ค่ำคืนอันเงียบสงัดปกปิดความเร่งรีบและยุ่งเหยิงทั้งหมด
ยามค่ำคืน เริ่มมืดและเงียบมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ใต้ท้องฟ้าสีครามในยามราตรี ดวงจันทร์ดวงใหญ่ส่องแสงเจิดจ้าเอย่างเยือกเย็น ราวกับน้ำในทะเลสาบที่สงบไร้คลื่น [1] ความเงียบเข้าห่อหุ้มใต้หล้าไว้อย่างเงียบๆ มีผ้าโปร่งสีขาวปกคลุมใต้หล้าที่อ้างว้างเอาไว้ชั้นหนึ่ง [2] ดวงดาวพร่างพราวส่องประกายระยิบระยับ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน มู่จื่อหลิงก็ล้มตัวลงนอนอยู่บนเตียงหยกเหมันต์ เห็นได้ชัดว่านางทั้งเหนื่อยและง่วงมาก แต่สมองยังคงครุ่นคิดไปมาไม่หยุดหย่อน...กำลังคิดว่าจะจัดการกับฮ่องเต้เหวินอิ้นผู้ยิ่งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร
หลังจากลองคิดดูแล้ว ราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งการเพ้อฝันน้อยๆ ภายในภวังค์ จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็ฝันถึงหลงเซี่ยวอวี่ ด้วยนางกับเขาไม่ได้พบเจอกันมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว
เปลือกตาที่หนักอึ้งของมู่จื่อหลิง ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จึงค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ
ราวกับฝัน แต่ก็ไม่ใช่ความฝัน ั้แ่เริ่มต้นจนถึงบัดนี้ ที่ทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูด และการกระทำของเขา ในยามนี้ มันเหมือนกับการฉายซ้ำ วนเวียนไปมาในห้วงแห่งการหลับใหลที่ไม่แน่ชัดจากอาการง่วงนอนของนาง
ฝันถึงความเฉยเมยและความเยือกเย็นของเขา ฝันถึงอำนาจที่ทรงพลังของเขา ฝันถึงความอ่อนโยนที่ทำให้มึนเมา...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้ว่านางตกอยู่ในภวังค์ที่วนเวียนไปนี้นานเพียงใด สติของมู่จื่อหลิงค่อยๆ เลือนราง ศีรษะค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปด้วยความง่วงงุน
แต่ก่อนที่นางจะผล็อยหลับไป จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบดังเข้ามาในหูของนาง
ในห้องโถงใหญ่ด้านใน นอกจากเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ จากบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบมี่แล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก แต่ในเวลานี้กลับมีเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงน้ำไหล
และเสียงกรอบแกรบที่ดังก้องเข้ามานั้น คล้ายกับเสียงฝีเท้าและเสียงเสียดสีของชุดผ้า...
มู่จื่อหลิงซึ่งอยู่ในอาการง่วงซึม กึ่งหลับกึ่งตื่น นางกลอกตาที่กำลังจะปิด ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่คิ้วซึ่งขมวดเล็กน้อยของนางกำลังจะคลายลง
ดูเหมือนว่าในเวลาเพียงครู่เดียว เสียงน้ำไหลจากบ่อน้ำพุร้อนก็กลายเป็กระแสน้ำไหลเชี่ยว ราวกับเสียงระลอกคลื่นกำลังกระเพื่อมไปมา
เสียงดังมาก ทั้งยังเหมือนจริงราวกับอยู่ใกล้หู
ขณะที่เสียงกระทบกันสงบลง มู่จื่อหลิงก็ขยี้ตาที่มีความง่วงงุนของนาง ลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่ง สายตาที่พร่ามัวของนางหันไปทางระแนงหน้าต่างซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่มี่
แต่คราวนี้ ห้องนอนใหญ่กลับเงียบลงอย่างน่าประหลาด ได้ยินเพียงเสียงกระเพื่อมเล็กน้อยของบ่อน้ำพุร้อนเท่านั้น เป็เสียงคลื่นเล็กๆ กระเพื่อมเล็กน้อย
ม่านผ้าโปร่งสีขาวที่ขอบหน้าต่างไม่ได้ถูกลดระดับลง มองผ่านระแนงหน้าต่างโปร่งที่ประดับด้วยแร่อวิ๋นหมู่ [3] จึงยังสามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกและดวงจันทร์ที่สว่างสดใสซึ่งบางครั้งถูกเมฆบดบังจนเห็นได้เพียงเลือนราง สิ่งเหล่านี้ส่องประกายระยิบระยับสว่างสดใส
มู่จื่อหลิงจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกระแนงหน้าต่างเพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นจึงกะพริบตาที่เปิดออกเล็กน้อยของนางอย่างว่างเปล่า ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
แต่ก่อนที่นางจะผล็อยหลับไปอีกครั้ง...
จู่ๆ...
‘ป๋อม’ เสียงน้ำกระทบกันอย่างแรงดังขึ้น
เสียงนี้เหมือนกับมีบางสิ่งตกลงไปในน้ำ เสียงนั้นชัดเจนและดังมาก เสียงดังกระจายไปเกือบทุกมุมของห้องขนาดใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ร่างกายของมู่จื่อหลิงก็สั่นสะท้าน ดวงตาของนางเปิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ในเวลาต่อมา มู่จื่อหลิงตื่นขึ้นเต็มตา นางลุกขึ้นจากเตียงในทันที
ปรากฏว่าเสียงกรอบแกรบที่นางได้ยินในตอนแรก ที่มีทั้งเสียงฝีเท้าและเสียงเสียดสีของผ้า มันไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็เื่จริง
นอกจากพื้นแข็งที่ทำจากหยกขาวไขมันแพะ [4] ข้างบ่อน้ำพุร้อนที่หากก้าวเดินจะมีเสียงแล้ว ทางเดินทั้งหมดถูกปูด้วยพรมสีขาวหิมะ หากเดินบนนั้นย่อมไม่มีเสียงใดๆ
แต่เสียงเมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเป็เสียงฝีเท้าของมนุษย์
หลงเซี่ยวอวี่กลับมาแล้วหรือ? หรือว่า...โจร?
จิตใจที่ขุ่นมัวและสับสนของมู่จื่อหลิงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ชั่วพริบตา นางก็เกิดอาการตื่นตระหนก
เมื่อมู่จื่อหลิงเริ่มสงสัยและใ เสียงน้ำกระเพื่อมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงสั่นไหวนั้น...ดังมาจากบ่อน้ำพุร้อน?
“ใคร?” หัวใจของมู่จื่อหลิงเต้นผิดจังหวะ สายตาของนางเพ่งเล็งไปยังทิศทางที่เกิดเสียง
ในห้องที่กว้างขวางและว่างเปล่า มีเพียงแสงจากไข่มุกราตรีไม่กี่เม็ดที่ส่องสว่างไสว มันส่องแสงสลัวภายในห้องที่มืดมิด
ไฟกลางคืนประดับมุก พรมหนานุ่มสีขาวราวหิมะ ระแนงหน้าต่างและผ้าม่านขาวโปร่ง ล่องลอยโดยปราศจากลม ดูเหมือนจะมีความรู้สึกสับสนภายใต้ความว่างเปล่าในยามนี้
ไม่ไกลนัก บ่อน้ำพุร้อนซึ่งมีพื้นที่เกือบหนึ่งร้อยตารางมี่เต็มไปด้วยไอร้อนและหมอกควัน ให้ความรู้สึกราวกับก้าวเข้าสู่แดน์บนดิน
ในยามนี้ บ่อน้ำพุร้อนทั้งเงียบและสงบ แทบไม่มีการเคลื่อนไหวใดภายในห้องโถงที่เงียบสนิท นับประสาอะไรกับการบอกว่ามีคนเข้ามา
เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวมาจากตรงนั้น มู่จื่อหลิงจ้องมองไปที่บ่อน้ำพุร้อนอันเงียบสงบ จากนั้นจึงขมวดคิ้ว
เสียงนี้ รวมทั้งการเคลื่อนไหวนี้ มันหายไปอย่างรวดเร็ว มันเร็วกว่าที่สายตาของนางจะสามารถคาดการณ์ได้
อดคิดเื่นี้ไม่ได้ มู่จื่อหลิงแอบตั้งข้อระวังในใจของตนพลางยกผ้าห่มผืนบางขึ้นคลุมกาย ก่อนจะลุกจากเตียง ไม่แม้แต่จะสวมรองเท้า นางเดินเท้าเปล่าไปยังบ่อน้ำพุร้อนทีละก้าวทีละก้าว
ใกล้เข้าไปอย่างช้าๆ จนสามารถเห็นไอร้อนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำได้อย่างชัดเจน ระลอกน้ำส่องประกายระยิบระยับ หมอกควันม้วนตัว ลอยอยู่กลางอากาศ ดึงดูดให้เกิดความรู้สึกอยากแหวกว่ายได้อย่างชัดเจนอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นผิวน้ำที่คลื่นยังไม่สงบลง มู่จื่อหลิงค่อนข้างแน่ใจว่ามีคนอยู่ที่นี่ในยามนี้
“ใครกัน?” มู่จื่อหลิงขมวดคิ้วและถามอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตอบกลับนางมา ยังคงมีเพียงความเงียบ
มีคนอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนหรือไม่?
เมื่อนึกถึงเสียงกระทบน้ำราวของตกเมื่อครู่นี้ มู่จื่อหลิงจึงมองไปที่ผิวน้ำซึ่งส่องประกายระยิบระยับอย่างระมัดระวัง ความสงสัยแวบเข้ามาในดวงตาของนาง
นางเดินไปที่บ่อน้ำพุร้อนอีกครั้ง ฝ่าเท้าอันอบอุ่นของนางละออกจากพรมอุ่นๆ เหยียบบนพื้นหินอ่อนสีขาวเรียบที่เย็นเยียบ
ในยามนี้ มู่จื่อหลิงอยู่ห่างจากบ่อน้ำพุร้อนเพียงไม่กี่ก้าว ด้านล่างของบ่อใสสะอาด แต่เนื่องจากมีเพียงแสงน้อยนิดในยามค่ำคืน ด้านล่างของบ่อจึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
มู่จื่อหลิงก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว หยุดยืนตรงขอบบ่อน้ำ โค้งกายลง หรี่ตามองไปที่ก้นของบ่อน้ำ สุดท้ายนางเห็นว่ามีคนอยู่ที่ก้นบ่อจริงๆ
มู่จื่อหลิงก้มลงอีกครั้ง พยายามมองภาพให้ชัด คนผู้นั้นก็คือ...
อย่างไรก็ตาม นางยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘วู้ว’ ร่างสูงแสนแข็งแกร่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำโดยมีสายน้ำกระเซ็นไปทุกทิศทุกทาง
น้ำกระเซ็นไปทุกทิศทุกทางย่อมนำภัยพิบัติมาสู่ปลาในบ่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
มู่จื่อหลิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แต่เดิมก็ไม่มีความสามารถที่จะหลบหลีกมันได้อยู่แล้ว
ดังนั้น โดยไม่ทันตั้งตัว นางถูกน้ำสาดกระเซ็น ปะพรมไปทั่วทั้งตัว
ทันใดนั้นนางก็เกิดความรู้สึกแย่ขึ้นมาในทันที
“ฟู่——” มู่จื่อหลิงพ่นน้ำออกมาอย่างเ็ป เมื่อครู่มีน้ำกระเด็นเข้าปากนางอย่างแรงจนเกิดความเจ็บ
ในยามนี้ นางหลับตาแน่น ใบหน้าเหี่ยวย่น เอื้อมมือออกไปเช็ดคราบน้ำที่กระเซ็นมาโดนใบหน้าด้วยความโกรธ
แม้ว่านางจะยังไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็ใคร แต่ยามนี้ มู่จื่อหลิงรู้โดยไม่ต้องคิด
ในห้องโถงชั้นในนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าขโมยจะสามารถเข้ามาได้ ด้วยแม้กระทั่งยุงก็ยังเข้ามาไม่ได้ อีกทั้งในยามนี้ยังกล้าที่จะเข้ามาแช่น้ำอีก
ยามนี้ผู้ที่อยู่ในน้ำนี้ นอกจากหลงเซี่ยวอวี่แล้ว จะเป็ผู้ใดได้อีก?
มู่จื่อหลิงเช็ดคราบน้ำรอบดวงตาของนางออกก่อนจะลืมตาขึ้น ความโกรธก่อตัวขึ้นในใจ
“หลงเซี่ยวอวี่...” มู่จื่อหลิงพูดอย่างโกรธจัด แต่พูดเพียงสามคำเท่านั้น จู่ๆ เสียงของนางก็เงียบลงในทันที
เนื่องจากภาพตรงหน้า เสียงของมู่จื่อหลิงที่ส่งมาถึงปากแล้วจึงหายกลับลงไปสู่ลำคออีกครั้ง จู่ๆ นางก็เก็บคำกลับลงไปลึกถึง่ท้อง
ดวงตาใสสีดำขาวขนาดใหญ่ของนาง ไม่แม้แต่จะกะพริบหรือเคลื่อนไหว จับจ้องไปที่หลงเซี่ยวอวี่ที่กำลังแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนครู่หนึ่ง
ในยามนี้ หลงเซี่ยวอวี่กำลังเผชิญหน้ากับมู่จื่อหลิง หลังของเขาพิงขอบบ่ออย่างเกียจคร้าน พร้อมกางแขนออก น้ำอุ่นในบ่อก็สูงเทียมเอวบางของเขาเท่านั้น
ดูเหมือนหลงเซี่ยวอวี่ไม่รู้ว่ามีคนกำลังมองมาที่เขาจากด้านหน้า เขายังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหว ดวงตาของเขาปิดสนิทราวกับว่าเขาผล็อยหลับไปแล้ว เขาราวกับกำลังผ่อนคลายและดื่มด่ำกับโลกของตัวเองอย่างเกียจคร้าน
ดูสบายใจ เปล่งประกายด้วยกลิ่นอายอันเป็เอกลักษณ์ ทั้งเ็าและสง่างาม ดูเหมือนเกียจคร้าน แต่กลับมีความเย่อหยิ่งเหนือใครบนร่างของเขา มันเป็ ‘สิ่งล่อใจ’ ที่ไม่อาจต้านทานได้
ผมสีดำราวสีหมึกเปียกโชกจนดูยุ่งเหยิง มีสองสามเส้นที่เกาะติดกับใบหน้าด้านข้างที่โค้งมนอย่างสมบูรณ์ของเขา หยดน้ำไหลเอื่อยๆ ไปตามปอยผม ไหลผ่านลำคอที่แข็งแรง ไหลเรื่อยไปยังกระดูกไหปลาร้าแสนเย้ายวน...
ผิวบริเวณหน้าอกชุ่มชื้นและกระจ่างใส กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแกร่ง มีเส้นริ้วรอยที่ดูสมบูรณ์แบบ น้ำสองสามหยดยังคงสะท้อนแสงเป็ประกายแวววาวภายใต้แสงไฟยามค่ำคืนที่อ่อนละมุน มันทั้งชุ่มชื่นและดึงดูดใจ
จากนิสัยที่เยือกเย็นและสง่างาม ไปจนถึงใบหน้าที่วิจิตรงดงามสมบูรณ์แบบ สู่ิัที่ชุ่มชื้นบนร่างกาย ทุกส่วนช่างไร้ที่ติ มีกลิ่นอายแห่งความตายแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา เรียกได้ว่าเป็สัญลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
เขาราวกับเป็ศูนย์รวมของความสมบูรณ์แบบ เปรียบเสมือนผลงานศิลปะที่ถูกสร้างมาจากฝีมือภูตผีเทพเซียน [5] สิ่งที่รวมกันนี้ล้วนเหมาะสม ด้วยความสมบูรณ์แบบของเขา แรงดึงดูดที่แผ่ออกมาจึงมีอันตรายถึงชีวิต
บ่อน้ำพุร้อนมีหมอกหนาทึบ ภาพเขาที่กำลังแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนนั้นราวกับภาพฝันที่มีเสน่ห์ชวนให้มึนเมา
ในสถานการณ์นี้ ทิวทัศน์งดงามราวภาพวาด ทำให้นางเกิดความหลงใหล คอของมู่จื่อหลิงแห้งผาก นางกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว
แต่ผู้ใดจะไปรู้ ดูเหมือนว่านางกลืนแรงและเร็วเกินไป จู่ๆ นางจึงสำลักน้ำลายของตนเอง
“แค่ก แค่ก แค่ก” มู่จื่อหลิงก้มศีรษะลง ตบหน้าอกแล้วไอออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หลงเซี่ยวอวี่ลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อน ฝีเท้าของเขาก่อให้เกิดคลื่นกระเพื่อมเป็ประกาย เขาค่อยๆ เดินไปทางมู่จื่อหลิงอย่างช้าๆ
มู่จื่อหลิงใช้เวลานานกว่านางจะหยุดไอได้
นางหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์กระสับกระส่ายถูกระงับลงได้ในที่สุด แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับเห็นเท้าที่ขาวสะอาดที่กำลังเปียกชื้นคู่หนึ่งอยู่ตรงหน้านาง
โดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาของมู่จื่อหลิงไม่เชื่อฟังคำสั่งของนางอีกครั้ง จากการมองเท้าขาวเนียนคู่นั้น นางก็ค่อยๆ เลื่อนสายตา
สายตาเลื่อนจากล่างขึ้นบน เคลื่อนไหวช้าๆ ไปยังขาเรียวขาว หน้าท้องแข็งแกร่ง หน้าอกแกร่งทรงพลัง...
ในยามนี้ ร่างกายที่เพรียวบางและสมบูรณ์แบบของหลงเซี่ยวอวี่นั้นดูมีเสน่ห์มากจนฆ่าคนได้ มันกำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาของมู่จื่อหลิงอย่างสมบูรณ์
ในที่สุด...สายตาของมู่จื่อหลิงก็หยุดลงที่ใบหน้าอันวิจิตรงดงามของหลงเซี่ยวอวี่
ดวงตาประสานกัน!
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่มีเสน่ห์และละเอียดอ่อนของหลงเซี่ยวอวี่ ดวงตาของมู่จื่อหลิงก็เบิกกว้างขึ้นทันที หัวใจที่เต้นไม่เป็จังหวะ มันแทบพุ่งออกจากปากของนางอย่างควบคุมไม่ได้
ชายผู้นี้งดงามมาก เย้ายวนใจอย่างยิ่ง ทุกจุดเผยให้เห็นถึงความมีเสน่ห์จนลืมหายใจ
ในยามนี้ มู่จื่อหลิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] น้ำในทะเลสาบที่สงบไร้คลื่น (平静无波的泓泉) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า เหตุการณ์สงบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
[2] ผ้าโปร่งสีเงินปกคลุมใต้หล้าไว้ชั้นหนึ่ง (大地镀上了一层银白色的轻纱) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า มีบางสิ่งที่ถูกปกปิดไว้ ไม่ให้ผู้ใดได้รับรู้ ส่วนมากใช้กับเื่ใหญ่ที่อาจส่งผลในวงกว้าง
[3] แร่อวิ๋นหมู่ (天然云母) แร่ธาตุซิลิเกต นิยมนำมาใช้ในการเคลือบสิ่งของให้มันวาวเป็ประกาย
[4] หยกขาวไขมันแพะ (白羊脂玉) เป็หินหยกที่มักทำเป็สร้อยหรือกำไลข้อมือ หรือไม่ก็นำไปแกะเป็พระพุทธรูป มีความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความสงบ ช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีและพลังลบออกจากผู้สวมใส่ และนำมาซึ่งความสงบสุขและโชคดี
[5] ฝีมือภูตผีเทพเซียน (鬼斧神雕) เป็สำนวน มีความหมายว่า ยอดเยี่ยมแทบจะเกินจากสิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ ส่วนมากใช้บรรยายความวิจิตรงดงามของเทคนิคสถาปัตยกรรมและประติมากรรม