“ผู้ที่รับมอบเหรียญตราจักยุตกราให้มือปราบมารรุ่นที่ 111 ผู้สืบทอดเคียวสู่ภพรุ่นต่อไป ขอเชิญคุณชายเ้าวั่งซู คุณชายแห่งสกุลเ้ารุ่นที่11ให้เกียรติขึ้นรับตราเก้าจักยุตกราเพื่อเป็เกียรติเข้าร่วมเป็มือปราบมารของสำนักเก้าจักยุตกรา แห่งหุบเขาเก้ากระจก ปณิธานเพื่อปกปักรักษาผู้คนและโลกใบนี้สืบทอดเจตนารมย์ของสกุลเ้า และ สำนักเก้าจักยุตกรา สืบไป” เ้าวั่งซูลอยลง้าอาสนะและคำนับเหล่าบรรพาจารย์ แขกจากต่างภพ รวมถึงผู้คนที่ในสนามมากมาย ยืนมอบรับเหรียญตราแต่งตั้งเป็มือปราบมารรุ่นที่ 111 อย่างเป็ทางการ ทุกคนต่างจับจ้องมองมาที่เ้าวั่งซู จนทำให้เ้าวั่งซูเกร็งเหงื่อแตกกดดันอึดอัด แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ คำนับ และทำหน้าขรึมอมยิ้มเล็กๆ เข้ารับตราเก้าจักยุตกรา
“ข้าขอปฏิญาณ ว่าจักใช้พรสววรค์ที่มีมา และ เกียรติที่ได้รับแต่งตั้งเป็มือปราบมารสำนักเก้าจักยุตกรานี้ ในการดูแลและปกปัก ปกป้อง รักษาสมดุล แห่งภพไว้ สืบไป” เ้าวั่งซูกล่าวคำปฏิญาณพร้อมรับการติดตรา
“นี่ท่านเห็นไม๊ ทำไมเ้าวั่งซูคนนี้ถึงหน้าตา ชื่อ ท่าทางบุคลิค แม้แต่น้ำเสียงก็เหมือน เ้าวั่งซูในอดีต” พวกเหล่าเทพเซียน ภูติ และสิ่งมีชีวิตจากภพอื่นที่มีชีวิตอยู่มายาวนานั้แ่สมัยอดีต และมาร่วมงานนั่งอยู่แถวอาสนะได้เริ่มซุบซิบกันถึงความเหมือนจนน่าตกในนี้ของเ้าวั่งซูและปู่ทวดเค้า
“หรือว่า! เค้ากลับชาติมาเกิดเพื่อแก้ไข!”
“หรือ! มาเพื่อทำลายต่อจากแผนเดิม!”
“นี่คนสกุลเ้า! มันกลับมาแล้วหรอ ผู้สืบทอดใหม่มาั้แ่เมื่อไหร่กัน!?” เสียงจากเหล่าฝูงชนที่เข้าร่วมชมการประลอง
“นี่ตระกูลเ้ามันส่งลูกหลานมันจะมา ทำลายชีวิตผู้คนอีกรุ่นละหรอ”
“ตระกูลนี้ควรหมดไปจากการ ปกป้องผู้คน เพราะสิ่งที่เค้ามีคือมีเพื่อทำลายคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์มากกว่า”
“แค่พวกมันมีศาสตรา! ที่สามารถเปิดประตูภพไปมาได้ มันก็คิว่าตัวเองวิเศษและทำอะไรตามใจ!”
“แต่ตระกูลเ้าก็ช่วยผู้คนมาหลายชั่วอายุคน ไม่เคยทำร้ายผู้คนและิญญาดี การที่เค้าพลาดเพียงครั้งเดียวมันอาจจะมีเื้ั”
“ใช่! ถึงทุกอย่างจะ ออกมาเป็แบบนี้ แต่คนแซ่เ้าไม่ะเิเพื่อปิดผนึก พวกเ้าคิดไม้ ว่าทุกวันนี้มันจะแย่ขนาดไหน”
“ใครจะไปรู้ว่ามันทำแบบนั้นจริงๆ บางทีมันอาจจะทำอะไรผิด! และมาแก้ไขแบบลวกๆ ไป! ทั้งที่ผลลัพธ์ที่ได้มันแย่กว่าผลดี!”
“ถ้ามันเปิดส่งิญญาไปมาได้ ทำไมมันไม่ส่งตัวเองไปทั้งตระกูล ทั้งเคียวยมฑูต ให้จบๆ ไป ถ้าไม่มีพวกตระกูลเ้าไม่มีเคียวยมฑูตนั่น แต่ละภพ ก็ต่างคน ต่างอยู่ ไม่ต้องข้องเกี่ยวกัน สงบสุข” เสียงผู้คนในสนามแตกออกเป็หลายสาย ทั้งชื่นชม สงสัย และกร่นด่า สาบแช่ง ดังก้องไปทั้งสนามไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
พวกท่านทุกคน ณ ที่นี้ พวกเราในฐานะตัวแทนของภพมนุษย์สำนักเก้าจักยุตกรา พวกเราเข้าใจและให้เกียรติทุกความคิดเห็นของทุกท่าน และในฐานะที่สำนักคุ้มภัยแห่งหุบเขาเก้ากระจกแห่งนี้เป็สำนักคุณธรรม พวกเราจะไม่มีวันยืนข้างหรือสนับสนุนคนไม่ดีแน่นอน แต่สกุลเ้าคือผู้มีเกียรติได้รับการตกทอดรุ่นสู่รุ่นของเคียวสู่ภพ และ เคียวยมฑูตเล่มนี้ รวมถึงคนสกุลเ้ารุ่นๆ ต่อรุ่น ก็ใช้มันเพื่อพิทักษ์ความสงบสุขของภพมนุษย์ และอีกแปดภพมาตลอด ไม่มีออกนอกลู่นอกทาง ข้าอยากให้พวกท่านเปิดใจ รับฟังความ และพิจารณา เพื่อให้เกียรติกับ คุณชายเ้าวั่งซูรุ่นที่ 11 เ้าแห่งภพมนุษย์ คุณชายแม้นพึ่งได้รับตำแหน่งในวันนี้ และ ยังเยาว์วัย แต่ความสามารถทางพลังจักราและพลังเวทย์ล้วนได้รับการถ่ายทอดจากต้นตระกูลมาครบสมบูรณ์แบบ อีกทั้งปฏิภาณไหวพริบที่เหนือใคร คุณชายเ้าคือผู้ที่เป็กำลังสำคัญสำหรับเราทุกคน และอีกอย่าง เกียรติยศ ชื่อเสียง และคุณงามความดีที่สกุลเ้ากระทำตลอดมาหลายร้อยปีนับเป็เกียรติสูงสุดแก่วงศ์สกุลเ้า ข้าในนามตัวแทนแห่งสำนักจักเก้าจักยุตกราไม่เห็นด้วยกับคำพูดและการกระทำเป็เป็การ ป้ายสี หรือ ิ่เกียรติ คุณชายที่เป็ตัวแทนสกุลเ้าในวันนี้ ทุกท่านใคร่ครวญด้วย” กงซุนต้าเฉียนลุกขึ้นกล่าวปกป้องสกุลเ้า เ้าวั่งซูหันมองทางเค้า และไม่คาดคิดว่าจะยินคำพูดเหล่านี้จากคนที่เค้าไม่เคยรู้จักและนับถือมาก่อน
“ข้าเห็นด้วยกับท่านกงซุนต้าเฉียน” ฮวาเฟยฟาเหาะร่อนลงอาสนะข้างๆ เ้าวั่งซู “ข้าฮวาเฟยฟา องค์ชายัแห่งภพ์ มือปราบมารแห่งสำนักจักเก้ายุตรารุ่นที่1 ข้าคิดว่าสกุลเ้าควรได้รับเกียรติยศชั่วนิรันดร์ หาใช่ความเข้าใจผิดและเสียงกร่นด่าสาบแช่งไม่รู้จบเช่นนี้ ถ้าพวกท่านสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นของการะเิที่จัตุรัสเฟิงสุ่ยนั้น ข้าคือผู้อยู่ในเหตุการณ์ และข้าได้เล่าชี้แจงรายละเอียดสู่ผู้นำทุกภพหมดแล้วั้แ่เมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่เื่ราวมากมายผ่านมานานล้วนถูกบิดเบือน ครานี้เป็โอกาสดีที่จะได้ฟังจากปากของข้าเอง เมื่อฟังแล้วโปรดทำความเข้าใจ และสร้างความเชื่อที่ยุติธรรมให้แก่สกุลเ้า ข้าจักขอบพระคุณเป็อย่างยิ่ง
จากเื่ที่ข้าชี้แจงต่อผู้นำภพทุกท่านนั้น พวกเราเหล่าบรรพาจารย์ และตัวแทนผู้นำจากทุกภพล้วนมองเป็เื่ที่สมควรทำ การเกิดรอยแตกร้าวจนทุกภพหลุดรวมกันนั้น เกิดขึ้นก่อนที่เคียวสู่ภพจะะเิตัวเอง ดังนั้นการตัดสินใจะเิตัวเองของ เ้าวั่งซูรุ่นที่ 1 แห่งสกุลเ้า คือสิ่งที่ควรกระทำ แม้การกระทำนั้นนำมาสู่รอยแยก และหลุดรอดกระเด็นกระดอนออกมาจากภพต้นกำเนิดของดวงจิตแต่ละดวง แต่ถ้าไม่ทำ ผลเสียหายร้ายแรงย่อมมากกว่าเมื่อมาถึงทุกวันนี้ ท่านเ้าวั่งซู ไมใช่แค่ตัดสินใจทำลายเคียวสู่ภพอาวุธประจำตระกูลตัวเอง แต่ยังเป็ดวงจิตตัวเองที่ต้องแตกสลายไปพร้อมกับศาตราที่ถือครองนั่น การเสียสละที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ข้าสงสัยว่า จะมีใครสักคนนึงในที่นี้สามารถหรือยินยอมพร้อมใจจะทำเพื่อผู้อื่นแบบนี้หรือไม่” ฮวาเฟยฟาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นนการะเิที่จัตุรัสเฟิงสุ่ยต่อทุกคน
“หา! มีเื่แบบนี้จริงหรอ”
“ถ้าเป็แบบนั้น! ก็ถือเป็การเสียสละที่ยิ่งใหญ่มากเลยนะ สำหรับคุณชายเ้าวั่งซู และสกุลเ้า”
“ถ้ามันไม่ได้เป็คนทำ! ให้เกิดรอยร้าวแล้วจะเป็ใครไปได้!?”
“เื่มันป็นร้อยเป็พันปี คนเล่าจะดัดแปลงเื่ราวยังงัยก็ได้!”
“เออนั่นสิ! แต่นั่นมันองค์ชายแห่งัเชียวนะ ท่านคงไม่พูดปลดหรอก”
“แต่ข้าเคยได้ยินว่าองค์ชายัผู้นี้ก็คือสหายสนิทหนึ่งเดียวของคุณชายเ้านั่น และข้าก็เคยได้ยินมาว่าเค้าทั้งสองร่วมมือกัน และทำการะเิเพื่อปกปิดความผิดพลาดของตัวเองมากกว่า!” เสียงคนซุบซิบนินทา แบบไม่อยากจะเชื่อเต็มไปหมด
เ้าวั่งซูยืนมองจ้องไปที่ฮวาเฟยฟา และมองจ้องค้างอยู่แบบนั้น และเอื้อมมือเอานิ้วสองนิ้วไปดึงเกาะชาแขนเสื้อฮวาเฟยฟาไว้เบาๆ “เ้าถึงกับเอาเกียรติยศชื่อเสียงของเ้ามาปกป้องสกุลข้า เฟยเฟย” เ้าวั่งซูพูดเบาและอมยิ้มอ่อนโยน
“ปกป้องปู่ทวดเ้า และ เ้า หาใช่อื่นใดไม่ และถ้าเ้าเป็ข้าก็คงทำเพื่อปกป้องข้าเช่นกัน” ฮวาเฟยฟายิ้มอ่อนโยน
“ทุกท่าน! ข้าเ้าวั่งซูผู้สืบทอดเคียวสู่ภพโดยธรรมรุ่นที่ 11 ในวันนี้ข้าจะไม่ขอแก้ตัว หรือ อธิบายอะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น เพราะส่วนใหญล้วนเป็เื่ในอดีตที่แม้นแต่ตัวข้าเองก็ยังกำเนิดไม่ทัน แต่ข้าจะขอพูดในฐานะของตัวข้าเอง ข้า เ้าวั่งซู ข้าคิดว่าภาระที่ยิ่งใหญ่ที่ตกมาที่สกุลเ้าในการถือเคียวมรณะนี้ ซึ่งหน้าที่หลักของมันคือ มีไว้เพื่อปลดปล่อย ผดุงสมดุล รวมถึงการทำลายเพื่อกำเนิดสิ่งใหม่ มาหลายชั่วอายุคน และตกทอดต่อมาจนมาถึงข้าในวันนี้ ข้า เ้าวั่งซู จะไม่มีวันทำอะไรที่ต้องรู้สึกผิดต่อผู้คนในใจ และ จะสืบสานปณิธานแห่งสกุลเ้า และใช้พลังที่ได้มาเพื่อผดุงความยุติธรรม และถูกต้องเพื่อทุกคน เพื่อทุกดวงจิต และทุกดวงิญญา ข้าและสกุลเ้าทุกคนจะตายอย่างมีเกียรติไม่ให้มีมลทินแปดเปื้อน และจะทิ้งชีวตนี้ไป โดยที่ไม่มีอะไรให้ละอายเมื่อมองย้อนหลังตราบชั่วนิจนิรันดร์”
เ้าวั่งซูก้าวขึ้นมาด้านหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดัง ขจรไกล ทุกคนทุกสิ่งนิ่งเงียบ ไม่มีทั้งตอบรับ หรือ กร่นด่าปฏิเสธ ในใจทุกคนยังคงงงวย และไม่แน่ใจกับเื่ราวความจริงในแง่ใหม่ ที่เกิดขึ้นตรงหน้าตอนนี้จากคำพูดของ กงซุนต้าเฉียน ฮวาเฟยฟา และ เ้าวั่งซู เมื่อชั่งตวงวัดกับ เื่ราวที่รับรู้มา และความรู้สึกที่อยู่ในใจ ซึ่งมันโหดร้าย และทำชีวิตพวกเค้าติดอยู่กับหมู่บ้านชุนเทียนแห่งนี้และการกระทำที่ทรยศต่อผู้คนของสกุลเ้า ที่ถูกเล่าและเชื่อต่อกันมาช้านาน จึงมีแต่บรรยากาศที่เงียบ และช่องว่างของมวลอากาสที่มีลมตะวันออก และลมตะวันตกลอยปะทะกัน ตรงช่องว่างของอากาศ และบางมวลลมลอยมาก็ซึมซึบรวมเข้าด้วยกัน บางส่วนก็พัดมากระทบและจากกันไปคนละทิศ เหมือนความคิดและความรู้สึกในใจของผู้คนในขณะนี้ บ้างก็พยายามอยากจะเชื่อสิ่งดีๆ ในปัจจุบันตรงหน้า บ้างก็ไม่สามารถหลุดจากความเชื่อในอดีต และยังคงมีอคติ และความไม่แน่ว่าจะเลือกที่จะเดินตามทางเดิม
“สำหรับวันนี้พอแล้วหล่ะ พวกเราทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือรอเวลา ตัวเ้า และข้า ค่อยพิสูจน์ให้พวกเค้าได้ประจักษ์ เมื่อนั้นมันจะเป็สิ่งที่ยืนยันคำพูด และเื่ราวที่เรากล่าวไปในวันนี้ได้ดีที่สุดว่ามันเป็เื่จริง” ฮวาเฟยฟาขยับไปใกล้ แตะ และบีบบ่าเ้าวั่งซูพร้อมกล่าวปลอบใจ
“ใช่ ข้าก็คิดแบบนั้น พวกเราแค่ต้องพิสูจน์ให้พวกเค้าเห็นในวันหนึ่ง ขอบใจเ้ามากนะเฟยเฟย ที่ปกป้องข้า ท่านปู่ทวดข้า และตระกูลเ้า” เ้าวั่งซูหันมายิ้มอ่อนโยนพร้อมกลับการยิ้มรับจากอีกฝ่ายที่อ่อนโยนยิ่งกว่า ทั้งสองเดินไปหยุดหน้าเก้าอี้รถเข็นของกงซุนต้าเฉียน
“ข้าทั้งสอง ขอคารวะ และ ขอบคุณความเมตตาของท่านเมื่อสักครู่ที่มีต่อสกุลเ้า ท่านปู่ทวด และรวมถึงตัวข้า” เ้าวั่งซูกล่าวโค้งคำนับ
“ความคิดคนหมู่มากมีเยอะแยะมากมาย ซ้ายขวา ดีเลว ขาวดำ ยากแยกแยะ ผิดถูก พวกเ้าอย่าได้เก็บมาเป็สาระเลย
“พวกข้าจะจดจำไว้ ขอขอบคุณท่านอีกที” เ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟาโค้งคำนับ
“บึ้ม! กรี๊ด! โอ๊ย!” เสียงะเิดังมาจากสนามประลองพร้อมเสียงกรีดร้อง และวิ่งหนี ของผู้คน โกลาหลวุ่นวายไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น!” เหล่า ปรมาจารย์ เทพเซียน แขกคนอื่นๆ จากต่างภพ ต่างพากันหันมองไปตามเสียงะเิ
บนลานสนามการประลอง มีกระจกบานหนึ่งะเิแตกกระจายออกอย่างรุนแรง ก่อนที่หมอกควันจะคละคลุ้งกินบริเวณ ทุกคนต่างสังเกตเห็นมีบางสิ่งยืดยาวลักษณะคล้ายท่อนแขนข้อมือคนแต่มันกลับเป็ท่อนๆ เป็ข้อๆ ยื่นออกมาจากกระจกมากมายหลายร้อยมือ และคว้าจับผู้คนแถวนั้นดึงเข้าไปในกระจก เสียงกรีดร้อง และ วิ่งหนี โกลาหล จ้าละหวั่น ความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เืสีแดงสาดกระจัดกระจาย เสียงร้องสิ้นหวัง และกลัวของผู้คนยังคงดังไม่หยุดหย่อน ภายใต้หมอกควันที่คละคลุ้งเหมือนม่านบังกาย สิ่งมีชีวิตแปลกปลอมนั่น
“นั่น! มันตัวอะไรหน่ะ!” เ้าวั่งซู และฮวาเฟยฟาหันมองสิ่งที่เกิดขึ้นจากที่ไกล และหวั่นเกรงสิ่งที่กำลังเผชิญ