อวี๋เฉียวซานอ้าปากค้าง เหมือนว่าเขาได้ยินไม่ผิดจริงๆแม่หนูเมิ่งคนนี้เพิ่งจัดกระดูกตนเองด้วยมือเปล่า!
อวี๋เจียวรีบขุดหญ้าเซี่ยกูเฉ่าที่อยู่บนพื้นออกมาแล้วใส่มันลงในตะกร้าสมุนไพรอวี๋เฉียวซานหยิบตะกร้ามาและแบกมันไว้บนหลังของเขา เอ่ยกับอวี๋เจียวว่า“ไปกันเถิด”
อวี๋เจียวถือร่มเดินตามหลังอวี๋เฉียวซานทั้งสองคนเดินย้อนกลับไปยังถ้ำ
แม้ว่านางจะจัดกระดูกข้อเท้าของตนแล้วแต่เนื้อเยื่อกับเส้นเอ็นน่าจะาเ็ เมื่อเริ่มเดินจึงรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง
เมื่อกลับมาถึงถ้ำ ทั้งสองคนล้วนกลายเป็ไก่ตกน้ำโจวเสียงที่ตามหาอวี๋เจียวทางฝั่งตะวันออกและทิศใต้ไม่พบได้กลับมาถึงถ้ำแล้วตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้ากองไฟและอุ่นเสื้อผ้า เมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมาทุกคนในถ้ำต่างรู้สึกโล่งใจ
เดิมทีอวี๋ฝูหลิงคิดจะตำหนิสักสองสามประโยคแต่เมื่อเห็นอวี๋เจียวอยู่ในสภาพตกระกำลำบากยิ่งนักจึงรีบดึงนางไปนั่งข้างกองไฟนอกจากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้อวี๋เจียวซับหน้า
อวี๋เจียวอยากจะถอดรองเท้าและถุงเท้าออกเพื่อดูว่าข้อเท้าบวมหรือไม่นางพึ่งถอดรองเท้าออก อวี๋ฝูหลิงที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับบีบแขนของนางเบาๆกระซิบข้างหูของอวี๋เจียวว่า "เมิ่งอวี๋เจียว ต่อหน้าคนนอกเ้าจะถอดรองเท้าและถุงเท้าออกมาได้อย่างไร?"
อวี๋เจียวได้แต่สวมรองเท้าของนางกลับเข้าไปอีกครั้งนางลืมไปว่าสตรีในยุคโบราณไม่อาจเผยเท้าให้บุรุษเห็นตามใจชอบระบอบศักดินาที่น่ารังเกียจนี้ทำร้ายผู้หญิงไม่น้อยเลยจริงๆ
อวี๋เจียวยื่นเท้าที่สวมรองเท้าและถุงเท้าเข้าไปใกล้กองไฟอวี๋เฉียวซานกับโจวเสียงเป็บุรุษ ไม่มีอะไรต้องกังวลพวกเขาถอดรองเท้าและถุงเท้าออก นั่งอยู่ข้างกองไฟอย่างสบายใจเหลือคณา
อวี๋เจียวหยิบสมุนไพรขับความหนาวเย็นออกมาจากห่อผ้าและยื่นให้อวี๋ฝูหลิง"พวกเราเปียกโชกไปด้วยฝน พี่ฝูหลิงเอาสมุนไพรพวกนี้ไปต้มแล้วแบ่งให้ทุกคนคนละชามเพื่อป้องกันไม่ให้เป็ไข้"
อวี๋ฝูหลิงไม่กล่าวอะไร นางลุกไปหยิบหม้อเหล็กใบเล็กที่อยู่ข้างๆขึ้นมา รองน้ำฝนที่หน้าปากถ้ำแล้ววางหม้อเหล็กไว้บนกองไฟเพื่อต้มยา
อวี๋เจียวเหลือบมองโจวเสียงและอวี๋เฉียวซาน เอ่ยขอโทษออกมาว่า“ลำบากท่านอาโจวกับท่านลุงใหญ่ต้องออกไปตามหาข้าแล้วเ้าค่ะทำให้พวกท่านต้องเปียกโชกเช่นนี้ ข้าขอโทษจริงๆ เ้าค่ะ”
โจวเสียงรีบโบกมือ แย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า"แม่หนูเมิ่งไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้ ข้ากับลุงใหญ่ของเ้าเป็พี่น้องกันล้วนเป็เื่สมควร"
อวี๋เฉียวซานยกยิ้มตามเช่นกัน
แม้แต่โจวฉางซุ่นและอวี๋จือหางผู้นึกตำหนิอวี๋เจียวที่ออกไปข้างนอกแล้วไม่ยอมกลับเป็เวลานานยังรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวของอวี๋เจียวพวกเขาไม่ตำหนิที่นางไม่เชื่อฟังคำห้ามปรามดึงดันจะออกไปตากฝนเพื่อตามหาสมุนไพรจนต้องให้คนออกไปตามหาอีกแล้ว
อวี๋เจียวนั่งผิงกองไฟ ดื่มยาคลายความหนาวเย็นที่ต้มเสร็จแล้วทั่วทั้งร่างกายของนางค่อยๆ อุ่นขึ้น เพียงแต่ข้อเท้าขวายังคงเ็ปเล็กน้อยตอนนี้บวมเป่งขึ้นมาเสียแล้วเมื่อแนบไปกับถุงเท้าและรองเท้าที่หนาวเย็นทำให้รู้สึกทรมานกว่าปกติ
นางมองโจวเสียงอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า“ท่านอาโจวเป็โรคปวดหัวเรื้อรังใช่หรือไม่เ้าคะ?”
โจวเสียงมองอวี๋เจียวด้วยความประหลาดใจ "เ้ารู้ได้อย่างไร?"
อวี๋เจียวยกยิ้มบาง "ข้าไม่เพียงแต่รู้ว่าท่านมีอาการปวดหัวแต่ยังรู้ว่าท่านปวดหัวข้างเดียว น่าจะปวดหัวข้างซ้ายเ้าค่ะ"
โจวเสียงอุทานออกมาด้วยใ "แม่หนูน้อยวิชาหมอของเ้าช่างไม่ต่างจากเทพเซียนจริงๆ ! เดาถูกทั้งหมดอย่างคาดไม่ถึง"
อวี๋เฉียวซานก็รู้ว่าโจวเสียงเป็โรคปวดหัวผู้เฒ่าในจวนของตนเคยตรวจอาการให้เขา แต่เทียบยาที่ใช้กลับไม่เป็ผล คิดไม่ถึงว่าอวี๋เจียวมองปราดเดียวก็รู้ถึงอาการของโรคนี้เสียแล้ว
อวี๋เจียวหัวเราะเสียงเบา เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนว่า“ไม่ใช่ว่าข้าเดาถูก การตรวจโรคสามารถใช้วิธีการ มอง ฟัง ถามและจับชีพจร ตอนนี้ข้าแค่ใช้วิธี ‘มอง’ เท่านั้นท่านหน้าแดง หัวคิ้วอ่อนเพลียและลำคอแห้งผาก มักจะปวดหัวข้างซ้ายโดยไม่รู้ตัวภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อจะใช้นิ้วมือนวดระหว่างหัวคิ้วและท้ายทอยด้านซ้ายนับสิบกว่าครั้งด้วยเหตุนี้ข้าถึงสรุปว่าท่านเป็โรคปวดหัวเ้าค่ะ”
ภายในใจคนอื่นๆ ต่างอุทานด้วยความประหลาดใจเช่นกันสายตาของอวี๋ฝูหลิงที่มองมายังอวี๋เจียวฉายแววนับถือโดยไม่ทันรู้ตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้