บทที่ 116 ลูกค้าคนแรก
อึก
ในความเงียบขนาดที่ว่าถ้าเข็มหล่นในร้านก็ยังได้ยินแบบนี้ เสียงกลืนน้ำลายของเ้าเด็กขงเบ้งดังเข้ามาในโสตประสาทอย่างชัดเจน
แต่ใบหน้าเล็กอ่อนเยาว์นั้นเต็มไปด้วยความดื้อดึง ราวกับว่ากำลังลังเลอยู่ในใจว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่
“ถ้ายังมัวเล่นตัวอยู่ บะหมี่ก็จะไม่อร่อยแล้วนะ ถ้านายพูดตอนนี้ฉันจะให้ไข่ต้มนายด้วย”
“เพิ่มน่องไก่ให้ด้วย”
เ้าเด็กขงเบ้งพูดขึ้นด้วยความหวัง
“ตกลง”
เ้าเด็กนี่อาจจะหิวจริงๆ ดูจากที่เขากลืนน้ำลายแล้ว แม้แต่เย่จื่อเฉินก็ใจร้ายไม่ลง
ทำไมถึงได้หิวโหยขนาดนี้นะ
ไม่ถึงสามนาที บะหมี่ทั้งถ้วยก็ถูกยกซดจนไม่เหลือแม้แต่น้ำซุป เด็กขงเบ้งตบท้องน้อยๆ ด้วยความพอใจ ก่อนจะเรอออกมา
น้ำเย็นขวดหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเขา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นรับขวดน้ำมากระดกลงไปดังอึก
“กินก็กินแล้ว ดื่มน้ำก็ดื่มแล้ว เรามาพูดความจริงกันได้หรือยัง”
เย่จื่อเฉินค่อนข้างสนใจกับการปรากฏตัวของเด็กคนนี้มากทีเดียว
“ผม…ผมหนีออกจากบ้านมา”
ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของเ้าเด็กขงเบ้งขมวดมุ่น แล้วพูด
“คนที่บ้านจะให้ผมเรียนแต่อะไรที่ผมไม่ชอบ แถมยังจะให้ผมหมั้นกับคนที่ผมไม่ชอบอีก ผมไม่มีทางเลือก ผมเลยถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้ตามเฝ้าผมแอบหนีออกมา”
ดูท่าจะเป็เด็กที่มาจากครอบครัวคนมีฐานะเสียด้วย
มันก็จริง ดูจากเสื้อผ้าหน้าผมของเขา ถ้าบอกว่าไม่ได้มาจากครอบครัวคนมีฐานะ ใครจะเชื่อ
“แล้วนายหนีมาที่ร้านฉันแบบนี้ นายคิดว่าที่บ้านนายเขาจะหานายไม่เจอเหรอ?”
เย่จื่อเฉินเม้มปากหัวเราะเบาๆ เด็กขงเบ้งเชิดหน้าเล็กๆ ขึ้นอย่างถือดีทันที
“พวกเขาไม่มีทางหาผมเจอหรอก อย่างน้อยๆ ่นี้ก็คงไม่”
“อ้อ ดูนายมั่นใจดีจังเลยนะ”
“ก็บ้านผมอยู่ปักกิ่ง”
พรูดดด!
น้ำอัดลมในปากเย่จื่อเฉินแทบจะพุ่งออกมาหมด
เขามองเ้าเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตรงหน้าคนนี้ด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
ให้ตายสิ
มีความอดทนจริงๆ
หนีจากปักกิ่งมาถึงปิงเฉิง เ้าเด็กบ้านี่ใจกล้าชะมัดเลย
เด็กขงเบ้งทำหน้าเสียใจที่เห็นที่เห็นเย่จื่อเฉินพ่นน้ำอัดลมออกมา ราวกับว่ากำลังเสียดายน้ำอัดลมที่โดนพ่นทิ้ง
เงียบไปนาน เย่จื่อเฉินถึงได้ข่มความตกตะลึงในใจลงไปได้ ก่อนจะวางน้ำอัดลมลงบนโต๊ะ แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา
“น้องชาย ใจถึงจังเลยนะนายน่ะ หนีออกจากบ้านมาไกลขนาดนี้”
“ก็ประมาณหนึ่งครับ” เด็กขงเบ้งยิ้มอย่างเอียงอาย
เพียะ!
ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนหัวของเขาหนึ่งที
เ้าเด็กนี่คิดว่าเขากำลังชื่นชมอยู่จริงๆ หรือไง!
“นายมันเด็กเกเร ไม่รู้จักอยู่บ้านตั้งใจเรียนหนังสือ คิดจะหนีก็หนีมาเลยแบบนี้ แถมยังหนีมาตั้งไกล นายไม่กลัวว่าคนที่บ้านจะเป็ห่วงบ้างหรือไง?”
“เชอะ พวกเขาบังคับให้ผมทำอะไรที่ผมไม่ชอบแบบนั้น มันหมายความว่าพวกเขาเป็ห่วงผมเหรอ?”
เด็กขงเบ้งเชิดหน้าน้อยๆ ขึ้นอย่างดื้อรั้น พลางเหลือบมองเย่จื่อเฉิน
ความจริงก็น่าสงสารอยู่
ไม่ว่าจะเป็การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์หรือเพื่อธุรกิจ เด็กพวกนี้ก็ล้วนแต่เป็เหยื่อที่มีลมหายใจทั้งนั้น
“แล้วนายคิดว่าจะทำยังไง?”
“พี่ให้ผมอยู่ที่นี่สิ ผมทำงานให้พี่ได้นะ”
เย่จื่อเฉินมีอาการลังเล
เขาไม่มีทางไล่เ้าเด็กนี่ไปได้แน่นอน เด็กตัวแค่นี้สามารถเอาชีวิตรอดจากปักกิ่งมาถึงปิงเฉิงได้ก็นับว่ามหัศจรรย์มากแล้ว
ถ้าปล่อยให้เขาไปเร่ร่อนอยู่ข้างนอก แล้วเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำยังไง
คิดอยู่สักพัก เย่จื่อเฉินก็ได้ตัดสินใจให้เขาอยู่ที่นี่
ในเมื่อเป็เด็กที่มาจากครอบครัวคนมีฐานะ ก็น่าจะมีเส้นสายวงในอยู่บ้าง ถ้าจะตามหาเขามันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ถึงตอนนั้น เขาค่อยให้เซียวไห่กับตงฟางเหวินอี้แจ้งข่าวในแวดวงพวกเขาก็ได้
แล้วรอให้ผู้ปกครองของเ้าเด็กนี่มารับก็สิ้นเื่แล้ว
“จะให้นายอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”
“พี่ชายจะให้ผมทำอะไรว่ามาเลยครับ”
เด็กขงเบ้งตาเป็ประกาย
“หลังจากนี้นายก็อยู่ร้านนี้ก็แล้วกัน ชั้นสองของร้านใช้พักอยู่ได้ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันไปซื้อเตียงมาให้นาย นายก็นอนอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ส่วนร้านนี้เราไม่ขายของให้คนภายนอก เข้าใจไหม?”
“ไม่ขายของ?” เด็กขงเบ้งทำหน้างง ไม่ขายของแล้วจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตทำไม
“อย่าเข้ามายุ่งเยอะ บอกว่าไม่ขายก็คือไม่ขาย นายแค่พักอยู่ที่นี่ก็พอ” เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่น เ้าเด็กนี่มีคำถามเยอะเสียจริง
“เข้าใจแล้วครับ แล้วแต่พี่ชายเลย” เด็กขงเบ้งพยักหน้ารัวๆ
“งั้นคืนนี้นายอยู่ที่นี่แหละ แต่นายต้องจัดที่นอนเอาเอง”
“ไม่มีปัญหาครับ”
หลังจากที่เอากุญแจร้านให้เด็กคนนี้แล้ว เย่จื่อเฉินก็ขับรถกลับบ้าน
เมื่อมีเถียนเถียนตัวน้อยเข้ามาอยู่ด้วย ชีวิตของเย่หรงก็มีสิ่งเติมเต็มสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แล้วก็ไม่ได้พูดว่าอยากจะออกไปทำงานอะไรทำนองนั้นอีกด้วย
เมื่อเย่จื่อเฉินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เขาก็เห็นว่าเถียนเถียน เย่หรง และเสี่ยวไป๋กำลังเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน
“จื่อเฉินกลับมาแล้ว”
“คุณพ่อ”
เถียนเถียนพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเย่จื่อเฉินด้วยรอยยิ้ม เสี่ยวไป๋ก็วิ่งลิ้นห้อยมาอ้อนเขาอยู่ข้างๆ
จากการเลี้ยงดูด้วยเพ็ดดีกรี์ใน่นี้ ดูเหมือนว่าเสี่ยวไป๋จะตัวโตขึ้นกว่าแต่ก่อนบ้างแล้ว ขนก็เป็มันวาวมากขึ้น
ส่วนอย่างอื่น
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เล่นกับเถียนเถียนอยู่สักพัก เย่จื่อเฉินก็เดินไปนั่งที่โซฟาแล้วหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา โทรศัพท์ยังคงไม่มีข้อความจากเหล่าเซียน ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิดหวังไปวูบหนึ่ง
กลับเป็เซี่ยเขอเข่อกับซูเหยียนที่ส่งข้อความมาให้เขาเยอะมาก
เนื้อความทั้งหมดล้วนทักมาถามถึงเื่บัตรคอนเสิร์ตว่าไปถึงไหนแล้ว
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เย่จื่อเฉินก็ได้ส่งข้อความกลับไปให้ซูเหยียน
เย่จื่อเฉิน : ได้บัตรแล้ว
ตรู๊ดดด
ข้อความเพิ่งถูกส่งไปได้ไม่นาน ทางฝั่งของซูเหยียนก็ได้โทรศัพท์มาหา
‘เมื่อกี้นายพูดจริงเหรอ?’
ก็แค่บัตรคอนเสิร์ตใบเดียวไม่ใช่เหรอ จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น
“จริง”
‘เขอเข่อ เย่จื่อเฉินบอกว่าได้บัตรคอนเสิร์ตแล้ว’
‘อะไรนะ!’
“เขอเข่อ…”
โครม!
ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงดังโครมครามออกมาจากในสาย เย่จื่อเฉินถึงกับใจนต้องรีบถามคนในสาย
“เป็อะไรไหม”
‘โอ๊ย เจ็บชะมัดเลย’
เสียงอู้อี้ของเซี่ยเขอเข่อดังขึ้นในสาย สักพักในสายฝั่งนั้นก็มีเสียงโอดโอยดังออกมา
‘อาเสี่ย นายบอกว่านายได้บัตรมาแล้วเหรอ ใช่บัตรแถวหน้าหรือเปล่า?’
“ใช่” เย่จื่อเฉินย่นคิ้ว พอนึกถึงเสียงโครมครามเมื่อครู่นี้แล้วก็อดที่จะถามด้วยความเป็ห่วงไม่ได้ “เมื่อกี้เธอไม่เป็ไรนะ”
‘ไม่เป็ไรๆ แค่ล้มนิดหน่อย’ ทางฝั่งของเซี่ยเขอเข่อตอบกลับมาด้วยความใจเย็น แล้วจึงพูดขึ้น ‘เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเอาบัตรที่นายนะ’
ติ๊ด
แล้วโทรศัพท์ก็ตัดสายไป
ฟังจากน้ำเสียงรีบร้อนในสาย เย่จื่อเฉินเป็ห่วงจริงๆ ว่าเธอจะล้มจนได้รับาเ็
หลิวฉิงลอยออกมาถามด้วยสีหน้าเป็ห่วง
“เขอเข่อไม่เป็อะไรใช่ไหม”
“น่าจะไม่เป็อะไรหรอก” เย่จื่อเฉินตอบกลับด้วยความไม่แน่ใจนัก แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองหลิวฉิงพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ “ไหนเธอบอกว่าไม่สนใจฉันแล้วไง แล้วออกมาทำไมอีกล่ะ”
“เชอะ ฉันก็แค่ออกมาสูดอากาศเฉยๆ หรอก”
ฟุบ
แล้วเธอก็มุดกลับเข้าไปในเนตรัอีกครั้ง
ยัยผีตัวนี้น่ารักจริงๆ
เย่จื่อเฉินอดส่ายหน้ายิ้มขำไม่ได้ แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมา
วีแชท!
เย่จื่อเฉินรีบเปิดดูโทรศัพท์ก็เห็นว่านาจาที่เป็พรีเซนเตอร์ในกลุ่มปรากฏตัวแล้ว
องค์ชายสามนาจา : ท่านเง็กเซียนๆ อยู่ไหม มีคนจะซื้อสินค้าจากท่าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้