เล่มที่ 1 บทที่ 28 เตาฟงอวี่แปดทิศ
ในตอนที่หลินเฟยสละโอกาสรอดชีวิตเดียวที่มี เพื่อส่งเข็มทิศห้าวเย่วให้นั้น ซ่งเทียนสิงก็รู้แล้วว่าตนเองติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่กับเขา นั่นเป็โอกาสรอดเพียงหนึ่งเดียวเชียวนะ ปีศาจขั้นเยาตี้หลุดรอดออกมา ต่อหน้าอสรพิษปีศาจมากมาย ต่อให้เสนิทชิดเชื้อเพียงใด ก็ไม่อาจเสียสละได้อย่างหลินเฟย...
สำหรับทั้งคู่ที่ไม่ค่อยลงรอยกันมาแต่เดิมนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดเลย ก่อนหน้านี้เขายังคิดจะไปหาเื่หลินเฟยที่ถ้ำเสวียนปิงอยู่เลยแท้ๆ สุดท้ายไม่ทันจะได้ลงมือ ก็ถูกหลินเฟยช่วยชีวิตไว้เสียก่อน
หลังจากกลับมาถึง ซ่งเทียนสิงก็รู้สึกสับสนเกินจะทน ‘หนี้บุญคุณเช่นนี้จะชดใช้อย่างไรดี?’
ยังดี ที่เมื่อวานศิษย์พี่หวังกลับมา นอกจากจะได้บอกเื่หลี่ชิงซานแล้ว ยังได้บอกอะไรบางอย่างกับเขาอีกด้วย...
ซ่งเทียนสิงรู้มาว่าเ้าสำนักได้มอบแร่อิ๋นเหวินแก่หลินเฟย อีกทั้งบอกให้ไปหาผู้าุโอู๋เพื่อให้ช่วยหลอมกายกระบี่ โชคดีที่ซ่งเทียนสิงสนิทกับศิษย์คนหนึ่งของผู้าุโอู๋
แต่จะให้พูดเื่นี้ ซ่งเทียนสิงก็รู้สึกกระดากปากเกินจะพูดออกไปได้
จะให้พูดด้วยน้ำเสียงแบบเมื่อก่อน ก็รู้สึกไม่เหมาะ แต่จะให้อ่อนลง ก็กลัวว่าวันหน้าจะถูกหลินเฟยข่ม เขาเครียดจนผมจะหงอกเต็มหัวอยู่แล้ว ‘จะชดใช้หนี้บุญคุณนี้อย่างไรดี ถึงจะเพียงพอ?’
“จริงสิ ได้ยินศิษย์พี่หวังบอกว่าเ้าสำนักได้ให้แร่อิ๋นเหวินเ้ามา แถมยังบอกให้ไปหาผู้าุโอู๋ช่วยหลอมกายกระบี่ด้วยใช่หรือไม่?” หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าเกริ่นออกไปในที่สุด
เดิมที คิดว่าหลินเฟยเป็คนฉลาด แค่เกริ่นอะไรออกไปนิดหน่อยก็คงจะเอ่ยปากถามเขาแล้ว พอถึงตอนนั้นเขาค่อยไหลไปตามน้ำ หากได้บอกเื่นี้ไปกับหลินเฟย นอกจากจะได้ทดแทนบุญคุณแล้ว ยังเป็การแสดงกิริยาที่ไม่ดูเสแสร้งเกินไปด้วย สุดท้ายค่อยสมทบไปว่าวันหน้าขอแค่หลินเฟยทำตัวดีๆ เราก็ยังเป็เพื่อนกันได้...
“คิดจะทำอะไร?” ใบหน้าหลินเฟยแปรเปลี่ยนเป็หวาดระแวงทันที
‘ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขากินเ้าแร่นั่นไปล่ะ...’
‘เ้าสำนักให้เขานำแร่ไปหลอมกายกระบี่ แต่ตอนนี้กลับถูกเขาใช้เคล็ดวิชาจูเทียนฝูถูหลอมละลายไปแล้ว หากเ้าสำนักถามขึ้นมา จะตอบไปอย่างไรดี?’
“หื้อ?” ซ่งเทียนสิงไม่คาดคิดหลินเฟยจะเปลี่ยนสีหน้าได้ไวขนาดนี้ พอถูกถามคืน เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“คือว่า... ข้าแค่ได้ยินศิษย์พี่หวังพูด...”
“ขออภัยด้วยศิษย์พี่ซ่ง ข้ามีธุระ ขอตัวก่อน” หลินเฟยรู้สึกเหมือนตนเองมีชนักติดหลัง ไม่อยากจะคุยให้มากความ ดังนั้นพูดแค่ไม่กี่คำก็คงพอ…....
‘บัดซบ...’
ซ่งเทียนสิงหยุดชะงัก ไม่สนใจแล้วว่าจะเสียหน้าหรือไม่ เขายื่นมือไปคว้าหลินเฟยทันที
“ข้าได้ยินว่าผู้าุโอู๋ได้เตาฟงอวี่แปดทิศมา ดังนั้นเ้าต้องให้เขาใช้เตานั่นหลอมกายกระบี่นะ!”
“รู้แล้วๆ...” ตอนนี้หลินเฟยคิดเพียงแค่อยากไล่ซ่งเทียนสิงกลับไปเร็วๆ ทว่าตอนที่กำลังจะปิดประตู เขาก็ชะงักนิ่งไป
“ช้าก่อน เมื่อครู่พูดว่าอะไรนะ เตาฟงอวี่แปดทิศหรือ?”
“ใช่ๆ... ผู้าุโอู๋ได้เตาฟงอวี่แปดทิศจากถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง ได้ยินศิษย์ของเขาเล่าว่า หากใช้เตานั่นหลอมกายกระบี่ เมื่อผนึกปราณเข้าไปแล้ว จะช่วยลดการสูญเสียพลังปราณได้ถึงสามเท่าเชียวนะ” ซ่งเทียนพูดเื่ที่รู้มาทั้งหมดรวดเดียว
‘แย่ชะมัด กว่าจะทดแทนบุญคุณนี้ได้ เหนื่อยใช่เล่นเลยจริงๆ...’
“เอาล่ะ ข้าบอกเื่ที่รู้ให้แล้ว แต่ว่าจะต้องทำอย่างไรนั้น ก็ต้องพึ่งตัวเองเอาละกัน ข้าไปก่อนล่ะ”
“ขอบคุณนะ” ครั้งนี้หลินเฟยตอบกลับอย่างจริงใจ ‘ซ่งเทียนสิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว หากยังไม่เข้าใจอีก ก็คงจะเสียชาติเกิดไปทั้งสองชาติ’
‘ดูๆแล้ว ซ่งเทียนสิงก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไรนัก...’
หลังจากที่ซ่งเทียนสิงกลับไป หลินเฟยก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“เตาฟงอวี่แปดทิศ...” หลังจากกลับมาถึงห้องพัก ใบหน้าหลินเฟยก็เผยความเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เพราะเขารู้จักเ้าเตานี้เป็อย่างดี...
เมื่อชาติก่อนตอนอยู่ที่หอดาบ เคยได้ยินเสียงร่ำลือกันมาว่า ในเป่ยจิ้งแห่งนี้มีสำนักหลีหั่วที่เชี่ยวชาญด้านการหลอมกระบี่อยู่ ศิษย์สายในทุกคนจะมีเตาฟงอวี่แปดทิศอยู่ในมือ หากใช้เปลวไฟแปดทิศในการหลอมกระบี่ จะช่วยเผาชำระสิ่งปนเปื้อนที่เจือปนอยู่ออกไป ต่อให้เป็เพียงแร่เหล็กทั่วไป ก็สามารถหลอมจนได้กระบี่ที่มีความบริสุทธิ์ออกมา
เมื่อเทียบกับสำนักเวิ่นเจี้ยนที่แข็งแกร่ง สำนักหลีหั่วก็เป็เพียงสำนักเล็กๆเท่านั้น แต่หลังจากได้ยินเื่นี้ เขาก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา ‘ศิษย์สายในสำนักหลีหั่วนี่ช่างโชคดีจริงๆ ถึงขนาดมีเปลวไฟแปดทิศทุกคน สำนักหลีหั่วคงจะกุมแหล่งกำเนิดไฟอยู่สินะ’
สำหรับหลินเฟยแล้ว….ในตอนนี้ เปลวไฟแปดทิศกลับมีความหมายต่อเขามาก...
หรือจะกล่าวง่ายๆก็คือ หากได้เปลวไฟนี้มา ก็จะช่วยทุ่นเวลาการบรรลุขั้นมิ่งหุนไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว!
‘คงต้องไปเยี่ยมผู้าุโอู๋เสียหน่อยแล้ว...’
แต่ดันมีปัญหาขึ้นมานิดหน่อย...
‘เ้าสำนักได้มอบแร่อิ๋นเหวินมาแท้ๆ แต่เมื่อคืนดันถูกเขากินไปแล้ว หากไปหา แล้วผู้าุโอู๋เกิดถามถึงขึ้นมาว่าเหตุใดจึงมามือเปล่า จะให้เขาตอบตามตรงว่ากินมันลงไปแล้ว ดังนั้นช่วยจับเขาโยนเข้าเตาไปหลอมไปที อย่างนั้นหรือ?’
เกรงว่าแบบนั้นเขาคงจะโดนตะเพิดออกจากหุบเขาหมัวเจี้ยนมากกว่า
‘หรือว่าต้องหาแร่ขั้นโฮ่วเทียนมาอีกก้อน?’
‘แต่แร่ขั้นโฮ่วเทียนก็ไม่ใช่หัวผักกาดที่จะหามาได้ง่ายๆ เพราะเขาได้สร้างคุณความดีใหญ่หลวงที่ผาปากเหยี่ยว เ้าสำนักจึงตกรางวัลให้ แล้วตอนนี้จะให้ไปหาจากไหนอีกเล่า?’
‘หรือจะไปหาตาเฒ่านั่นดี?’
‘คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าน่าจะเข้าท่า ถึงแม้ตาเฒ่าจะจนไปหน่อย แต่บางครั้งความจนก็มียังข้อดีอยู่บ้าง วันๆดีแต่จ้องหินิญญาในถุงเงินคนอื่น บางทีเขาอาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้...’
ตัดสินใจได้ดังนั้น หลินเฟยก็ก้าวออกจากห้อง เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พักของอาจารย์ พอถึงแล้วก็ลงมือเคาะที่ประตู
ไม่นานนักพรตเฒ่าก็ออกมา ชุดคลุมของเขายังคงขาดรุ่งริ่งและสกปรกเช่นเคย สีหน้าดูอ่อนล้า พอเห็นหลินเฟย ก็ไม่ได้พุ่งตัวเข้ามาปล้นหินิญญาเหมือนเช่นเคย แต่กลับถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“กลับมาแล้วหรือ?”
หลินเฟยกลุ้มใจจนรู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที ‘อาจารย์เขาก็จริงๆเลย ทำไมไม่เหมือนอาจารย์คนอื่นเขาบ้าง ยังมีความเป็คนเหลืออยู่บ้างไหม? ศิษย์ของท่านถูกอสรพิษปักษานับหมื่นล้อมมา เกือบเอาชีวิตไม่รอดที่ผาปากเหยี่ยว บางทีอาจร้ายแรงถึงขั้นต้องเผชิญหน้ากับปีศาจขั้นเยาตี้ แม้แต่เ้าสำนักยังรู้เื่นี้เลย...’
‘แต่ดูท่านสิ พอเห็นหน้ากลับไม่ถามสารทุกข์สุกดิบ แต่ดันพูดแค่กลับมาแล้วเนี่ยนะ ยังหลงเหลือความเป็คนอยู่บ้างไหม?’
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------