ณแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลชั้นหนึ่ง อาคารสาม มีคนกลุ่มใหญ่ยืนอออยู่ตรงทางเดินหลินเป้ยเป้ยกำลังยืนเบียดเสียดท่ามกลางกลุ่มคนเธอเช็ดน้ำตาเพื่อขอร้องหมอที่อยู่ข้างๆ
“คุณหมอจางคะ แม่ของฉันเพิ่งผ่าตัดเสร็จและต้องพักฟื้นได้โปรดให้ท่านอยู่ในห้องผู้ป่วยด้วยเถอะค่ะส่วนเื่เงินเดี๋ยวฉันจะหาเอามาให้เอง”
“แม่หนู มันก็ไม่ใช่ว่าฉันใจจืดใจดำหรอกนะแต่ตามกฎของโรงพยาบาลถ้าจ่ายเงินไม่พอก็เปิดห้องให้ไม่ได้หรอก”หมอจางกล่าวพลางดันแว่น แสดงสีหน้าลำบากใจ
ถัดจากที่หลินเป้ยเป้ยยืนคือพวกกุ๊ยวัยรุ่นพวกนั้นเพิ่งาเ็จากการสู้กันระหว่างแก๊ง และมาพันแผลถลอกที่โรงพยาบาลเมื่อเห็นสาวสวยไร้เดียงสาอย่างหลินเป้ยเป้ย พวกมันจึงหยุดยืนข้างๆ เธอ
หัวโจกคือคนที่ไว้ทรงผมแอโฟรเป็ชายหยาบกระด้างใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นดวงตาสามเหลี่ยมของมันกวาดมองร่างกายของหลินเป้ยเป้ยั้แ่หัวจรดเท้าจนตาเขียวปั๊ด
“ฮ่าๆ คนสวย เข้าโรง’ บาลก็ต้องจ่ายตัง เป็หลักฟ้าดินเปลี่ยนไม่ได้ถ้าเธอไม่มีเงินก็ไม่เป็ไร เดี๋ยวพี่จะให้ยืมเองขอแค่คนสวยออกมาดื่มและสนุกกับพวกพี่ตอนกลางคืน เื่เงินไม่ใช่เื่ใหญ่!”
เ้าหัวแอโฟรเห็นโอกาสเขาลูบคางของตัวเองพลางมองเรือนร่างของหลินเป้ยเป้ยอย่างไร้ยางอายและมีรอยยิ้มต่ำช้า
หลินเป้ยเป้ยรู้ความตั้งใจชั่วร้ายของชายคนนี้จึงมองด้วยสายตารังเกียจเธอจ้องเ้าหัวแอโฟรด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะเมินคนเหล่านี้และขอร้องหมอจางต่อ
“คนสวย ไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนเท่าไรมันก็ไร้ประโยชน์ตราบใดที่ไม่มีเงิน”เ้าหัวแอโฟรยิ้มและเดินมาขวางทางระหว่างหลินเป้ยเป้ยกับหมอ เขากางมือออกเพื่อแกล้งไม่ให้เธอขอร้องหมอจางต่อไปได้
เมื่อเห็นว่าหมอจางเดินเลี้ยวหายไปตรงหัวมุมดวงตาที่กระวนกระวายของหลินเป้ยเป้ยก็เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าแต่วัยรุ่นไร้ยางอายพวกนี้ยังตามติดเธอ กันไม่ให้เธอไปไหน
“พวกคุณ้าอะไร?” ปกติหลินเป้ยเป้ยจะเป็ผู้หญิงอ่อนโยนแต่ตอนนี้เธอเริ่มหงุดหงิดแล้ว
เ้าหัวแอโฟรยืนอยู่ที่นี่นานแล้วจึงเข้าใจสถานการณ์ได้คร่าวๆแม่ของผู้หญิงคนนี้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษาแสดงว่าตระกูลนี้ไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจ ซึ่งเป็แบบที่เ้าหัวแอโฟรชอบที่สุด
“คนสวย พี่คิดดูแล้ว พี่จะช่วยจ่ายค่ารักษาให้แม่เธอเองส่วนเธอก็มาเป็ผู้หญิงของพี่ ในวงการนักเลงพี่มีหน้ามีตามากเลยนะอยู่กับพี่แล้วชีวิตจะเป็สิริมงคลไปแปดชาติ!”
“คนสวย คิดว่าอย่างไร?”
เ้าหัวแอโฟรยิ้มกว้างดวงตาจับจ้องเรือนร่างของหลินเป้ยเป้ยเหมือนกับรอไม่ไหว เขามั่นใจมากว่าหลินเป้ยเป้ยจะเป็ของเขาและหนีไปไหนไม่ได้มือปลาหมึกพยายามจะเอื้อมมาเชิดคางของหลินเป้ยเป้ย
ใบหน้าของหลินเป้ยเป้ยเ็าทันทีระยะหลังนี้เธอทุกข์ทรมานกับเื่ต่างๆ จึงทำให้ะเิอารมณ์ออกมาทันที
“ไสหัวไป! พวกนายทุกคนไปให้พ้น!”
“วะ พ่อไม่เคยปล่อยผู้หญิงที่สนใจหลุดมือ ในเมื่อเธอไม่ยอมมาดื่มฉลองด้วยงั้นเดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน”
เมื่อถูกหญิงสาวด่าต่อหน้าพวกพ้องรอยยิ้มของเ้าหัวแอโฟรก็หายไปกลายเป็หมองหม่น เขายิ้มอย่างชั่วร้าย “พี่น้องสาวน้อยคนนี้หน้าตาดีใช้ได้ พากลับไปให้ทุกคนลิ้มรสกันหน่อยเร็ว”
เ้าหัวแอโฟระเิเสียงหัวเราะออกมาทุกคนก็โห่ร้องเดินเข้าใกล้หลินเป้ยเป้ยทีละก้าว และหลินเป้ยเป้ยก็รีบถอยหลังหลังจากถอยหลังเพียงสองก้าว เธอก็ชนเข้ากับแขนของใครบางคน
กลิ่นของผู้ชายที่คุ้นเคยลอยแตะจมูกของหลินเป้ยเป้ยซึ่งน่าแปลกที่เธอไม่ได้รังเกียจมัน
“ฮ่าๆกลายเป็ว่าโลกนี้ยังมีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างนายน้อยผู้นี้เหมือนกันสินะคนที่ไม่เคยปล่อยให้ผู้หญิงที่สนใจหลุดมือ!”
ฉินเฟิงเพิ่งมาถึงและบังเอิญเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เขายกยิ้มบาง
ความดุร้ายในดวงตาหายไปทันที
ฉินเฟิง?
เมื่อหลินเป้ยเป้ยกำลังจะดิ้นออกจากอ้อมแขนของชายคนนั้นเธอก็รู้ทันทีว่าเป็ฉินเฟิง สมองของเธอว่างเปล่าความเศร้าที่อยู่ในใจพรั่งพรูออกมา แต่เมื่อเธอซบอยู่ในอ้อมกอดของฉินเฟิงความรู้สึกอบอุ่นก็ปลอบโยนหัวใจของเธอให้สงบลง
“ไอ้หนู แกมาจากแก๊งไหน? พวกพี่มีธุระแกรีบถอยไปดีกว่า” ทันทีที่มีคนเข้ามาขวางเ้าหัวแอโฟรก็โกรธจนอยากจะกลืนกินฉินเฟิงทั้งตัว
แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าและท่าทีโอ่อ่าของฉินเฟิงก็ทำให้รู้ว่าอาจจะเป็คนชั้นสูงและเขาไม่อยากขัดแย้งกับคนประเภทนี้ จึงอยากจะขู่ฉินเฟิงให้กลัวหนีไป
“ฮ่าๆ นายน้อยผู้นี้ไม่ใช่คนในวงการนักเลงแต่ในวงการก็มีตำนานของฉันอยู่เหมือนกัน พอดีฉันแค่บังเอิญผ่านมาและเห็นพวกขี้โม้เลยต้องมาหยุดดูว่าหมาจรจัดตัวไหนมันมาเห่าแถวนี้” ฉินเฟิงผ่านโลกมามากดังนั้นเขาจะกลัวกับแค่อันธพาลต๊อกต๋อยได้อย่างไร?
เ้าหัวแอโฟรค่อยๆรู้ความหมายของฉินเฟิง ไอ้เด็กนี่พูดเป็นัยว่าเขาเป็หมาจรจัดและมาเห่าแถวนี้
ทันใดนั้นเ้าหัวแอโฟรก็ะเิความเกรี้ยวกราดออกมาเขาคำรามและพุ่งไปหาฉินเฟิง
“พวกแก ฆ่าไอ้เด็กขี้เหม็นนี่ซะ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็ใคร!”
กลุ่มคนหกคนอัดแน่นอยู่ในทางเดินแคบๆและพุ่งไปหาฉินเฟิงราวกับฝูงหมาป่าหิวโหยดูน่ากลัว
เพียงแต่ว่าฉินเฟิงมีเพลงหมัดพยัคฆ์คำรนและเกิดมาพร้อมกับกลิ่นอายน่าเกรงขาม ต่อให้เขาคนเดียวก็ไม่ยากที่จะล้มคนทั้งห้าคนไม่ต้องกล่าวถึงลุงฝูที่ยังยืนอยู่ข้างหลัง
ฉินเฟิงไม่อยากให้ลุงฝูรู้ว่าเขาฝึกวิทยายุทธเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายเื่ระบบราชันเ้าสำราญอย่างไรเขาแค่เหลือบมองลุงฝูและลุงฝูก็เข้าใจ เขาแตะพื้นเบาๆ พุ่งไปหาราวกับปลาในน้ำ
ฉินเฟิงเพิ่งเคยเห็นฝีมือของลุงฝูด้วยตาตัวเองแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเพลงหมัดพยัคฆ์คำรน แต่ต่อให้มีตัวเขาสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลุงฝูร่างกายของลุงฝูรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ ปล่อยหมัดดั่งพายุไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมา
เพียงไม่กี่อึดใจกุ๊ยทั้งหกคนก็ลงไปกองกับพื้น ทุกคนขดตัวเป็กุ้งและร้องด้วยความเ็ป
ตอนนี้ลุงฝูกลับไปยืนตระหง่านอยู่ข้างหลังฉินเฟิงสีหน้าของเขาสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ลุงฝู ช่วยไปจัดการเื่ค่ารักษาพยาบาลทีนะครับ” ฉินเฟิงกล่าว
ลุงฝูพยักหน้าและออกไปโทรศัพท์
ทั้งหกคนบนพื้นร้องอย่างน่าสังเวชและโกรธพวกมันเป็อันธพาลมานานและต่อสู้เป็ประจำ
ปกติพวกมันจะเป็คนคอยรังแกคนอื่นไม่เคยถูกรังแกกลับอย่างนี้
ทว่าวันนี้พวกมันกลับถูกเล่นงานโดยชายแก่ที่ดูธรรมดาๆซึ่งทำให้พวกมันเสียหน้าจนอยากวิ่งชนกำแพงตาย ถ้าเื่นี้แพร่งพรายออกไปละก็พวกมันคงไม่มีหน้าอยู่ในวงการนักเลงต่อ
“พี่เปียว นี่ผมเองไอ้ดำ พวกผมถูกอัดน่วมอยู่ในโรง’ บาลชั้นหนึ่ง...เราอ้างชื่อพี่เปียวแล้วแต่มันไม่ไว้หน้าพี่เลย แถมมันยังอัดเรายิ่งกว่าเดิมอีก พี่เปียวพี่ต้องมาสอนบทเรียนมัน และให้ความยุติธรรมแก่พวกผมด้วย!” หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเ้าหัวแอโฟรก็โทรเรียกกำลังเสริม
พี่เปียวที่อยู่ปลายสายอาจจะแข็งแกร่งพอตัวเพราะหลังจากวางสาย พวกกุ๊ยก็กลับมาจองหองอีกครั้งพวกมันจ้องมาที่ฉินเฟิงเหมือนกลัวว่าเขาจะหนี
“ไอ้เด็กขี้เหม็น ครั้งนี้แกตายแน่ พี่เปียวกำลังพาคนมาที่นี่พ่อจะให้แกรู้ว่าคนบางคนในเมืองเว่ยเฉิงก็ไม่ควรหาเื่!”
“เหรอ? งั้นนายน้อยผู้นี้อยากเห็นซะแล้วสิบอกให้มันรีบมาเร็วเข้า เพราะหลังจากเสร็จธุระจากที่นี่ฉันก็จะไปแล้ว”
ฉินเฟิงยิ้มอย่างไม่แยแสเขามองเ้าหัวแอโฟรและคนอื่นๆ เหมือนพวกมันเป็คนบ้า