มู่จื่อหลิงชำเลืองมองฮ่องเต้เหวินอิ้นซึ่งนั่งอยู่บนพระที่นั่งอีกครั้งอย่างสงบ ก่อนจะชำเลืองมองไปยังไทเฮาที่กำลังระงับอารมณ์ซับซ้อน รอยยิ้มยินดีผุดขึ้นในใจ
ยามนี้ฮ่องเต้เหวินอิ้นทรงเข้าใจดีแล้ว คาดว่าอีกครู่หากนางพูดอะไรออกไป พระองค์คงไม่ถือสาในภายหลัง ไทเฮาที่ในยามนี้กำลังเสียเปรียบทุกจุดก็ไม่สามารถสร้างคลื่นลมได้
ดังนั้นในยามนี้มู่จื่อหลิงจึงกล้าหาญเป็อย่างมาก คำบางคำกำลังจะถูกเอ่ยออกมาแล้ว
นอกจากนี้ ยังหายากที่จะมีโอกาส ‘อวดความรุ่งโรจน์’ ต่อหน้าบุคคลระดับสูงในวังเหล่านี้ นางจะปล่อยมันไปได้อย่างไร?
มู่จื่อหลิงชำเลืองมองไทเฮา พร้อมประกายเยาะเย้ยที่มุมปาก “ใช้ไฟเผา! นั่นคือสิ่งที่หมอหลวงหลินพูด หากอยากเผาคนให้ตายทั้งเป็ ก็สามารถเผาได้ตาม้า หมอหลวงหลินช่างโเี้จริงๆ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง มู่จื่อหลิงก็ขมวดคิ้ว พูดด้วยความสับสนว่า “ไทเฮา ท่านว่า หมอหลวงหลินผู้นี้มีจิตใจเช่นไร?”
ใบหน้าของไทเฮามืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ นางไม่ตอบคำมู่จื่อหลิง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่ได้เห็นไทเฮาไม่ตอบสนองเป็เวลานาน มู่จื่อหลิงเม้มปากแน่น ั์ตาฉายแววฉลาด แตะคางครุ่นคิดอย่างรอบคอบ “หรือว่า...หมอหลวงหลินอยากให้เสด็จพ่อยอมรับข้อเสนอนี้ เพื่อให้หลังจากเผาผลาญผู้คนไปนับแสน พระองค์จะถูกผู้คนรุมประณามเช่นนั้นหรือ? จากนั้นจะมีผลต่อตำแหน่งของเสด็จพ่อ...”
จากนั้น มู่จื่อหลิงก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะนางรู้ว่า...คำพูดนั้นเพียงพอแล้วที่หมอหลวงหลินจะยอมรับ
หลงเซี่ยวอวี่รู้ว่าหญิงสาวตัวเล็กผู้นี้กำลังเล่นสนุกด้วยคำพูดที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา
แม้จะประมาทเลินเล่อ ตราบใดที่นางอยากพูด ไม่ว่าจะอุกอาจสักเพียงใด เขาก็จะให้นางทำ ไม่ว่าหญิงตัวเล็กผู้นี้จะก่อปัญหามากเพียงใด เขาก็จะชดใช้ให้นางเอง ขอแค่นางมีความสุข
หลังจากมู่จื่อหลิงพูดออกมา ฮ่องเต้เหวินอิ้นประหลาดใจไปครู่หนึ่ง
พระองค์ไม่คาดคิดว่าลูกสะใภ้ผู้นี้จะกล้าได้กล้าเสียถึงเพียงนี้ แม้ว่าสิ่งที่นางพูดจะมีความเป็ไปได้ว่าเป็เื่จริง แต่นัยของสิ่งที่นางพูดนั้นไม่ได้อ้อมค้อมเลย ชัดเจนเสียจนหาที่เปรียบไม่ได้
คำพูดที่นางพูด เห็นได้ชัดว่ามีการกระทำความผิดเช่นนี้อยู่จริง แต่นางไม่กลัวเลยหรือ?
ฮ่องเต้เหวินอิ้นลูบเครา มองมู่จื่อหลิงเพียงแวบเดียว มีประกายความชื่นชมในดวงตาของพระองค์
ใช่ หญิงผู้นี้จะกลัวได้อย่างไร? นางยังมีอายุไม่มากนัก แต่กลับมีสมองเฉียบแหลม นางรู้วิธีที่จะซ่อนเร้นความแข็งแกร่งเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม แต่นางก็ยังเปล่งประกายออกมาเป็ครั้งคราว ซึ่งเป็เื่ที่ดี
หญิงผู้นี้น่าจะคาดไว้แล้วว่าพระองค์จะไม่เข้าไปแทรกแซงและไม่สนใจว่านางพูดสิ่งที่อุกอาจออกมา นั่นเป็เหตุผลว่าเหตุใดนางถึงกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ ช่างเป็อัจฉริยะจริงๆ
แม้ว่าไทเฮาจะอยู่ในวังหลัง แต่นางก็นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ในชีวิตของนางต่อสู้กับหญิงสาวมานับไม่ถ้วน ทั้งยังได้รับชัยชนะเกือบทุกครั้ง แต่การเผชิญหน้ากับผู้มีจิติญญาที่ทั้งน่ากลัวทั้งกล้าหาญเช่นมู่จื่อหลิง นางทำได้เพียงโกรธเกรี้ยวเท่านั้น
์ทราบดี ยามฟังคำพูดสบายๆ ของมู่จื่อหลิง ทุกประโยคสามารถทำลายจิตใจได้โดยตรง ทำลายได้แม้กระทั่งตันทั้งห้ากลวงทั้งหก [1] ใบหน้าของหมอหลวงหลินซีดลงด้วยความใ แทบสลบเหมือด ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
แต่เขายังคงคุกเข่าลงกับพื้นเช่นเดิม แม้จะมีเหงื่อเย็นไหลออกมาจนคันไปทั่วร่าง ก็ยังต้องอดกลั้นไว้ไม่กล้ายกมือเช็ดออก
หมอหลวงหลินคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้เหวินอิ้นและไทเฮาอย่างสิ้นหวัง พยายามปกป้องตนเอง “ฝ่าา ไทเฮา กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้นอย่างแน่นอน ขอฮ่องเต้ไทเฮาโปรดให้ความเป็ธรรม!”
เมื่อคืนเขาสามารถหลบหนีจากฮ่องเต้ได้ จู่ๆ ฉีหวางเฟยก็เอ่ยถึงเื่นี้ นางยังบอกด้วยว่าการเคลื่อนไหวของเขามีเจตนาก่อฏ...นี่มันเื่อะไรกัน?
ั้แ่ต้นจนถึงบัดนี้ ฮ่องเต้เหวินอิ้นยังคงรักษาท่าทางสง่างามไว้เช่นเดิม ทรงทอดพระเนตรอย่างเ็า ไม่ตรัสสิ่งใดออกมา
ในตอนท้ายของการโต้เถียง หมอหลวงหลินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น ชำเลืองมองไทเฮา แต่ก่อนที่เขาจะมองได้ชัดเจน เขาถูกดวงตาเ็าของไทเฮาจับจ้องกลับมาเป็การเตือน
ด้วยสายพระเนตรของไทเฮา ในเวลานี้หัวใจของเขาแข็งแรงยิ่งกว่าเก่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไทเฮาก็จะปกป้องเขา นางจะไม่ปล่อยให้เขาถูกทำร้าย
แต่ด้วยสายตาที่เฉียบคม มู่จื่อหลิงมองเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของพวกเขา แต่นางกลับยิ้ม แสร้งทำเป็ไม่เห็นอะไร
มู่จื่อหลิงเลียริมฝีปากแห้งผากของตน เตรียมพร้อมที่จะพูดในสิ่งที่หมอหลวงหลินกล่าวออกมาเมื่อครู่นี้
แต่หลงเซี่ยวอวี่ที่ยืนอยู่ข้างนาง เห็นนางเลียริมฝีปาก จึงเดินไปที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกลราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น รินชาให้นางด้วยตนเองแล้วยื่นมันให้นางอย่างอ่อนโยน
มู่จื่อหลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้เขา รอยยิ้มสดชื่นน่ารื่นรมย์ ทั้งอบอุ่นและสวยงาม
พูดมากถึงขนาดนี้ นางกระหายน้ำจริงๆ
หลังจากนั้น มู่จื่อหลิงไม่รั้งรอ หยิบถ้วยชาจากมือของหลงเซี่ยวอวี่อย่างเป็ธรรมชาติ จิบอย่างสง่างาม
ยามเห็นภาพที่ดูเหมือนปกติแต่ไม่ธรรมดานี้ ฮ่องเต้เหวินอิ้นแทบอยากจะยกมือขึ้นขยี้ตา...พระองค์มองผิดไปหรือเปล่า?
ไม่ผิด ไม่ผิดจริงๆ! คิ้วและดวงตาของฮ่องเต้เหวินอิ้นขยับเล็กน้อย
โอรสผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์รินชาแล้วส่งให้ผู้อื่นด้วยตนเองจริงหรือ? ทั้งยังเป็ในที่สาธารณะ ทำได้อย่างราบรื่นถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
นี่มัน...ฮ่องเต้เหวินอิ้นพูดไม่ออก ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
เมื่อเห็นหลงเซี่ยวอวี่ยอมยกน้ำชาให้มู่จื่อหลิง ไทเฮาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยแววตาโกรธเคือง
คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าความสามารถในการแสร้งเป็หมูเพื่อหลอกกินเสือของยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ไม่อ่อนด้อยเลย การแสดงออกที่สดใส ทำให้นางผงะไปครู่หนึ่ง ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ
เป็เื่ที่คาดไม่ถึงจริงๆ หลงเซี่ยวอวี่ผู้ซึ่งมองว่าผู้หญิงไร้ค่า กลับถูกดึงดูดโดยยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ ถึงกับลดศักดิ์ศรีลงเพื่อปรนนิบัตินางเป็การส่วนตัว
ยิ่งไทเฮาทอดพระเนตร อารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่านอยู่ในอก ปั่นป่วน ราวกับมีบางสิ่งกำลังจะะเิออกจากกัน
์ทราบดี ว่าสิ่งที่นางเสียใจที่สุดในชีวิตคือการแต่งงานของยายเด็กหน้าเหม็นมู่จื่อหลิงกับหลงเซี่ยวอวี่
ในอดีต มีเพียงหลงเซี่ยวอวี่ที่ทรงอำนาจและหยิ่งผยองก็เพียงพอแล้ว แต่ยามนี้ได้เพิ่มยายเด็กหน้าเหม็นผู้ไร้ความกลัวเข้ามาอีกคน
ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ได้รับการปกป้องจากหลงเซี่ยวอวี่ ทั้งสองผนึกกำลัง...เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ไทเฮาก็ทรงปรารถนาให้เวลาสามารถย้อนคืนกลับไปได้
หลังจากดื่มชาดับกระหายแล้ว ดวงตาคู่งามของมู่จื่อหลิงก็หรี่ลง
หมอหลวงหลินมีบางอย่างที่ต้องยอมรับ แน่นอนว่าไทเฮาย่อมไม่ยินยอม นางต้องปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน!
“คำพูดของหมอหลวงหลินกล่าวได้ว่าไม่ผิด ใช่แล้ว หมอหลวงหลินเป็เพียงหมอตัวน้อยๆ ผู้หนึ่ง ไม่ได้มีอำนาจมากนัก แต่เหตุใดเขาถึงกล้าหาญยิ่ง ไทเฮาท่านคิดว่า เป็ไปได้ไหมว่ามีใครบางคนยุยงหรืออยู่เื้ัเขา...”
มู่จื่อหลิงเดาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นนางก็ส่ายหัว ปฏิเสธการคาดเดาของตนอย่างมั่นใจ
ทุกคนรู้ว่ามู่จื่อหลิงกำลังจะพูดอะไรต่อไป ทุกคนรู้ว่าใครอยู่เื้ัหมอหลวงหลิน
เพียงแต่ไทเฮาไม่คาดคิดว่ามู่จื่อหลิงจะมีความกล้าถึงเพียงนี้ นางพูดอย่างจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ เจาะลึกมากขึ้น หากปล่อยให้นางทำต่อไป...
“พอ!” ความจริงถูกสะกิดขึ้นมาทีละนิด ไทเฮาขัดคำของมู่จื่อหลิงด้วยความโกรธ
ในความเป็จริง หากไทเฮาไม่ขัดจังหวะมู่จื่อหลิง นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรต่อไป อย่างไรเมื่อมาถึงจุดนี้ เื่นี้ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้ว
อย่างไรนางก็คือมารดาแห่งแผ่นดิน ดังนั้นนางจึงสามารถถามพอเป็พิธีได้เท่านั้น การทำลายด้วยคำพูด สำหรับนางแล้วไม่ใช่เื่ดีอะไรมากมาย
ไทเฮาจับพนักพระที่นั่งทั้งสองข้างไว้แน่นด้วยสองพระหัตถ์ และเส้นเืบนหลังพระหัตถ์ปรากฏรอยย่นปูดโปน
แม้ใจจะโกรธเพราะความอับอาย แต่ก็ทำได้เพียงข่มกลั้นไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ไม่กล้าระบายออกมา
นางเป็มารดาแห่งแผ่นดิน วันนี้นางกลับต้องทนทุกข์ทรมานจากเื่ไร้ประโยชน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางพอแล้ว!
ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ไม่เพียงแต่ปากแหลมคมเท่านั้น แต่ยังกล้าหาญมาก สมองของนางไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึก
เนื่องจากเสียงที่โกรธเคือง ดูเหมือนว่านางจะหงุดหงิดกับคำพูดของมู่จื่อหลิง แววตาของไทเฮาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธในใจ
จากนั้นนางจึงตรัสด้วยน้ำเสียงสงบ “พอแล้ว อายเจียเข้าใจเื่นี้ชัดเจนแล้ว อายเจียจะตัดสินด้วยตนเอง”
หมอหลวงหลินไม่คาดคิดด้วยว่ามู่จื่อหลิงจะพูดในสิ่งที่เขาเคยพูด มันทำให้เขารู้สึกมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่้าปกปิดกลับยิ่งเด่นชัด แม้ว่าฉีหวางเฟยจะไม่ได้พูดคำสุดท้าย แต่แม้กระทั่งคนโง่ยังเข้าใจในเื่นี้
ยามนี้เขาล้มเหลวในการปกป้องตนเอง ตรงกันข้าม มันทำให้ฉีหวางเฟยกล่าววาจาหยาบคายมากขึ้น
ครู่หนึ่ง หมอหลวงหลินใกลัวมากจนไม่กล้าเคลื่อนไหว ยามนี้ดูเหมือนไทเฮาจะโกรธมาก เขาไม่แน่ใจว่าไทเฮาจะปกป้องตนต่อได้หรือไม่
ดวงหน้าของไทเฮาที่มีแป้งหนาทาบทับ กลายเป็ใบหน้าสีน้ำตาลเหลืองเพราะคำพูดของมู่จื่อหลิง
จากนี้จะเห็นได้ว่า ความโกรธภายในใจของไทเฮากำลังลุกโชนอย่างรุนแรง
แต่...ไม่ว่าความโกรธจะรุนแรงเพียงใด นางก็ต้องอดทนไม่ปล่อยให้มันลุกลามใหญ่โต จิติญญาของไทเฮาบอกเป็นัยว่าหากนางโกรธจนเผลอโจมตียายเด็กหน้าเหม็นในยามนี้ มันจะกลายเป็ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง
ดังนั้น นางจึงได้แต่มองหมอหลวงหลินซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนพูดด้วยความโกรธว่า “หลินเกาฮั่น ในฐานะหมอหลวง เ้าพูดคำที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ได้อย่างไร แม้ว่าจะเป็ไปเพื่อประโยชน์ของผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ไม่อาจกระทำการอุกอาจเช่นนี้ได้”
คำพูดเกรี้ยวกราดใน่แรก ฟังแล้วสบายหู แต่คำพูดหลังจากนั้น...มู่จื่อหลิงรู้สึกเยาะเย้ยอยู่ในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่านางเดาได้อยู่แล้วว่าไทเฮาจะช่วยหมอหลวงหลินได้อย่างไร
แน่นอนว่าหมอหลวงหลินมีความสุขมากยามได้ยินสิ่งที่ไทเฮาตรัสออกมา รีบรับคำในทันที
เขาโค้งคำนับ ร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยอมรับความผิดพลาดอย่างจริงใจ “ฝ่าา กระหม่อมรู้ถึงความผิดพลาดของตนแล้ว เป็เพราะกระหม่อมสับสนอยู่พักหนึ่ง กระหม่อมกังวลว่าโรคระบาดจะแพร่กระจายมายังเมืองหลวง กระหม่อมจึงพลั้งปากเอ่ยถ้อยคำเหลวไหลเช่นนี้ออกมา ขอฝ่าาและไทเฮาโปรดลงโทษ”
ไทเฮาพยักหน้าอย่างเกรี้ยวกราด พูดประโยคที่ลึกซึ้งตรงไปตรงมา “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ความผิดของหมอหลวงหลินก็ถือเสียว่าเป็ความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ”
จากนั้นนางจึงค่อยๆ หันมามองฮ่องเต้เหวินอิ้น แสร้งทำเป็ลังเล ราวกับลังเลที่จะพูด ทำเพียงเอ่ยคำสั้นๆ กับฮ่องเต้ออกมาอย่างสง่างาม “ฮ่องเต้ ท่านว่าเื่นี้...”
ใบหน้าของมู่จื่อหลิงสงบนิ่งราวกับสายน้ำที่ไม่มีคลื่นลม แอบเย้ยหยันอยู่ในใจ
เป็ความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ...สมควรแก่การเป็ไทเฮาผู้น่าเคารพอย่างแท้จริง ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปกปิดอารมณ์เชิงลบในใจของตนได้
เพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้เื่สงบลง รับมือกับสถานการณ์คุกคามในยามนี้ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ความตั้งใจเดิมของนาง คือการปิดปากของไทเฮา จะเกิดอะไรขึ้นกับหมอหลวงหลินก็ไม่ใช่ธุระของนาง
อย่างไรคนชั่วก็จะถูกตามเก็บในสักวันหนึ่ง ไม่จำเป็ต้องรีบร้อน
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ตันทั้งห้ากลวงทั้งหก (五脏六腑) คืออวัยวะในร่างกายทฤษฎีแพทย์จีน อวัยวะภายในตันทั้ง 5 ได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอดและไต อวัยวะกลวงทั้ง 6 ได้แก่ ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะและซานเจียว