อูิโยวเงยหน้าขึ้นมองออกไปไกล ซ่อนตัวนิ่งท่ามกลางต้นไม้
อวิ๋นฉี่ไม่อยากจะตามเช็ดตามล้างให้อวิ๋นจวาอีกต่อไป จึงเอ่ยปฏิเสธ
“แม่นางอูเป็คนฉลาด ถึงข้าจะเป็บุตรชายคนโตของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน แต่สถานะไม่อาจเทียบกับคุณชายรองผู้นั้น สิ่งที่อวิ๋นจวาทำลงไปไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า”
“เ้า!”
อวิ๋นฉี่ยอมลดสถานะของตน ตัดสัมพันธ์กับอวิ๋นจวาอย่างเปิดเผย คนผู้นี้ช่างร้ายกาจเสียจริง ไม่ว่าอูิหลิงจะแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจเอาชนะความเหลือร้ายของเขา นางพลันพูดอะไรไม่ออก
หลิ่วไป๋เจ๋อตบหลังนางเบาๆ เพื่อปลอบโยน
“ในเมื่อคุณชายใหญ่อวิ๋นเอ่ยเช่นนี้ หากภายภาคหน้าได้เจอกับคุณชายรอง ไป๋เจ๋อคงจะไม่เกรงใจ”
หลิ่วไป๋เจ๋อไม่รอให้ใครได้โต้ตอบ เขาดึงอูิหลิงและมุ่งตรงไปยังทางออกจากป่าใต้พิภพทันที
“เราไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน!” อวิ๋นฉี่รั้งทั้งสองคนไว้ ั์ตาสีน้ำตาลเทากลอกกลิ้งไปมา ก่อนที่รอยยิ้มชั่วร้ายจะปรากฏขึ้นที่มุมปาก
แม้ว่าในเวลาปกติหลิ่วไป๋เจ๋อจะมีสถานะเทียบเท่ากับเขา แต่คนผู้นี้มักหยิ่งทระนงวางตัวสูงส่ง ไม่ค่อยไปมาหาสู่กับตนเท่าไร แม้จะยอมลดตัวเข้าหาก่อนอีกฝ่ายก็ยังเมินเฉยใส่ ในสายตาของคนภายนอก นอกจากดวงตาที่มืดบอดคู่นั้นแล้วคนเบื้องหน้านี้ก็ดีไปเสียหมด เขาทั้งอิจฉา ริษยา และแค้นเคือง
เคยกระทั่งคิดว่าจะดีเพียงใดถ้าคนผู้นี้หายไป
พลันเข้าใจว่าครั้งนี้เ้าน้องชายโง่เขลานั่นไม่ได้สร้างปัญหา แต่เป็การสร้างโอกาสอันดีให้แก่เขาต่างหาก
ไม่ปฏิเสธว่าหลิ่วไป๋เจ๋อมีพลังอันแข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ในตอนที่คนจากสำนักมิ่งเก๋อได้ประลองฝีมือกับอีกฝ่าย ทุกคนก็รู้ชัดว่าตัวเองคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าใครก็มองออกว่าหลิ่วไป๋เจ๋อาเ็สาหัสไม่น้อย ขอเพียงมีคนคอยช่วยสนับสนุน ตัวเขาก็ทำได้...
“คุณชายอวิ๋นหมายความว่าอย่างไร อยากจะเป็เหมือนน้องชายของเ้าอย่างนั้นหรือ”
อูิหลิงไม่ได้โง่ ััได้ว่าฝ่ายนั้นมีเจตนาที่ชั่วร้าย เพียงแต่ในเวลานี้หลิ่วไป๋เจ๋อได้รับาเ็สาหัส แม้ว่าตนเองจะไม่ได้เป็อะไร แต่นางเพียงคนเดียวจะไปต่อกรกับคนหมู่มากได้อย่างไร หากต้องต่อสู้กันจริงก็คงไม่เกิดผลดีต่อตนเองและหลิ่วไป๋เจ๋อเท่าไร ส่วนจะหนีพ้นหรือไม่ก็ยังไม่อาจล่วงรู้
อูิโยวที่ซ่อนตัวอยู่มองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน ตอนนี้เขาโกรธจนอยากจะโดดออกไปจัดการกับอวิ๋นฉี่และเ้าพวกปากเปราะเ่าั้ แล้วค่อยฉีกเป็ชิ้นๆ
ส่วนหลิ่วไป๋เจ๋อที่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร เป็เพราะฤทธิ์ยากำลังจะหมด จึงเริ่มปวดที่าแขึ้นมาอีกครั้ง บนหน้าท้องของเขาเปื้อนไปด้วยรอยเื ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป ดึงอูิหลิงมาไว้ข้างหลัง ในขณะที่ทำเช่นนั้นก็ได้ปิดกั้นทัศนวิสัยของนางเอาไว้ด้วย เพราะกลัวว่าถ้าเห็นอาการาเ็ของเขาจะทำให้หุนหันพลันแล่นออกไป แต่การทำเช่นนี้ก็ไม่อาจปกปิดนางได้
อีกฝ่ายกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเขา
“ไป๋เจ๋อ เ้า!”
หลิ่วไป๋เจ๋อประสานมือไว้ด้านหลัง แตะมือของอูิหลิงแ่เบาเพื่อบอกว่าตนไม่เป็อะไร อูิหลิงรู้เจตนาของเขาจึงไม่ได้แสดงอาการใด นางยื่นมือออกไปแตะหน้าท้องของหลิ่วไป๋เจ๋อ ท่าทางราวกับกำลังโอบกอดเขาอยู่ แต่อันที่จริงนางกำลังแอบใช้พลังิญญารักษาเขา
“แม่นางอูหมายความว่าอย่างไร เมื่อครู่บอกว่าพวกข้าล้วนมีศิลปะการต่อสู้ทางพลังิญญาที่อ่อนแอ ในเมื่อได้บังเอิญมาพบแม่นางและคุณชายหลิ่ว ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในยุทธภพ คนหนึ่งมีความสามารถด้านการรักษา แม้คนตายก็ช่วยให้ฟื้นได้ อีกคนก็เรียกได้ว่าเป็บุตรจาก์ มีพลังิญญาสูงส่ง หากพวกเ้าทั้งสองมารวมกลุ่มร่วมสังหารสัตว์ร้ายกับพวกข้า เช่นนี้จะไม่สมบูรณ์กว่าหรือ”
“เอ่ยเช่นนี้ คุณชายอวิ๋นตั้งใจจะเก็บพวกข้าสองคนไว้หรือ”
อวิ๋นฉี่หัวเราะเยาะ ไม่ได้เพียงแค่้าเก็บคนทั้งคู่เอาไว้ แต่ยังปรารถนาให้คนทั้งสองตายโดยไร้ที่ฝัง จากนั้นค่อยให้น้องชายแสนโง่เขลาของตนเป็ผู้รับผิดชอบ
ในเวลาเดียวกันหลิ่วไป๋เจ๋อก็เอ่ยขึ้น “พวกข้าคงไม่อาจรับความเมตตานี้ของคุณชายอวิ๋นได้”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของอวิ๋นฉี่ก็มืดครึ้มลง เขาคิดั้แ่แรกแล้วว่าหลิ่วไป๋เจ๋อต้องต่อต้านแน่ แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนอีกกลุ่มปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง
“โอ้ ช่างครื้นเครงเสียจริง!”
เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ทั้งอูิหลิงและอูิโยวที่หลบอยู่ในพุ่มไม้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือจิ่วฟางเทียนฉี นอกจากประหลาดใจเพียงเล็กน้อย อวิ๋นฉี่ก็ก้าวเข้าไปทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม แทบมองไม่ออกว่าความคิดที่แท้จริงเป็อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อาจััถึงความรู้สึกที่ฝังลึกในใจเขา
“คุณชายจิ่วฟางก็มาลาดตระเวนที่นี่เหมือนกันหรือ”
ด้านหลังของจิ่วฟางเทียนฉีมีกลุ่มทหารติดตามมาด้วย ทุกคนล้วนผ่านสนามรบมามากมาย ร่างกายกำยำน่าเกรงขาม กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังอวิ๋นฉี่เทียบไม่ติดเลยสักนิด
“คุณชายอวิ๋นควรจะอยู่เป็กองหลังมิใช่หรือ เหตุใดถึงได้มายังป่าใต้พิภพได้ หากมีเหตุใดเกิดขึ้นพวกข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว เพราะชีวิตคนในคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานนั้นช่างล้ำค่ายิ่ง”
คำพูดของจิ่วฟางเทียนฉีเต็มไปด้วยการประชดประชัน เหล่าทหารเื้ัก็จ้องมองไปยังอวิ๋นฉี่ แววตาเต็มไปด้วยความดูแคลน ในสายตาของคนเหล่านี้ฝ่ายนั้นคงเปรียบเสมือนสตรีบนหอคอยสูง ซึ่งไม่เคยออกสู่โลกกว้าง เหมาะที่จะอยู่ในห้องหับมากกว่า
แม้ว่าอวิ๋นฉี่และพวกจะโกรธเพียงใด ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับจิ่วฟางเทียนฉีก็ไม่กล้าอวดเบ่งอีก ทำได้แค่ระงับความโกรธในใจ ไม่กล้าพูดอะไรให้มากความ
ใบหน้าของอวิ๋นฉี่ยังคงแต้มรอยยิ้ม “คุณชายจิ่วฟางล้อเล่นแล้ว เราทุกคนล้วนเกิดในแดนเจ๋อ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องดินแดน นี่เป็สิ่งที่พวกเราควรทำ”
จิ่วฟางเทียนฉีส่งเสียงฮึอย่างเฉยชา ใบหน้ามืดครึ้ม เอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมยิ่งขึ้น “เช่นนั้นเชิญคุณชายอวิ๋นพาคนของเ้ากลับไปยังแนวป้องกันที่ควรดูแล อย่ามัวแต่ออกมาวิ่งเล่นในที่ที่อันตรายเช่นนี้ เพราะถ้าถึงยามคับขัน พวกข้าคงต้องมาคอยปกป้องพวกเ้าอีก”
อวิ๋นฉี่กัดฟัน มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เขารู้ว่าตนสู้จิ่วฟางเทียนฉีไม่ได้ จึงได้แต่กลืนความโกรธลงคอไป
จิ่วฟางเทียนฉีขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายที่แยกตัวไป แม้ว่าคนเ่าั้จะไร้ประโยชน์ แต่หากยอมงอได้ก็ควรงอ เมืองนี้อยู่ยาก ไม่ง่ายที่จะลุกขึ้นมาต่อกร
“พวกเ้าไม่เป็ไรใช่ไหม”
หลังจากที่อวิ๋นฉี่และพวกจากไป จิ่วฟางเทียนฉีก็วิ่งเข้าไปหาหลิ่วไป๋เจ๋อทันทีเพื่อตรวจสอบอาการของเขา
“ขอบพระคุณคุณชายจิ่วฟาง!”
อูิหลิงรู้สึกขอบใจอีกฝ่ายยิ่งนักที่มาได้ทันเวลา
จิ่วฟางเทียนฉีโบกมือ “หากนกดวงดาวของเ้าไม่นำทางมา ข้าก็คงไม่พบพวกเ้าเร็วขนาดนี้”
“นกดวงดาวหรือ อิ๋นซิง?”
อูิหลิงประหลาดใจ อิ๋นซิงควรจะอยู่ที่หุบเขาไป่หลิงมิใช่หรือ
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ก็มีเสียงร้องดังมาจากบนท้องฟ้า ลำแสงหนึ่งมุ่งตรงมาและลงเกาะที่ไหล่ของหลิ่วไป๋เจ๋อ
การได้เจอกับอิ๋นซิงทำให้อูิหลิงดีใจมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลารำลึกความหลัง นางมองหลิ่วไป๋เจ๋อที่อยู่ข้างกาย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความกังวล “เ้าเป็อย่างไรบ้าง”
หลิ่วไป๋เจ๋อยกมือขึ้นลูบขนหางของอิ๋นซิงสองทีก่อนจะเอ่ย “ข้าไม่เป็ไร”
ในเวลานั้นเองก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากส่วนลึกของป่า เขาวิ่งตรงมาหาจิ่วฟางเทียนฉีแล้วกระซิบบอกอยู่สองสามคำ จิ่วฟางเทียนฉีขมวดคิ้วและเอ่ยกับทุกคน “รีบออกจากที่นี่เร็วเข้า สัตว์ร้ายกำลังจะบุกมาถึงตรงนี้แล้ว!”
ทุกคนรีบอพยพอย่างรวดเร็ว ก่อนออกเดินทางหลิ่วไป๋เจ๋อแตะบนหลังของอิ๋นซิงเบาๆ มันกางปีกแล้วบินขึ้นสูง หายไปกลางฟ้ากว้างทันที อูิหลิงไม่ได้ถามอะไรให้มากความ นางคิดว่าเขาคงบอกให้อิ๋นซิงออกไปทำหน้าที่นำทาง
แต่หลังจากพวกเขาจากไปอิ๋นซิงก็บินกลับมา เกาะบนกิ่งก้านต้นไม้ ส่งเสียงร้องไม่หยุดไปทางพุ่มไม้เบื้องล่าง
ไม่นานอูิโยวก็ะโออกมา ชักสีหน้ามองไปยังนกดวงดาวเหนือศีรษะ
“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเ้าจะเื่เยอะเช่นนี้ ฮึ! ทำไมถึงเชื่อฟังไป๋เจ๋อถึงเพียงนี้นะ”
อิ๋นซิงไม่สนใจเขาแล้วกางปีกบินไปเบื้องหน้า
“นี่ รอข้าด้วย!”
อูิโยววิ่งตามมันออกมาจากป่า หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อผืนป่าก็ค่อยๆ ถูกปกคลุมด้วยชั้นอากาศทะมึน ในม่านหมอกสีดำมีดวงตาสีม่วงปรากฏขึ้นมากมาย การรุกรานของพวกสัตว์ร้ายกำลังใกล้เข้ามา!
ณ จิ่วฟางกวน
หลิ่วไป๋เจ๋อนอนหมดสติอยู่บนเตียง หลังจากออกมาจากป่าใต้พิภพเขาก็ล้มฟุบกับพื้น ทำให้อูิหลิงและจิ่วฟางเทียนฉีใ กลัวว่าเขาจะสูญเสียพลังิญญาจนเสียชีวิต
จิ่วฟางฟูเหริน มู่หรูอี้ ยืนอยู่ข้างเตียงกำลังตรวจชีพจรให้กับเขา จิ่วฟางเทียนฉีและอูิหลิงต่างก็รออย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากนั้นครู่หนึ่งมู่หรูอี้ก็ปล่อยมือนั้นลง หันหลังเดินออกมา ทั้งคู่จึงเดินตามแล้วค่อยเอ่ยถาม
“ท่านแม่ ไป๋เจ๋อเป็เช่นไรบ้าง”
มู่หรูอี้เหลือบมองอูิหลิงที่อยู่ข้างกายแล้วกล่าวว่า “ฝ่ามือฟื้นฟูของแม่นางอูยังไร้ประโยชน์ มารดาเ้าที่ไม่ใช่หมอจะไปช่วยอะไรได้เล่า”
“แม้แต่ท่านก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขาหรือ” จิ่วฟางเทียนฉีเผยความกังวลออกมาเล็กน้อย
มู่หรูอี้ส่ายหัว “เ้าไม่ต้องเป็กังวล แม้ว่าไป๋เจ๋อจะยังไม่ฟื้นแต่ชีพจรปกติดี แค่ร่างกายเหนื่อยล้าเกินขีดจำกัด ให้เขาได้พักอีกสักสองสามวันเถิด”
หลังจากได้ยินเช่นนั้นจิ่วฟางเทียนฉีก็โล่งใจ อูิหลิงหันกลับไปมองหลิ่วไป๋เจ๋อ ใบหน้าเผยแววกังวล มู่หรูอี้จึงก้าวไปข้างหน้านาง “แม่นางอู เ้าช่วยไปเดินเล่นพูดคุยกับข้าได้หรือไม่”
อูิหลิงพยักหน้าและติดตามอีกฝ่ายไปยังลานนอกบ้าน
“จิ่วฟางฟูเหรินมีเื่อะไรหรือเ้าคะ”
มู่หรูอี้เอ่ยด้วยความสับสน “าแที่ท้องของคุณชายหลิ่วเกิดจากสัตว์ร้ายจริงๆ หรือ”
อูิหลิงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “ิหลิงไม่รู้ ก่อนหน้านั้นไป๋เจ๋อทำให้ข้าหมดสติ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเขาได้รับาเ็แล้วเ้าค่ะ”
มู่หรูอี้ส่ายหัวและถอนหายใจ “เด็กคนนี้ทำอะไรไม่คิด ไม่ให้ความสำคัญกับร่างกายตัวเองเลย แม้พลังิญญาจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าเขาใช้มันโดยไม่ยับยั้งชั่งใจก็จะทำร้ายถึงแก่นรากได้”
อูิหลิงกัดริมฝีปาก แววตาหม่นหมอง ก่อนจะเอ่ยด้วยความเสียใจ “ทั้งหมดเป็ความผิดของข้า ไม่ควรเชื่อคำพูดของอวิ๋นจวาง่ายๆ เช่นนั้นเลย จึงถูกเขาหลอกและทำให้ผู้คนมากมายต้องตาย ไป๋เจ๋อก็ได้รับาเ็สาหัส…”
มู่หรูอี้เช็ดน้ำตาให้นาง “เื่ราวก็เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้อีก เมื่อรู้ว่าตนเองคิดผิด ในภายภาคหน้าเ้าก็ควรระวังให้มาก สำหรับคนจากคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน ข้าคิดว่าถึงเวลาสอนบทเรียนให้พวกเขาแล้ว”
แววตาของมู่หรูอี้เต็มไปด้วยความโกรธ แม้นางจะเป็สตรีแต่ก็ติดตามจิ่วฟางเจวี๋ยมาปกป้องเทือกเขาจู่เสียนานหลายปี เวลาผ่านไปนางก็บ่มเพาะความน่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่ง
“กลอุบายที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ จิ่วฟางกวนของข้าไม่ปล่อยอวิ๋นจวาผู้นั้นไปแน่!”
——————————————
