ทว่านางควรจะทำอย่างไร?
วิธีใดถึงจะหยุดซูจิ่นซีไว้ได้?
ภายในใจของฮั่วอวี้เจียวคิดไม่ตก
เมื่อเงาของซูจิ่นซีและฮ่องเต้กำลังจะเดินเข้าสู่โถงด้านหลังของลานพระที่นั่งทันใดนั้นในสมองของฮั่วอวี้เจียวก็มีแสงสว่างวาบขึ้น นางมองไปที่เยี่ยเซินซึ่งนั่งอยู่ในลานพระที่นั่งเพื่อขอความช่วยเหลือ
เยี่ยเซินนั้นคอยให้ความสนใจฮั่วอวี้เจียวอย่างเงียบๆ อยู่ตลอดเวลา
เดิมทีเยี่ยเซินเฝ้ามองสตรีที่ตนเองรักต้องอดทนต่อความอัปยศอดสู เพื่อบุรุษอื่นโดยไม่คำนึงถึงหัวใจที่เ็ปของเขาทว่าฮั่วอวี้เจียวที่มักจะเย่อหยิ่งเ็าต่อหน้าเขามาโดยตลอดนั้น น้อยครั้งนักที่นางจะมีเื่ร้องขอ
เมื่อมองไปที่ร่างอันบอบบางและโดดเดี่ยวของฮั่วอวี้เจียว มองดวงตาคู่นั้นที่แสดงออกมาราวกับคนที่ทำอันใดไม่ถูกนางมองมาที่เขาเหมือน้าจะจับฟางเส้นสุดท้ายไว้ ทันใดนั้นในใจของเยี่ยเซินก็ไม่อาจทานทนได้
“ซูจิ่นซี! ”
เยี่ยเซินลุกขึ้นยืนในทันที แล้วะโหยุดซูจิ่นซีไว้
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้และซูจิ่นซีหยุดเดินแล้วหัวใจของฮั่วอวี้เจียวก็รู้สึกปลอดโปร่ง สายตาเปลี่ยนกลับมามั่นคงอีกครั้ง
เยี่ยเซินเหลือบมองฮั่วอวี้เจียวแวบหนึ่งแล้วกล่าวเสียงดัง “มีอันใดจะกล่าวกับเสด็จพ่อในเวลานี้หรือ? คงไม่เหมาะสมหากปล่อยให้คนจำนวนมากรออยู่ที่นี่กระมัง?หรือว่า... ซูจิ่นซี...เ้ารู้อยู่แล้วว่าตนเองแพ้ จึงคิดต่อสู้เฮือกสุดท้ายโดยการกระทำบางสิ่งหรืออย่างไร? ”
ซูจิ่นซีมองไปที่เยี่ยเซิน ไม่กล่าวอันใด
เยี่ยเซินกล่าวต่อว่า “มาไขข้อข้องใจกับทุกคนให้แล้วเสร็จเสียก่อนจากนั้นเ้ายังมีโอกาสให้พูดคุยเงื่อนไขกับเสด็จพ่อ”
เยี่ยเซินกล่าวจบ สายตาทั้งสองก็เหลือบมองฝูงชนราวกับนกอินทรี
ท่ามกลางฝูงชนมีคนที่เยี่ยเซินได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว พวกเขาจึงเริ่มจุดไฟและปลุกระดมทุกคนในทันที
“พระชายาโยวอ๋อง ไท่จื่อกล่าวได้ถูกต้อง เื่สำคัญที่สุดคือท่านควรไขข้อข้องใจให้กับทุกคนส่วนเื่นั้นก็ค่อยว่ากันเถิด! ทุกคนต่างมารอท่านอยู่ที่นี่ั้แ่เช้าแล้ว! ”
“ใช่ พระชายาโยวอ๋อง ต่อให้ดิ้นรนเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์หรอกท่านยอมรับเสียเถิด! ถึงแพ้ก็ไม่ขายหน้าเท่าไรแพ้แล้วไม่ยอมรับสิถึงจะขายหน้า”
“พระชายาโยวอ๋อง พูดออกมาเถิด! เ้าสืบหาตัวฆาตกรไม่ได้ใช่หรือไม่? ”
ที่จริงแล้วทุกคนต่างรู้ว่าซูจิ่นซีจับตัวฆาตกรมาไม่ได้ทว่าพวกเขา้าบีบบังคับให้ซูจิ่นซียอมรับสารภาพออกมาเอง
ภายใต้แขนเสื้อกว้าง มือทั้งสองของซูจิ่นซีกำแน่นขึ้นอีกครั้ง
ไม่ผิด ตอนนี้ซูจิ่นซีกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ฝ่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของนางคือเครื่องต่อรองที่นางตั้งใจจะใช้เพื่อช่วยรักษาหน้าของเยี่ยโยวเหยาถือเป็การกระทำในวาระสุดท้ายของชีวิต
“พระชายาโยวอ๋อง สถานการณ์ตอนนี้เกรงว่าคงไม่เหมาะสมจริงๆ หากเ้ากับข้าจะเข้าไปพูดคุยกันที่ด้านหลังพวกเราควรจัดการเื่นี้และให้คำอธิบายกับทุกคนก่อน เื่ต่อจากนี้เ้าประสงค์จะกล่าวอันใดข้าจะตั้งใจฟัง”
ฮ่องเต้เปลี่ยนพระทัยใจ พระองค์ไม่คิดไปที่ด้านหลังลานพระที่นั่งแล้ว
ฮ่องเต้เสด็จไปยังด้านหน้าของซูจิ่นซี พระองค์ตรัสด้วยสุรเสียงเยือกเย็น สายพระเนตรจ้องมองลงมาที่นาง “พระชายาโยวอ๋องพูดเถิด! ฆาตกรเล่า? ”
ซูจิ่นซีไม่เคยรู้สึกถึงความกดดันจากฮ่องเต้เช่นนี้มาก่อน ภายในใจสั่นไหวเล็กน้อย
“ฆาตกรเล่า? ว่าอย่างไร? ”
ฮ่องเต้ไต่ถาม
เื่ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้วซูจิ่นซีทนไม่ได้ที่จะให้ปัญหาข้างเคียงสอดแทรกเข้ามาอีก ฮ่องเต้และเยี่ยเซินมีความคิดอันตั้งใจแน่วแน่พวกเขา้างัดเอาผลลัพธ์จากปากของนาง นางไม่มีทางหนีพ้นแล้ว
อีกแค่ก้าวเดียว!
แท้จริงแล้วเหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น บางทีจุดอวสานของทุกสิ่งทุกอย่างอาจกำลังย้อนกลับ
ทว่า์ไม่ยอมให้โอกาสนางเลย
หรือว่า์จะกำหนดมาแล้ว?
ซูจิ่นซีค่อยๆ หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ ดวงตาร้อนผ่าวเล็กน้อย
ซูจิ่นซีกลั้นใจอยู่นาน นางกำลังจะทำสิ่งที่กล้าหาญอย่างมากด้วยการยอมรับว่าตนเองไม่มีความสามารถคำว่า ‘ใช่’ กำลังจะทำให้เกียรติยศของเยี่ยโยวเหยาแปดเปื้อนความลังเลอัดแน่นอยู่ในอกอย่างยาวนาน
เมื่อคำนั้นมาถึงปลายลิ้น ซูจิ่นซีกำลังจะพูดออกมาทันใดนั้นข้างหูก็มีเสียงพลุดอกไม้ไฟะเิในอากาศดังสะท้อนเข้ามา
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นและมองไปยังทิศทางของเสียง
ดอกไม้ไฟนับไม่ถ้วนพุ่งตรงสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเบ่งบานบนอากาศอย่างภาคภูมิ สวยสดงดงาม สีสันหลากหลายปะปนกันช่างน่าประทับใจประดับประดาท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดให้สว่างไสว
เมื่อดอกไม้ไฟเบ่งบานบนท้องฟ้า การแสดงออกที่แข็งทื่อบนใบหน้าของซูจิ่นซีก็ยิ่งแข็งทื่อมากขึ้น
ทันใดนั้นจุดสีขาวที่ดูไม่ธรรมดาทั้งสี่จุดก็ปรากฏขึ้นในดอกไม้ไฟที่เบ่งบานจุดสีขาวเ่าั้ดูเหมือนจะเคลื่อนมายังทิศทางที่ซูจิ่นซียืนอยู่อย่างเชื่องช้า มันขยายใหญ่ขึ้นในอากาศจากนั้นซูจิ่นซีก็พบว่าจุดสีขาวที่เกิดขึ้นเ่าั้เป็คนสี่คนในชุดขาว
ในที่สุดคนชุดขาวทั้งสี่คนก็ลอยลงมาบนลานพระที่นั่ง
พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชุดสีขาวพลิ้วไสว เสื้อคลุมโบกสะบัด สะอาดเรียบร้อยไม่เปื้อนฝุ่นละอองแม้แต่น้อยพวกเขาทำให้ซูจิ่นซีนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที
คุณชายจิ่ว
“ศิษย์น้องเล็ก ข้าเป็ศิษย์ของสำนักแพทย์เทียนอี ตั้งใจมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับศิษย์น้องเล็กในวันเกิดตามคำสั่งของท่านเ้าสำนักดอกไม้ไฟเมื่อครู่เ้าชอบหรือไม่? ”
คนชุดขาวผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
มอบให้ในวันเกิดของซูจิ่นซี?
วันนี้เป็วันเกิดของซูจิ่นซีหรอกหรือ?
เหตุใดนางถึงไม่รู้เล่า?
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่เป็เวลานาน นางมั่นใจว่าไม่มีข้อมูลใดในความทรงจำของเ้าของร่างเดิมเลย
เมื่อก่อนเ้าของร่างเดิมนั้นเป็คนโง่เขลา เื่ราวมากมายนางล้วนรับรู้อย่างไม่ชัดเจนนักดูเหมือนว่านางจะไม่รู้ว่าตนเกิดปีใด เกิดเดือนไหนยิ่งไปกว่านั้นซูจ้งบิดาผู้ให้กำเนิดของนางก็ไม่เคยบอกกล่าวอันใด
คุณชายจิ่วรู้วันเกิดของซูจิ่นซีได้อย่างไรกัน?
“ศิษย์น้องเล็ก นี่คือเข็มเหมันต์เทวะที่ศิษย์พี่ทั้งสี่ตั้งใจหามาจากทางตอนเหนือ และนำมาเป็ของขวัญวันเกิดให้กับเ้าเพื่อตามหาสิ่งล้ำค่าชิ้นนี้ พวกเราทั้งสี่คนได้ใช้ความพยายามไปไม่น้อยเลยทีเดียว! ” คนชุดขาวอีกคนยื่นกล่องแก้วสีสันสวยงามมายังเบื้องหน้าของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย
เข็มเหมันต์เทวะหรือ?
ในจารึกถังเหมินกล่าวว่ามันถูกสร้างขึ้นในสมัยโบราณโดยเสินหนงที่บังเอิญได้รับชิ้นส่วนหินสีของตำนานหนี่ว์วาจากนั้นเสินหนงจึงเข้าไปในดินแดนน้ำแข็งทางตอนเหนือและใช้ไฟดับมัน ทว่ามันเป็สมบัติอันล้ำค่าในวงการแพทย์
ของล้ำค่าชิ้นนี้ทำให้ใครหลายคนต่างโหยหา ทว่าน่าเสียดายที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อน
ได้ยินมาว่าเข็มเหมันต์เทวะนี้ได้หายไปหลังจากที่เสินหนงเสียชีวิต และไม่รู้ว่าตกไปอยู่กับผู้ใด
ซูจิ่นซีเคยคิดว่าเข็มเหมันต์เทวะเป็เพียงเื่เล่าที่ไม่มีอยู่จริงกลับคาดไม่ถึงว่าในโลกใบนี้จะมีของเช่นนี้อยู่
“ศิษย์น้องเล็ก เ้าใจนเป็บ้าไปแล้วหรือ! ลืมตาดูเถิดชอบหรือไม่ชอบกัน? ” คนชุดขาวอีกคนกล่าว
อันที่จริงซูจิ่นซีตกตะลึงด้วยความใ นางยื่นมือออกไปอย่างทำใจไม่ได้เล็กน้อยแล้วเปิดกล่องออกดู
กล่องแก้วนั้นดูบอบบางเป็อย่างมาก เครื่องใช้ของแคว้นจงหนิงส่วนใหญ่เป็เครื่องปั้นดินเผาที่เผาด้วยหลุมถ่านหินมีน้อยมากที่จะนำแก้วมาทำเช่นนี้ ทั้งยังมีปะการังและเปลือกหอยฝังอยู่รอบๆกล่องอีกด้วย ยิ่งดูเหมือนเป็สิ่งของพิเศษที่ไม่ธรรมดา
ดูท่าทางแล้ว สิ่งของนี้และคุณชายจิ่ว รวมทั้งคนชุดขาวทั้งสี่ท่านนี้ค่อนข้างไปด้วยกันได้เสียด้วย
ซูจิ่นซีกดหัวเข็มขัดเพื่อเปิดกล่อง ทันใดนั้นหมอกน้ำแข็งก็ลอยพุ่งออกมาจากกล่อง
ภายในกล่องเต็มไปด้วยเข็มเงินใสแวววาว วางอยู่ในกล่องอย่างเป็ระเบียบ
เข็มทุกเล่มก็เหมือนกับชื่อของมันอย่างไรอย่างนั้น แต่ละเล่มโปร่งใสเหมือนน้ำแข็งและบางเหมือนขนวัว
ซูจิ่นซีคร่ำครวญอยู่ในใจลึกๆ นี่มันไม่ใช่สิ่งของธรรมดาเลยนะ! ของดีนี่มันช่างแตกต่างกันเสียจริง
“ศิษย์น้องเล็ก หากเ้าใช้เข็มเหมันต์เทวะนี้รักษาโรค มันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเข็มธรรมดานับสิบเท่าเลยทีเดียว! ” คนชุดขาวที่ถือกล่องกล่าวขึ้น
“ขอบคุณเ้าค่ะ! ” ซูจิ่นซียิ้มเล็กน้อย
แม้ว่าในใจจะมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับวันเกิดของตนเอง และยังมีข้อสงสัยมากมายถึงที่มาของคนชุดขาวทั้งสี่คนนี้อีกทั้งยังมีชื่อ ‘ศิษย์น้องเล็ก’ ที่คนชุดขาวทั้งสี่เรียกอีก ทว่าในใจของซูจิ่นซีไม่มีทางปฏิเสธเข็มเหมันต์เทวะนี้ได้เลย อย่างไรเสียก็รับมาแล้ว
“ศิษย์... ท่านชายจิ่วจะมาพบข้าอีกเมื่อใดเ้าคะ? ข้า้าขอบคุณเขาเช่นกันเ้าค่ะ ”
ดั่งคำสุภาษิตที่ว่า กินของเขาต้องรู้ตอบแทน เอาของเขาต้องรู้บุญคุณซูจิ่นซีมองไปที่เข็มเหมันต์เทวะอย่างละเอียดอีกครั้ง เดิมทีนางสงสัยว่าควรเปลี่ยนคำพูดเรียกจิ่วหรงว่า ‘อาจารย์’ ดีหรือไม่ทว่าสุดท้ายก็ยังคงพูดไม่ออก
“เ้าสำนักบอกว่า เขาจะทำให้ศิษย์น้องเล็กประหลาดใจ ดังนั้นเขาจึงเตรียมของขวัญมาให้เ้าเป็การส่วนตัวแล้วเพียงแต่ให้พวกเราทั้งสี่คนเดินทางมาก่อน ส่วนเขาจะตามมาทีหลัง”