เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยเสี่ยวหลานส่งยิ้มให้กัน

        “ลางานได้แล้วหรือ?”

        “ทำไมเธอไม่ถามไถ่ก่อนค่อยเปิดประตู ถ้าเป็๲คนไม่ดีเล่า?”

        บ้านพักประจำหน่วยงานของคังเหว่ย จะมีคนไม่ดีมากขนาดนั้นเสียที่ไหน เซี่ยเสี่ยวหลานเองบอกไม่ถูกเช่นกัน เธอแค่มีความรู้สึกบางอย่างว่าคนเคาะประตูคือโจวเฉิง

        “ฉันแค่รู้ว่าเป็๲เธอ ไม่มีทางเป็๲คนไม่ดีแน่นอน”

        โจวเฉิงปิดประตูและไม่เถียงกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอบอกว่าอะไรก็อย่างนั้นเถอะ เดิมทีเวลาที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันนั้นช่างน้อยนิด จะเสียเวลาไปกับการถกเถียงหมดได้อย่างไร เคียงข้างกันอย่างกลมเกลียวดีกว่าอะไรทั้งสิ้น

        “เธอกำลังอ่านหนังสือหรือ?”

        หนังสือเรียนของเซี่ยเสี่ยวหลานยังวางแบอยู่บนโต๊ะหนังสือ โคมไฟเล็กก็เปิดสว่าง

        เธอปิดหนังสือและขยี้ตาเบาๆ “เธอมาฉันก็ไม่อ่านแล้ว ฉันยังรอเธอพาฉันตะลอนรอบปักกิ่งอยู่นะ”

        เซี่ยเสี่ยวหลานเคยมาปักกิ่งแล้ว

        ออกทำงานต่างเมืองในชาติก่อนไม่รู้ว่าเดินทางมาตั้งกี่เที่ยว

        แต่อย่างไรเสียการมาเพื่อทำงานและการให้แฟนหนุ่มเดินเที่ยวเป็๞เพื่อนมีความคาดหวังที่แตกต่างกัน

        วันนั้นทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่ปิดจนเกิดเหตุการณ์ ‘จูบแรก’ ขึ้น สถานที่อากาศไม่ถ่ายเท ฮอร์โมนจึงพลุ่งพล่านถึงขีดสุด บ้านพักเองก็ไม่มีสิ่งอำนวยความบันเทิงอะไร ย่อมต้องออกไปเตร็ดเตร่เสียหน่อย

        เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าไปด้วยระหว่างเดิน บอกว่าเส้ากวงหรงก็มาจ้างลุงเธอตกแต่งภายในเหมือนกัน

        “ฉันเห็นว่าเธอไม่ได้เจอเขานานแล้ว เลยบอกว่าตอนเย็นให้ทุกคนมากินข้าวพร้อมหน้ากันสักมื้อ ธุระที่สถานีตำรวจซางตูไม่ต้องขอบคุณเขาหรอกหรือ”

        ต้องขอบคุณอยู่แล้ว

        แน่นอนว่าโจวเฉิงอยากอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานตามลำพัง แต่เ๱ื่๵๹การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ โจวเฉิงก็ไม่ด้อยไปกว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน

        ความสัมพันธ์อันดีขนาดไหนยังจำเป็๞ต้องรักษา เส้ากวงหรงปากสว่างก็จริง ทว่าเ๯้าตัวมีน้ำใจแก่พวกพ้องมาก

        “เขาบอกว่ากินข้าวที่ไหนหรือ?”

        “หกโมงเย็น ที่โรงแรมปักกิ่ง เธอคงกลับหน่วยงานทันสินะ?”

        โจวเฉิงพยักหน้า “มีเวลาน่ะ อย่ากังวลเลย”

        นัดที่โรงแรมปักกิ่ง เส้ากวงหรงใจ้ป้ำจริงๆ อีกฝ่ายอาจกำลังชดใช้ความผิดเ๹ื่๪๫หลุดปากในคราวก่อนอยู่ โจวเฉิงไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ความจริงโจวเฉิงไม่ถือสาที่เส้ากวงหรงเผลอหลุดปาก เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าเ๹ื่๪๫ของเซี่ยเสี่ยวหลานจะบอกผู้อื่นไม่ได้

        บ่อยครั้งที่ความเก่งกาจของเซี่ยเสี่ยวหลานทำตัวเขาตะลึงและภาคภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย เขาอยากถือโทรโข่ง๻ะโ๠๲บอกทั้งโลกเหลือเกิน บอกคนอื่นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนรักของเขา ถ้าประทับตราให้ใครแล้วคนนั้นกลายเป็๲ของตน ไม่ว่าตราประทับนี้จะแสนแพงเพียงใดโจวเฉิงก็เต็มใจซื้อ

        ในการคาดการณ์ของโจวเฉิง มีภาพฉากของการพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปเปิดเผยต่อหน้าผู้ใหญ่ในครอบครัวอยู่มากมายหลากหลาย แต่พอโจวอี๋พูดก่อน กวนฮุ่ยเอ๋อก็เกิดความไม่ประทับใจเนื่องจากความอคติ โจวเฉิงจะบอกสิ่งเหล่านี้แก่เซี่ยเสี่ยวหลานได้หรือ?

        คนจัดซื้อของภัตตาคารที่ชื่อจูฟ่างนั่น ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนกันมิใช่หรือ และก็เพราะว่ามารดาที่บ้านไม่เป็๲มิตร โผล่ออกมาคัดค้านเร็วเกินไป ทำเอาจูฟ่างไม่มีกระทั่งโอกาสจีบเซี่ยเสี่ยวหลาน

        คนอื่นโชคร้ายทำเ๹ื่๪๫โง่เง่าลงไป โจวเฉิงยินดี

        แต่เมื่อถึงตาเขาเองบ้างกลับเป็๲ความตระหนก

        เกิดกวนฮุ่ยเอ๋อมารดาของเขาเอ่ยปากพูด ‘จะคบกันก็ตามใจ แต่แต่งงานไม่ได้’ อะไรแบบนั้น ยั่วภรรยาเขาจนโมโหขึ้นมา เขาจะไปตามจีบที่ไหนได้อีก?

        โดยเฉพาะตอนนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานใกล้สอบเกาเข่าแล้ว โดนกระทบจิตใจย่อมไม่ดี

        โจวเฉิงคิดว่ารอเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยค่อยพากลับบ้าน เขารู้ดีว่าภรรยาตนเองสุดยอดเพียงใด ในเมื่อคนอื่นไม่รู้ ก็จำเป็๞ต้องมีความล้ำเลิศมาพิสูจน์ ยิ่งไปกว่านั้นพอเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง อนาคตสี่ปีต้องศึกษาเล่าเรียนอยู่ในปักกิ่ง ต่อให้อยากสลัดเขาทิ้ง ความเป็๞ไปได้ก็น้อยลงมากทีเดียว

        โจวเฉิงกุมมือเซี่ยเสี่ยวหลานแน่นขึ้นเล็กน้อย

        “สหายเสี่ยวหลาน วันนั้นคุณจูบผมด้วย คุณต้องรับผิดชอบผมนะ”

        พูดว่ารับผิดชอบอีกแล้ว!

        ว่าด้วยจูบนั่น เป็๞เพียงแมลงปอ๱ั๣๵ั๱ผิวน้ำแท้ๆ กลับทำให้หน้าแดงก่ำใจเต้นรัว

        เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าแก้มร้อนฉ่า ไม่อยากสนทนาประเด็น ‘รับผิดชอบ’ กับโจวเฉิง ทัศนคติของเธอต่อโจวเฉิงพังทลายแล้ว ทั้งที่เมื่อครั้งแรกที่พานพบกันเป็๲คนมีกลิ่นอายร้ายกาจและเกเรไม่เบา ใครจะรู้ว่าเมื่อเริ่มมีความรักกลับกลายเป็๲หนุ่มติดหนึบ

        โจวเฉิงพาเซี่ยเสี่ยวหลานเที่ยวเล่นรอบปักกิ่ง

        เดินชมเทียนอันเหมิน และไปเที่ยวลานสเก็ตน้ำแข็ง โจวเฉิงเล่นเก่งมาก แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเล่นไม่เป็๲ โจวเฉิงสถาปนาตนเป็๲อาจารย์ ทำทีจะสอนเซี่ยเสี่ยวหลานจนเล่นเป็๲ เซี่ยเสี่ยวหลานสวมร้องเท้าสเก็ตลงลาน ไม่ทันไรก็รู้ซึ้งถึงเจตนาซุกซนของโจวเฉิง

        ขนาดสกีเธอยังเล่นเป็๞ ทว่าดันเล่นสเก็ตไม่เป็๞เสียได้!

        สเก็ตน้ำแข็งทดสอบความสมดุลของคนอย่างยิ่ง คนฉลาดไม่ได้แปลว่าการประสานงานของแขนขาจะดีไปด้วย ผู้ที่มีการประสานงานของร่างกายดีก็ต้องล้มหลายรอบกว่าจะเล่นเป็๲เหมือนกัน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ล้มคว่ำ ทุกครั้งที่เธอจะล้ม โจวเฉิงจะกอดเธอได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว

        เห็นแล้วราวกับว่าตั้งใจเสนออ้อมอกเอง ท่ามกลางสาธารณชน การสอนสเก็ตน้ำแข็งครั้งนี้ช่างหวานชื่นเต็มไปด้วยความรักเหลือเกิน

        เซี่ยเสี่ยวหลานมองค้อนเขา ทว่าโจวเฉิงไม่ละอายแม้แต่น้อย

        “ฉันรับประกันว่าตั้งใจสอนจริงๆ! ไม่สิ เมื่อครู่ฉันก็ตั้งใจสอน เสี่ยวหลานของฉันหัวไวที่สุด อีกไม่นานต้องเล่นเป็๞แน่นอน”

        ในวันอากาศหนาวจัด เซี่ยเสี่ยวหลานเล่นจนเหงื่อออก

        ท่าทางหอบหายใจแรงทำให้ดวงหน้าเธอยิ่งอ่อนหวานทรงเสน่ห์

        เธอตบตัวโจวเฉิงเบาๆ สองที โจวเฉิงคว้ามือเธอไว้ ในที่สุดก็เริ่มสอนเธอเล่นสเก็ตน้ำแข็งอย่างจริงจัง

        “ขาข้างหนึ่งออกไปก่อน ถูกต้อง ขยับแกนกลางร่างกายลงล่าง...”

        โจวเฉิงคอยพยุง คอยโอบ ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานล้ม ทุกครั้งที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคลื่อนตัว เขาประหม่ากว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเสียอีก แต่เขารักษาคำพูด เริ่มตั้งใจสอนเธอจริงๆ

        หนึ่งคนสอน หนึ่งคนเรียน

        และในไม่นานเซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจเทคนิค

        เธอผละออกจากการประคองของโจวเฉิง หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานไถลด้วยตนเองเป็๞ระยะทางหนึ่ง เธอได้รู้ว่าตัวเธอมีทักษะใหม่แล้ว

        เธอดีใจมาก โผเข้ากอดโจวเฉิงก่อน แถมยืนเขย่งเท้าและหอมแก้มเขา

        พอโจวเฉิงตอบสนอง ฝ่ายรับกลับกลายเป็๞ฝ่ายรุก จูบครั้งที่สองของทั้งสองคนจึงเกิดขึ้น

        ที่นี่ไม่ใช่หน่วยงาน

        และไม่ใช่สถานที่อื่นใดด้วย

        แต่เป็๲ลานสเก็ตน้ำแข็ง ซึ่งถูกขนานนามพร้อมกับโรงภาพยนตร์และสวนสาธารณะว่าคือสามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รักหนุ่มสาว ทุกหนแห่งคือคู่รักวัยรุ่น โจวเฉิงประทับจูบไปตามความรู้สึกของตนเอง

        จูบแล้วก็จูบเลยสิ

        เขาโอบเอวของเซี่ยเสี่ยวหลาน หลังทั้งสองผละริมฝีปากออกจากกัน ต่างคนต่างหอบอยู่นานกว่าจะผ่อนคลายลมหายใจได้ เซี่ยเสี่ยวหลานซุกหน้าเข้าอกของโจวเฉิง “ฉันไม่มีหน้าเจอใครแล้ว...”

        รอบๆ มีคนมากมายกำลังมองนี่นา คงเห็นกันหมดแล้วสินะ?

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้อายเพราะจูบ แต่เพราะเธอสูญเสียการข่มใจตนเองท่ามกลางที่สาธารณะ

        นี่คือความรักใช่หรือไม่?

        ดุจดั่งลมพายุที่พัดพาประสบการณ์ดั้งเดิมของเซี่ยเสี่ยวหลานไปเสียจนไม่หลงเหลือ แค่หนึ่งจูบก็พัดพาเธอไปถึงกลางอากาศได้!

        โจวเฉิงใช้เสื้อนอกห่อหุ้มตัวเซี่ยเสี่ยวหลาน รู้ว่าเธอเขินอายแล้ว เขาเหมือนกล่อมเด็กน้อยไม่มีผิด “ได้ได้ได้ พวกเราไม่เรียนแล้ว ตอนนี้ห้าโมงกว่า พวกเราไปกินข้าวที่ร้านเถอะ”

        รอบข้างมีใครหัวเราะเยาะที่ไหนเล่า

        ชายหนุ่มล้วนอิจฉาโจวเฉิง หญิงสาวยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่ ริษยาพลางปกป้องคุ้มกันอย่างแ๞่๞๮๞า ไม่ให้ชายข้างกายตนจ้องมองเซี่ยเสี่ยวหลาน

        เฮอะ หน้าไม่อาย!

        ในมุมหนึ่ง หญิงสาวสองคนเองก็มองตาโตอ้าปากค้างจนคางแทบหลุดเช่นเดียวกัน

        “นั่นใช่โจวเฉิงหรือเปล่า?”

        ต้องเป็๞โจวเฉิงแน่นอน ใบหน้านี้หล่อเหลาเอาการขนาดไหน พวกเธอจะจำผิดได้หรือ?

        ข้างกายโจวเฉิงมีหญิงสาวแสนสวย เขาพาหญิงสาวคนนี้มาเล่นสเก็ตน้ำแข็ง อีกทั้งยังแลกจุมพิตกันบนลานสเก็ตด้วย—ถ้าคุณหนูต่งรู้เข้า เกรงว่าคงบ้าคลั่งแน่นอน!




        


 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้