พัศดีสาดน้ำแข็งใส่ทีละถัง ธารน้ำเย็นฉ่ำไหลจากคอไปยังร่างกาย ทำให้มือและเท้าของหานอวิ๋นซีสั่นสะท้าน กัดฟันตัวสั่นเพราะความเย็น
“ไอ้หยา ทำไมพวกเ้าถึงสะเพร่าแบบนี้ อย่าสาดใส่ฉินหวังเฟยสิ! ดูสิ นางน่าสงสารขนาดไหน” องค์หญิงฉางผิงหัวเราะออกมาดังลั่น
“หานอวิ๋นซี เ้ารีบขอร้องพวกเราสิ ฮ่าฮ่า หรือไม่ เ้าจะขอร้องข้าก็ได้ ขอร้องให้ข้าตบเ้าสักฉาด แล้วข้าจะปล่อยเ้าออกไป”
ไม่ผิดหรอก คืนนี้องค์หญิงฉางผิงมาที่นี่เพื่อแก้แค้น หานอวิ๋นซีก็หานอวิ๋นซีเถอะ กล้ามาแตะต้องพี่ชิงอู่ของนาง ทั้งยังกล้าพูดเื่ความาุโและสั่งสอนนางในที่สาธารณะ คืนนี้นางจะให้ผู้หญิงสารเลวคนนี้ชดใช้!
“สาดไปอีก สาดแรงๆ! สาดจนกว่านางจะร้องขอความเมตตา!”
เมื่อมองดูชั้นน้ำแข็งบางๆ ที่สะสมอยู่บนพื้น องค์หญิงฉางผิงเชื่อว่าในไม่ช้าหานอวิ๋นซีคงร้องขอความเมตตา
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปไม่นานองค์หญิงฉางผิงก็ต้องผิดหวัง หานอวิ๋นซีไม่ได้ร้องขอความเมตตา ไม่แม้กระทั่งหลบซ่อน เพียงแค่ยืนอยู่บนเตียงโดยเอาหลังพิงกำแพงอย่างนิ่งเฉย และจ้องมองมาที่นาง
หานอวิ๋นซีในขณะนี้เปียกโชกเหมือนสุนัขตกน้ำตัวหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นางในตอนนี้ดูอ่อนเยาว์และงดงามยิ่งขึ้น ริมฝีปากสีม่วงอมน้ำเงินยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่ชัดเจนทั้งสองของนางเต็มไปด้วยการประชดประชัน และจ้องมององค์หญิงฉางผิงจาก้า
“เ้ายิ้มอะไร? ห้ามมองนะ!”
องค์หญิงฉางผิงถามด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าเป็หานอวิ๋นซีที่ถูกแกล้ง แต่ทำไมกลับเป็นางที่รู้สึกอับอายขายหน้ากันนะ
“หานอวิ๋นซี ห้ามมอง! เ้าหลับตาเดี๋ยวนี้!”
“หานอวิ๋นซี ข้าบอกเ้าไว้เลยนะ ถ้าวันนี้เ้าไม่ร้องขอความเมตตา ข้าไม่มีวันปล่อยเ้าไปเด็ดขาด! ขุนนางเป่ยกง เปิดประตู”
องค์หญิงฉางผิงโมโหอย่างมาก นาง้าเข้าไปจัดการผู้หญิงสารเลวคนนี้ด้วยมือของนางเอง
“องค์หญิงอย่าเลยพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรนางก็เป็คนของฉินอ๋อง” ขุนนางเป่ยกงยังคงวิตกกังวลเล็กน้อย มิฉะนั้นหานอวิ๋นซีคงถูกตัดสินปะาชีวิตไปนานแล้ว
“ตอนนี้นางเป็นักโทษนะ! ข้าสั่งให้เปิดประตูเ้าก็รีบเปิดสิ” องค์หญิงฉางผิงโกรธมาก และไม่ลืมที่จะสั่งพัศดีที่อยู่ข้างๆ ให้เทน้ำต่อไป
หานอวิ๋นซีมององค์หญิงฉางผิงที่ะโอย่างเ็าราวกับสุนัขบ้า และความดูถูกเหยียดหยามในดวงตาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้องค์หญิงฉางผิงแทบคลั่ง
“ขุนนางเป่ยกง เ้ากล้าขัดคำสั่งข้างั้นหรือ? ยังไม่เปิดประตูอีก?”
ขุนนางเป่ยกงที่ไม่อยากจะเปิดประตู แต่จะไม่เปิดก็ไม่ได้ ในวันที่สภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แต่ตัวเขากลับเต็มไปด้วยเหงื่อ สุดท้ายแล้ว ภายใต้การข่มขู่ขององค์หญิงฉางผิง จึงทำได้เพียงเปิดประตู
พัศดีสองสามคนรีบพุ่งเข้าไปและจับหานอวิ๋นซีไว้แน่น หานอวิ๋นซีก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด คิดแค่ว่ามันไร้สาระ คนเหล่านี้กลัวว่านางจะทำอะไรกับองค์หญิงฉางผิงอีกงั้นหรือ?
นางหนาวจนไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว
องค์หญิงฉางผิงกอดอกแล้วเดินไปอย่างใจเย็น “หานอวิ๋นซี เ้ามองอีกสิ เก่งนักก็มองอีกสิ!”
หานอวิ๋นซีก้มหน้าลง ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนคนตาย
องค์หญิงฉางผิงพอใจกับปฏิกิริยาดังกล่าวอย่างมาก นางเชิดคางของหานอวิ๋นซีขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีกลับพ่นน้ำแข็งก้อนใหญ่ใส่หน้านาง
“อ๊าย...” องค์หญิงฉางผิงถอยหนีพลางกรีดร้องและเช็ดหน้าอย่างแรง “นังสารเลว! เ้าบังอาจยิ่งนัก”
“ข้าาุโมากกว่าเ้าหนึ่งขั้น เป็ผู้าุโของเ้า องค์หญิงฉางผิง เ้าไม่มีวันเปลี่ยนความจริงนี้ได้” หานอวิ๋นซีมองไปพร้อมกับมุมปากที่ยิ้มอย่างเยาะเย้ย ไม่ใช่ว่านางไม่กลัวความตาย แต่นางรู้ว่าแม้จะร้องขอความเมตตา คืนนี้องค์หญิงฉางผิงจะไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ แน่นอน
การขอความเมตตาเป็เพียงการทำให้เสียศักดิ์ศรี และทำตามความปรารถนาขององค์หญิงฉางผิง
องค์หญิงฉางผิงเช็ดหน้าจนแห้ง เครื่องประทินผิวก็เปรอะเปื้อน ดูเหมือนเสือโคร่งที่มีท่าทางดุร้ายตัวหนึ่ง
“ผู้าุโงั้นหรือ? ดีมาก เช่นนั้นข้าจะดูแลท่านเอง!”
ในขณะที่นางพูด ก็หยิบถังน้ำขึ้นมาและเทลงบนศีรษะของหานอวิ๋นซีโดยตรง หานอวิ๋นซีหดตัวทันที ความเย็นแผ่กระจายจากศีรษะลงมายังแขนขา นางรู้สึกราวกับเซลล์สมองถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว พร้อมกับสมองที่ขาวโพลน
อย่างไรก็ตาม ฝันร้ายเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ในไม่ช้า องค์หญิงฉางผิงก็นำน้ำมาอีกถังหนึ่ง แล้วเทลงมาจากเหนือศีรษะของนางเช่นกัน ทำเช่นนี้ถังแล้วถังเล่าโดยไม่หยุด จนกระทั่งน้ำหมด
มือของพัศดีสองคนที่จับหานอวิ๋นซีไว้นั้นยังถูกแช่แข็ง แล้วนับประสาอะไรกับหานอวิ๋นซีล่ะ?
อย่างไรก็ตาม คิดไม่ถึงว่านางยังคงมององค์หญิงฉางผิงราวกับรูปปั้นน้ำแข็ง จ้องมององค์หญิงฉางผิงอย่างเ็าราวกับว่าสามารถมองทะลุความไร้สาระและความโสโครกในใจขององค์หญิงฉางผิงได้
การจ้องมองนี้ไม่เพียงแต่ทำให้องค์หญิงฉางผิงตื่นตระหนกเท่านั้น แต่ยังทำให้พัศดีทั้งสองใไปด้วย ทันทีที่พัศดีปล่อยมือ หานอวิ๋นซีก็ล้มลงทันที ร่างที่แข็งทื่อล้มพับลงกับพื้นจนเกิดเสียงดัง
ตายแล้วหรือ?
หัวใจของขุนนางเป่ยกงเต้นไม่เป็จังหวะ รีบวัดลมหายใจ เมื่อเห็นว่ายังหายใจอยู่ก็รู้สึกโล่งใจ
องค์หญิงฉางผิงมองร่างที่แข็งทื่อของหานอวิ๋นซี นอกจากจะไม่รู้สึกพอใจในการแก้แค้น แต่กลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่นางก็ยังคงกลัวอยู่
นางไม่กล้ามองหน้าหานอวิ๋นซีอีกต่อไป ถอยออกมาด้วยตนเอง “ฮึ หานอวิ๋นซี ถ้าเ้ายังกล้าอวดดีอีก ข้าขอเตือนเ้าไว้เลยนะ แม้ว่าพี่ชิงอู่จะฟื้นขึ้นมาแล้ว เ้าก็ไม่มีวันที่จะได้ออกจากศาลต้าหลี่! เ้าต้องตายเท่านั้น!”
พูดจบ องค์หญิงฉางผิงก็รีบหันหลังกลับและเดินออกไป แต่ใครจะรู้ว่านางที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ลื่น ตัวเอนไปข้างหน้าและล้มลงหน้าคะมำอย่างแรง
“อ๊าย...” องค์หญิงฉางผิงร้องเสียงหลง
ขุนนางเป่ยกงและองครักษ์สองสามนายรีบไปช่วย สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทันทีที่องค์หญิงฉางผิงลุกขึ้นนั่ง นางก็ะโว่า “เอวข้า! เอวข้า! อย่าจับ...ข้าเจ็บเอวเหลือเกิน!”
“องค์หญิงคงไม่ได้เอวเคล็ดใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ขุนนางเป่ยกงร้องอุทาน ถ้าเอวเคล็ด ก็คงยากที่จะฟื้นตัวและจะมีผลสืบเนื่อง หากมีการเคลื่อนไหวเยอะๆ ในอนาคต มันจะเป็การง่ายต่อการเคล็ดอีกครั้ง
องค์หญิงฉางผิงที่ใกลัว เอวก็มาเจ็บอีก นั่งอยู่บนพื้นน้ำแข็งที่เย็นะเืและไม่กล้าขยับตัว นางะโใส่ขุนนางเป่ยกงด้วยความโกรธ “รีบไปตามหมอหลวงมาสิ!”
ขณะที่พูดอยู่นี้ จู่ๆ นางก็รู้สึกคันบนใบหน้า นางไม่ได้คิดอะไรมาก จึงยกมือขึ้นมาเกา เกาไปเกามาดูเหมือนว่านางจะหยุดเกาไม่ได้
“องค์หญิง ให้กระหม่อมพาท่านออกไปหรือดีไม่พ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงมาที่นี่คงไม่สะดวกสักเท่าไร” ขุนนางเป่ยกงที่กำลังจะร้องไห้ออกมา ให้หมอหลวงมาที่นี่ เื่การรุมประชาทัณฑ์จะไม่ถูกเปิดเผยออกไปหรือไร?
องค์หญิงฉางผิงที่ปวดเอวอย่างรุนแรง นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้นน้ำแข็ง ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย น้ำเย็นจัดเปียกกางเกงของนาง พร้อมกับความรู้สึกเย็นะเืแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คิดที่จะกรีดร้อง แต่น้ำก็เย็นจนนางไม่สามารถทำอะไรได้! แล้วจะให้นางะโออกไปได้อย่างไร?
“เช่นนั้นก็รีบพาข้าออกไปสิ ยืนบื้ออยู่ทำไม? เลี้ยงพวกเ้ามาให้เสียข้าวสุกเปล่าๆ หรือไร?”
องค์หญิงฉางผิงที่เกาไปพลางพูดเสียงดังไปพลาง ความโกรธทั้งหมดของนางพุ่งไปที่ขุนนางเป่ยกงเท่านั้น ขุนนางเป่ยกงที่มีสีหน้ามืดมน รีบสั่งให้พัศดีหาเปลหาม แล้วยกองค์หญิงฉางผิงขึ้นอย่างระมัดระวัง รีบพานางออกไป
ก่อนออกไป องค์หญิงฉางผิงหันศีรษะมาเหลือบมองหานอวิ๋นซีที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาเย็นะเืคู่นั้นยังคงมองมาที่นาง!
พระเ้า!
องค์หญิงฉางผิงรีบหันหน้าหนี และไม่กล้ามองอีก รู้สึกเสียใจเล็กน้อย นางไม่ควรเข้ามาเลย
จากนั้นริมฝีปากของหานอวิ๋นซียกขึ้น และยิ้มอย่างเ็า รอยยิ้มนี้งดงามมาก เป็รอยยิ้มที่มีเสน่ห์มากเลยทีเดียว
องค์หญิงฉางผิง เ้ารอเสียโฉมได้เลย!
ทันทีที่นางล้มลง นางก็วางยาพิษที่เท้าขององค์หญิงฉางผิง เช่นนั้นจึงทำให้องค์หญิงฉางผิงลื่นล้มได้ง่ายขนาดนั้น การลื่นล้มเป็เื่เล็กน้อย ที่สำคัญคือพิษจะทำให้เท้าและใบหน้าขององค์หญิงฉางผิงเป็ขี้กลาก พิษชนิดนี้คล้ายกับสะเก็ดเงินและน่าขยะแขยงยิ่งกว่าเนื้องอกบนใบหน้าของนางเสียอีก
หลังจากแน่ใจว่าทุกคนไปแล้ว หานอวิ๋นซีก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง แม้กระทั่งการกัดฟันก็ส่งเสียงดัง
นางสูดจมูก หนาวจนอยากจะร้องไห้ และไร้เรี่ยวแรงจนอยากจะร้องไห้
น้ำที่เย็นจัดบนพื้นได้ก่อตัวเป็ชั้นน้ำแข็งบางๆ แม้แต่ร่างกายของนางก็ถูกแช่แข็งในหลายๆ จุด อุณหภูมิร่างกายของนางต่ำขนาดไหนกันนะ?
หานอวิ๋นซีที่ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น อย่างไรก็ตาม ลุกขึ้นไปก็ไร้ประโยชน์ ห้องขังทั้งหมดเปียกและเป็น้ำแข็ง หากยังคงหนาวเย็นอยู่เช่นนี้ การทำงานทั้งหมดในร่างกายของนางจะช้าลง
ในตอนนี้ นางอยากให้หมอฉีดยากระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจเสียเหลือเกิน นางเป็หมอแต่ไม่ใช่หมอทั่วไป นางมีเพียงแค่ยาพิษและยาแก้พิษเท่านั้น
ด้วยความสิ้นหวัง หานอวิ๋นซีทำได้เพียงขับพิษออกจากระบบล้างพิษ พิษร้อนสามารถทำให้ร่างกายตื่นตัวและอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็อันตรายต่อร่างกายมาก แต่นี่เป็วิธีเดียวสำหรับหานอวิ๋นซี
หลังจากกินยา นางก็หมดเรี่ยวแรงและนอนลงกับพื้น
พิษนั้นถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ความร้อนที่ปล่อยออกมาจากร่างกายจะต่อต้านความหนาวเย็นจากโลกภายนอก หานอวิ๋นซีหลับสนิทท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างความเย็นและความร้อน
ราวกับว่ามีคนมาทำความสะอาดน้ำแข็งในห้องขัง และรู้สึกว่ามีการวัดลมหายใจของนางเพื่อตรวจชีพจร หานอวิ๋นซีที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือสังเกตเห็นได้ ทว่ากลับไม่สามารถลืมตาได้
ในตอนที่หานอวิ๋นซีตื่นขึ้นมา ก็เป็เวลากลางคืนของวันรุ่งขึ้นแล้ว และความร้อนของพิษก็ถูกขจัดออกไปโดยความหนาวเย็น แม้ว่านางจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังหนาวสั่นอยู่ และอยากที่จะกินยาพิษอีกครั้ง แต่นางรู้ดีกว่าใครว่ายาพิษชนิดนี้หากกินเป็ครั้งที่สองจะต้องพรากชีวิตนางไปอย่างแน่นอน
เมื่อมองไปรอบๆ หานอวิ๋นซีพบว่าร่องรอยในห้องขังเมื่อคืนถูกทำความสะอาดจนไปจนเกลี้ยงแล้ว ทั้งยังมีไฟในเตียง พร้อมกับอาหารร้อนๆ และเสื้อผ้าสะอาดอยู่ข้างๆ
นี่มัน...คืออะไรกัน?
หานอวิ๋นซีที่กำลังเต็มไปด้วยความสงสัย ก็เห็นกู้เป่ยเยวี่ยปรากฏตัวที่ประตูห้องขังพร้อมอะไรบางอย่าง
ปรากฏว่า!
ขุนนางเป่ยกงกลัวว่ากู้เป่ยเยวี่ยจะเห็นหลักฐานการรุมประชาทัณฑ์ ดังนั้นเขาจึงทำลายร่องรอยทั้งหมด ช่างทำงานโรยหน้าได้น่าพึงพอใจจริงๆ
ทันทีที่พัศดีออกไป กู้เป่ยเยวี่ยก็รีบโบกมือให้หานอวิ๋นซี “หวังเฟย รีบเดินเข้ามาสิ”
เขาย่อตัวลงอย่างเร่งรีบ เปิดถ้วยน้ำแกงที่เขานำมา ค่อยๆ เทน้ำแกงร้อนๆ ลงในชาม แล้วส่งผ่านลูกกรงเหล็กตรงหน้าหานอวิ๋นซี “หวังเฟย รีบดื่มในตอนที่มันยังร้อนๆ เถอะ กระหม่อมต้มมันเองเลยนะ ที่นี่อากาศหนาวมาก น้ำแกงยานี้สามารถขับไล่ความชื้นและความเย็นได้”
กู้เป่ยเยวี่ยเป็คนที่สะอาดมากๆ คนหนึ่ง ด้วยเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์และท่าทางที่หล่อเหลาซึ่งขัดกับห้องขังที่เย็นและมืด แต่เมื่อเห็นเขา หานอวิ๋นซีก็มีความรู้สึกสนิทสนมอย่างสุดจะพรรณนา
หานอวิ๋นซีเดินเข้าไป เดินไปเห็นความกังวลอย่างจริงใจและความสงสารบนใบหน้าที่หล่อเหลาของกู้เป่ยเยวี่ย เมื่อเห็นควันขาวขึ้นมาจากน้ำแกงร้อน หัวใจของนางก็เ็ป และรู้สึกอึดอัดอย่างไม่มีเหตุผล ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจบลงแล้ว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกทรมานใจอย่างช่วยไม่ได้
หรือจะจริงที่ว่าต่อให้หัวใจแกร่งแค่ไหนก็เปราะบางเมื่อมีคนห่วงใย?
ที่นี่หนาวงั้นหรือ? ที่นี่ไม่เพียงแต่มืดมนและหนาวเหน็บเท่านั้น แต่ยังหนาวจัดจนแทบจะคร่าชีวิตผู้คนได้! ไล่ความชื้นและความเย็นงั้นหรือ? น้ำแกงร้อนๆ หนึ่งถ้วย มันจะไปคุ้มค่ากับน้ำเย็นที่เทลงมาแต่ละถังเมื่อคืนนี้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ที่ไม่เคยมีมิตรภาพใดๆ แค่เพียงประโยคเดียวของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หานอวิ๋นซีรู้สึกอบอุ่น
ั้แ่เด็กจนโต ไม่เคยมีใครสนใจนางเลย นับประสาอะไรกับการต้มน้ำแกงร้อนๆ สักถ้วยด้วยตนเองแล้วมอบให้นางกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้