หลิ่วจิ้งวิ่งออกมาจากข้างกายหั่วอี้โดยไม่แม้แต่จะหันหลังมองเดิมทีนาง้าเพียงกลับมาที่หอหั่วเยี่ยน[1]ซึ่งเป็เรือนพักของตนและหั่วอี้เท่านั้นแต่เพราะความะเืใจที่แม้จะจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง ดันไปสะกิดถูกความปวดร้าวในใจแต่เก่าก่อนของนางขึ้นมา
เื่ปะาทั้งตระกูลอันแสนโเี้ที่ยามปกตินางไม่พยายามไปคิดถึงหรือจดจำ เวลานี้มันกลับปรากฏขึ้นมาตรงหน้าราวกับเกิดขึ้นจริงอีกครั้ง
“จิ้งเอ๋อร์…”
“หว่านเอ๋อร์…”
เสียงมารดาร่ำเรียกตนอย่างแ่เบาก่อนสิ้นใจ…
เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของบิดายามเห็นภรรยาของตนต้องตายไปต่อหน้า…
ทุกเสียงะโดังก้องไปมาอยู่ในหัวของหลิ่วจิ้งหนแล้วหนเล่าไม่ขาดสาย…
สติของหลิ่วจิ้งมอดไหม้เป็จุณ ท้ายที่สุดเมื่อไม่อาจทนรับได้อีกนางจึงค่อยๆ ทรุดตัวลง
ยามร่างร่วงหล่น ดวงตาที่ล่องลอยของหลิ่วจิ้งเหม่อมองไปยังท้องฟ้าแสนไกล“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกเหนื่อยเหลือเกิน ขอให้ลูกได้พักสักประเดี๋ยวท่านผู้เฒ่าทั้งสองโปรดวางใจ ลูกจะไม่ล้มลงด้วยเหตุนี้ลูกจะต้องล้างหนี้แค้นให้พวกท่านให้จงได้ เพียงแต่ยามนี้ ให้ลูกได้กลับไปเป็เด็กสาวตัวเล็กๆอีกคราเถิด”
ครอบครัวเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง ญาติพี่น้องล้วนตายอย่างอนาถซ้ำยังต้องมาแต่งงานไกลบ้าน ภายในจวนต่างเสแสร้งหลอกลวงกันทุกสิ่งบีบคั้นจนความอดทนเส้นสุดท้ายของหลิ่วจิ้งขาดผึง ที่สุดนางก็ไม่อาจทนไหว ร่างทรุดลงในพุ่มดอกไม้ที่ประดับด้วยกรวดไข่ห่านตรงทางเชื่อมระหว่างหอหั่วเยี่ยนและสวนในเรือนหลังของจวนแม่ทัพ
ภายในหอหั่วเยี่ยนตอนนี้อิ๋งเหอกำลังยกน้ำค้างที่เก็บมาตอนเช้า เตรียมนำไปที่ห้องครัวทางด้านหลังเพื่อทำขนมดอกบ๊วย[2]ให้ฮูหยินบ้านตน
ตอนที่อิ๋งเหอมาจากข้างเรือนหลัก ก็บังเอิญเห็นอวี้จิ่นนั่งเย็บรองเท้าอยู่ที่ข้างหน้าต่างเข้า นางจำได้ว่าเมื่อครู่นี้เห็นซีชิวกำลังเด็ดผักอยู่ในห้องครัวหลัง
อิ๋งเหอเหลียวซ้ายแลขวาแต่กลับไม่พบฮูหยิน จึงอดเอ่ยถามไม่ได้ว่า“อวี้จิ่น ฮูหยินเล่า?”
“ฮูหยินไปที่เรือนฮูหยินใหญ่ สองสามวันมานี้ฮูหยินใหญ่สุขภาพไม่ใคร่ดีนักฮูหยินจึงไปดูสักหน่อย นางบอกว่าครู่เดียวก็กลับมาจึงสั่งข้าว่าไม่ต้องตามไปด้วย คนมากไปประเดี๋ยวฮูหยินใหญ่จะไม่สบายใจขึ้นมาอีกยามนี้ร่างกายของฮูหยินใหญ่สำคัญดั่งทองเชียวนะ จะละเลยมิได้”อวี้จิ่นเย็บรองเท้าไปพลางตอบไปพลาง
อิ๋งเหอมองตรงโน้นตรงนี้ เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์จวนเคลื่อนลงทิศตะวันตกก็รู้สึกกังวลใจนักตามหลักแล้วฮูหยินกับฮูหยินใหญ่ก็มิได้ถูกกัน ไม่มีเหตุผลให้ต้องไปเยี่ยมเยือนจนถึงยามนี้แล้วยังไม่กลับ
อิ๋งเหอสะกดความร้อนรนในใจไว้ คิดว่าคงเพราะตนวิตกจริตเกินไปจึงฟุ้งซ่านและไม่คิดสิ่งใดให้มากอีก ก่อนจะเข้าห้องครัวหลังพลางพิจารณาว่าประเดี๋ยวจะทำขนมดอกบ๊วยไส้หวานครึ่งหนึ่งไส้เค็มครึ่งหนึ่ง หรือทำไส้หวานทั้งหมดดีนะ
หลังอิ๋งเหอจากไป มือที่อวี้จิ่นเย็บรองเท้าอยู่ก็ช้าลงนางมองดูดวงอาทิตย์นอกหน้าต่าง ตอนนี้นางเองก็คิดว่าฮูหยินใช้เวลานานเกินไปหน่อยแล้ว
อวี้จิ่นขมวดคิ้ว คิดถึงเมื่อหลายคืนก่อนที่ฮูหยินเรียกนางเข้ามาในห้องเพียงลำพังบอกกับนางว่า “อวี้จิ่น ข้ารู้ว่าทางแจ้งนั้นเ้าเป็นางในติดตามหลังแต่งงานของข้าแต่ในทางลับกลับเป็องค์หญิงส่งเ้ามาคอยจับตาดูข้า
ความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของข้าเ้าจงนำกลับไปรายงานให้หมดเป็ดี แต่ไม่ว่าเ้าจะเข้าใจหรือไม่ข้าก็ขอเตือนไว้สักหน่อยว่าแม้เ้าจะอยากหรือไม่อยากก็ตาม แต่ยามนี้เ้าและข้าต่างก็เป็ตั๊กแตนในตาข่ายเดียวกันแล้ว หากข้าไม่อาจมีชีวิตและอยู่ต่อไปในชางอี้ได้อย่างมั่นคงเ้านึกว่าถึงยามนั้นแล้ว นายเ้ายังจะรับประกันความเป็ความตายของเ้าและพาเ้ากลับไปต้าเว่ยอยู่อีกหรือ?
ฉะนั้นเ้าจงคิดให้ดีๆว่าจะทำหน้าที่ไส้ศึกของเ้าต่อไป หรือจะเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกับข้าเื่สำคัญประการแรกสุดที่พวกเราต้องทำก็คือการมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้”
เริ่มแรกนั้นอวี้จิ่นถูกองค์หญิงสั่งการให้มาติดตามหลิ่วจิ้งก็เพื่อป้องกันไม่ให้หลิ่วจิ้งหนีไประหว่างทางและทำให้เสียการใหญ่ ในยามนี้หลิ่วจิ้งได้มาแต่งงานที่ชางอี้ตามคำสั่งแล้วต่อให้ไม่อยากแต่นางก็ต้องกลายเป็คนของหลิ่วจิ้ง เพราะก็เป็ตามอย่างที่พูดสำหรับแคว้นชางอี้ หลิ่วจิ้งเป็องค์หญิงที่แท้จริงหากเกิดเื่ไม่คาดคิดกับองค์หญิงขึ้น เช่นนั้นนางก็ไม่มีหนทางให้ถอยหนีอีก
อวี้จิ่นไม่มีแก่ใจจะนั่งอยู่ตรงนี้ต่อไปนางลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัวหลัง บอกกับอิ๋งเหอคำหนึ่งว่า “อิ๋งเหอ ข้าจะไปดูที่เรือนฮูหยินใหญ่สักหน่อยว่าฮูหยินยังอยู่ที่นั่นหรือไม่ หากฮูหยินกลับมาแล้ว เ้าก็ช่วยรายงานนางให้ข้าด้วย”
“อืม เ้าไปเถิด ได้ยินดังนี้ข้าเองก็รู้สึกใจคอไม่ดีเช่นกันเ้ารีบไปดูเถิด” อิ๋งเหอโบกมือให้อวี้จิ่น บอกให้นางรีบไปรีบกลับ
อวี้จิ่นหันหลังมาก็มุ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินจ้าวทันที
หั่วอี้นั่งเหม่ออยู่ในห้องหนังสือพักใหญ่แล้วชามะลิที่พ่อบ้านหวังนำมาให้ั้แ่เนิ่นๆ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้อง ราวกับ้าบ่งบอกว่ามันมีตัวตนอยู่
หั่วอี้ไม่เคยอาทรห่วงหาสตรีใดมาก่อน คราก่อนที่เขาเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อกลับมาฉลองวันเกิดให้หลิ่วจิ้งก็เป็เื่ที่เขาเคยทำเพื่อสตรีมากที่สุดครั้งหนึ่งแล้ว
นางจ้าวเป็ผู้หญิงคนแรกของเขา ที่ฮูหยินผู้เฒ่าไปเสาะหามาให้เป็ของกำนัลครั้งเขาเข้าวัยผู้ใหญ่แม้จะบอกว่าไม่ได้ให้ฐานะใดกับนางแต่ด้วยเหตุที่นางจ้าวรู้จักเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าไปเสียทุกเื่ ทำการใดล้วนเห็นแก่ส่วนรวมจึงได้ติดตามเขามาหลายปี
ส่วนอาหนูนั้น หั่วอี้ไปพบนางเข้าครั้งมีชัยจากแคว้นเล็กๆแคว้นหนึ่ง ความเย้ายวนและรุ่มร้อนดั่งปีศาจสาวยั่วเสน่ห์ของนางสามารถยึดกุมทั้งกายและใจของหั่วอี้ไว้ได้อย่างอยู่หมัด หั่วอี้จึงเห็นว่าอาหนูเป็เครื่องระบายราคะชั้นดีที่สุด
ทั้งสองที่ประจำอยู่ข้างกายเขานี้ ล้วนเป็แค่สตรีที่มีไว้เพื่อทำให้เตียงอุ่นให้เขามีทายาทสืบสกุลก็เท่านั้น สำหรับหั่วอี้แล้วสตรีเหล่านี้เป็เพียงคนที่มีตัวตนอยู่ในจวนเขาไม่เคยรู้สึกรักใคร่พวกนางเลย และยิ่งไม่รู้ด้วยว่าจำเป็ต้องทำสิ่งใดให้พวกนาง
จนกระทั่งเขาได้พบกับหลิ่วจิ้ง จึงรู้ว่าแท้จริงแล้วสตรียังมีความคิดอ่านอีกมากมายที่ทำให้เขาไม่เข้าใจในเวลาเดียวกันก็สั่นคลอนหัวใจเขาด้วย
เป็ครั้งแรกที่หั่วอี้ต้องมาใคร่ครวญบางสิ่งเพราะสตรีซ้ำยังไม่รู้ว่าควรตัดสินใจเช่นใดด้วย เขาเพิ่งเคยมองสตรีเป็มนุษย์ผู้หนึ่ง มิได้มองอย่างฉาบฉวยว่าเป็เพียงสิ่งของสำหรับเขาเท่านั้น
ตอนที่อวี้จิ่นมาถึงลานเรือนของฮูหยินจ้าว เหมยเซียงสาวใช้ของฮูหยินจ้าวกำลังค่อยๆย่องออกมาจากห้องอย่างเบามือเนื่องจากผู้เป็นายเพิ่งหลับไปอวี้จิ่นเห็นดังนั้นก็เข้าใจทันทีจึงไม่พูดสิ่งใด รอให้เหมยเซียงออกมาจนถึงลานเรือนแล้วนางจึงเข้าไปสอบถามเสียงเบา ว่าเหมยเซียงเห็นฮูหยินบ้านตนมาที่นี่หรือไม่
เหมยเซียงเป็บ่าวที่มายังจวนแม่ทัพพร้อมกับฮูหยินจ้าวแม้จะเป็เพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ก็นับว่าเป็คนแก่ในจวนแห่งนี้ นางจึงมิได้ชมชอบองค์หญิงต่างแคว้นที่มาจากแดนไกลทั้งยังถูกกษัตริย์แคว้นตนส่งตัวออกมากับสาวใช้ซึ่งเป็บ่าวติดตามหลังแต่งงานขององค์หญิงนางยิ่งไม่ไว้หน้าครั้นแล้วเหมยเซียงจึงรีบตอบไปคำหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ฮูหยินมาแต่กลับไปนานแล้ว ฮูหยินบ้านข้าเพิ่งจะเข้านอน เ้ารีบไปเสียอย่าได้มารบกวนความสงบยามหลับนอนของฮูหยิน หากกระทบต่อเด็กในท้องของฮูหยินขึ้นมาต่อให้เ้ามีอีกสิบหัวก็ไม่พอชดใช้” เหมยเซียงพูดจบก็เดินออกไปข้างนอก และไม่ได้สนใจอวี้จิ่นอีก
ต้องมาถูกแดกดันที่เรือนฮูหยินจ้าวเช่นนี้ อวี้จิ่นก็อดเดือดดาลขึ้นมาไม่ได้นางเคยเป็ถึงคนข้างกายองค์หญิง จะไปเคยถูกคนดูแคลนมาก่อนได้อย่างไร อวี้จิ่นจ้องแผ่นหลังของเหมยเซียงตาเขม็งตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นนางก็จะยืนอยู่ข้างหลิ่วจิ้ง เหมือนดั่งที่หลิ่วจิ้งพูดให้ยืนได้มั่นคงในต่างแคว้นนี้เสียก่อนเื่อื่นค่อยว่ากัน
อวี้จิ่นยืนคิดอยู่ในลานบ้านว่าแล้วนางจึงเดินไปที่ห้องหนังสือของท่านแม่ทัพนางคิดว่าในเมื่อท่านแม่ทัพอยู่ในจวนทั้งยังไม่ได้อยู่ที่เรือนหลักเช่นนั้นท่านแม่ทัพก็ควรจะอยู่ในห้องหนังสือไม่แน่ว่าฮูหยินอาจจะอยู่กับท่านแม่ทัพก็เป็ได้ นางจึงตัดสินใจลองไปวัดดวงที่ห้องหนังสือดู
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] หั่วเยี่ยน แปลว่าเปลวเพลิง
[2] ขนมดอกบ๊วยเป็ขนมทรงกรวยสูง มองจากผิวหน้าเป็รูปดอกบ๊วย เนื้อััคล้ายขนมไข่มีไส้ทั้งหวานและเค็ม โรยหน้าด้วยพุทราเชื่อม และเครื่องต่างๆ