[ร้านยาคุณมิสเตอร์มาร์เปปเปอร์]
นี่คือร้านเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรสะดุดตา หน้าร้านแขวนป้ายไม้เก่า ๆ ซึ่งมีตัวอักษรสีทองเขียนว่า “ยาอัศจรรย์ของคุณมิสเตอร์มาร์เปปเปอร์” ตัวหนังสือเริ่มซีดจางแล้ว แต่ยังคงอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งความลึกลับ
บรรยากาศภายในร้านแตกต่างจากข้างนอกอย่างสิ้นเชิง
กลิ่นสมุนไพรและเครื่องเทศผสมผสานกันอบอวลไปทั่วผนังร้านที่เต็มไปด้วยขวดน้ำยาแปลกตาหลากหลายชนิด โคมไฟเวทมนตร์ลอยอยู่กลางอากาศ แผ่แสงนวลส่องให้เห็นเหล่าน้ำยาและของวิเศษทั้งหลายที่ดูประหลาดอย่างน่าเกรงขาม
ทันทีที่เดม่อนก้าวเข้าร้าน ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นว่า:
“ยินดีต้อนรับลูกค้า มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?”
พ่อมดชราผมหงอกทั้งหัวและแววตาคมกริบโผล่หัวออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ ในมือเขาถือปากกาขนนกเล่มหนึ่ง ดูเหมือนกำลังจดอะไรบางอย่างอยู่
“แน่นอน” เดม่อนพยักหน้า “ข้า้าน้ำยาหลายขวด ที่สามารถควบคุมมักเกิ้ลโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย และอีกขวดที่สามารถรักษาอาการป่วยของมักเกิ้ลได้”
มิสเตอร์มาร์เปปเปอร์พินิจเดม่อนอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะหันไปหยิบขวดยาสองขวดจากชั้นมาวางตรงหน้า
ขวดหนึ่งเป็สีม่วงเข้ม เปล่งประกายระยิบเล็กน้อย
อีกขวดปิดผนึกแน่น สีทองแปลกตา
“น้ำยากล่อมแปรเปลี่ยน ผู้ดื่มจะเข้าสู่สภาวะสะกดจิต และเชื่อฟังคนแรกที่เห็นหลังดื่ม น้ำยานี้ออกฤทธิ์นานสี่ชั่วโมง หนึ่งขวดใช้ได้ห้าครั้ง แต่ละครั้งใช้เพียงหกหยดเท่านั้น”
“สารสกัดขนนกฟินิกซ์ ฟื้นฟูพลังชีวิตของมักเกิ้ลให้กลับมามีชีวิตชีวาแม้จะอาการสาหัส แต่ผลข้างเคียงคือความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง”
“ทั้งหมดสี่สิบเกลเลียนทอง”
เดม่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ:
“เอาทั้งหมด แล้วขอเพิ่มน้ำยาล่องหนที่ใช้กับมักเกิ้ลอีกสามขวด”
ตึง
ขวดน้ำยาสามขวดโปร่งใส มีประกายแสงฟ้าจาง ๆ ถูกวางไว้ตรงหน้าเขา
“ทั้งหมดห้าสิบเกลเลียนทอง ราคามิตรภาพ”
เดม่อนจ่ายเงินอย่างไม่ลังเล เก็บขวดยาไว้ในกระเป๋าเวทมนตร์ที่เ้าของร้านแถมให้ แล้วเดินออกจากร้าน
เขารีบตรงไปยังร้านหนังสือ Lichen Books
เพราะ “ความรู้คือพลัง” และในฐานะคนจีน เขายึดถือคำนี้มาตลอด ยิ่งตอนนี้กลายเป็พ่อมด เขายิ่งต้องยึดถือมันอย่างจริงจัง
ร้านหนังสือมีบริการจัดส่ง เดม่อนจึงสั่งหนังสือมาเป็สิบเล่ม เช่น คู่มือพื้นฐานเวทแปลงร่าง โดย เอเมอรี่ สวิช, คัมภีร์คาถา โดย มิแรนดา โกชัค, ทฤษฎีเวทมนตร์ โดย อาเดเบ วูลฟลิน และอื่น ๆ อีกมากมาย
ส่วนใหญ่เขาจ่ายเงินล่วงหน้าและให้จัดส่งไปที่โรงเรียนหลังจากเขาเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว เพราะยังไม่มีเป้เวทมนตร์แบบไม่มีร่องรอย เขาไม่สามารถพกหนังสือมากมายได้
หลังออกจากร้านหนังสือ สิ่งของที่เหลือก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้ว ในฐานะพ่อมดมือใหม่ เดม่อนยังไม่มีความสุขุมพอจะเที่ยวเล่นได้
เขากลับสู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทันที แล้วเริ่มศึกษาหนังสือ คัมภีร์คาถา และ คาถามาตรฐาน: ชั้นต้น ที่แต่งโดยมิแรนดา โกชัคเหมือนกัน
เล่มแรกเป็คัมภีร์แิพื้นฐาน ส่วนเล่มหลังคือฉบับปรับปรุง
เดม่อน้าเปรียบเทียบความต่างของทั้งสองเล่ม และตรวจสอบว่าตนสามารถฝึกเวทมนตร์ด้วยตนเองได้หรือไม่
เขาตัดสินใจเริ่มจากคาถาที่ง่ายและปลอดภัย โดยยึด 3 องค์ประกอบสำคัญในการร่ายเวท:
การออกเสียง (Pronunciation), การเคลื่อนไหว (Movement), และ เจตจำนง (Intention)
โดยเฉพาะ “เจตจำนง” ที่เป็องค์ประกอบลึกล้ำแต่สำคัญที่สุด และเป็ต้นเหตุของระบบพลังงานอันแสนลึกลับในโลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์
เดม่อนหลับตา สูดหายใจลึก แล้วผ่อนลมหายใจช้า ๆ
จากนั้น เขาลืมตาและร่ายเวทใส่คราบบนโต๊ะ ตามท่าทางที่ระบุในหนังสือ
“สกูร์จิฟาย (Scourgify)!”
ไม้กายสิทธิ์สั่นไหวเล็กน้อย คราบสกปรกที่ติดอยู่บนโต๊ะหายไปอย่างเงียบงัน
“สำเร็จในครั้งแรก…”
ดวงตาเดม่อนส่องประกายด้วยความตื่นเต้น หัวใจพองโตอย่างไม่อาจบรรยาย
“ต้องฝึกให้ช่ำชอง!”
เขาหันไปที่คราบหมึกบนพื้นแล้วร่ายอีกครั้ง
[ติง! ตรวจพบการร่ายเวทครั้งแรกของผู้ใช้ สำเร็จ ปลดล็อกแขนงเวทมนตร์: คาถาศาสตร์]
“ปลดล็อกอีกแขนงแล้วสินะ...”
เดม่อนมองดู LV1 แล้วพินิจ
“เริ่มมาก็มีแต้ม 36 แล้ว นี่คงเป็เพราะความเข้าใจพื้นฐานจากตัวข้าเอง”
เขาตัดสินใจทุ่ม 64 แต้มพลังเวทลงไปทันที
เมื่อแต้มถูกใช้ เขาก็เห็นภาพความทรงจำของตนขณะร่ายเวทชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าใจกลไกเวทมนตร์มากขึ้น แม้ไม่ได้เพิ่มความชำนาญในคาถาเดิมทันที
เขาเข้าใจในตอนนั้นเองว่า “คาถาศาสตร์” ในระบบนี้ ไม่ใช่การเพิ่มความเก่งของคาถาโดยตรง แต่คือการเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ พูดง่าย ๆ คือ เพิ่มพลังการเรียนรู้กับพร์
บางทีเพราะร่างกายนี้มีิญญาของผู้ใหญ่ ความคิดแบบมีเหตุมีผลจึงทำให้ความเข้าใจเบื้องต้นต่อเวทมนตร์ต่ำ
แน่นอน มันต้องเป็เพราะอย่างนั้น!
ฤดูร้อนเดือนกรกฎาคมผ่านพ้นสู่สิงหาคมอันชุ่มฝน
ในพริบตา เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน
เดม่อนขังตัวเองในห้อง ฝึกเวททุกวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ระดับของระบบพุ่งไปถึงเลเวล 7 แล้ว และคาถาศาสตร์ก็อยู่ที่เลเวล 4 แล้ว ไม่เพียงแค่พลังเวทเขามากมายจนเหลือเชื่อ แต่คาถาระดับปี 1–2 เขาก็เชี่ยวชาญหมดแล้ว
เขาสงสัยว่าระดับพลังเวทของเขา อาจจะเทียบเท่าพวกมือปราบมารได้แล้วด้วยซ้ำ
แต่เขาก็รู้ตัวดีว่า ถ้ามีพลังแต่ควบคุมไม่ได้ ก็เหมือนหมูที่อ้วนด้วยน้ำ
ถ้าสู้เวทจริง ๆ ก็คงจบเห่
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจ “พักการเพิ่มพลังเวท” และหันมาใส่แต้มใน คาถาศาสตร์ และ เวทแปลงร่าง
จนในที่สุด เขาก็ปลดล็อกความสามารถใหม่ หลังจากเปลี่ยนขนนกเป็ปากกาโดยไม่ต้องร่ายเวท:
แม้เริ่มต้นที่ระดับ 1 เหมือนกัน แต่เดม่อนไม่สนใจ เพราะเขารู้ว่าเพียงแค่ “เพิ่มแต้ม” ก็เพียงพอ
ปีแรกที่ฮอกวอตส์นั้นปลอดภัย เขามีเวลาให้พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่
่ 7 วันสุดท้าย เขาใช้ยาที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ เดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในท้องถิ่น ใช้น้ำยากล่อมจิตใจให้พยาบาลเปิดเผยรายชื่อผู้ป่วย ก่อนจะได้พบกับดยุกแห่งเวสต์มินสเตอร์ที่ป่วยหนัก
เขาเปลี่ยนความทรงจำของดยุกด้วยน้ำยา จากนั้นโน้มน้าวและใช้สารสกัดขนนกฟินิกซ์รักษาโรคจนหายขาด
ผลลัพธ์คือ เขาได้รับโรงงาน 20 แห่ง และบัตรแบล็กของธนาคารบาร์เคลย์
จากนี้ไป เขาจะมีเงินปอนด์ไหลเข้ามาไม่หยุด และไม่ต้องกังวลเื่เกลเลียนทองอีกต่อไป
เมื่อเขาเดินออกจากโรงพยาบาล มองดูขอบฟ้าที่เมฆสีเทากำลังตั้งเค้า ฝนเริ่มปะทะอาคารเื้ั ใจของเดม่อนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
“ต่อจากนี้ ก็เหลือแค่เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์แล้ว และตั้งใจเรียนเวทมนตร์ให้เต็มที่”
(จบบทที่6)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้