหญ่โตจนรู้กันทั่วจวนเยี่ยนว่าจู่ๆ เยี่ยนเจาเจาก็ขัดแย้งกับเยี่ยนฟางหวา เรียกคนมัดคุณหนูใหญ่ ทั้งยังหยิบแส้ทองออกมาจะพานางเข้าวังไปฟ้องร้อง ฮองเฮาไม่มีทางไม่รู้ละครตลกนี้
ดังนั้นเจาเจาจึงขุดหลุมรอเยี่ยนหลิวซื่อะโลงไป แล้วค่อยเปรยว่า “เปลี่ยนสาเหตุ” และแอบบอกลับๆ ว่าหลายวันก่อนเป็เยี่ยนฟางหวาที่ผลักตนตกน้ำ
เยี่ยนหลิวซื่อจึงระบุว่าสองพี่น้องทะเลาะกันด้วยเหตุนี้ทันที อย่างไรเสียการพลั้งมือผลักคนก็โทษเบากว่าการทำลายสิ่งของพระราชทาน และเื่ระหว่างพี่น้องก็ยังไม่เดือนร้อนถึงจวนเยี่ยน
ฮูหยินเฒ่าตำหนิเยี่ยนฟางหวาอย่างรุนแรงว่านางประมาท ไม่ระวังผลักน้องสาวตนเองตกทะเลสาบ ทั้งขังและปรับ เกรงว่าเยี่ยนฟางหวาคงโมโหแทบตายเลยกระมัง
แม้ว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี แต่ยังติดปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง เยี่ยนหลิวซื่อคิดว่าขอแค่เยี่ยนเจาเจายอมตกลงก็สามารถปกปิดทุกอย่างได้ โดยลืมไปว่าอาเหวินและอาอู่ล้วนเป็คนจากในวัง ตราบใดที่ฮองเฮา้าทราบ พระองค์ก็ย่อมได้รู้ทุกสิ่ง
แต่เยี่ยนเจาเจารู้จุดนี้มาั้แ่ต้น และไม่คิดปิดบังฮองเฮาอยู่แล้ว ในเมื่อนางใช้พระองค์เป็เครื่องมือ นางก็ควรต้องเข้าวังไปขอโทษท่านป้าของตนสักหน่อย
เชิงอรรถ
[1] กูกู หมายถึง สรรพนามที่ใช้เรียกนางกำนัลรับใช้ผู้มีาุโ
[2] ผ้าไหมจวงฮวา หมายถึง ผลิตภัณฑ์สิ่งทอปักลายดอกหนานจิงที่กรรมวิธีซับซ้อนที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้