ด่านที่สี่ของบททดสอบผู้พิชิตในแคว้นเป่ยสุ่ยนั้นพิเศษมาก
สิ่งนี้เกิดจากสถานะเหนือธรรมชาติของราชันผู้พิชิต
การผ่านด่านที่สี่ไม่ต้องพูดถึงความลึกลับที่อยู่ในนั้น เพียงผ่านไปได้ก็หมายความว่า ท่านจะมีคุณสมบัติในการสืบทอดตำแหน่งราชันผู้พิชิต และกลายเป็ราชันผู้พิชิตคนใหม่ของแคว้นเป่ยสุ่ย
หากกล่าวว่าอ๋องหนานหลี่และอ๋องชวนหลง ซึ่งเป็อ๋องที่มาจากสกุลต่างกัน มีสถานะเท่าเทียมกัน แต่ราชันผู้พิชิตย่อมอยู่เหนือพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะพลังของเขาคนเดียวสามารถปราบคณะผู้าุโได้
ดังนั้นชงโหวหู่จึงปรารถนาให้ชงจ้านหยวนลูกชายของเขาผ่านด่านที่สี่ และกลายเป็ราชันผู้พิชิตคนใหม่
เขาไม่เคยคิดเลยว่า หลัวเลี่ยจะเป็คนแรกที่ผ่านไปถึงด่านที่สี่ได้
“ผ่านด่านที่สี่ได้แล้ว หลัวเลี่ยจะมีสิทธิสืบทอดตำแหน่งราชันผู้พิชิต” รอยยิ้มเต็มไปด้วยความมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของหลิวหงเหยียนอีกครั้ง
ชงโหวหู่กล่าวเสียงทุ้ม “นั่นเป็กรณีที่เขาผ่านได้แล้ว ด่านที่สี่นี้ข้าตรวจสอบแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การทดสอบ แต่เป็เครื่องตรวจสอบตรงทางเข้า มันคือเวทมนตร์ของนักเวท ซึ่งเป็สิ่งพิเศษที่สามารถดูดซับพลังของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ มันจะคอยส่งพลังเพื่อปกป้องภายในตลอดเวลา”
หลิวหงเหยียนพูดประชดประชัน “ไม่ใช่ว่าอ๋องชวนหลงอยากเข้าไปดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในหรอกหรือ”
แท้จริงแล้วชงโหวหู่ก็มีความคิดนี้
ในปัจจุบันแคว้นเป่ยสุ่ยมีเพียงสองอย่างเท่านั้นที่สามารถทำให้ชงโหวหู่หวาดกลัวได้
หนึ่งคือคนที่ซ่อนตัวอยู่ในพระราชวัง นางมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขา นางคือหญิงชราที่ได้ชื่อว่าเป็ปรมาจารย์อันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยสุ่ย
อีกหนึ่งคือความลึกลับที่ราชันผู้พิชิตทิ้งไว้ ในดินแดนเหยียนหวง คนที่จดจำราชันผู้พิชิตได้อาจมีไม่มากนัก แต่ในแคว้นเป่ยสุ่ย เขาคือผู้บุกเบิกเมืองนี้ร่วมกับปฐมาา และยังมีศักดิ์เทียบเคียงาาอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้ชงโหวหู่ผู้มีใจคิดฏต้องเกรงกลัว
อย่างไรก็ตาม เครื่องตรวจสอบของด่านที่สี่นั้นลึกลับมาก หลังจากััแล้วจะถูกตรวจสอบอายุ เมื่อไม่ใช่วัยรุ่น พลังที่ทางเข้าซึ่งเป็พลังสูงสุดของราชันผู้พิชิตจะะเิออกมา มีความรุนแรงถึงขนาดเปลี่ยนแปลงอวัยวะภายใน ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ชงโหวหู่ แต่ยังรวมถึงหญิงชราที่ได้ชื่อว่าเป็ปรมาจารย์อันดับหนึ่งด้วย ทั้งสองอาจตายได้หากเข้าไป เพราะพลังของพวกเขาอยู่ห่างจากระดับราชันผู้พิชิตอยู่มาก
นี่เป็หนึ่งในเหตุผลที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถเข้าสู่บททดสอบผู้พิชิตด่านที่สี่ได้
ทางออกในสามด่านแรกของบททดสอบผู้พิชิตอยู่ในบริเวณเดียวกัน และทางเข้าของด่านที่สี่อยู่ทางใต้ของบริเวณนี้
หลัวเลี่ยยืนอยู่หน้าทางเข้าด่านที่สี่
มีลมที่มองไม่เห็นตรึงตัวเขาอยู่ ราวกับจะตรวจสอบว่าเขาผ่านเกณฑ์่อายุวัยรุ่นหรือไม่
ครู่ต่อมาประตูทางเข้าด่านที่สี่ก็เปิดออก ม่านแสงปรากฏต่อหน้าเขา
หากเ้า้าผ่านเข้าไปสู่ด่านที่สี่ เ้าจะต้องทำลายม่านแสงนี้
สำหรับวัยรุ่น กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือสำหรับวัยรุ่นในแคว้นเป่ยสุ่ยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน และรวมถึง่วัยรุ่นของชงโหวหู่เช่นกัน ม่านแสงนี้เหมือนฝันร้าย และยังไม่มีใครสามารถทำลายมันได้
หลัวเลี่ยไม่ได้ลงมือในทันที แต่กลับลูบม่านแสงด้วยมือซ้าย จากนั้นหันหน้ากลับมา โดยหันหลังให้ด่านที่สี่ เขายิ้มและพยักหน้าให้หลิวหงเหยียน ก่อนมองไปที่ชงโหวหู่ และส่งมือซ้ายของเขาไปด้านหลัง ‘ฉึก’ มีเสียงดังเกิดขึ้น แล้วม่านแสงก็แตกเป็เสี่ยงๆ หลัวเลี่ยถอยหลังหนึ่งก้าว จากนั้นก็เดินเข้าสู่ด่านที่สี่
เมื่อเขาก้าวเข้าไป ม่านแสงก็ปิดลงอีกครั้ง และกลับคืนสภาพดังเดิม
ผู้คนทั้งสนามบททดสอบเงียบกริบ
หากกล่าวถึงสามด่านแรก หลัวเลี่ยนำมาซึ่งความใแก่ทุกคน แต่ตอนนี้กลับเป็ความรู้สึกคล้ายอยู่ในห้วงความฝันที่ไม่เป็จริง
“เข้า เข้าไปแล้วหรือ?”
“ดู ดูเหมือนจะเข้าไปแล้วนะ”
“หรือจะไม่ใช่เื่จริง ทำไมอ๋องชวนหลงไม่ร้องไห้ล่ะ”
“อันที่จริงหัวใจของเขากำลังร้องไห้”
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของผู้คนต่างจับจ้องไปที่ชงโหวหู่
แต่ทุกคนกลับพบว่า ชงโหวหู่กำลังจ้องเขม็งไปที่ม่านแสงตรงทางเข้าด่านที่สี่ เขาอยู่ในสภาพผิดปกติ คล้ายจะไม่ได้ยินเสียงคนอื่นเลย
เขาถูกหลัวเลี่ยทำให้อารมณ์เสียอย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะโกง หรือใครๆ กล่าวหาว่าเขาโกง แต่กลับไม่มีใครบอกได้ว่าเป็ตอนไหน เพราะเขาโกงั้แ่ต้นจนจบ
ในขณะนี้ชงโหวหู่รู้สึกว่าเขาล้มเหลวเสียแล้ว
นี่เป็ครั้งแรกในรอบสิบปีที่เขาได้ลิ้มรสความล้มเหลว ซึ่งสาเหตุทั้งหมดของความล้มเหลว ก็คือเด็กชายอายุสิบหกปีคนหนึ่ง
ในด่านที่สี่ หลัวเลี่ยเห็นแผ่นหินที่สามารถส่งเสียงได้แผ่นหนึ่ง
แผ่นหินนี้มีการออกแบบเวทมนตร์ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อหลัวเลี่ยเข้ามา พลังในตัวเขาจะเป็ตัวขับเคลื่อนเวทมนตร์โดยอัตโนมัติ และเสียงในแผ่นหินก็ดังขึ้น
“ข้าคือราชันผู้พิชิต หนุ่มน้อย ข้าไม่รู้ว่าเ้าเป็ใคร และข้าไม่รู้ว่าเ้ามาที่นี่ในกี่ปีหลังจากข้าตาย แต่ข้ารู้ว่าเ้าสามารถผ่านด่านได้ด้วยความสามารถของเ้าเอง เ้าคืออัจฉริยะ ในอนาคตเ้าจะประสบความสำเร็จและไปได้ไกลกว่าข้าเสียอีก”
“ไม่ต้องแปลกใจ ทุกสิ่งที่นี่ได้รับการออกแบบโดยนักเวทศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง นอกจากวัยรุ่น หากใครบุกเข้ามาทุกสิ่งที่นี่จะทำลายตัวเอง”
เมื่อหลัวเลี่ยได้ยินเสียงของราชันผู้พิชิต เขาก็กลั้นหายใจเล็กน้อย
เสียงราชันผู้พิชิตที่แก่มากนี้ คงจะเป็เสียงก่อนที่เขาจะเสียชีวิตไม่นาน
เมื่อคิดถึงพลังที่ไร้เทียมทานของราชันผู้พิชิต เขาก็อดชื่นชมความทะเยอทะยานและกล้าหาญของราชันผู้นี้ไม่ได้ แต่ราชันผู้พิชิตก็มีวันที่จะแก่ลงในวันหนึ่ง แต่หากเขา้ามีชีวิตอยู่ตลอดไป เขาจะต้องกลายเป็เทพ
“ถ้าเ้าเข้าประตูนี้ เ้าจะได้รับสิ่งตกทอดจากข้า”
“เพื่อให้ได้สิ่งตกทอดของข้า เ้าต้องรับใช้แคว้นเป่ยสุ่ย และภักดีกับจักรพรรดิของแคว้นเป่ยสุ่ยไปชั่วชีวิต”
เดิมทีหลัวเลี่ยมีความสนใจเล็กน้อยในสิ่งที่เรียกว่าสิ่งตกทอดของราชันผู้พิชิต แต่เมื่อได้ยินว่าเขาต้องภักดีกับจักรพรรดิแห่งแคว้นเป่ยสุ่ย เขาก็รู้สึกไม่พอใจทันที
เขาไม่ได้ถูกควบคุมว่าต้องภักดี และแม้หลิวหงเหยียนเองก็ไม่สนใจที่จะควบคุมเขา แต่ใครจะรู้เล่าว่า เมื่อใดที่หลิวหงเหยียนลงจากตำแหน่ง และหลีกทางให้ผู้อื่นครองบัลลังก์ หากเขาถูกควบคุมว่าต้องภักดีกับคนต่อไปที่ได้ครองราชย์เล่า? เขาจะไม่ใช่คนโง่หรอกหรือ
สิ่งตกทอดของราชันผู้พิชิตดึงดูดใจเขาไม่พอ
เขามีสิ่งตกทอดจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
ดูที่มือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นี่สิ ขอถามว่าปัจจุบันนี้ในบรรดาผู้ฝึกใครมีมือเช่นนี้บ้าง?
นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เต๋าที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกหรือ นี่คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นะ
เป็ไปได้อย่างไรที่จะถูกผู้อื่นควบคุมเพื่อการสืบทอดตำแหน่งราชันผู้พิชิต
โดยไม่ต้องคิดเยอะ หลัวเลี่ยถอยห่างออกไปและ้ายอมแพ้
“ถ้าเ้าอยากยอมแพ้ ข้าบอกได้คำเดียวว่า เป็ไปไม่ได้”
“ข้าออกแบบด่านนี้ให้เฉพาะวัยรุ่นที่เข้ามาได้ เพื่อให้พวกเขาไม่อาจต้านทานได้”
“มีคนเพียงสองประเภทเท่านั้นที่สามารถต่อต้านสิ่งตกทอดของข้าได้ หนึ่งคือพวกฏของแคว้นเป่ยสุ่ย และอีกหนึ่งคือผู้คนจากแคว้นอื่นๆ ที่้าขโมยสิ่งที่ข้าทิ้งไว้ นอกจากคนสองประเภทนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด พวกเขาจะถูกบังคับให้ยอมรับสิ่งตกทอด และได้รับตำแหน่งราชันผู้พิชิต”
“เมื่อเข้าสู่ประตูนี้ ชะตากรรมของเ้าถูกผนึกไว้แล้ว!”
ตูม! แผ่นหินแตกเป็เสี่ยงๆ
มันเหมือนกับกดปุ่มสำหรับเปิดใช้งานกลไก ทันใดนั้นแสงเจ็ดสีก็สว่างวาบรอบตัวหลัวเลี่ย ก่อนที่ลำแสงเจ็ดสีสองลำจะพุ่งขึ้นมาจากพื้นและตรงเข้าตรึงข้อเท้าของเขา
ทว่าปฏิกิริยาของหลัวเลี่ยนั้นเร็วมากเช่นกัน เขาคว้ามันด้วยมือซ้ายอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
เวลานี้พลังทั้งหมดถูกใช้ และมือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกใช้งานอย่างเต็มที่
เมื่อจับลำแสงเจ็ดสีได้ก็ดึงอย่างแรง แต่กลับกำจัดแสงและหมอกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีประสิทธิภาพ แต่อ่อนกำลังเกินไป เนื่องจากกำลังภายในของหลัวเลี่ยนั้นยังเป็เพียงพลังในระดับต่ำ ทำให้ไม่สามารถดึงเอาประสิทธิภาพของมือซ้ายแห่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้เต็มกำลัง ความสามารถในการทำลายลำแสงเจ็ดสีให้หมดไปได้นั้นจึงยังห่างไกล สามารถทำลายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยพลังที่จำกัดในมือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
ทำให้ในเวลานี้มีลำแสงเจ็ดสีส่องลงมาจากท้องฟ้า เข้าปกคลุมศีรษะของหลัวเลี่ยโดยตรง และพยายามบังคับให้เขารับสิ่งตกทอดจากราชันผู้พิชิต