เช้าวันที่สองกำลังจะมาถึง หลงเหยียนดวงตาแดงก่ำ ราชสีห์หิรัณย์เฝ้าอยู่ข้างกายเขา ใช้ลิ้นที่ใหญ่และหนาของมันเลียแขนหลงเหยียนเป็ระยะๆ
“พี่เหยียน วันนี้เป็วันแข่งขันล่าสัตว์ สภาพของท่านกลับไม่ค่อยดี คาดว่าที่แม่ของท่านไม่ยอมรับท่าน ย่อมมีเหตุผลที่มิอาจพูดได้เป็แน่!”
หลงเหยียนลูบหัวของเขาอย่างแ่เบา “ช่างเถิด ในเมื่อนางไม่ยอมรับข้า แล้วไยข้าต้องไปสนใจนาง ข้าเพียงต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น และจะไม่ยอมให้ใครมาพูดลับหลังว่าข้าเป็เด็กที่ไร้แม่สั่งสอน”
จากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตรวจดูาแบนร่างกายตน เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาร้ายแรง พอทำทุกอย่างเสร็จสิ้น รอยยิ้มอย่างมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็เฉียบคมมากขึ้น
“ตระกูลเซียว พวกเ้ารอข้าก่อน พวกเ้าทุกคนล้วนสมควรตาย ข้าจะไม่ปล่อยพวกเ้าไปแม้แต่ผู้เดียว”
ขณะที่พูดเขาก็แตะศีรษะของราชสีห์หิรัณย์ “มาเถอะ ไปที่ห้องโถงด้านหน้ากับข้า ในเมื่อท่านปู่ให้ข้าเคลื่อนไหวด้วยตัวคนเดียว ข้าก็ขอพาเ้าไปด้วย คาดว่าท่านคงไม่รังเกียจกระมัง”
เมื่อได้ยินดังนั้นราชสีห์หิรัณย์ก็เริงร่า ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องโถงด้านหน้าของวิหารหลงอู่ ในเวลานี้ทุกคนล้วนเตรียมพร้อมแล้ว เมื่อสายตาของหลงเหยียนประสานกับหลงป้าเทียน หลงป้าเทียนแหงนหน้ามองฟ้า ชูนิ้วโป้งแล้วคว่ำลงให้หลงเหยียน
หลงเหยียนี้เีสนใจเขา แต่เมื่อเขาก้าวเข้าสู่เทือกเขาหยุนหลัว เขาต้องออกห่างจากคนเหล่านี้โดยเร็ว อย่างไรเสียตัวข้าก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับเทือกเขาหยุนหลัว ทั้งหมัดมายาแปดทิศ ยังมีวิชาประสานจิต หลงเหยียนไม่เชื่อว่าครั้งนี้ตัวเองจะเป็ผู้แพ้
ผู้าุโแห่งตระกูลหลงเฝ้าอยู่ในบ้านของตระกูล ส่วนบิดาหลงอีก็พาคนหนุ่มในตระกูลเดินทางมายังเทือกเขาหยุนหลัว
คาดว่าในเวลานี้คนตระกูลเซียวก็กำลังเดินทางมายังเทือกเขาหยุนหลัวเช่นกัน!
ครั้งนี้ตระกูลหลงอู่มีผู้ถูกเลือกเจ็ดคน ส่วนตระกูลเซียก็ผ่านการคัดเลือกทั้งหมดเจ็ดคนเช่นกัน
ตระกูลหลงได้แก่ หลงเหยียน หลงอวี่ซี หลงเซ่าโหยว หลงห่าวเทียน หลงหยุนฉี หลงอวี่หยาง ส่วนคนสุดท้ายก็คือหลงป้าเทียนที่ปรากฏตัวเมื่อวันก่อน ระดับพลังชีพัขั้นที่แปดหนึ่งคน ขั้นที่หกสองคน ขั้นที่ห้าหนึ่งคน ขั้นที่สี่หนึ่งคนและขั้นที่สามหนึ่งคน
จากพละกำลังปัจจุบัน หลงป้าเทียนเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้ พลังชีพัล้ำลึกยากที่จะประมาณการได้ ก่อนออกเดินทางผู้าุโแห่งตระกูลหลงได้ชี้แนะสั่งสอนไว้มาก ให้เขาดูแลคนอื่นๆ ในตระกูลหลง
นอกจากนี้ตัวแทนของตระกูลเซียวคือเซียวเชียนมั่ว เซียวปิงหลาน เซียวปิงมั่ว เซียวเทียนเซี่ยว เซียวเทียนอวี่ เซียวจื่อมั่ว และยังมีเซียวหลานเฟิง ลูกชายผู้นำตระกูล พละกำลังของเขาเป็รองเซียวเชียนมั่วเพียงผู้เดียว ซึ่งก็คือพลังชีพัขั้นที่เจ็ด
ตระกูลเซียวมีระดับพลังชีพัขั้นที่เจ็ดสามคน ขั้นที่หกสองคน ขั้นที่สี่หนึ่งคนและขั้นที่สามหนึ่งคน
กล่าวจากพละกำลังโดยรวมแล้ว ตระกูลเซียวแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลงเล็กน้อย เพียงแต่ยังมีตัวแปรสำคัญอีกหนึ่งสิ่งคือหลงเหยียน หลงเหยียนเป็สุดยอดผู้เก่งกาจโดยแท้จริง กติกาที่เข้าสู่เทือกเขาหยุนหลัวในครั้งนี้คือภายในเจ็ดวัน ฝ่ายไหนได้ลูกแก้วปีศาจมากที่สุด ก็เป็ฝ่ายชนะ นอกจากตระกูลที่แพ้ต้องมอบเคล็ดวิชายุทธ์ของตระกูลตนให้อีกฝ่ายแล้ว ผู้ที่ได้ลูกแก้วปีศาจมากที่สุดยังมีโอกาสเดินทางไปยังตระกูลอู่ตี้อีกด้วย
แข่งขันล่าสัตว์ ในขณะเดียวกันยังต้องระวังอีกฝ่าย นี่เรียกได้ว่าเป็เกมแห่งการเข่นฆ่าที่โหดร้ายอย่างแท้จริง
หลังจากได้รับอนุญาตจากผู้าุโตระกูลหลง หลงเหยียนจึงสามารถพาราชสีห์หิรัณย์ที่ดูไม่โดดเด่นไปด้วย พวกเขาล้วนคาดไม่ถึงว่าราชสีห์หิรัณย์ผอมแห้งตัวนี้คือสัตว์เทพระดับทองคำขั้นที่ห้า
คนที่หลงเหยียนค่อนข้างเป็ห่วงก็คือหลงหยุนฉี หากว่านางอยู่ข้างพี่หลงอวี่ซีตลอด ด้วยนิสัยของนาง เชื่อว่านางต้องปกป้องลูกพี่ลูกน้องคนเล็กสุดในตระกูลคนนี้ได้อย่างแน่นอน
หลงป้าเทียน เ้าหมอนี่ ถ้าเขากล้าแย่งลูกแก้วปีศาจของผู้อื่นในตระกูล หลงเหยียนไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่...
ทว่าสิ่งที่ทุกคนล้วนไม่รู้ก็คือ ณ เวลานี้ ในบ้านตระกูลเซียว เซียวหยุนเหว่ยกับอู่หยาประมุขแห่งสำนักบงกชมารกำลังปรึกษาหารือกันว่าจะเล่นงานตระกูลหลงอย่างไร ในขณะที่ผู้าุโตระกูลหลงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เนื่องจากในวันก่อนตอนที่จัดงานเฉลิมฉลอง สมาชิกทุกคนในตระกูลเซียวล้วนกินพิษสิบลี้ไร้สีไร้กลิ่นที่หลงจ้านเป็คนจัดเตรียม เมื่อใช้พลังชีพั ร่างกายจะไร้เรี่ยวแรง
เพียงไม่นานคนตระกูลหลงกับคนตระกูลเซียวล้วนรวมตัวกันอยู่ที่ตีนดอยเทือกเขาหยุนหลัว
ในเวลานี้สตรีวัยกลางคนที่เป็ตัวแทนของเมืองหยุนจงยืนอยู่ด้านหน้าสุด ในฐานะที่เป็ผู้ดูแล กวาดตามองวัยหนุ่มสาวของตระกูลหลงกับตระกูลเซียว
เมื่อสายตาของหลงเหยียนประสานกับสายตาของคนตระกูลเซียว โดยเฉพาะตอนที่เซียวปิงมั่วยื่นนิ้วออกมา ชูนิ้วกลางให้หลงเหยียนเป็การท้าทาย หลงเหยียนกลอกตา
“พี่เหยียน ถึงเวลาท่านจะเลือกเดินทางคนเดียวจริงๆ หรือ กลับนำสัตว์เลี้ยงของท่านไปเพียงตัวเดียว”
หลงเหยียนพยักหน้า
“วางใจเถอะ ไม่ต้องเป็ห่วงข้า เพียงแต่เ้าต้องระวังเ้าหมอนั่น”
ในขณะที่กล่าวหลงเหยียนสบตากับหลงป้าเทียน
ขณะที่สตรีวัยกลางคนกล่าวเสียงดัง “เอาละ ตอนนี้ข้าขอประกาศว่าหนุ่มสาวของตระกูลหลงกับตระกูลเซียวได้เข้าสู่เทือกเขาหยุนหลัวอย่างเป็ทางการ พวกเ้าต่างก็มีโชคชะตาของตัวเอง ก่อนหน้านี้ข้าได้อธิบายกฎกติกาให้พวกเ้าฟังอย่างชัดเจนแล้ว”
กล่าวแล้วนางก็มอบถุงผ้าให้หนุ่มสาวทุกคน คนละหนึ่งใบ
“นี่คือถุงผ้าเฉียนคุน พวกเ้าเอาลูกแก้วปีศาจทั้งหมดที่ได้ใส่ไว้ในนี้ จำไว้ว่าต้องรักษาถุงผ้าเฉียนคุนของพวกเ้าให้ดี ห้ามให้ผู้อื่นมาแย่งชิงไปอย่างเด็ดขาด!”
“ถุงผ้าเฉียนคุน?” ในดวงตาของทุกคนที่เห็นสิ่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ต้องรู้ว่าถุงผ้าเฉียนคุนสามารถใส่ทุกสรรพสิ่งได้ ถุงผ้าเฉียนคุนใบเล็กๆ แต่พื้นที่ด้านในนั้นกลับกว้างใหญ่เหลือเกิน
คิดไม่ถึงว่าตระกูลอู่ตี้ช่างใจกว้างมากเช่นนี้ นี่คือถุงผ้าเฉียนคุนระดับมายาขั้นกลางในตำนานแล้ว ความล้ำค่าของมันมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีปัญญาซื้อ แม้แต่ผู้าุโตระกูลหลงก็ยังอาจไม่มีสิ่งนี้
คาดว่าหลังจากการแข่งขันล่าสัตว์จบลง ถุงผ้าเฉียนคุนนี้ยังต้องส่งคืนกลับไป...แม้ทุกคนจะรู้สึกเสียดายและแสดงออกถึงความโลภ
“เอาละ ส่วนวิธีการใช้ถุงผ้าเฉียนคุนคงไม่ต้องให้ข้าอธิบายแล้ว พวกเ้าออกเดินทางเถอะ...” หลังจากที่สตรีวัยกลางคนะโ หนุ่มสาวตระกูลหลงและตระกูลเซียวกล่าวอำลาผู้าุโของตน จากนั้นรีบก้าวเข้าสู่เทือกเขาหยุนหลัว
ก่อนออกเดินทาง สตรีผู้นั้นหันกลับไปมองหลงเหยียนอยู่เนิ่นนาน ในสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ท่านแม่ เป็ท่านจริงๆ หรือไม่ ข้าไม่รู้ว่าท่านผ่านอะไรมาบ้าง แต่ข้ารู้ว่าพละกำลังของท่านแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว เกรงว่าแม้แต่ท่านพ่อก็มิอาจใช่คู่ต่อสู้ของท่าน หรือท่านจะไม่ใช่แม่ของข้า หากเป็เช่นนั้น เหตุใดท่านจึงช่วยข้าครั้งแล้วครั้งเล่า?”
ราชสีห์หิรัณย์ใช้ฟันงับกางเกงหลงเหยียน “เอาละ รีบไปกันเถิด ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าทุกคนในตระกูลเซียวล้วนมองเ้าด้วยสายตาเคียดแค้น?”
สตรีผู้นั้นกล่าวจบก็เดินนำผู้ติดตามทั้งสี่คน พุ่งเข้าไปในเทือกเขาหยุนหลัว ก่อนจะหายตัวไปภายในหมอกเวิ้งว้าง...
ด้านหน้า เซียวปิงหลานกับเซียวปิงมั่วเดินเข้าไปใกล้หลงอวี่ซี หลงเหยียนกับหลงหยุนฉีเดินอยู่ข้างด้านสุด
“น้องอวี่ซี!” เซียวปิงหลานเดินเข้าไปใกล้ด้วยสีหน้าประจบประแจง...
หลงอวี่ซีหันหน้ากลับมา “ข้าเคยบอกเ้าแล้วมิใช่หรือ จากนี้ไปเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก โปรดอย่ามารบกวนข้า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
“และข้าก็ได้อธิบายกับท่านพ่อ ให้ท่านไปคุยกับพ่อของเ้า ข้ากับเ้าถอนหมั้นแล้ว...”
เซียวปิงหลานก้มหน้า ความโกรธเกรี้ยวในใจแทบจะปะทุออกมาแล้ว จากนั้นดวงตาของเขาก็มองไปยังหลงเหยียนที่เดินอยู่ด้านหลังสุด แต่เมื่อเขามองเห็นแววตาที่ดุร้ายของหลงเหยียน เซียวปิงหลานก็ก้มหน้าลง
หลงเหยียนกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ เบี่ยงกายไปกระซิบข้างหูหลงหยุนฉีด้วยรอยยิ้มว่า “เ้าดูไอ้หมอนั่นสิ แม้แต่ไข่ก็ไม่มีแล้ว ยังคิดมายุ่มย่ามกับพี่อวี่ซีของพวกเราอีก”
--------------------