หากให้กล่าวตามความจริงแล้ว ชิงอีไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้อย่างแน่ชัด
ครั้งแรกที่ไปถึงวังแห่งนั้น นางแค่รู้สึกว่าพลังัช่างอ่อนแอนัก ทั้งยังเป็หยินอ่อนหยางเข้มแข็ง[1]อยู่สักหน่อย อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นฮ่องเต้เหยียนทรงพระประชวรหนักและฮองเฮาตู้ก็มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ก่อน ส่งผลให้มีความวุ่นวายทางราชการ ซึ่งถือว่าเป็เื่ปกติที่บรรยากาศในวังเป็เช่นนี้
อย่างไรก็ตามในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เ้าแมวอ้วนได้เดินเตร่ไปทั่วพระราชวังเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับไข่มุกราชัน นางจึงกลายเป็คนไร้ค่าอย่างเต็มตัวแล้วได้แต่กินๆ นอนๆ
วันนี้จึงเดินทางไปที่วังเฉิงเทียน ประการแรกคือต้องหาปัญหาของตาเฒ่าผู้นั้น และประการที่สองคือต้องหาต้นตอของบรรยากาศแปลกๆ ในวัง
นี่คือสาเหตุที่นางรับรู้ถึงความผิดปกติทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป
มีกลิ่นความตายเน่าเหม็นตลบอบอวลไปทั่วทั้งวังเฉิงเทียน กลิ่นนี้ออกมาจากพระวรกายของฮ่องเต้เหยียน หากแต่คนธรรมดาไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นนี้ได้
นางเดินตามกลิ่นไปรอบๆ วังจนพบเข้ากับตะเกียงที่สว่างไสวอันนั้น ยิ่งค้นพบสิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าสนใจ แล้วอดไม่ได้ที่จะชมเชยจอมเวท
ช่างเก่งกาจในการสังหารคนเสียจริง!
คนผู้นั้นขังสามหุน[2]ของฮ่องเต้เหยียนไว้กับตะเกียง และในทุกวันที่มีการตัดไส้ตะเกียงก็เหมือนกับการตัดหุนทั้งสามด้วยมีดเล็กๆ เพียงเล่มเดียว
แม้ว่าตาเฒ่าผู้เคราะห์ร้ายนั่นจะไม่ตายและฟื้นขึ้นมาแต่อย่างไรเสียสมองก็ตายอยู่ดี ช่างเป็วิธีการอันยอดเยี่ยมจริงๆ ที่คนผู้นั้นใช้น้ำมันศพจุดไฟตะเกียงจริงๆ ฮ่าฮ่า นี่ไม่ใช่ว่าเป็การเอาิญญาของตาเฒ่าผู้นั้นไปดองในกองมูลหรือไง?
เก่งมาก! เก่งกาจมากจริงๆ!
หากไม่ใช่เพราะคนผู้นี้แย่งของสำคัญของนางไป ชิงอีหมายมั่นว่าหลังจากสังหารคนผู้นี้แล้วก็จขอให้เขาเป็บริวาร เพื่อมาทำหน้าที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกฎระเบียบและบทลงโทษใหม่ๆ โดยเฉพาะ แล้วจะได้นำไปปรับใช้เป็วิธีทรมานิญญาร้ายแทนพญามัจจุราชสาวชิงอีเตี้ยนที่มักจะลงโทษอย่างไม่ถูกวิธีก่อนหน้านี้
เ้าแมวอ้วนหลุดขำออกมาเมื่อรู้ความคิดนี้ของนาง “ท่านก็ปล่อยๆ ไปเถอะ ทำธุรกิจมันยากนะ! ตอนนี้เหล่าผีใหม่ที่ได้ยินว่าต้องมาที่ชิงอีเตี้ยเพื่อพิจารณาคดี พวกเขาทั้งหมดต่างปรารถนาที่อยากจะกลับตายใหม่อีกรอบ เป็เพราะมีพญามัจจุราชสาวตนหนึ่งที่หลงใหลในการศึกษากฎการลงโทษในทางที่ผิด เลยทำให้บริวารพี่น้องต่างตกทุกข์ยากลำบาก!"
ชิงอีที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ชำเลืองไปมองมัน “ช่างน่าเศร้าอะไรอย่างนี้ ข้าดูแลพวกเ้าไม่ดีงั้นหรือ?”
ดี? ท่านััจิตสำนึกตนเองบ้างหรือไม่?
อ้อ ขอโทษที ลืมไปว่าท่านเป็ผีนี่นะเลยไม่มีหัวใจ
“ดีเหลือเกิน ก็แค่เงินน้อยแต่งานเยอะเท่านั้นเอง ผีตนใหม่เห็นเราก็วิ่งป่าราบ พอถึงสิ้นปีก็ไปถนนปรโลกเพื่อหาอาหารและเสื้อผ้า” เ้าแมวอ้วนพูดแดกดัน
เฮอะ ยังคล้องจองเสียด้วย ดูซิว่าเ้าจะทำอะไรได้บ้าง?
ราชินีแห่งภูตผีที่ไม่รู้สึกใดๆ แต่ก็ยังพยักหน้ารับ “ยังมีดินให้กินถือว่าไม่เลว คราวหน้าพวกเ้าลองเปลี่ยนรสชาติเป็น้ำในวังชวนเหอน่าจะดีกว่านี้นะ หากดินหวงเฉวียนถูกพวกเ้ากินจนหมดเกรงว่าดอกไม้ริมทางจะไม่มีที่ให้เบ่งบานเอา ผีจากที่อื่นๆ ก็จะวิ่งไปหาาามัจจุราชแล้วบ่นเื่ที่นางฟ้าตัวน้อยอย่างข้ารังแกพวกเขา”
เ้าแมวอ้วนกลอกตามองบน
ชิง · เฉยเมยต่อสรรพสิ่ง · ไร้ความรู้สึก · าาผี · อี เมื่อกันก็จะหมายถึงชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ!
“ถามตรงๆ นะ ท่านจะไปพบจอมเวทที่แข็งแกร่งนั่นที่ไหน?”
ชิงอีหาว “อย่างไรเสีย มันก็ไม่ได้อยู่ในวังหลวงแล้ว”
“หุนทั้งสามของตาเฒ่าผู้เคราะห์ร้ายผู้นั้นถูกแช่ไว้ในน้ำมันศพ ไม่มีร่องรอยของิญญาและความตายคงมาเยือนในไม่ช้า หากเราไม่รู้เื่นี้ เอาเถอะช่างมัน ในเมื่อมันก็เกิดขึ้นแล้ว หากเ้าไม่สนใจและรอให้ิญญาของเขากลับสู่ยมโลก ถึงตอนนั้นเราคงมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” เ้าแมวอ้วนเริ่มวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสีย
เมื่อพูดถึงเื่นี้ ชิงอีก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
นางเกลียดความยุ่งยาก
ถึงอย่างไร เื่นี้นางก็ไม่ได้คิดที่จะนิ่งดูดายอยู่แล้ว
ที่สำคัญคือมันทำกำไรได้
ตัวนางเองก็ลำบากแทบตาย สุดท้ายจะยกผลประโยชน์ให้ผู้อื่นไปได้เช่นไรกัน อีกอย่างเื่นี้ก็มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้หนีก็อย่างไรอยู่!
“หากตาเฒ่าผู้นั้นต้องตาย เขาก็ต้องยกเลิกสัญญาแต่งงานให้ข้าก่อนถึงจะตายได้” เธอยิ้มอย่างเย่อหยิ่งพร้อมกลอกตา “ในเมื่อเ้าบอกว่าสิ้นปีกินดิน เช่นนั้นในเมื่อเรามาที่นี่แล้ว อย่างไรเสีย ปลาใหญ่ทั้งตัวก็ถูกส่งมาให้ชิงอีเตี้ยนแล้วถือว่าเป็การอวยพรให้มีเงินทองล้นเหลือทุกปี[3]แล้วกัน”
เ้าแมวอ้วนที่ไม่สามารถยกนิ้วโป้งให้ได้ จึงทำได้เพียงยกหางขึ้นมาส่ายไปมา
ราชินีแห่งเหล่าภูตผี ความคิดและจิตสำนึกของท่านดีขึ้นมาก
“แต่ในเมื่อปลาใหญ่นั่นอยู่นอกวัง พวกเราที่อยู่ในกำแพงคงไม่สามารถจับมันได้”
“อย่ากังวลไป” ชิงอีนอนลงบนเตียงและซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ก่อนจะหลับตาแล้วพูดว่า “ตู้หรูเฟิงคอยรายงานเื่เล็กๆ น้อยๆ ให้ไทเฮาเฒ่าตลอดอยู่แล้ว เหตุใดเราถึงไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ล่ะ?”
เมื่อคิดถึงเื่นี้ เ้าแมวอ้วนก็ยิ้มออกมา อยากนอนเมื่อไรก็มีคนส่งหมอนให้แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่รับมันไปล่ะ?
“อย่างไรก็เถอะ ข้าก็ยังไม่วางใจฉู่จื่ออวี้อยู่ดี ในระหว่างที่เรารีบเดินหน้าแล้วต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญ เด็กน้อยผู้นี้อาจสร้างปัญหาอยู่เื้ัจนเื่ที่กำลังจะสำเร็จแปรเปลี่ยนเป็พ่ายแพ้ได้!”
ชิงอีหันกลับมาบ่นว่า “กังวลอันใดกัน ข้างกายเขายังมีสุนัขรับใช้อยู่ไม่ใช่หรือไง?”
...
หลังจากที่ฉู่จื่ออวี้แยกทางกับชิงอีก็ไม่ได้กลับไปที่วังเหลิ่งกง เขาตรงไปที่ค่ายทหารเพื่อไปหาสุนัขรับใช้ของเขา ไม่สิ เซ่อเจิ้งอ๋องหรือเซียวเจวี๋ยต่างหาก
ดวงตาของเซียวเจวี๋ยหรี่ลงเล็กน้อย ใบหน้าครึ่งซีกซ่อนเร้นอยู่ในเงามืด เขามองดูผ้าเช็ดเหงื่อในบนมือซึ่งมีคราบน้ำมันอยู่เป็จำนวนมาก
“เื่ตะเกียงแห่งชีวิต มีใครรู้บ้างขอรับ?”
“ยังมีคนของวังเฉิงเทียน แต่ข้าได้ส่งคนไปจับตาดูพวกเขาไว้แล้ว” ฉู่จื่ออวี้กล่าวหนักแน่นพลางจ้องผ้าซับเหงื่อ “น้ำมันตะเกียงนี้มีกลิ่นแปลกๆ แน่นอน กลิ่นหอมหวานที่เมื่อสูดดมสักพักก็จะทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ส่วนอ้ายอีตัวไหนช่างกล้าทำเื่นี้ก็ต้องสอบสวน!”
เซียวเจวี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอาผ้าซับเหงื่อที่จุ่มน้ำมันตะเกียงวางลงไว้ข้างๆ “การสอบสวนนั้นมีแน่นอน ทว่าอย่างที่องค์หญิงใหญ่กล่าวจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้ หากฝ่าาโปรดวางพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เื่นี้ข้าจัดการเอง”
สีหน้าของฉู่จื่ออวี้ผ่อนคลาย “ในราชสำนักมีแค่พี่เซียวที่ข้าวางใจได้ ข้าไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ไว้ใจพี่”
เซียวเจวี๋ยพยักหน้า “ฝ่าา ทางวังเหลิ่งกงคงจับตามองตะเกียงแห่งชีวิตมากขึ้น ฉะนั้นทรงอย่าลืมส่งคนไปดูแลตะเกียงแห่งชีวิตและอย่าปล่อยให้มันเสียหายนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะนั่นเป็หลักฐานสำคัญ”
ฉู่จื่ออวี้ตอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า กังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในวัง จึงไม่ได้อยู่ที่นี่นาน
หลังจากที่เขาออกไป เซียวเจวี๋ยก็สั่งให้คนนำกะละมังใส่น้ำมาทันที
ฉู่สือยืนดูท่านอ๋องของตนเองล้างมืออยู่ข้างๆ พลางหยิบผ้าซับเหงื่อบนโต๊ะขึ้นมาดมด้วยความสงสัย “ท่านอ๋องขอรับ น้ำมันตะเกียงนี้มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ จริงๆ ด้วยขอรับ ท่านว่าน้ำมันนี้มีสิ่งอื่นผสมอยู่ด้วยหรือไม่ขอรับ?”
“นั่นไม่ใช่น้ำมันตะเกียง”
เซียวเจวี๋ยพูดด้วยเสียงราบเรียบพร้อมหยิบผ้าขึ้นมาแล้วเช็ดมือ แล้วพูดต่ออย่างไม่เร่งรีบว่า “มันคือน้ำมันศพ”
แหวะ—
สีหน้าของฉู่สือเปลี่ยนไปทันตา เขาโยนผ้าเช็ดเหงื่อทิ้งด้วยความขยะแขยงและมองดูอุ้งมือของตนเองอย่างตื่นตระหนกโดยไม่รู้วางมือไว้ตรงไหนดี ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอ๋องต้องล้างมือ!
“น้ำมันศพต้องเหม็นไม่ใช่หรือขอรับ? เหตุใดจึงมีกลิ่นเช่นนี้ได้ล่ะขอรับ! คนผู้นั้นอยากตายหรืออย่างไรกันถึงได้บังอาจเอาน้ำมันศพมาใส่ตะเกียงแห่งชีวิตของฝ่าาเช่นนี้?”
เซียวเจวี๋ยเมินคำถามของเขาและกล่าวว่า “เรามาเริ่มจากบัญชีการจัดซื้อในวังกันเถอะ ตรวจสอบดูว่าน้ำมันตะเกียงพวกนี้มันเข้ามาในวังได้อย่างไรกันแน่”
ฉู่สือรับคำสั่งและพยายามอดกลั้นกับความขยะแขยงที่มีต่อผ้าซับเหงื่อ แต่ก็อดที่จะส่งเสียงจิ๊ออกมา “องค์หญิงใหญ่ ท่านช่างเป็แมวตาบอดเจอหนูตาย[4]เสียจริงเลยนะขอรับ กลิ่นของน้ำมันศพไม่แทบจะไม่ส่งกลิ่นออกมาเลย แต่องค์หญิงกลับสามารถรับรู้ได้ ทั้งยังจมูกดีมากๆ อีกต่างหาก”
แววตาของเซียวเจวี๋ยเป็ประกาย ก่อนจะพูดพร้อมยิ้มมีเลศนัย “เกรงว่าจะไม่ใช่แค่จมูกของนางน่ะสิ...”
***********************
[1] หยินอ่อนหยางเข้มแข็ง (阴盛阳衰) หมายถึง สตรีแข็งแกร่งกว่าบุรุษ
[2] สามหุน(三魄)เรียกอีกอย่างว่า 3 จิต หมายถึง เทียนหุน (天魂ิญญาฟ้า) ตี้หุน (地魂 ิญญาดิน) และ มิ่งหุน (命魂 ิญญาชีวิต) ซึ่งการจะเป็คนสมบูรณ์ได้ต้องมี 3 จิต หากมีแค่ 1 จิต มันก็จะมันไม่สมบูรณ์ และจะตายภายใน 7 วัน
[3] มีเงินทองล้นเหลือทุกปี (年年有余) เป็คำอวยพรในวันตรุษจีนและมักจะกินปลากันในวันนี้ ซึ่งคำว่า 余 (ยวี๋ =เหลือ) พ้องเสียงกับคำว่า 鱼 (ยวี๋ = ปลา)
[4] แมวตาบอดเจอหนูตาย หมายถึง เจอเื่ด้วยความโชคดีหรือบังเอิญ จึงประสบความสำเร็จ