สำหรับเื่นี้เจียงไป๋ก็จำอยู่ในใจ และก็พยักหน้าให้ไปอย่างไม่พูดอะไรมาก พอเดินมาถึงข้างกายจ้าวอู๋จี๋ ต่างคนต่างนั่งลงแล้ว และเป็ไปอย่างตามสบาย
“เ้าหนุ่ม ข้าก็ถือว่าเป็ผู้าุโคนหนึ่ง ถึงแม้ไม่อาจจะกล้าพูดให้คนอื่นๆ เคารพนับถือข้ามากนัก แต่เ้าทำอย่างนี้ ก็ไม่มีมารยาทแล้ว”
เจียงไป๋เพิ่งจะนั่ง ทางชิงหยุนจื่อก็ปริปากแล้ว สำหรับท่าทางของเจียงไป๋เขาก็ไม่พอใจอยู่บ้าง และพูดใส่อย่างเปิดเผย
ไม่รู้ว่าเตรียมหาเื่ไว้ั้แ่แรกแล้ว หรือว่าเพิ่งคิดได้อย่างกะทันหัน
“ท่านนักพรตหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าผมพบคุณแล้วก็ต้องก้มหน้าทำความเคารพให้?”
อีกฝ่ายไม่ไว้หน้า เจียงไป๋ก็จะไม่เห็นแก่หน้าอะไรแล้ว แน่นอนว่าจะไม่แสดงความอ่อนแอ
จริงๆ แล้วหลังจากที่ชิงหยุนจื่อปริปาก เจียงไป๋ก็มองจ้าวอู๋จี๋ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแต่ไม่พูดอะไร และมองหลี่ชิงตี้ที่ก้มหน้าดื่มชากับเฉิงเทียนกังที่มีใบหน้าเยาะเย้ยก็รู้แล้วว่า เื่นี้ ชิงหยุนจื่อคนนี้ตั้งใจแน่นอน
ท่านนี้เกรงว่าจะเป็คนที่หลี่ชิงตี้เชิญมาต่อกรกับตนเองโดยเฉพาะ
“ไม่กล้า เชิญดื่มชา”
เมื่อชิงหยุนจื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น หลังจากนั้นโบกมือหนึ่งข้าง ถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะได้ลอยขึ้นมาเองแล้ว และตรงมาที่ตรงหน้าเจียงไป๋
นี่คือฮั้วจิ้น พลังออกมาจากกาย ผสานเข้ากับวัตถุภายนอก และสามารถบังคับสิ่งของในระยะใกล้ได้ ในนี้ยังครอบคลุมถึงพลังจิ้นลี่ของชิงหยุนจื่อ
คนปกติหากใช้วิธีการกลางอากาศอย่างนี้ เกรงว่าจะได้รับาเ็ทันที
“ตอนนี้ผมไม่กระหาย”
เจียงไป๋ก็ไม่ลังเล มือข้างหนึ่งวางลงอย่างเบาๆ ถ้วยชาก็วางลงอย่างมั่นคง และกลับมานั่งยังที่เดิมแล้ว
“ได้ยินว่าครั้งนี้ นายพาสหายคนนี้มาพบผู้าุโ เหลือเวลาไม่มากแล้วหรือ? คนคนนี้ก็คือคนรับ่ต่อของนาย? ดูแล้วเหมือนจะหนุ่มอยู่ สู้ให้นักพรตชิงหยุนจื่อทดสอบดูหน่อย ลองดูว่าจะคุมสถานการณ์ได้สงบไหม?”
หลี่ชิงตี้ที่จิบชา และนั่งลงตรงนั้นแล้วค่อยๆ ปริปากพูด ในน้ำเสียงที่มีแรงดึงดูดมากนั้นเขาพูดกับจ้าวอู๋จี๋อย่างยิ้มแย้ม ในคำพูดก็ทิ่มแทง
“เป็อย่างนี้จริงๆ เหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่ละคนล้วนปรารถนาจะให้ฉันตาย แต่น่าเสียดาย หลายปีแล้ว มักจะทำให้ผู้คนผิดหวังกัน ตอนนี้ก็ใกล้ถึงสุดทางแล้ว ดังนั้นก็ไม่เตรียมการไว้ไม่ได้ ถึงแม้เสี่ยวไป๋จะยังหนุ่ม แต่ก็แอบคุมสถานการณ์ได้ น่าจะไม่เป็ปัญหา ฉันเชื่อว่าก็เหมือนกัน คอยฟันกรงเล็บที่ไม่ควรจะยื่นเข้ามาให้ขาด นี่ก็ไม่เป็ปัญหาสำหรับเขา”
จ้าวอู๋จี๋ก็ตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่เป็เบี้ยล่างใคร
จากการพูดจาก็ดูไม่ยาก เขาตั้งความหวังไว้กับเจียงไป๋มาก
“อ้อ? เป็หยางอู๋ตี๋อีกคน?” หลี่ชิงตี้ทั้งยิ้มทั้งพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หยางอู๋ตี๋แล้วจะทำไม?
ถึงแม้จะขนานนามว่าไร้เทียมทาน แต่นั่นจะทำไม ก็ไม่ใช่ว่ายังถูกตนเองกดไว้หลายปีแล้วหรือ ทำได้แค่ต้องระเห็จไปอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้อย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไม่แน่ว่าจะเป็ฉวีฉางเฉิงอีกคน?” จ้าวอู๋จี๋ตอบกลับอย่างอมยิ้ม
ก็แค่ประโยคเดียว ทำให้สีหน้าของพวกหลี่ชิงตี้ทั้งสามคนเปลี่ยนไป โดยเฉพาะรวมถึงนักพรตชิงหยุนจื่อที่เมื่อครู่ถือตัวสูงส่งก็เป็เช่นนี้
ฉวีฉางเฉิงชื่อนี้ค่อนข้างมีความร้ายกาจ ถึงขั้นทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“ช่างกล้าพูดจริงๆ ไม่เห็นมาหลายปีแล้ว คุณจ้าว คิดไม่ถึงว่าโรคทางจิตของคุณจะยิ่งรุนแรงขึ้นแล้ว หัวเซี่ยร้อยปีก็ไม่มีฉวีฉางเฉิงเกิดขึ้นมาได้แม้แต่คนเดียวหรอก คุณจ้าวก็ตั้งความหวังไว้มากเกินไปแล้ว”
ชิงหยุนจื่อพูดมาแบบนี้อย่างเยือกเย็น และมองเจียงไป๋พลางพูด
ถึงแม้เมื่อครู่เจียงไป๋จะแอบประลองพลังกับตนเอง คิดไม่ถึงว่าจะไม่เป็ต่อ ก็ทำให้เขาแปลกใจอยู่บ้าง แต่ชิงหยุนจื่อยังคงรู้สึกว่าจ้าวอู๋จี๋ตั้งความหวังไว้มากเกินไป
หลายสิบปีมานี้ฉวีฉางเฉิงก็มีแค่คนเดียว และอยู่สูงส่ง ไม่ใช่ว่ามนุษย์จะคาดเดาได้ เขาไม่คิดว่าเจียงไป๋จะเทียบฉวีฉางเฉิงได้
ปฏิกิริยาของคนสองสามคน เจียงไป๋ก็มองอยู่ในสายตา
สำหรับฉวีฉางเฉิงคนนี้ เขาไม่ใช่ว่าได้ยินเป็ครั้งแรกแล้ว คนคนนี้ลึกลับคาดเดาไม่ได้ ข้อมูลที่เจียงไป๋มีอยู่ก็มีจำกัด ก็แค่รู้ว่าอาการาเ็ของจ้าวอู๋จี๋เกี่ยวข้องกับฉวีฉางเฉิง นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่เขารู้ก็มีไม่มาก
ตอนนี้ดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้าสองสามคนแล้ว เจียงไป๋ยิ่งประหลาดใจในตัวฉวีฉางเฉิงมากขึ้น
“ใช่หรือไม่ใช่ นักพรตชิงหยุนจื่อก็ลองประมือดูได้ ถึงแม้คุณจะมีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ผมก็เชื่อมั่นในตัวสหายของผมคนนี้มาก ขอพูดหน่อย เวลานั้นหากไม่ใช่เพราะผมเสียเปรียบ ไม่แน่ว่าก็อาจจะประลองกับนักพรตชิงหยุนจื่อได้สักหน่อย คนใกล้ตายอย่างผม ตอนนี้ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย แต่สายตาก็ยังพอมีอยู่ ผมเชื่อมั่นสหายของผมคนนี้ ความสำเร็จในอนาคตก็อาจจะไม่ด้อยกว่าฉวีฉางเฉิง”
จ้าวอู๋จี๋ค่อยๆ หยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม และนั่งพูดอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ใส่ใจ
พอคำพูดนี้พูดออกไป เจียงไป๋ก็รู้ว่าจุดสำคัญมาแล้ว อาหารมื้อนี้ในวันนี้เกรงว่าหลี่ชิงตี้จะตั้งใจ และการประลองของตนเองกับชิงหยุนจื่อก็เป็หนึ่งในอาหารจานหลัก เื่นี้ก็หลบไม่พ้นแล้ว
“แบบนั้นผมก็จะขอคำชี้แนะจากท่านนักพรตสักหน่อย?” เจียงไป๋ยืนขึ้น ยื่นมือออกมาและพูดกับชิงหยุนจื่อ
“ได้”
ชิงหยุนจื่อที่มีการเตรียมตัวมาั้แ่แรกแล้วได้ยืนขึ้นอย่างไม่ลังเล และไม่สนใจเจียงไป๋ เขาเดินออกจากประตูไปก่อน ห่างจากประตูไปสิบเมตรบริเวณตรงกลางสวนที่ปูด้วยหิน เขาทำไม้ทำมือใส่เจียงไป๋
เจียงไป๋ก็ตั้งท่าตาม สำหรับคนอื่นๆ ก็ทยอยกันลุกขึ้น และเดินออกมาแล้ว
“เ้าเป็คนหนุ่ม เ้าลงมือก่อน ฉันจะต่อให้เ้าสามกระบวนท่า!”
ชิงหยุนจื่อไขว้มือทั้งคู่ไว้ด้านหลัง ชุดคลุมนักพรตปลิวไปตามสายลม และออกท่าทางพลิ้วไหวไปตามชุดคลุม ยังมีหนวดขาวที่ยาวลงมาถึงทรวงอก ล้วนเป็ท่าทางของยอดฝีมืออยู่เหนือโลก
ในฐานะที่เป็ปรมาจารย์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากว่ายี่สิบปี สำหรับกำลังของตนเองแล้วชิงหยุนจื่อมั่นใจเป็อย่างมาก หลายปีมานี้คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ก็มีแค่สองคน ก็มีแค่สองคนเท่านั้น เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนที่สาม
ถึงจะเป็เจียงไป๋ที่ยังหนุ่มมาก ก็ยังบรรลุถึงขั้นที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน และทั้งชีวิตไม่อาจจะบรรลุได้
“ครับ!”
เจียงไป๋จะไม่แสร้งลดตัวอะไรอย่างเขาหรอก และก็ไม่รู้สึกไม่พอใจอะไร เพราะอีกฝ่ายบอกว่าจะต่อให้สามกระบวนท่า และยิ่งไม่รู้สึกว่านี่คือความอับอาย เจียงไป๋ลงมือโดยตรง
ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ออกหมัดไปหนึ่งที ตั้งท่าแปดคิงคอง และออกท่าฝ่ามือพีกว้าไปเบื้องหน้า พอถึงตรงหน้าก็แบบมือออก และพุ่งตรงไปที่ทรวงอกของอีกฝ่าย
ฟาดมือไปราวสายฟ้าฟาด ระหว่างที่ลงมือมีเสียงราวพยัคฆ์คำราม และเสียงผ่าลม
“อืม?”
การลงมือนี้ของเจียงไป๋ ก็ทำให้ชิงหยุนจื่อใ เขาอาศัยพลังของอีกฝ่ายโจมตีกลับไป และรีบลงมือ ทั้งยังจำเื่ก่อนหน้านี้ที่จะต่อให้เจียงไป๋สามกระบวนท่าไม่ได้แล้ว
ในฐานะปรมาจารย์ใหญ่วูซูจีนคนหนึ่ง และประสบการณ์ที่ต่อสู้มาหลายปีอย่างไม่หยุด ชิงหยุนจื่อก็รู้สึกถึงอันตรายในตอนที่เจียงไป๋ลงมือแล้ว เขาไม่กล้าประมาท และลงมือใส่กันโดยตรง เขาไม่สนใจว่าจะขายหน้าอะไรหรือไม่แล้ว ไม่อย่างนั้นหมัดนี้ก็คงจะโดนไปแล้ว และเกรงว่าจะาเ็ไปถึงเอ็นกับกระดูกได้
“สามกระบวนท่าของท่านนักพรตผ่านไปเร็วมาก”
จ้าวอู๋จี๋พูดกับหลี่ชิงตี้ที่อยู่ข้างๆ อย่างยิ้มเยาะ ทำให้มุมปากของหลี่ชิงตี้แข็งทื่อจนพูดไม่ออก
“อะไร? เป็ไปได้อย่างไร!”
ถึงแม้จะลงมือ แต่ชิงหยุนจื่อยังคงค้นพบว่า พลังของเจียงไป๋ก็ถึงขั้นที่น่ากลัว วิธีการไม่กี่ชั่งจะงัดพันชั่งหรือ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ผล เจียงไป๋ซัดเข้าที่หน้าอกหมัดเดียว แรงก็ไม่ตกแม้แต่น้อย
“ตับ!” หมัดของเจียงไป๋ชกเข้ามาที่ฝ่ามือของชิงหยุนจื่อในระหว่างที่เขามีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
แค่หมัดเดียวก็ซัดจนชิงหยุนจื่อถอยไปสิบกว่าเมตร มุมปากมีเื และมองเจียงไป๋ด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว