“แม่หนูถง เ้าว่ามาซิ ว่าจะจัดการเื่วันนี้อย่างไร” ด้วยท่าทางอ่อนน้อมของโม่เสวี่ยิ่ ทำให้เหล่าไท่ไท่รู้สึกพึงพอใจ จึงหันกลับมาถามคาดคั้นกับโม่เสวี่ยถงอีกครั้ง
ทางจวนเจิ้นกั๋วโหวยื่นคำขาดมาเป็ครั้งสุดท้าย หากไม่สามารถหาคำอธิบายให้กับพวกเขาได้ภายในเย็นนี้ ก็ช่วยไม่ได้ เื่นี้จะต้องเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ อย่างมากพวกเขาก็ส่งเกี้ยวเล็กหลังหนึ่งมารับโม่เสวี่ยฉงเข้าจวนไปเป็อนุภรรยาเท่านั้น การกระทำเช่นนี้ยังเป็การส่งเสริมชื่อเสียงอันดีงามให้กับจวนเจิ้นกั๋วโหวได้อีกด้วย
แต่เื่นี้กลับสร้างความด่างพร้อยให้กับสกุลโม่ ว่าคุณหนูสกุลโม่ไร้คุณธรรมสำนึก จึงเป็ได้เพียงอนุภรรยา ผู้ที่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วยก็คือคุณหนูทั้งหมดในสกุลโม่ เื่นี้จึงเป็เื่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้เหล่าไท่ไท่โกรธเป็ฟืนเป็ไฟเยี่ยงนี้
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือจะต้องบีบบังคับให้โม่เสวี่ยถงยอมรับเื่นี้ให้ได้ ขอเพียงนางยอมแต่งงาน เจิ้นกั๋วโหวก็ยินดีส่งแม่สื่อเข้ามาเจรจาสู่ขอธิดาภรรยาเอกของสกุลโม่ ก็จะช่วยกลบข่าวที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงลงได้
การตัดสินใจของเหล่าไท่ไท่กับเป้าหมายของโม่เสวี่ยิ่เป็สิ่งเดียวกัน ดังนั้นเหล่าไท่ไท่จึงพุ่งหัวหอกมาที่โม่เสวี่ยถงโดยเจตนา
โม่เสวี่ยถงยิ้มเยาะในใจ มองดูโม่เสวี่ยิ่ที่แสร้งปาดน้ำตาทำตัวดั่งเป็ผู้ถูกใส่ร้าย และหันมามองสีหน้าบึ้งตึงฉายแววดุดันของเหล่าไท่ไท่ ริมฝีปากพลันกระดกยิ้มบางเบา
“ท่านย่ายังจะจัดการอันใดได้อีกหรือเ้าคะ ชื่อเสียงของน้องสี่ถูกเจิ้นกั๋วโหวซื่อจื่อทำลาย ก็ย่อมต้องให้ซื่อจื่อเป็ผู้รับผิดชอบ วันนี้ผู้ที่ชักชวนถงเอ๋อร์กับฉงเอ๋อร์ไปชมดอกเหมยก็คือพี่หญิงใหญ่ และนางก็เป็คนเปิดม่านรถขึ้น หากกล่าวว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับจวนโม่ของเราเลย เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ แต่หากยกเื่นี้ขึ้นมาคุยกันจริงๆ ทั้งพี่หญิงใหญ่ ข้าและน้องสี่ล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งสิ้น ท่านย่าจะทนดูชื่อเสียงของพวกเราทั้งสามคนถูกทำลายพร้อมกันหมดได้หรือเ้าคะ”
หากเกิดเื่กับธิดาทั้งสามของสกุลโม่ ที่ต้องสูญเสียมิใช่เพียงชื่อเสียงของคนแค่สามคน โม่เสวี่ยถงไม่เชื่อว่าเหล่าไท่ไท่จะยอมเอาชื่อเสียงของหลานสาวแท้ๆ ของตนมาเป็เดิมพัน โม่เสวี่ยเยี่ยนซึ่งอยู่ด้านข้างเริ่มรู้สึกได้ว่าไฟจะลามเผามาถึงตนเองแล้ว จึงเริ่มประคองสีหน้ายิ้มย่องเอาไว้ไม่อยู่ ยื่นมือไปกระตุกแขนเสื้อของเหล่าไท่ไท่เบาๆ
โม่เสวี่ยิ่บันดาลโทสะจนแทบอดใจไม่อยู่ อยากเข้าไปฉีกปากโม่เสวี่ยถงให้ขาดเป็ชิ้นๆ เมื่อเห็นเื่ราวกลับตาลปัตรย้อนเข้าหาตัว แล้วจะไม่ให้นางแค้นใจจนปากคอสั่นได้อย่างไรเล่า แววตาร้ายกาจสาดพุ่งไปที่โม่เสวี่ยถง แต่กลับเสแสร้งตีสีหน้าคล้ายไม่ได้รับความเป็ธรรมอย่างถึงที่สุดกับเหล่าไท่ไท่
“ท่านย่า ิ่เอ๋อร์ย่อมอยากจะรับผิดชอบเื่นี้ แต่ความ้าของจวนเจิ้นกั๋วโหว... หากิ่เอ๋อร์สามารถออกรับโทษแทนได้จริงๆ ิ่เอ๋อร์ย่อมยินดีอยู่แล้วเ้าค่ะ”
เจิ้นกั๋วโหวแสดงเจตนา้าแต่งธิดาภรรยาเอก นางกับโม่เสวี่ยฉงเป็เพียงบุตรอนุ แม้อยากจะแต่งออกไปเพื่อชดใช้ความผิด แต่จวนเจิ้นกั๋วโหวย่อมไม่้า
บัดนี้ผู้ที่สามารถออกหน้ารับผิดแทนผู้อื่นได้มีเพียงโม่เสวี่ยถงผู้เดียวเท่านั้น ขอเพียงนางยอมรับปาก ชื่อเสียงของธิดาสกุลโม่ทั้งหมดก็จะไม่ถูกทำลาย ซือหม่าหลิงอวิ๋นจะยอมรับความผิดทั้งหมดเอาไว้เอง ก็แค่บุรุษที่คิดเล่นลูกไม้เล็กๆ กับสตรีที่ตนเองพึงใจ จะมีอะไรเสียหายเล่า ในแคว้นฉินเคร่งครัดยิ่งกับสตรี แต่กลับหละหลวมกับบุรุษ เื่พรรค์นี้หากเกิดจากการกระทำของบุรุษก็เรียกว่าเป็เพียงความเ้าชู้ แต่หากสตรีเป็ผู้ก่อเื่ก็จะกลายเป็ความชั่วช้าสามานย์ทันที
คำกล่าวนี้ โม่เสวี่ยิ่บอกมาเป็นัยว่าให้นางทำเพื่อชื่อเสียงของจวนโม่ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องบีบโม่เสวี่ยถงให้ยอมจำนนให้ได้ ถึงไม่ยอมก็ต้องยอม!
เหล่าไท่ไท่เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกดีกับโม่เสวี่ยถงอยู่แล้ว เมื่อเข้าใจความหมายของโม่เสวี่ยิ่ ย่อมไม่ลังเลใจ กล่าวกับโม่เสวี่ยถงด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “พี่สาวเ้ามีความรับผิดชอบ หรือว่าเ้าไม่มี แม้ว่านางจะกล้ารับว่าเป็ความผิดของตนเอง ยอมใช้ตัวเองไถ่โทษ แล้วเ้าล่ะ เป็ถึงคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอก ถึงตอนนี้ข้ายังไม่เห็นว่าเ้าจะแสดงความรับผิดอันใด เ้าคงคิดว่าผู้อื่นตาบอดกันหมด ไม่เห็นเจตนาชั่วร้ายของเ้าล่ะสิ”
มือของเหล่าไท่ไท่ตบโต๊ะอย่างแรง มองหน้าโม่เสวี่ยถงอย่างเกรี้ยวกราด “มันเป็หน้าที่ของเ้า เ้าต้องยอมรับ”
เหล่าไท่ไท่ออกปากมาแล้วว่าให้โม่เสวี่ยถงเป็ผู้รับผิดชอบ
ยามนี้นับว่าโม่เสวี่ยถงมองเห็นทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว เหล่าไท่ไท่มิได้มีใจทำเพื่อคนในจวนนี้อย่างแท้จริง วันนี้จึงยอมใจดำบีบบังคับให้ตนเองยอมแต่งให้จวนเจิ้นกั๋วโหว เพื่อปกป้องชื่อเสียงของหลานสาวแท้ๆ ของตนเอง แต่โม่เสวี่ยเยี่ยนสำคัญตนเองสูงเกินไปหรือไม่ เป็แค่บุตรสาวของพ่อค้าคนหนึ่ง หมายจะแต่งเข้าตระกูลสูงศักดิ์ นิสัยก็น่ารังเกียจ มิหนำซ้ำยังปากเสียและความคิดตื้นเขินเช่นนั้น...
“น้องหญิงถง เื่นี้เ้าสมควรต้องรับผิดชอบมากที่สุด พี่หญิงใหญ่ก็ใจกว้างถึงเพียงนี้แล้ว เ้าเป็ถึงธิดาภรรยาเอกของจวนโม่ จะยอมตกเป็ขี้ปากของผู้อื่นได้อย่างไร” โม่เสวี่ยเยี่ยนสอดปากเข้ามาแทรก สีหน้าเผยแววเยาะหยัน “เ้าคงไม่อาจไม่แยแสต่อชื่อเสียงของสตรีคนอื่นๆ ในสกุลโม่กระมัง”
ประโยคหลังสุดต่างหากคือใจความสำคัญที่นาง้าพูด แต่การเอ่ยถ้อยคำทำนองนี้ในเวลาเช่นนี้ ต้องเป็คนใจดำพอจึงจะกล่าวออกมาได้
“น้องสามรีบยอมรับผิดกับท่านย่าเถอะ แล้วก็รับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง อย่าทำให้ท่านย่าโมโห ตอนนี้ท่านพ่อไม่อยู่บ้าน พวกเราต้องแสดงความกตัญญูต่อท่านย่า เ้าจะทำให้ท่านย่าขุ่นเคืองใจแบบนี้ไม่ได้นะ” โม่เสวี่ยิ่ยิ่งเติมเชื้อไฟด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับว่าหากโม่เสวี่ยถงไม่ยอมเอ่ยปากรับผิดชอบเื่ราวทั้งหมดในวันนี้ นางจะกลายเป็คนอกตัญญู
“ท่านย่า ไม่ทราบว่าเื่นี้ท่านจะให้ข้ารับผิดชอบอย่างไรเ้าคะ” นางถามเสียงเรียบ สีหน้านิ่งสงบ คล้ายกับเอ่ยถึงเื่ของผู้อื่น ดวงตายิ่งนิ่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ใครเห็นย่อมหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ
แม้ว่าเหล่าไท่ไท่จะมีบทสรุปภายในใจของตนเองแล้ว แต่เมื่อถูกนางถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก็รู้สึกปากหนักขึ้นมา ยิ่งถูกโม่เสวี่ยถงจ้องด้วยสายตาใสซื่อบริสุทธิ์เยี่ยงนี้ ชั่วพริบตานั้นก็รู้สึกยากจะเอ่ยปากออกไป เดิมทีคิดจะให้โม่เสวี่ยถงออกปากรับด้วยตนเองว่าจะยอมแต่งให้จวนเจิ้นกั๋วโหว แต่คิดไม่ถึงว่าการเอ่ยถามอย่างเยือกเย็นสงบนิ่งของนาง กลับเป็การต้อนให้ตนเองไปถึงจุดสำคัญที่น่าลำบากใจ
เมื่อถูกดรุณีน้อยคนหนึ่งถามอย่างตรงไปตรงมา เหล่าไท่ไท่ก็นิ่งอึ้ง ั์ตาฉายแววคล้ายจนมุม
เื่นี้ผู้คนต่างรู้ว่าผู้ที่ทำชื่อเสียงด่างพร้อยก็คือโม่เสวี่ยฉง แม้ว่าในใจของเหล่าไท่ไท่จะ้าให้โม่เสวี่ยถงออกรับแทนก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาตรงๆ แต่ไหนแต่ไรมีแต่บุตรอนุออกรับโทษแทนบุตรภรรยาเอก มีที่ไหนให้บุตรภรรยาเอกออกรับโทษแทนบุตรอนุ จุดประสงค์เดิมของนาง้าให้โม่เสวี่ยถงเอ่ยปากออกมาเอง หากนางเป็คนออกตัว ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าโม่ฮว่าเหวินกลับมาจะโทษว่าเป็ความผิดของนางหรือไม่ แค่จวนฝู่กั๋วกงที่เป็ฐานสนับสนุนของโม่เสวี่ยถงนางก็ไม่กล้าเข้าชนแล้ว เมื่อคิดถึงเื่นี้ เหล่าไท่ไท่ก็มีท่าทางลังเลใจขึ้นมา ทำท่าจะตีกลองเลิกศาล ใคร่ครวญเงียบๆ ไม่เอ่ยวาจา สายตามองไปที่โม่เสวี่ยิ่
เห็นเหล่าไท่ไท่หยุดไตร่ตรอง โม่เสวี่ยิ่ก็นิ่งอยู่ไม่ไหว ลอบมองไปที่ผู้าุโตรงหน้า เห็นนางสีหน้านิ่งไม่ยอมพูดจาก็แอบด่าอยู่ในใจว่าเป็ยายเฒ่าไร้ประโยชน์ นางกับเหล่าไท่ไท่สถานะไม่เหมือนกัน เื่วันนี้ ผู้าุโสูงสุดก็คือเหล่าไท่ไท่ ผลที่จะเกิดตามมาหลังจากนี้เหล่าไท่ไท่ย่อมเป็ผู้รับผิดชอบ นางเป็เพียงแค่คุณหนูที่ยังไม่ออกเรือน จะรู้เื่อะไรมากมาย แม้ว่าจะพูดสิ่งใดผิดไป ผู้อื่นก็จะเห็นว่านางยังเป็ผู้น้อยด้อยประสบการณ์ จึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย
เป้าหมายของนางกับซือหม่าหลิงอวิ๋นในวันนี้คือโม่เสวี่ยถง ต่อมาแผนการเกิดผิดพลาดทำให้กลายเป็โม่เสวี่ยฉงแทน ใจนางนึกแค้นเคืองที่แผนการล่มไม่เป็ท่า ข่าวลือที่ฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวปล่อยออกไป เอื้อต่อแผนการของนาง ผู้ที่เห็นเื่ราวั้แ่ต้นมีไม่มาก ขอเพียงตนเองกัดโม่เสวี่ยถงไม่ปล่อย แม้ผู้อื่นจะแคลงใจบ้าง… แล้วอย่างไร
นอกจากนี้เพื่อให้โม่เสวี่ยถงแสดงความรับผิดชอบ ตนเองจึงเอ่ยปากยอมรับผิดด้วย แค่นี้ก็ไม่มีใครสงสัยในตัวนางอีกแล้ว เมื่อเห็นโม่เสวี่ยถงดื้อเพ่งไม่ยอมรับจึงกล่าวแนะเสียงเบาอย่างย่ามใจ “หากน้องสามคิดจะรับผิดชอบจริงๆ ก็มีวิธีการอยู่ ขอเพียงแค่ยอมรับว่าคนที่อยู่บนรถคือเ้า ไม่ใช่น้องสี่แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว น้องสามเป็บุตรภรรยาเอก ชื่อเสียงที่ผ่านมาก็ไม่เลว ถึงข่าวลือนี้จะแพร่ออกไป ผู้คนก็จะคิดว่าเป็เพราะซื่อจื่อความคิดตื้นเขิน แต่น้องสี่ไม่เหมือนกัน นางเป็บุตรอนุภรรยา คนอื่นจะคิดว่านางอยากขยับฐานะ จึงมีเจตนาวางแผนจับซื่อจื่อ ทำให้ชื่อเสียงของสตรีทั้งสกุลโม่ด่างพร้อยไปด้วย น้องสามคิดว่าอย่างไร?”
โม่เสวี่ยิ่ทำท่าใจกว้างชี้แนะให้โม่เสวี่ยถงด้วยความจริงใจ เมื่อชาติก่อนโม่เสวี่ยถงถูกหน้ากากเสแสร้งแกล้งเป็คนดีแบบนี้หลอกลวง สุดท้ายจึงต้องตายไร้ที่กลบฝัง เจ็บแค้นฝังใจไม่ลืมเลือน
เมื่อหัวใจเ็ป เล็บมือยิ่งจิกแน่นเข้าไปกลางอุ้งมือ ก้มหน้าหลุบตาลงข่มความเคียดแค้นไว้ใต้ก้นบึ้งดวงตา โม่เสวี่ยิ่คิดว่าตนเองเป็โม่เสวี่ยถงที่โง่งมไม่รู้เื่ราวเหมือนชาติปางก่อนหรืออย่างไร ให้นางออกรับแทนโม่เสวี่ยฉง ยังบอกอีกว่าชื่อเสียงของนางดีงาม หากตนเองยอมรับ พรุ่งนี้เจิ้นกั๋วโหวก็จะส่งเทียบมาสู่ขอ ทั้งท่านพ่อและจวนลั่วจะพูดอะไรได้อีก
หากชื่อเสียงของนางถูกทำลาย ยังจะแต่งให้ใครได้อีก เจิ้นกั๋วโหวซื่อจื่อยินดีรับผิดชอบ ผู้คนต่างชื่นชมว่าเขาเป็ลูกผู้ชาย เพื่อรักษาชื่อเสียงให้สตรีในห้องหอผู้หนึ่ง จึงยอมแต่งนางเป็ภรรยา แต่ตนเองไม่เพียงแต่ต้องตกเป็ที่ครหาของผู้คน ยังต้องตกเป็เครื่องมือให้ซือหม่าหลิงอวิ๋นหลอกใช้ หลังจากใช้ประโยชน์จนพอใจแล้วก็ผลักตนเองไปสู่ความตาย นับจากนี้ต่อไปก็ไม่อาจเงยหน้าอ้าปาก ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้อีกเลย
สตรีที่เสียชื่อเสียงไปแล้ว แม้ว่าจะได้แต่งงานอย่างออกหน้าออกตา ก็ไม่พ้นต้องถูกผู้คนเหยียดหยาม
โม่เสวี่ยิ่ช่างวางแผนได้เหนือชั้นยิ่งนัก!
แม้เล็บมือจะจิกเข้ากลางอุ้งมือจนรู้สึกเ็ป แต่ความเ็ปรุนแรงนั้นทำให้ดวงตาที่แดงก่ำกลับมาสดใสเช่นปรกติ
โม่เสวี่ยิ่วางหมากมาเช่นนี้ นางย่อมไม่อาจให้นางสมหวัง คิดแล้วก็เงยหน้าขึ้นทอยิ้มเย็นเยือก จ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของโม่เสวี่ยิ่ น้ำเสียงปราศจากความนุ่มนวลอ่อนโยนแม้แต่น้อย
“พี่หญิงจะให้ข้ายอมเสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วโหวแต่โดยดีกระนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วโหวตกต่ำมานานแล้ว พี่หญิงก็ยังอุตส่าห์เหนื่อยยากคิดแผนการช่วยเหลือ ไม่รู้จริงๆ ว่าซื่อจื่อให้ผลประโยชน์อะไรหนักหนา ถึงทำให้ท่านต้องวางอุบายมากมายถึงเพียงนี้ด้วย แม้แต่ชื่อเสียงของสตรีสกุลโม่ก็ยังใช้เป็หมากได้ ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าพี่หญิงจะใจใหญ่ถึงเพียงนี้”
เมื่อกระชากโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาได้แล้ว ก็ไม่ต้องแยแสสิ่งใดอีก
“ไม่ทราบว่าพี่หญิงใหญ่เคยคิดหรือไม่ ว่าเมื่อสาดน้ำโสโครกใส่ร่างพี่น้อง ความสกปรกนั้นก็จะติดร่างของตนเองไปด้วย แม้ว่าข้าจะเป็คุณหนูสามของจวนโม่ แต่ก็เป็บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกเพียงคนเดียวของท่านพ่อ หากข้าเกิดเื่ขึ้นมาจริงๆ คุณหนูคนอื่นๆ ของสกุลโม่จะยังมีศักดิ์ศรีหลงเหลืออยู่อีกหรือ ซือหม่าหลิงอวิ๋นทำลายชื่อเสียงของน้องสี่ พี่หญิงไม่คิดติดตามเอาเื่ กลับเพียรแต่ให้ข้ายอมรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ไม่รู้ว่าผู้คนจะคิดว่าพี่หญิงเป็คนไม่มีคุณธรรม ไร้ยางอายหรือไม่...”
“น้องสาม เ้ามาว่าข้าแบบนี้ได้อย่างไร...” โม่เสวี่ยถงพลิกสีหน้ากะทันหัน ทำให้โม่เสวี่ยิ่ตะลึงพรึงเพริด หลังจากตั้งสติได้แล้ว ก็หมุนกายถลาเข้าไปคุกเข่าที่เท้าของเหล่าไท่ไท่ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงเตา หยิบผ้าแพรขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ท่านย่าช่วยจัดการให้ิ่เอ๋อร์ด้วย น้องสามพูดจาเช่นนี้กับิ่เอ๋อร์ได้อย่างไร ิ่เอ๋อร์ทำทุกอย่างก็เพื่อนางทั้งสิ้น แล้วไฉนจึงกลายเป็คนแบบนั้นไปได้ ท่านย่า... ิ่เอ๋อร์ถูกกล่าวหาถึงเพียงนี้ ไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า”
พูดถึงเท่านี้ก็ดึงชายเสื้อของเหล่าไท่ไท่ ร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง แล้วจู่ๆ ลุกพรวด หมุนตัววิ่งเข้าชนต้นเสาที่อยู่ด้านข้าง
โม่ซิ่วที่อยู่ด้านหลังดึงตัวนางไว้ กอดรัดนางแน่นอย่างเอาเป็เอาตาย ะโร้องอย่างร้อนใจ “เหล่าไท่ไท่ช่วยด้วยเ้าค่ะ ช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกเราด้วย คุณหนูสาม ท่านพูดแบบนี้กับคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร หากนายท่านกลับมาแล้วรู้ว่าคุณหนูสามก่อเื่เช่นนี้คงจะโกรธมาก แม้จะแค้นเคืองที่ถูกนายท่านทิ้งไว้ที่เมืองอวิ๋นเฉิงโดยไม่เหลียวแล แต่เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่ของพวกเราเลย จึงไม่ควรมาระบายอารมณ์กับคุณหนูใหญ่เช่นนี้ สงสารก็แต่คุณหนูใหญ่ที่เห็นแก่ความเป็พี่น้อง เื่วันนี้ก็เพียงแค่อยากเห็นทุกคนปรองดองกัน แต่ไฉนเมื่อคำพูดออกจากปากของคุณหนูสาม คุณหนูใหญ่ของเราจึงกลายเป็คนแบบนั้นไปได้”