เซี่ยเสี่ยวหลานส่งยิ้มให้กัน
“ลางานได้แล้วหรือ?”
“ทำไมเธอไม่ถามไถ่ก่อนค่อยเปิดประตู ถ้าเป็คนไม่ดีเล่า?”
บ้านพักประจำหน่วยงานของคังเหว่ย จะมีคนไม่ดีมากขนาดนั้นเสียที่ไหน เซี่ยเสี่ยวหลานเองบอกไม่ถูกเช่นกัน เธอแค่มีความรู้สึกบางอย่างว่าคนเคาะประตูคือโจวเฉิง
“ฉันแค่รู้ว่าเป็เธอ ไม่มีทางเป็คนไม่ดีแน่นอน”
โจวเฉิงปิดประตูและไม่เถียงกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอบอกว่าอะไรก็อย่างนั้นเถอะ เดิมทีเวลาที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันนั้นช่างน้อยนิด จะเสียเวลาไปกับการถกเถียงหมดได้อย่างไร เคียงข้างกันอย่างกลมเกลียวดีกว่าอะไรทั้งสิ้น
“เธอกำลังอ่านหนังสือหรือ?”
หนังสือเรียนของเซี่ยเสี่ยวหลานยังวางแบอยู่บนโต๊ะหนังสือ โคมไฟเล็กก็เปิดสว่าง
เธอปิดหนังสือและขยี้ตาเบาๆ “เธอมาฉันก็ไม่อ่านแล้ว ฉันยังรอเธอพาฉันตะลอนรอบปักกิ่งอยู่นะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยมาปักกิ่งแล้ว
ออกทำงานต่างเมืองในชาติก่อนไม่รู้ว่าเดินทางมาตั้งกี่เที่ยว
แต่อย่างไรเสียการมาเพื่อทำงานและการให้แฟนหนุ่มเดินเที่ยวเป็เพื่อนมีความคาดหวังที่แตกต่างกัน
วันนั้นทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่ปิดจนเกิดเหตุการณ์ ‘จูบแรก’ ขึ้น สถานที่อากาศไม่ถ่ายเท ฮอร์โมนจึงพลุ่งพล่านถึงขีดสุด บ้านพักเองก็ไม่มีสิ่งอำนวยความบันเทิงอะไร ย่อมต้องออกไปเตร็ดเตร่เสียหน่อย
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าไปด้วยระหว่างเดิน บอกว่าเส้ากวงหรงก็มาจ้างลุงเธอตกแต่งภายในเหมือนกัน
“ฉันเห็นว่าเธอไม่ได้เจอเขานานแล้ว เลยบอกว่าตอนเย็นให้ทุกคนมากินข้าวพร้อมหน้ากันสักมื้อ ธุระที่สถานีตำรวจซางตูไม่ต้องขอบคุณเขาหรอกหรือ”
ต้องขอบคุณอยู่แล้ว
แน่นอนว่าโจวเฉิงอยากอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานตามลำพัง แต่เื่การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ โจวเฉิงก็ไม่ด้อยไปกว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน
ความสัมพันธ์อันดีขนาดไหนยังจำเป็ต้องรักษา เส้ากวงหรงปากสว่างก็จริง ทว่าเ้าตัวมีน้ำใจแก่พวกพ้องมาก
“เขาบอกว่ากินข้าวที่ไหนหรือ?”
“หกโมงเย็น ที่โรงแรมปักกิ่ง เธอคงกลับหน่วยงานทันสินะ?”
โจวเฉิงพยักหน้า “มีเวลาน่ะ อย่ากังวลเลย”
นัดที่โรงแรมปักกิ่ง เส้ากวงหรงใจ้ป้ำจริงๆ อีกฝ่ายอาจกำลังชดใช้ความผิดเื่หลุดปากในคราวก่อนอยู่ โจวเฉิงไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ความจริงโจวเฉิงไม่ถือสาที่เส้ากวงหรงเผลอหลุดปาก เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานจะบอกผู้อื่นไม่ได้
บ่อยครั้งที่ความเก่งกาจของเซี่ยเสี่ยวหลานทำตัวเขาตะลึงและภาคภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย เขาอยากถือโทรโข่งะโบอกทั้งโลกเหลือเกิน บอกคนอื่นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนรักของเขา ถ้าประทับตราให้ใครแล้วคนนั้นกลายเป็ของตน ไม่ว่าตราประทับนี้จะแสนแพงเพียงใดโจวเฉิงก็เต็มใจซื้อ
ในการคาดการณ์ของโจวเฉิง มีภาพฉากของการพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปเปิดเผยต่อหน้าผู้ใหญ่ในครอบครัวอยู่มากมายหลากหลาย แต่พอโจวอี๋พูดก่อน กวนฮุ่ยเอ๋อก็เกิดความไม่ประทับใจเนื่องจากความอคติ โจวเฉิงจะบอกสิ่งเหล่านี้แก่เซี่ยเสี่ยวหลานได้หรือ?
คนจัดซื้อของภัตตาคารที่ชื่อจูฟ่างนั่น ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนกันมิใช่หรือ และก็เพราะว่ามารดาที่บ้านไม่เป็มิตร โผล่ออกมาคัดค้านเร็วเกินไป ทำเอาจูฟ่างไม่มีกระทั่งโอกาสจีบเซี่ยเสี่ยวหลาน
คนอื่นโชคร้ายทำเื่โง่เง่าลงไป โจวเฉิงยินดี
แต่เมื่อถึงตาเขาเองบ้างกลับเป็ความตระหนก
เกิดกวนฮุ่ยเอ๋อมารดาของเขาเอ่ยปากพูด ‘จะคบกันก็ตามใจ แต่แต่งงานไม่ได้’ อะไรแบบนั้น ยั่วภรรยาเขาจนโมโหขึ้นมา เขาจะไปตามจีบที่ไหนได้อีก?
โดยเฉพาะตอนนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานใกล้สอบเกาเข่าแล้ว โดนกระทบจิตใจย่อมไม่ดี
โจวเฉิงคิดว่ารอเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยค่อยพากลับบ้าน เขารู้ดีว่าภรรยาตนเองสุดยอดเพียงใด ในเมื่อคนอื่นไม่รู้ ก็จำเป็ต้องมีความล้ำเลิศมาพิสูจน์ ยิ่งไปกว่านั้นพอเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง อนาคตสี่ปีต้องศึกษาเล่าเรียนอยู่ในปักกิ่ง ต่อให้อยากสลัดเขาทิ้ง ความเป็ไปได้ก็น้อยลงมากทีเดียว
โจวเฉิงกุมมือเซี่ยเสี่ยวหลานแน่นขึ้นเล็กน้อย
“สหายเสี่ยวหลาน วันนั้นคุณจูบผมด้วย คุณต้องรับผิดชอบผมนะ”
พูดว่ารับผิดชอบอีกแล้ว!
ว่าด้วยจูบนั่น เป็เพียงแมลงปอััผิวน้ำแท้ๆ กลับทำให้หน้าแดงก่ำใจเต้นรัว
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าแก้มร้อนฉ่า ไม่อยากสนทนาประเด็น ‘รับผิดชอบ’ กับโจวเฉิง ทัศนคติของเธอต่อโจวเฉิงพังทลายแล้ว ทั้งที่เมื่อครั้งแรกที่พานพบกันเป็คนมีกลิ่นอายร้ายกาจและเกเรไม่เบา ใครจะรู้ว่าเมื่อเริ่มมีความรักกลับกลายเป็หนุ่มติดหนึบ
โจวเฉิงพาเซี่ยเสี่ยวหลานเที่ยวเล่นรอบปักกิ่ง
เดินชมเทียนอันเหมิน และไปเที่ยวลานสเก็ตน้ำแข็ง โจวเฉิงเล่นเก่งมาก แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเล่นไม่เป็ โจวเฉิงสถาปนาตนเป็อาจารย์ ทำทีจะสอนเซี่ยเสี่ยวหลานจนเล่นเป็ เซี่ยเสี่ยวหลานสวมร้องเท้าสเก็ตลงลาน ไม่ทันไรก็รู้ซึ้งถึงเจตนาซุกซนของโจวเฉิง
ขนาดสกีเธอยังเล่นเป็ ทว่าดันเล่นสเก็ตไม่เป็เสียได้!
สเก็ตน้ำแข็งทดสอบความสมดุลของคนอย่างยิ่ง คนฉลาดไม่ได้แปลว่าการประสานงานของแขนขาจะดีไปด้วย ผู้ที่มีการประสานงานของร่างกายดีก็ต้องล้มหลายรอบกว่าจะเล่นเป็เหมือนกัน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ล้มคว่ำ ทุกครั้งที่เธอจะล้ม โจวเฉิงจะกอดเธอได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว
เห็นแล้วราวกับว่าตั้งใจเสนออ้อมอกเอง ท่ามกลางสาธารณชน การสอนสเก็ตน้ำแข็งครั้งนี้ช่างหวานชื่นเต็มไปด้วยความรักเหลือเกิน
เซี่ยเสี่ยวหลานมองค้อนเขา ทว่าโจวเฉิงไม่ละอายแม้แต่น้อย
“ฉันรับประกันว่าตั้งใจสอนจริงๆ! ไม่สิ เมื่อครู่ฉันก็ตั้งใจสอน เสี่ยวหลานของฉันหัวไวที่สุด อีกไม่นานต้องเล่นเป็แน่นอน”
ในวันอากาศหนาวจัด เซี่ยเสี่ยวหลานเล่นจนเหงื่อออก
ท่าทางหอบหายใจแรงทำให้ดวงหน้าเธอยิ่งอ่อนหวานทรงเสน่ห์
เธอตบตัวโจวเฉิงเบาๆ สองที โจวเฉิงคว้ามือเธอไว้ ในที่สุดก็เริ่มสอนเธอเล่นสเก็ตน้ำแข็งอย่างจริงจัง
“ขาข้างหนึ่งออกไปก่อน ถูกต้อง ขยับแกนกลางร่างกายลงล่าง...”
โจวเฉิงคอยพยุง คอยโอบ ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานล้ม ทุกครั้งที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคลื่อนตัว เขาประหม่ากว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเสียอีก แต่เขารักษาคำพูด เริ่มตั้งใจสอนเธอจริงๆ
หนึ่งคนสอน หนึ่งคนเรียน
และในไม่นานเซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจเทคนิค
เธอผละออกจากการประคองของโจวเฉิง หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานไถลด้วยตนเองเป็ระยะทางหนึ่ง เธอได้รู้ว่าตัวเธอมีทักษะใหม่แล้ว
เธอดีใจมาก โผเข้ากอดโจวเฉิงก่อน แถมยืนเขย่งเท้าและหอมแก้มเขา
พอโจวเฉิงตอบสนอง ฝ่ายรับกลับกลายเป็ฝ่ายรุก จูบครั้งที่สองของทั้งสองคนจึงเกิดขึ้น
ที่นี่ไม่ใช่หน่วยงาน
และไม่ใช่สถานที่อื่นใดด้วย
แต่เป็ลานสเก็ตน้ำแข็ง ซึ่งถูกขนานนามพร้อมกับโรงภาพยนตร์และสวนสาธารณะว่าคือสามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รักหนุ่มสาว ทุกหนแห่งคือคู่รักวัยรุ่น โจวเฉิงประทับจูบไปตามความรู้สึกของตนเอง
จูบแล้วก็จูบเลยสิ
เขาโอบเอวของเซี่ยเสี่ยวหลาน หลังทั้งสองผละริมฝีปากออกจากกัน ต่างคนต่างหอบอยู่นานกว่าจะผ่อนคลายลมหายใจได้ เซี่ยเสี่ยวหลานซุกหน้าเข้าอกของโจวเฉิง “ฉันไม่มีหน้าเจอใครแล้ว...”
รอบๆ มีคนมากมายกำลังมองนี่นา คงเห็นกันหมดแล้วสินะ?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้อายเพราะจูบ แต่เพราะเธอสูญเสียการข่มใจตนเองท่ามกลางที่สาธารณะ
นี่คือความรักใช่หรือไม่?
ดุจดั่งลมพายุที่พัดพาประสบการณ์ดั้งเดิมของเซี่ยเสี่ยวหลานไปเสียจนไม่หลงเหลือ แค่หนึ่งจูบก็พัดพาเธอไปถึงกลางอากาศได้!
โจวเฉิงใช้เสื้อนอกห่อหุ้มตัวเซี่ยเสี่ยวหลาน รู้ว่าเธอเขินอายแล้ว เขาเหมือนกล่อมเด็กน้อยไม่มีผิด “ได้ได้ได้ พวกเราไม่เรียนแล้ว ตอนนี้ห้าโมงกว่า พวกเราไปกินข้าวที่ร้านเถอะ”
รอบข้างมีใครหัวเราะเยาะที่ไหนเล่า
ชายหนุ่มล้วนอิจฉาโจวเฉิง หญิงสาวยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่ ริษยาพลางปกป้องคุ้มกันอย่างแ่า ไม่ให้ชายข้างกายตนจ้องมองเซี่ยเสี่ยวหลาน
เฮอะ หน้าไม่อาย!
ในมุมหนึ่ง หญิงสาวสองคนเองก็มองตาโตอ้าปากค้างจนคางแทบหลุดเช่นเดียวกัน
“นั่นใช่โจวเฉิงหรือเปล่า?”
ต้องเป็โจวเฉิงแน่นอน ใบหน้านี้หล่อเหลาเอาการขนาดไหน พวกเธอจะจำผิดได้หรือ?
ข้างกายโจวเฉิงมีหญิงสาวแสนสวย เขาพาหญิงสาวคนนี้มาเล่นสเก็ตน้ำแข็ง อีกทั้งยังแลกจุมพิตกันบนลานสเก็ตด้วย—ถ้าคุณหนูต่งรู้เข้า เกรงว่าคงบ้าคลั่งแน่นอน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้