อยู่ๆ ฝ่ายอุดมศึกษาก็ต้องกลายเป็ผู้แบกรับความผิด
แม้ฝ่ายอุดมศึกษาจะมีสิทธิก้าวก่ายสถาบันอุดมศึกษา แต่ก็เป็การจัดการในด้านการตรวจสอบวิจัยและให้แนวทางเท่านั้น หัวชิงเป็หน่วยงานที่อยู่ภายใต้สังกัดส่วนกลาง จิงต้าเองก็เช่นกัน รวมถึงตำแหน่งของอธิการบดีก็สังกัดอยู่ภายใต้ส่วนกลาง แม้จะมีอำนาจบริหารแค่ภายในมหาวิทยาลัย แต่หากมีข้อคิดเห็นอะไรกระทรวงศึกษาธิการย่อมให้ความสำคัญอย่างแน่นอน
ตำแหน่งของหวังก่วงผิงเทียบเคียงกับรองอธิการบดี หากไม่ใช่เพราะเขาสังกัดอยู่ที่ฝ่ายอุดมศึกษา อธิการบดีคงไม่แม้แต่จะปรายตามองด้วยซ้ำ
อำนาจหน้าที่ของฝ่ายอุดมศึกษานั้นค่อนข้างพิเศษ ถูกกลั่นแกล้งเล็กๆ น้อยๆ หัวชิงยังพอยอมทนได้
แต่จิงต้าไม่คิดจะทน!
แต่ละมหาวิทยาลัยล้วนแข่งขันกัน โดยเฉพาะจิงต้ากับหัวชิง มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งนี้ต่างแย่งชิงการเป็หนึ่งในแต่ละสาขาวิชา รวมถึงแย่งชิงเงินงบประมาณ... ทั้งด้านประวัติศาสตร์จนถึงด้านความสามารถ ชาวจีนทั้งแผ่นดินต่างก็รู้สึกว่าทั้งสองมหาวิทยาลัยนี้สูสีกัน
ทำไมหัวชิงถึงได้รับเงินบริจาคจำนวนห้าล้านหยวน และสามารถก่อตั้งโครงการกองทุนเพื่อการศึกษาได้
แต่พอถึงคราวจิงต้ากลับได้เงินแค่หนึ่งล้านหยวน แถมยังต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ อย่างกับกองโจร
เมื่อมีหัวโจกอย่างจิงต้าเป็คนนำทัพ เหรินต้า และจิงซือต้าจึงเข้าร่วมด้วย ตอนนี้ฝ่ายอุดมศึกษาได้กลายเป็แพะรับบาป ถูกมหาวิทยาลัยชั้นนำสี่แห่งร้องเรียนพร้อมกันเช่นนี้พวกเขาถึงกับนั่งไม่ติด
สั่งให้หวังก่วงผิงไปจัดการเื่เล็กแค่นี้ เพียงไปเป็ตัวแทนฝ่ายอุดมศึกษาร่วมพิธีส่งมอบเงินบริจาค ดันก่อให้เกิดเื่ประเภทนี้ขึ้นได้?
ใหญ่มาจากไหนถึงได้กล้าเป็ปฏิปักษ์กับนักธุรกิจฮ่องกง!
แม้ว่าทางหัวหน้าฝ่ายเองก็รู้สึกว่าเื่นี้ควรให้ฝ่ายอุดมศึกษาเป็ผู้ดูแล แต่ถึงอย่างไรก็เป็แค่ความคิดหนึ่งเท่านั้น เพราะขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าตนเป็หัวหน้าหน่วยงานราชการก็ควรทำหน้าที่แค่ในขอบเขตเป็หลัก
ความคิดของคนเราสามารถแปลกใหม่และแหวกแนว เนื่องจากความคิดนั้นเป็อิสระไม่มีสิ่งใดผูกมัดได้
ทว่าการกระทำของคนเราอย่างน้อยก็ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์บ้าง!
“สหายก่วงผิง คุณว่าตอนนี้... เฮ้อ จะทำงานอะไรพวกเราต้องระมัดระวังและอดทน จะทำตัวขวานผ่าซากไม่ได้ สหายก่วงผิงคุณว่าถูกหรือไม่”
หวังก่วงผิงไม่อยากทำงานอยู่ฝ่ายอุดมศึกษา
และฝ่ายอุดมศึกษาก็ไม่้าเขาเช่นกัน!
ไม่มีประสบการณ์ด้านการศึกษาแม้แต่น้อย ทั้งยังจะชอบก้าวก่ายงานของผู้อื่นอีกด้วย
เื่ชั้นเรียนกวดวิชาคราวก่อนสามารถปล่อยผ่านไปไม่ได้อย่างถือสา แต่ครั้งนี้เขายังจะสร้างปัญหาอีกหรือ?
ถ้าเขามีอำนาจไล่หวังก่วงผิงออกได้ ป่านนี้คงบอกให้หวังก่วงผิงเก็บข้าวของไสหัวออกไปตั้งนานแล้ว! จะไปไหนก็ไป ถ้าไม่มีที่ไปก็กลับไปไร่นาที่มณฑลจี๋เสีย หรือเพราะเป็ชาวไร่มานาน หวังก่วงผิงจึงไม่เหมาะกันงานบริหารอีกแล้ว
ชั้นเรียนกวดวิชาก่อตั้งขึ้นเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ แล้วครั้งนี้ทำเพื่ออะไรอีก เพื่อรีดไถนักธุรกิจชาวฮ่องกงอย่างนั้นหรือ?
หัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษามองหวังก่วงผิงั้แ่หัวจรดเท้า อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายสะอาดสะอ้าน ดูไม่เหมือนคนมีปัญหาทางด้านการเงินแม้แต่น้อย แต่เพื่อชื่อเสียงของฝ่ายอุดมศึกษา หัวหน้าฝ่ายจึงกล่าวเตือนเขาด้วยความหวังดี “สหายก่วงผิง ่นี้ที่บ้านยังดีอยู่หรือเปล่า ลำบากอะไรอย่าได้เกรงใจเลย บอกกับทางเราได้ ถ้าพวกเราสามารถช่วยแก้ไขได้ก็จะช่วย แก้ไขไม่ได้ก็มาปรึกษากันว่าควรแก้ไขอย่างไร หากก้าวพลาดเพียงครั้งเดียว บางครั้งอาจจะต้องเสียใจไปจนวันตาย”
ไม่พอใจบ้านที่จัดสรรให้มีขนาดเล็กไปหรือ?
ลูกโตแล้ว้าเงินเพื่อแต่งงาน?
หรือว่าภรรยาไม่มีงานทำ เลย้าให้จัดหางานให้
พูดออกมาจะทำให้ได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ แต่อย่างไรก็คงดีกว่าการไปรีดไถนักธุรกิจฮ่องกงอยู่ดี
หวังก่วงผิงอยากกระอักเืเหลือเกิน
“หัวหน้า ความคิดของผมเป็เช่นนี้ครับ ก่อนหน้านี้มีเศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกงบริจาคเงินเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย ตอนนี้นักธุรกิจชาวฮ่องกงก็จะบริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยอีก ต่อไปเื่แบบนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็ต้องมีขั้นตอนการบริหารจัดการ มีระเบียบปฏิบัติที่เป็แบบแผน โดยที่ฝ่ายอุดมศึกษาเป็ผู้กำกับและควบคุม... นี่คือความคิดของผมครับ”
ความคิดนั้นถูกต้อง
หายากยิ่งนักที่หวังก่วงผิงจะมองการณ์ไกลเช่นนี้
เศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกงบริจาคเงินสร้างมหาวิทยาลัยที่แผ่นดินใหญ่ ดังนั้นพวกนักธุรกิจฮ่องกงอยากจะบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยย่อมไม่ใช่เื่แปลก
นอกจากนักธุรกิจฮ่องกง อีกหน่อยคงมีพวกชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาบริจาคด้วยเช่นกัน
ในเมื่อเปิดประเทศแล้ว เวลาที่เกาะฮ่องกงจะถูกรวบเป็ส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ทุกอย่างล้วนกำลังพัฒนาไปข้างหน้า
หัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษายกถ้วยชารสเข้มขึ้นจิบ
“ความคิดของคุณนั้นถูกต้องแล้ว แต่วิธีการปฏิบัติกลับไม่เหมาะสม”
ความคิดที่ดูยิ่งใหญ่ใครๆ ก็สามารถพูดได้ หากบริสุทธิ์ใจจริงทำไมไม่บอกเื่นี้ในที่ประชุมของฝ่ายเล่า
นักธุรกิจฮ่องกงยินดีบริจาคเงินสามล้านหวังก่วงผิงยังไม่ยอมก้มหัวให้ ใครจะไปรู้ว่าลับหลังเขาจะกลั่นแกล้งคนอื่นอย่างไรบ้าง
เมื่อความน่าเชื่อถือถูกทำลายไปครั้งหนึ่งก็ยากที่จะสร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง ถึงอย่างไรเื่นี้จะให้หวังก่วงผิงดูแลอีกก็คงจะไม่ได้ ต่อไปเื่ที่มีความสำคัญแม้เพียงเล็กน้อย ก่อนมอบหมายให้กับหวังก่วงผิง เขาจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเสียก่อน
ตอนหวังก่วงผิงเดินออกจากห้องทำงานหัวหน้าฝ่าย ยังคงแสร้งทำท่าเหมือนไม่สะทกสะท้าน แต่ความจริงแล้วเพลิงโทสะในใจเขากำลังลุกโชน
ทำไมต้องเปิดประเทศ เมื่อก่อนก็ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ
ข้าราชการอย่างเขามีกินมีใช้ เงินเดือนและสวัสดิการก็มีพร้อมทุกอย่าง
หลังประเทศเปิดประตูสู่โลกภายนอก เสือสิงกระทิงแรดต่างก็แห่แหนกันเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก็แค่พวกที่ครอบครัวพอมีเงินอยู่บ้างไม่ใช่หรือ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอยากโอ้อวดนักใช่ไหม!
ตู้เ้าฮุยวางแผนร้ายเช่นนี้ หวังก่วงผิงคงไม่ยอมกล้ำกลืนง่ายๆ อย่างแน่นอน
แต่ตู้เ้าฮุยกลับบริจาคเงินเพิ่มอีกสามล้าน ทำเอาหวังก่วงผิงรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก
ความแค้นของทั้งสองคนเกิดขึ้นด้วยสาเหตุนี้
ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินว่าตู้เ้าฮุยบริจาคเงินให้อีกสามมหาวิทยาลัยก็รู้สึกแปลกประหลาดยิ่งนัก ทั้งตัวเลขเงินบริจาคและจังหวะเวลาล้วนน่าสงสัยเหลือเกิน ตอนหลังได้ยินกวนฮุ่ยเอ๋อเล่าถึงเบื้องลึกเื้ั เซี่ยเสี่ยวหลานก็กับขมวดคิ้วมุ่น
“รองหัวหน้าหวังใจไม่กว้างพอ อีกทั้งคุณชายตู้ผู้นี้ก็รับมือได้ยาก”
ตู้เ้าฮุยชำระแค้นได้อย่างทันท่วงที ยอมใช้เงินอีกสามล้านหยวนเพื่อบีบคั้นหวังก่วงผิง... เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกอิจฉาจะแย่อยู่แล้ว!
ใครหาเื่ก่อนย่อมเป็ฝ่ายผิด หากจะให้วิจารณ์เื่นี้อย่างไม่มีอคติ การที่หวังก่วงผิงทำเช่นนี้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะตู้เ้าฮุยไม่เชื่อฟังหวังก่วงผิง เขาเลยขัดขวางไม่ให้ตู้เ้าฮุยบริจาคเงิน ทว่าหวังก่วงผิงเคยคิดบ้างไหมว่า ทุนการศึกษาเหล่านี้สามารถช่วยเหลือคนได้มากแค่ไหน
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานหาใช่พวกเดียวกับตู้เ้าฮุย เห็นเขาจัดการกับหวังก่วงผิงแล้วเธอก็คิดขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ให้ความร่วมมือกับตู้เ้าฮุยเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ทำอะไรตามใจตัวเองจริงๆ
ทั้งมีเงิน ทั้งหลงตัวเอง แถมยังเ้าเล่ห์เพทุบาย ถ้าเขาอยาก ‘สั่งสอน’ เซี่ยเสี่ยวหลานสักหน่อยคงยากที่เธอจะป้องกันตัวเอง
“เธอรู้จักนักธุรกิจฮ่องกงคนนี้รึ?”
กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวของเซี่ยเสี่ยวหลานกับหวังก่วงผิง กวนฮุ่ยเอ๋อก็คงไม่คุยเื่ของหวังก่วงผิงให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟังเช่นนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีอะไรต้องปิดบัง เธอเล่าเื่ที่ตู้เ้าฮุยมาหาให้ฟังตามความจริง เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนเด็ดเดี่ยว เื่ที่ตัดสินใจไปแล้วย่อมไม่มีวันเปลี่ยนใจ กวนฮุ่ยเอ๋อรู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับฝั่งพ่อ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ดีถึงขั้นนี้ ถ้าเป็สมัยเพิ่งเจอหน้ากัน กวนฮุ่ยเอ๋อฟังจบแล้วคงรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ใจร้ายเกินไป พ่อแม่หย่าร้างกันแล้วแต่อย่างไรสายเืของพ่อลูกก็ยังคงอยู่ ตอนนี้เขาาเ็จึงอยากเจอหน้าลูกสาวสักครั้งก็ไม่ใช่เื่แปลก ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ควรปฏิเสธ
แต่ปัจจุบันกวนฮุ่ยเอ๋อค่อนข้างระมัดระวัง หากบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนิสัยแข็งกร้าวย่อมไม่ผิด แต่หากบอกว่าเธอเป็คนจิตใจโหดร้ายและอกตัญญู... กวนฮุ่ยเอ๋อกลับคิดว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น
นักธุรกิจหนุ่มจากฮ่องกงคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร กล้าบอกให้เสี่ยวหลานไปถ่ายละครที่ฮ่องกงอย่างนั้นหรือ
นักแสดงในแผ่นดินใหญ่ยังพูดได้ว่าเป็การแสดงเชิงศิลปะ แต่สิ่งที่ฝั่งฮ่องกงทำมันคืออะไรเล่า? วีดีโออนาจารทั้งหลายล้วนมาจากฮ่องกงทั้งสิ้น กวนฮุ่ยเอ๋อถึงกับถ่มน้ำลาย
“เลวระยำจริงๆ !”
เธอหันมองเซี่ยเสี่ยวหลาน “ว่าแต่เธอกับพ่อของเธอทำไมถึงบาดหมางกันขนาดนี้ แต่ถ้าไม่สะดวกจะไม่เล่าก็ไม่เป็ไรนะ”
ใช่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเล่าไม่ได้ แต่พอเล่าเื่เซี่ยต้าจวินก็ต้องพูดถึงเซี่ยจื่ออวี้ และพอพูดถึงเซี่ยจื่ออวี้ก็ต้องพูดถึงหวังเจี้ยนหัวด้วยเช่นกัน
มันไม่ต่างอะไรกับการเอาอดีตของ ‘เธอ’ ออกมาตีแผ่ตรงหน้ากวนฮุ่ยเอ๋อเลยสักนิด ความสัมพันธ์ของเธอกับกวนฮุ่ยเอ๋อเพิ่งจะดีขึ้น หากกวนฮุ่ยเอ๋อทราบเธอจะรับไหวหรือเปล่า!