ซูบ...
ร่างของข้าตกลงไปในหินาาสรรพสัตว์อีกครั้งก่อนจะพบว่าบริเวณรอบๆ คือสถานที่ที่มีไอร้อนแผ่ออกมาตลอดเวลาเมื่อมองลงไปก็พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางอากาศที่สูงกว่าสิบเมตรและด้านล่างยังเป็สันเขาซึ่งชื่อที่บอกว่าเป็แอ่งลาวาโลกันตร์ก็เพราะด้านล่างเป็แนวสันเขาที่ไม่มีน้ำเลยนั่นเอง
เมื่อใช้พลังิญญาที่แผ่ออกมาจากขาทั้งสองข้างประคับประคองตัวเองจนลงไปยืนอยู่บนสันเขาได้ข้าก็รู้สึกถึงความร้อนใต้ฝ่าเท้าที่ดูเหมือนว่าเบื้องล่างจะเต็มไปด้วยหินลาวาที่ร้อนระอุอย่างไรอย่างนั้นเมื่อข้าเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเบื้องหน้าเป็ป่าทึบที่มีต้นไม้นานาพรรณขึ้นอยู่หลากหลายไม่ว่าจะเป็ชนิดหรือสีสัน ซึ่งสีของมันมีทั้งสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้มรวมทั้งสีของน้ำที่แม้จะมีสีต่างกันแต่ก็ยังส่งกลิ่นหอมของธรรมชาติออกมาได้เหมือนเดิม
พึ่บ!พึ่บ!
อยู่ๆบนฟ้าก็มีสัตว์ขนาดใหญ่บินผ่านหัวไป
เมื่อเห็นดังนั้นข้าจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหลบในกองกิ่งไม้แห้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าก็พบว่าเป็นกขนาดใหญ่เมื่อกางปีกออกมาแล้วขนาดตัวของมันก็กว้างใหญ่ถึงห้าเมตรซึ่งขนทั่วทั้งตัวเป็สีแดงเพลิงและสายตาที่แหลมคมก็กำลังมองลงมายังพื้นดินและนั่นก็บ่งบอกว่ามันกำลังล่าเหยื่ออยู่นั่นเอง ในตำราสัตว์ิญญามีการจดบันทึกเอาไว้ว่ามันคือ‘วิหคสีเพลิง’ สัตว์ิญญาระดับหกธาตุไฟแม้ว่าพลังไฟของมันจะรุนแรงแต่ก็มีการป้องกันที่ต่ำมันจึงถูกจัดให้อยู่ในสัตว์ิญญาระดับหกชั้นล่างๆแต่เพราะว่ามันบินได้จึงมีบางตำรายกให้มันเป็สัตว์ิญญาระดับหกชั้นกลางนั่นเองทว่าการได้มาเจอมันในสนามเซินยวนแบบนี้ย่อมไม่ใช่เื่ดีเท่าไร...
ถ้าจะพูดกันตามตรงมันก็เป็แค่สัตว์ิญญาระดับหกที่ไม่มีผลต่อผู้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้เท่าไรแต่ไม่รู้ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าไม่ได้เป็อย่างที่คิดไว้ก็ไม่รู้...
ข้าหลบอยู่ในกองไม้แห้งพร้อมกับสกัดทั้งพลังิญญาและลมหายใจของตัวเองเพื่อไม่ให้มันจับกลิ่นได้แล้วมองลอดช่องใบไม้ขึ้นไปบนฟ้าซึ่งขณะนั้นก็รับพลังความร้อนจากภายนอกร่างกายเช่นกัน
และก็เป็ไปตามคาดเมื่อเห็นว่าพลังไฟของมันปกคลุมไปทั่วูเาหินไฟแห่งนี้และมันยังมีจำนวนมากเหมือนก้อนหินูเานี่อีกต่างหากและสิ่งที่ทำให้ข้าต้องตกตะลึงก็คือพลังไฟที่พุ่งเข้ามาเป็กลุ่มก้อนจาก้า
เพียงชั่วพริบตาเดียวเสียงกระพือปีกก็ดังระงมไปทั่วผืนฟ้าก่อนจะเผยให้เห็นวิหคสีเพลิงนับร้อยตัวบินมาด้วยกันเป็ฝูงโดยมีเ้าวิหคสีเพลิงตัวเมื่อกี้นำทางไป
ข้าถึงกับใจนหน้าซีดเพราะถ้าเมื่อครู่ข้าลงมือสังหารเ้านกตัวนั้นไปส่วนนกอีกร้อยตัวจะต้องพร้อมใจกันเข้ามาจู่โจมข้าเป็แน่แม้จะเป็เพียงสัตว์ิญญาแต่ก็ถือว่าฉลาดไม่น้อยถึงได้ใช้ให้วิหคเพลิงตัวแรกเป็เหยื่อล่อเป้าให้สัตว์หรือคนมาติดกับแบบนี้!
สนามประลองเซินยวนที่สร้างโดยสมาคมเทพศาสตราวุธไม่ธรรมดาจริงๆสินะ!
จะต้องรีบตามหาซูเหยียนกับถังเชวียหรานให้เจอไวๆขืนยังเดินทางคนเดียวในที่แบบนี้จะต้องอันตรายแน่ๆแต่ในสถานที่ที่ไกลสุดลูกหูลูกตาแบบนี้ ข้าจะไปตามหาพวกนางที่ไหนได้ล่ะ? เอาจริงๆ ข้าเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนางถูกหินาาสรรพสัตว์ส่งไปไว้ที่ไหนในโลกที่อ้างว้างแบบนี้ขนาดเครื่องติดตามตัวยังไม่มีสัญญาณด้วยซ้ำ
ข้าเอื้อมมือไปเด็ดกิ่งไม้ใบหญ้าแถวๆนั้นมาสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็ผ้าคลุมผืนใหญ่สำหรับอำพรางตัวจากสายตาของวิหคสีเพลิงพวกนั้นและจะได้เดินทางตามหาพวกนางสองคนต่อไป
ขณะที่ข้ากำลังเดินข้ามเนินเขาเล็กๆไปก็เจอเข้ากับวิหคสีเพลิงตัวหนึ่งกำลังนั่งจิกกินก้อนหินไฟที่ถูกจิกกินจนเปลือกชั้นนอกแตกออกจริงๆ แล้วพวกมันกินหินไฟนี่เป็อาหารสินะ มิน่าล่ะถึงได้มีมากมายขนาดนี้
ไหนๆก็บังเอิญมาเจอมันแล้ว จะปล่อยไปก็น่าเสียดาย!
ข้าค่อยๆย่องเข้าไปใกล้จนอยู่ห่างกันเพียงห้าเมตรก่อนจะเคลื่อนพลังของสองพลังรวมเป็หนึ่งเข้าไปอัดแน่นอยู่ในกระบี่คมจันทราแล้วฟันลงไปที่หลังของมันอย่างรวดเร็ว
ปั้ก!...
ขนของมันปลิวไปตามแรงกระแทกของพลังพร้อมกับข้อมือของข้าที่สะท้อนออกมาเช่นกันขนของวิหคสีเพลิงมันช่างแข็งชะมัด!
ขณะเดียวกันมันก็หันกลับมาหาข้าด้วยแววตาที่ดุดันปีกใหญ่ๆ ของมันกางออกเพื่อเตรียมโจมตีก่อนที่เส้นขนสีเพลิงของมันจะพุ่งออกไปเหมือนกับลูกธนูที่คมกริบ!
ข้ายืนอยู่กับที่แล้วกวัดแกว่งกระบี่ในมือเพื่อป้องกันการโจมตีของมันอย่างรวดเร็วขนปีกของมันพุ่งเข้ามากระทบกับกระบี่ของข้าจนเกิดเสียง เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!ตามจังหวะการฟาดฟัน
และเมื่อมันกระโจนเข้ามาพร้อมกับกรงเล็บที่แข็งแกร่งข้าก็พุ่งเข้าไปหามันด้วยพลังที่เหมือนจะอ่อนแอจนสู้ไม่ไหวทว่าเมื่อระยะการโจมตีอยู่ใกล้เพียงแค่สองเมตรข้าก็เพิ่มพลังให้กระบี่ด้วยพลังของสามพลังรวมเป็หนึ่งและฟันไปยังหน้าอกของมันอย่างจัง
ฉึบ!
เมื่อเห็นว่าเืของมันกระเด็นออกมาพร้อมกับรอยแผลบาดยาวก็รู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้ข้าสามารถฟันทะลุเกราะการป้องกันของมันได้สักที
จิ๊บๆๆ
วิหคสีเพลิงาเ็สาหัสแต่ยังไม่ถึงตายทำให้สัญชาตญาณอันโหดร้ายของมันถูกปลุกขึ้นมาและมันได้กางกรงเล็บออกมาอย่างรวดเร็วจนข้าหลบไม่ทันจากนั้นมันยังใช้ขาทั้งสองข้างตะปบเข้ามายังแขนข้างที่ข้าใช้จับกระบี่อย่างรวดเร็วก่อนจะกระพือปีกใหญ่ๆเหมือนกำลังพยายามพาขึ้นไปบนฟ้า
“เ้านกบ้า!”
ข้าว่าแล้วใช้มือข้างที่เหลือล้วงเอากระบี่ธุมเพลิงออกจากแหวนกระดูกจักรภพแล้วฟันเข้าตรงหน้าอกของมันอีกครั้งจนเืสาดกระเซ็นถึงมันจะร้องออกมาอย่างน่าเวทนาแต่กลับดูเหมือนว่าจะยังไม่ถึงตาย
และในตอนนี้เองก็มีร่างอันทรงพลังของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหินก้อนั์ก่อนที่เขาจะะโขึ้นไปบนฟ้าแล้วจู่โจมตรงหลังของวิหคสีเพลิงอย่างทรงพลัง
ปั้ง!
ร่างของวิหคสีเพลิงสั่นะเืรุนแรงจากแรงกระแทกก่อนที่กระดูกของมันจะแตกละเอียดแล้วตายในที่สุดส่วนาแด้านหลังก็เผยให้เห็นขวานรบสีแดงเพลิงที่เต็มไปด้วยลายสักอันสลับซับซ้อนจากนั้นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาสง่างามก็มายืนอยู่บนก้อนหินใหญ่แล้วถามขึ้น“เ้าคงจะเป็ปู้อี้เชวียนแห่งสำนักหมื่นิญญานั่นสินะ?”
ข้าถึงกับชะงักไปเพราะไม่คิดว่านอกจากซูเหยียนและถังเชวียหรานแล้วจะมีคนช่วยเหลือข้าทั้งที่ในสนามเซินยวนแห่งนี้เต็มไปด้วยการแข่งขัน “เอ่อ...ใช่ ข้าเอง แล้วเ้าคือ?...”
ชายหนุ่มคนนั้นลูบจมูกเบาๆก่อนจะพูดขึ้น “นี่ชื่อเสียงของข้ามันไม่โด่งดังสักนิดสินะ ก็ได้...ข้าคือหัวหน้าศิษย์ของสำนักทิวากรที่เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้นามว่าถงจั๋วพอดีเมื่อกี้ข้าเห็นว่าเ้ากำลังต่อสู้กับวิหคสีเพลิงอยู่เพียงลำพังก็เลยคันไม้คันมือนิดหน่อยจึงยื่นมือเข้ามาช่วยข้าอายุมากกว่าเ้าสองสามปีดังนั้นเ้าจะเรียกข้าว่าศิษย์พี่ถงจั๋วหรือพี่ถงจั๋วก็ตามสบาย”
“ที่แท้ก็สหายถงจั๋วนี่เอง”ข้ายิ้มพลางพูดโดยไม่เรียกชื่อตามที่เขาบอกมาสักอย่างว่าแล้วข้าก็เดินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อหลอมพลังเืของวิหคสีเพลิงและดูเหมือนว่าหลังจากที่วิชากายาทองคำของข้าเข้าขั้นที่สามก็ทำให้ระยะเวลาของการหลอมพลังลดน้อยลงจนต้องใช้เวลาเพียงสามนาทีกว่าๆจึงจะเสร็จ
ถงจั๋วนั่งบนหินไฟอย่างไม่กลัวร้อนก่อนจะพูดขึ้น“ชั้นแอ่งลาวากันตร์เป็โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลจนมองไม่เห็นขอบพสุธานอกจากจะยังไม่รู้ว่าหินาาสรรพสัตว์อยู่ที่ไหนแต่ยังมีพวกวิหคสีเพลิงที่เ้าเล่ห์เพทุบายคอยโจมตีอีก นี่ปู้อี้เชวียนข้าว่าเรามาร่วมมือกันดีหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรการเดินทางหลายคนย่อมปลอดภัยกว่ารับรองว่าข้าจะไม่เป็ภาระของเ้าอย่างแน่นอน”
ข้าได้ยินแล้วก็มองเขาที่มีพลังอยู่แค่ระดับเซียนของขั้นเทวิญญาอย่างประหลาดใจ
พอเห็นว่าข้าคิดหนักเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะพูดขึ้น“ฮ่าๆๆ ความจริงแล้วข้าใช้ยาสะกดพลังจึงทำให้พลังบางส่วนถูกสะกดไว้เอาเป็ว่าข้าจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาให้เ้าดูเพื่อเป็การแสดงความจริงใจก็แล้วกัน!”
ว่าแล้วเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยพลังในร่างกายออกมาอย่างน่าเกรงขามพลังของมันรุนแรงจนเกิดสนามพลังขนาดเล็กที่ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนั้นต่างก็ล้มระเนนระนาดไปเลยทีเดียว
หลังจากเสียงของการะเิพลังจบลงพลังในตัวของถงจั๋วก็เปลี่ยนไปอย่างมากนึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็ถึงจอมยุทธ์ในระดับเซียนของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์เลยทีเดียวและที่สำคัญกว่านั้นก็คือเขามีลมหายใจที่ยาวและเยือกเย็นรวมถึงพลังที่แผ่ออกมาก็ทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย...ดูเหมือนว่าเขาจะมีฝีมืออยู่ไม่น้อยเหมือนกันถึงได้รับเลือกให้เป็ตัวแทนของสำนักทิวากรเพื่อเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้
“ดูเหมือนว่าวรยุทธ์ของเ้ามันจะดูแปลกๆ นิดหน่อยนะ”ข้าขมวดคิ้วพลางพูดอย่างสงสัย
ถงจั๋วพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้น“วรยุทธ์ที่ข้าฝึกเป็พลังวัวดินพฤกษาจึงทำให้ทั้งกระดูก ร่างกายและเส้นเืของข้าแข็งแรงกว่าคนธรรมดาทั่วไปแถมพลังของข้ายังสูงถึงสองพันชั่งอีกต่างหาก รับรองว่าถ้าเ้าร่วมมือกับข้าเ้าจะไม่ผิดหวังแน่นอน”
ข้าหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะถาม“แล้วทำไมเ้าถึงเลือกข้าล่ะ?”
เขายิ้มก่อนจะผายมือไปรอบๆ“แล้วเ้าคิดว่าระยะสี่ห้าลี้รอบๆ นี้ยังมีคนอื่นอยู่อีกไหมล่ะ?”
ตรงไปตรงมาดีเหมือนกัน
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วข้าจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว“ก็ได้ มีคนช่วยจัดการพวกวิหคสีเพลิงมันก็ดีเหมือนกัน พวกเราไปกันเถอะข้ายังต้องรีบตามหาซูเหยียนกับถังเชวียหรานอีก”
“อืม ไปสิ!”
...
เดินไปได้ไม่ไกลก็เจอวิหคสีเพลิงอีกสามตัวกำลังคอยเฝ้ารังที่ทำจากไม้หินและใบไม้แห้งจนกลายเป็รังวิหคสีเพลิงขนาดใหญ่บนต้นเถาวัลย์ที่เนินสูงแถมด้านในยังมีไข่วิหคสีเพลิงอยู่อีกตั้งสามฟอง
ถงจั๋วสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น“สหายปู้ ไหนๆก็มาแล้วข้าว่าพวกเรามาพยายามเก็บคะแนนจากการสังหารสัตว์ิญญาให้ได้เยอะๆ ดีกว่าบางทีการรีบไปชั้นต่อๆ ไป ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดซะทีเดียว”
ข้าเองก็คิดแบบนั้นเพราะยิ่งลงไปลึกก็จะยิ่งอันตรายและคนที่ลงไปคนแรกก็อันตรายที่สุดอีกด้วย
ถงจั๋วกางมือออกเบาๆก่อนที่พลังิญญาในตัวจะแผ่ซ่านออกมาและกลายเป็ขวานลาวาเพลิงซึ่งเป็อาวุธิญญาประจำตัวของเขาดูเหมือนว่าอาวุธประจำกายที่ทรงพลังของเขาอันนี้จะมีพลังมากกว่ากระบี่คมจันทราของข้าด้วยซ้ำดังนั้นมันจะต้องเป็อาวุธระดับสามแล้วแน่ๆ!
“ข้าจะหลอกล่อมันออกไปสองตัวจากนั้นเ้าก็รีบจัดการตัวที่เหลือแล้วค่อยกลับมาช่วยข้า แบบนี้เป็ไง?” เขาถาม
ข้าพยักหน้าเห็นด้วย“อืม!”
โดยปกติแล้วเมื่ออยู่ในการประลองมักจะไม่มีใครเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้แต่กับถงจั๋วกลับต่างออกไปดูเหมือนว่าหัวหน้ากลุ่มของสำนักทิวากรคนนี้จะมีนิสัยน่าคบหาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็ปรับพลังในตัวที่แผ่ออกมามากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่าตัวก่อนจะะโขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่แล้วย่อตัวเล็กน้อย และวิ่งตรงไปยังวิหคสีเพลิงสองตัวนั้นด้วยพลังที่ลุกโชนออกมาเป็รูปวัวดินพฤกษาที่ทรงพลังพร้อมกับจู่โจมเข้าที่วิหคสีเพลิงทั้งสองตัวด้วยขวานลาวาเพลิงของเขาทันที
ข้าะโขึ้นไปราวกับสามารถเหยียบบนอากาศได้ก่อนจะม้วนตัวลงไปยืนอยู่ตรงกลางรังของวิหคสีเพลิงภายในวินาทีเดียวจนถงจั๋วถึงกับเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดอย่างประหลาดใจ“กระบวนท่าของเ้ามันหล่อชะมัด!”
ข้าใช้เพลงขาเมฆาหมอกระดับเซียนแบบนี้จะเป็สองรองใครได้อย่างไร
เมื่อคิดได้ว่าต้องรีบสังหารวิหคสีเพลิงข้าก็ไม่ได้ออมแรงไว้เลยสักนิดก่อนจะเคลื่อนพลังของมหาัั์ออกมาทั่วร่าง และใช้พลังของสามพลังรวมเป็หนึ่งอัดแน่นเข้าไปในกระบี่คมจันทราแล้วฟันลงไปยังส่วนคอของวิหคสีเพลิงจนเืสาดกระเซ็นและเผยให้เห็นกระดูก
จิ๊บๆ...
มันร้องออกมาก่อนจะกางปีกแล้วถอยห่างแต่ข้าก็ใช้ความเร็วที่เป็ต่อพุ่งเข้าไปใกล้ก่อนจะเตะเข้าไปด้วยกระบวนท่าเอกากัลป์เบิกขุนเขาทันที
หลังจากที่ข้าเตะเข้าไปจนเสียการทรงตัวแล้วก็ใช้โอกาสนี้ฟันลงซ้ำแผลเดิมจนหัวของมันขาดสะบั้นและเืก็กระเด็นไปทั่วบริเวณหลังจากที่หัวของมันถูกตัดขาดไปแล้วร่างที่ไร้การควบคุมก็ตกลงไปบนพื้นทั้งที่ปีกของมันยังกระพือเสียงดังพึ่บๆ
...
ปั้ง!ปั้ง!
ถงจั๋วที่ซัดพลังเข้าใส่วิหคสีเพลิงอีกสองตัวที่เหลือเงยหน้าขึ้นมามองข้าด้วยแววตาตะลึงงัน“ไม่เลวนี่เ้าหนุ่มนึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะสามารถสังหารสัตว์ิญญาระดับหกได้ง่ายดายขนาดนี้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้