บทที่ 3
ร่างบางที่อยู่หลังพวงมาลัยเหม่อมองดวงไฟกลมโตสีแดงตรงหน้าอย่างเซ็งในอารมณ์ เกือบสองชั่วโมงที่เปล่าประโยชน์ไปกับการนั่งเฉย ๆ บนรถเพราะการจราจรในกรุงเทพฯ นอกจากเสียงเพลงที่ถูกเปิดคลอเบา ๆ เพื่อขับไล่ความเงียบในพื้นที่จำกัดนี้ ก็ไม่มีสิ่งไหนหรือใครบางคนอยู่เป็เพื่อนคลายเหงาเลย
หากในเวลาอื่นคงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโลกโซเชียลแก้เซ็งแล้ว ทว่าตอนนี้มีเื่ในหัวให้คิดเยอะแยะไปหมด
เขาไม่รู้ว่าจะต้องติดแหง็กอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถหลายร้อยคันอีกนานแค่ไหน กวาดสายตามองไปทางไหนก็เจอแต่เครื่องยนต์และฝุ่นควันที่ลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศ ท้องฟ้าสีเข้มสวยสดยามเย็นที่ไล่จากสีแดงเข้มไปจนถึงส้มอ่อนยังพอจะช่วยทำให้รู้สึกเพลิดเพลินได้บ้าง แต่ตอนนี้ผืนฟ้ากว้างถูกเวลาแปรเปลี่ยนสลัดคราบจากสีสันสวยงามเหลือเพียงแค่สีมืดมิดไม่น่ามอง
แต่ก่อนน่ะนะ…ชอบมองท้องฟ้าในตอนกลางคืนมาก ๆ เลย
แต่พอยิ่งโตขึ้น ดวงดาวเล็ก ๆ ก็ยิ่งลดน้อยลง
พอเป็แบบนั้น…เขาก็ไม่ค่อยชอบมองท้องฟ้าในตอนกลางคืนแล้วล่ะ
เพราะท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว มันดูเงียบเหงาจนเกินไป…
และก็เพราะว่าที่รักเผลอมองท้องฟ้าที่ไม่ชอบในเวลาทุ่มกว่า ๆ นานเกินไปจนทำให้เกิดความเงียบขึ้นภายในใจ มันอาจจะดีที่บางครั้งธรรมชาติสามารถเยียวยาจิตใจจากความวุ่นวายและพาเรากลับไปอยู่กับตัวเองโดยปราศจากความคิดฟุ้งซ่านในชั่วเวลาหนึ่ง ทว่าที่รักก็ตระหนักได้ถึงข้อเสียของหัวใจที่เงียบสงบจนเกินไปได้เหมือนกัน
ความเงียบสงบภายในจิตใจทำให้เสียงของใครบางคนและบางเื่ที่เราพยายามสลัดทิ้งหรือลบลืมกลับชัดเจนมากกว่าเดิม…
อย่างเช่นตอนนี้ที่เสียงทุ้มต่ำของหมื่นฟ้าดังก้องอยู่ในหัวจนปลุกให้ก้อนเนื้อข้างซ้ายที่นอนสงบนิ่งอยู่ลุกขึ้นมาะโโลดเต้นจนเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
‘สระผมด้วยนะ…หัวเหม็นแล้ว’
เขาไม่ได้ตกปากรับคำอีกฝ่ายไปว่าถึงบ้านแล้วจะรีบกลับไปสระผมให้หอมฟุ้งติดหัวไปสามวันเจ็ดวัน แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างในร่างกายที่ดื้อรั้นตอบรับคำสั่งของหมื่นฟ้าไป โดยที่เ้าของร่างอย่างเขาไม่เต็มใจนัก
ตึก ตัก ตึก ตัก
ใช่…มีอวัยวะบางส่วนในร่างกายของเขาทำเกินหน้าที่ มันส่งเสียงดังคล้ายอยากจะะโให้คนตัวสูงได้ยิน ทั้งที่เขาไม่ได้้าทำตามที่อีกฝ่ายสั่งไว้สักหน่อย
“ดื้อด้านจริง ๆ เลย” น้อยครั้งที่จะต่อว่าตัวเอง โดยส่วนมากที่รักจะชอบพูดให้กำลังใจมากกว่า แต่ตอนนี้เขาชักจะหมั่นไส้เ้าก้อนเนื้อสีแดงซะแล้วสิ
Rrrrrrr
แต่ก่อนที่จะหัวเสียกับหัวใจบ้าบอที่เอาแต่เต้นระรัวเพียงเพราะได้ยินเสียงของหมื่นฟ้า โทรศัพท์เครื่องสีดำที่สั่นแจ้งเตือนก็ฉุดกระชากเขาออกจากความไม่สบอารมณ์ ที่รักเหลือบมองชื่อที่ระบุอยู่บนหน้าจอก่อนจะคว้ามารับสาย
“ว่าไงพี่เบบ…รักกำลังกลับบ้าน รถติดมากเลย”
(ใกล้ถึงบ้านหรือยังล่ะ?)
“ยังไม่ถึงครึ่งทางเลยยย…”
(งั้นพอแกกลับมาคงเจอกับเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่)
“…ซะ เซอร์ไพรส์อะไรอีกล่ะ รักรับไม่ไหวแล้วเนี่ย เซอร์ไพรส์ทั้งวันจนจะเป็บ้าแล้ว…”
(วันนี้พ่อกลับบ้าน!)
“หือ?”
(พ่อโทรมาบอกฉันว่ากำลังจะกลับบ้าน เขาออกมาั้แ่่เย็นแล้ว เดี๋ยวก็คงถึงแล้วแหละ…)
“ตะ แต่อาทิตย์นี้พ่อบอกว่างานเยอะไม่กลับนี่…แล้ว…”
(พ่อรู้เื่แกโดนไอ้โอ้มอมเหล้า)
“จะ จริงดิ”
(จริง…พ่อบอกว่าค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน…เตรียมตัวดี ๆ ล่ะ)
“แล้วเื่มันจะใหญ่โตไหม? รักไม่ชอบมีเื่พี่เบบก็รู้…พี่เบบบอกพ่อให้หน่อยว่ารักไม่เป็อะไรแล้ว ปล่อย ๆ มันไปเหอะ มันไม่มายุ่งกับรักแล้วแหละ”
(แกพูดเหมือนไม่รู้จักพ่อตัวเอง พูดแบบนี้ไปก็โดนแดกหัวดิ ก็รู้ ๆ อยู่ว่าใครมาแตะต้องคนในครอบครัวได้ที่ไหน…)
“รักจะทำไงดีวะเนี่ย?”
(คนที่รู้ใจพ่อรองลงมาจากแม่ก็แกนี่แหละ คิดเอาเองว่าจะพูดยังไงให้เขาอารมณ์เย็นลง ฉันโทรมาเตือนแค่นี้แหละ…)
“…รักจะรีบกลับ”
(อืม…)
ทันทีที่วางสายรถกระบะสีเงินคันข้างหน้าก็มีท่าว่าจะเคลื่อนขยับ ราวกับว่าคุณตำรวจในตู้จราจรที่คอยกดปุ่มสัญญาณไฟอยู่นั้นรู้ว่าเขาร้อนใจมากแค่ไหน ที่รักเหยียบคันเร่งเพื่อเคลื่อนรถไปยังแยกไฟแดงข้างหน้าที่ไม่ใช่ทางลัดกลับบ้านตัวเอง หากแต่เลี้ยวเข้าไปแล้วขับเลยไปอีกหน่อยจะเจอร้านโจ๊กเ้าโปรดของพ่อที่ตั้งขายอยู่หน้าตึกเก่า ๆ
เสียเวลาหน่อย แต่อาจจะคุ้มถ้าพ่อเห็นของโปรดที่ซื้อไปฝาก…
เพียงอึดใจเดียวที่รอดพ้นจากเส้นทางนรกที่รั้งเขาไว้เกือบสองชั่วโมง ที่รักก็มาถึงร้านโจ๊กอย่างรวดเร็ว รถเก๋งสีขาวมุกจอดเทียบบริเวณลานกว้างก่อนจะถึงร้าน คนตัวเล็กรีบร้อนคว้ากระเป๋าสตางค์และเดินดุ่ม ๆ ไปที่ร้านนั้น
“เอาโจ๊กหมูใส่ทุกอย่าง ตับเยอะ ๆ ขิงเยอะ ๆ ไม่ใส่ไข่ หนึ่งถุงครับ”
ผู้ชายวัยกลางคนเ้าของร้านโจ๊กที่ดูแล้วอายุน้อยกว่าพ่อของเขาไม่กี่ปีหันมาส่งยิ้มให้อย่างสนิทสนม ก่อนจะเอ่ยด้วยถ้อยคำเป็กันเอง “ของดาบใช่ไหม?”
และ ดาบ นั้นก็เป็สรรพนามที่คุณลุงเ้าของร้านโจ๊กชอบเรียกพ่อของเขา มันมาจากคำว่า นายดาบตำรวจ ชั้นยศขั้นปัจจุบันของพ่อเขาเอง
“ครับ วันนี้พ่อกลับบ้านครับ”
“งั้นเดี๋ยวจัดให้พิเศษเลย รู้สึกว่าแกไม่ได้กลับมากินโจ๊กที่ร้านลุงนานแล้ว”
“่นี้พ่องานยุ่งน่ะครับ” ว่าพร้อมส่งยิ้มให้คุณลุงที่ตักโจ๊กให้ลูกค้ามือเป็ระวิง พลางนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่พ่อยังไม่ถูกสั่งย้ายไปประจำอยู่ต่างจังหวัด หากวันไหนที่พ่อเลิกงานเร็วจะต้องแวะไปรับเขากับปู่มากินโจ๊กร้านนี้ประจำ
ความทรงจำในอดีตที่เพิ่งผ่านไปแค่ปีกว่า ๆ ยังหอมหวานและฉายชัดเป็ภาพจำอยู่ในหัว ที่รักนึกย้อนกลับไปก็พาให้หลุดยิ้มออกมา ดวงตาเรียวรีมองควันที่ลอยพวยพุ่งเหนือหม้อต้มที่มีข้าวสีขาวข้นอยู่ในนั้น กลิ่นหอม ๆ ของข้าวหอมมะลิที่ถูกนำมาต้มเป็โจ๊กนั่นทำให้ท้องของเขาร้องโครกคราก
“ลุงครับ เพิ่มโจ๊กใส่หมูอย่างเดียวอีกหนึ่งถุงครับ…งั้นเพิ่มเป็สองเลยครับ แต่อีกถุงเอาตับด้วยครับ”
“ฮ่า ๆ หิวเหรอไอ้หนู ได้ ๆ เดี๋ยวลุงจัดให้พิเศษอีกถุง”
ก็คงจะมีแค่เขา พ่อ และปู่เท่านั้นแหละที่หลงใหลในกลิ่นและรสชาติของโจ๊กร้านนี้ ในระหว่างที่ที่รักมัวแต่คุยโม้ พูดเจื้อยแจ้วกับเ้าของร้านอยู่นั้น ใครบางคนที่ตัวสูงกว่าก็มายืนขนาบข้างสั่งโจ๊กใส่ถุงเหมือนกัน ทว่าที่รักไม่ได้หันไปมอง คนตัวเล็กยังคงพูดโม้ไม่หยุดจนลูกค้าคนใหม่ต้องเอื้อมมือมาสะกิดที่แขนเบา ๆ
“อะ อ้าว พี่ทิม” ดวงตาเรียวรีที่เล็กหยีเวลายิ้ม ในตอนนี้เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ คนตรงหน้ามองเขาและหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอื้อมมือมาขยี้ผมจนเขาคาดว่าผมตัวเองคงยุ่งไปหมดแล้ว
คนดูดีที่ยืนส่งยิ้มให้อยู่นั้นคือรุ่นพี่ปีสี่ที่มักจะให้คำปรึกษาเื่งานกับรุ่นน้องทุกชั้นปีเป็ประจำในไลน์กลุ่ม ในสาขากราฟิกจะมีไลน์กลุ่มที่รวมรุ่นน้องปีหนึ่งถึงรุ่นพี่ปีสี่ มันอาจจะดูแปลก ๆ และที่รักเชื่อว่าไม่มีคณะไหนหรือสาขาใดสร้างไลน์กลุ่มโดยรวมนักศึกษาทั้งสี่ชั้นปีไว้ด้วยกัน แต่ทว่าอาจารย์ในคณะของเขาแนะนำให้รุ่นพี่ทำเช่นนี้เพื่อจะได้ช่วยเหลือรุ่นน้อง เพราะการเรียนและทำงานของสาขาเขาค่อนข้างโหด ที่สำคัญนักศึกษาหลายคนท้อแท้จนดรอปเรียนไปเยอะพอสมควร เป็แบบนี้มาหลายรุ่นจนอาจารย์คิดว่าทางแก้ไขที่ดีที่สุดที่จะช่วยทำให้นักศึกษาสาขานี้เรียนจบพร้อม ๆ กันเกือบทุกคนคือการที่คอยช่วยเหลือกัน และไม่ทำให้รู้สึกว่าต้องสู้อยู่คนเดียวจนพาให้ถอดใจไปง่าย ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็เลือกอยู่ต่อในสาขานี้น้อยอยู่ดี ขนาดรวมทั้งสี่ชั้นปีแล้วในไลน์กลุ่มยังมีคนอยู่แค่สองร้อยกว่าคนเอง ซึ่งอาจจะมีบางคนที่ไม่ได้อยู่ในนั้นด้วย
คนที่ตอบและให้คำปรึกษารุ่นน้องบ่อยที่สุดก็คือ พี่ทิม คนนี้แหละ
แล้วถ้าถามหาคนที่อยู่ในกลุ่มไลน์แต่เหมือนไม่อยู่ก็คือ หมื่นฟ้า คนนั้นนั่นแหละ…
ใช่..พี่ฟ้า เรียนคณะและสาขาเดียวกับเขา…รวมถึงพี่เบบ พี่ดอม ด้วย
เรียกว่าเด็กกราฟิกยกแก๊งเลย…แต่ใครจะไปอยากอยู่แก๊งเดียวกับ หมื่นฟ้า กัน -_____-
“มากินโจ๊กเหรอเรา?”
“มาซื้อให้พ่อครับ”
มาคิด ๆ ดูแล้วที่รักไม่ค่อยแปลกใจนักที่บังเอิญเจอรุ่นพี่ที่นี่ เพราะร้านโจ๊กเ้านี้มีชื่อพอสมควร แล้วก็อยู่ไม่ไกลจากมหา’ ลัยมาก พ้นไฟแดงแยกนรกนั่นมาก็ถึงแล้ว เด็กมหา’ ลัยเขาจึงมากินกันบ่อย ๆ
“มาคนเดียวเหรอ? แล้วไอ้ฟ้าล่ะ?”
หือ…หมายความว่ายังไง? เจอหน้าเขาแล้วต้องถามหาหมื่นฟ้าน่ะ…
“พี่ฟ้าก็อยู่บ้านเขาสิพี่ทิม จะอยู่ที่นี่ได้ไง”
ที่รักขมวดคิ้วจ้องมองอีกฝ่ายที่อมยิ้มน้อย ๆ เหมือนพยายามกลั้นยิ้ม ทำให้ที่รักรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คล้าย ๆ ว่ารุ่นพี่กำลังมีเื่ขบขันอยู่ ที่ที่รักคุยกับรุ่นพี่คนนี้ได้อย่างสนิทสนมและไม่คิดระแวงเพราะพี่ทิมจัดเป็คนที่ใช้ได้คนหนึ่ง นิสัยดีและสุภาพกับรุ่นน้อง เป็คนแบบนี้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ที่รักจึงชอบคุยกับเขา
แต่ตอนนี้ชักจะไม่อยากสนิทด้วยแล้วสิ เพราะเคยได้ยินมาว่าพี่ทิมสนิทกับพี่ฟ้าพอสมควร…
“อ๋อออ....อย่างนี้นี่เอง”
“พี่ทิม…มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เรารอโจ๊กอยู่เหรอ?”
“อ่าฮะ…” ที่รักตอบก่อนปรายตามองคุณลุงที่ตักโจ๊กใส่ถ้วยสีชมพูอ่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้รู้ว่าอีกสักพักกว่าจะถึงคิวตัวเอง
“งั้นไปนั่งที่โต๊ะกันก่อน มีอะไรจะคุยด้วยหน่อย…”
“ครับ ๆ ”
คนตัวเล็กเดินตามรุ่นพี่เข้าไปข้างในร้านที่เต็มไปด้วยผู้คน มือเรียวคว้าเก้าอี้พลาสติกสีน้ำเงินมาก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามกับรุ่นพี่ พี่ทิมพยักหน้าเป็เชิงขอบคุณเด็กผู้หญิงที่เอาน้ำมาเสิร์ฟให้ ที่รักจ้องมองอีกฝ่ายด้วยหัวใจสั่นไหว นาน ๆ ทีจะได้คุยกันต่อหน้า แถมยังมีลางสังหรณ์บางอย่างคอยบอกเขาว่า…
งานเข้าแล้วไอ้รัก…
“จริง ๆ เื่นี้มันแทบเป็ไปไม่ได้เลย แต่พี่คิดว่ามาขอความช่วยเหลือจากเราคงไม่เสียหาย ตอนแรกว่าจะโทรไลน์ไปหาส่วนตัว แต่บังเอิญมาเจอเราพอดี”
“ช่วยอะไรเหรอพี่?”
“ช่วยขอร้องให้ฟ้าถือเค้กไปให้เ้าของวันเกิดหน่อย…”
“ฮะ?!”
ถ้าดื่มน้ำหรือกำลังกินบางอย่างที่เป็ของเหลวอยู่ บางทีเขาอาจจะเผลอเสียมารยาทปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในปากพุ่งพรวดใส่หน้าอีกฝ่ายก็ได้
“เ้าของวันเกิดเป็รุ่นน้องที่โรงเรียนมัธยม เอาง่าย ๆ สารภาพตรง ๆ เป็แฟนเก่าพี่เอง…แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรกันแล้วจริง ๆ นะเว้ย เขาปลื้มไอ้ฟ้ามากเพราะเคยเห็นมันที่ร้าน ในฐานะแฟนเก่าก็อยากจะทำอะไรให้เขาประทับใจในวันเกิดก่อนเขาไปเรียนต่อเมืองนอก…แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้ฟ้าไม่ค่อยเอาใครเลย”
“แล้วเขาจะมาเอาอะไรผมเล่า!! พี่ทิมให้ความสำคัญผิดคนแล้วมั้ง…”
“ถึงพี่จะสนิทกับมัน แต่เคยลองพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง มันปฏิเสธอะ…”
“โหยยยย…ถ้างั้นพี่ก็ไม่ต้องมาหวังอะไรกับรักเลย ยังไม่ทันเอ่ยปากพี่ฟ้าก็จับโยนออกจากร้านแล้วมั้ง”
“แต่ที่พี่เห็นวันนั้น…มันแทบจะอุ้มเราออกจากร้านเลยนะ”
“วะ วันไหนพี่?”
“วันที่ฟ้ามีเื่กับไอ้โอ้อะ…พี่ก็ไปดื่มร้านมัน อยู่โซนวีไอพีเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าโต๊ะที่เสียงดัง ๆ นั่นเป็โต๊ะไอ้โอ้ไง มารู้อีกทีตอนมีเื่แล้ว”
กรรมอะไรของที่รักคนนี้นะ ดูเหมือนทุกคนจะเห็นเหตุการณ์วันนั้นกันหมด แม้กระทั่งพี่ทิมยังรู้เลย มีแต่หมาหน้าโง่อย่างเขาที่ไม่รู้อะไรเลย T______T
“เื่นี้รักว่ารัก…”
“ในบรรดาเพื่อน ๆ ทุกคนจะรู้ดีว่าเวลาไอ้ฟ้ามีแฟนจะเชื่อแฟนมาก ขออะไรก็ให้”
“พี่ทิมก็ไปขอร้องแฟนเขาสิ…” เออ!! พี่ทิมนี่แปลกคนแล้วแฮะ รู้ว่าจุดอ่อนหมื่นฟ้าคืออะไรก็ไม่ไปขอร้องให้ถูกคน มาขอให้เด็กอย่างเขาช่วยทำไมกัน
“อ้าว! ก็ขอร้องอยู่นี่ไง…”
“เดี๋ยว ๆ พะ พี่เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า…ผะ ผม”
“หุ้นส่วนของไอ้ฟ้าที่ชื่อเรียวบอกพี่หมดแล้ว เขาบอกว่าไอ้ฟ้าแอบคบกับรัก…”
“บ้าไปแล้วพี่!” บ้าไปแล้วจริง ๆ นั่นแหละ…ทำไมคนชื่อเรียวอะไรนั่นถึงได้พูดเื่ไม่จริงกับพี่ทิมแบบนี้ ที่รักยกมือโบกไปมาเพื่อปฏิเสธ “มะ ไม่จริงเลยพี่ทิม รักไม่ได้คบกับพี่ฟ้า ไม่สนิทกันเลยด้วยซ้ำ รักสนิทแค่กับพันลี้ น้องชายของพี่ฟ้าน่ะ”
ทับทิมหรี่ตามองเ้าของแก้มย้อย ๆ ที่ตอนนี้สองแก้มก้อนขึ้นสีแดงระเรื่อจนคล้าย ๆ ลูกมะเขือเทศ “พี่ไม่บอกใครหรอก ถ้าเรากับฟ้ายังไม่อยากให้คนอื่นรู้ตอนนี้ก็ไม่เป็ไร ไอ้ฟ้ามันเลือกปิดกระทั่งเพื่อนในกลุ่ม…พี่คิดว่ามันคงมีเหตุผลของมันนั่นแหละ พร้อมแล้วเดี๋ยวมันก็บอกเอง”
“พี่ ~ มันไม่จริงเลย พี่ฟังผมก่อนสิ”
ต่อให้ปฏิเสธให้ตาย ต่อให้ร้องไห้แล้วกอดขาอ้อนวอนให้รุ่นพี่เชื่อ ดูท่าพี่ทิมจะไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่เขาพูดง่าย ๆ เขาไม่รู้ว่าคนชื่อเรียวไปพูดฝังหัวรุ่นพี่ไว้อย่างไร แต่พี่ทิมเชื่อจนหมดใจว่าเขาคบกับหมื่นฟ้าจริง ๆ
“ไอ้หนู โจ๊กของดาบได้แล้วนะ” เสียงคุณลุงเ้าของร้านเอ่ยเรียก ที่รักหันไปพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะกลับมาจ้องตากับรุ่นพี่อีกครั้ง
“นะรัก…ช่วยพี่หน่อย งานวันเกิดจัดที่ร้านไอ้ฟ้า…คืนพรุ่งนี้แล้ว”
“คือพี่…”
Rrrrrr
ที่รักที่กึ่งช็อกกึ่งสับสนกับคนตรงหน้ายังพอจะมีสติหลงเหลืออยู่บ้างถึงได้รู้ว่ามีใครบางคนโทรหาเขา มือเรียวล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนเบิกตาโพลงด้วยความใเมื่อเห็นชื่อที่ระบุอยู่บนหน้าจอ
“พะ พ่อ” ละล่ำละลักเรียกด้วยความร้อนใจ เขาลืมไปเสียสนิทว่าพ่อกำลังจะกลับบ้าน ในตอนแรกเื่ระทึกขวัญเห็นจะเป็เื่ที่พ่อกลับบ้านโดยด่วนเพราะรู้เื่ที่เขาโดนมอมเหล้า ทว่ายังมีเื่เขย่าขวัญมากกว่าที่ทำให้เขาลืมเื่ของพ่อไปจนหมดสิ้น นั่นก็คือข่าวลือจอมปลอมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับหมื่นฟ้า
“งั้นรับสายก่อนเลย…”
ที่รักพยักหน้าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบใบหู
“ครับพ่อ”
(อยู่ไหนแล้วเ้ารัก…)
“ฮั่นแน่ ~ คิดถึงรักจนทนไม่ไหวเลยล่ะซี่…ถึงได้โทรตามแบบนี้”
ทับทิมแอบหัวเราะรุ่นน้องคนทะเล้น ทำหน้าตาตื่นตะหนกราวกับพ่อเป็ั์ใจร้ายที่ตัวเองกลัวหนักหนา แต่ดูท่าแล้วรุ่นน้องจะไม่ได้กลัวจริง ๆ ถึงได้กล้าพูดล้อเล่นแบบนั้นกับผู้ปกครอง
(ไม่ได้คิดถึง แต่ถึงบ้านแล้วลูกชายตัวดีมันยังไม่ถึงบ้านก็เลยหงุดหงิด)
“อุ้ย…กำลังจะถึงบ้านแล้วครับพ่อ”
(กำลังจะถึงอะไร เสียงรถวิ่งกันให้วุ่นวายไปหมด แอบไปแวะซนที่ไหนอีกเ้ารัก มืดค่ำขนาดนี้แล้ว)
“เปล่า ๆ ครับพ่อ…รักกำลังทำเซอร์ไพรส์พ่ออยู่ พ่อต้องคิดไม่ถึงแน่ ๆ ว่ารักจะซื้ออะไรไปให้”
(โจ๊ก)
“โธ่…พ่อแกล้งไม่รู้บ้างได้ไหม” ที่รักพูดเสียงอ่อย เขาชื้นใจขึ้นมาหน่อยพอได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ ของพ่อ
(รีบกลับล่ะ พ่อมีเื่จะคุยด้วยเยอะเลย)
“คะ ค้าบบ” ข่มใจตอบเสียงสดใสพลางคิดว่าประโยคสุดท้ายของพ่อนั่นช่วยเรียกให้กลับบ้านหรือช่วยให้คิดหนีกันแน่
ทันทีที่เขาวางสายรุ่นพี่ก็ถามสวนขึ้นมา
“พ่อโทรตามเหรอ?”
“ครับ…รักคงต้องขอตัวกลับก่อนนะพี่ทิม”
“โอเค…แต่ฝากเื่นั้นด้วยนะ งานวันเกิดจัดที่ร้านไอ้ฟ้าคืนพรุ่งนี้แล้ว”
“…” ที่รักมองหน้าอีกฝ่ายที่จ้องมองเขาอยู่เช่นกัน ต่อให้อธิบายจนปากฉีก พี่ทิมก็ยังเลือกจะเชื่ออย่างนั้นอยู่ดี ที่รักจึงได้แต่พยักหน้าตอบรับไปส่ง ๆ ก่อน เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเป็ไปได้หรอก
“ขอบใจมากไอ้น้อง”
“คะ ครับ”
เขาจะไปสั่งหมื่นฟ้าของใคร ๆ ได้ยังไง…พี่ทิมเตรียมผิดหวังได้เลย
#กี่หมื่นฟ้า
ถุงโจ๊กที่ถืออยู่ในมือราวกับเป็เครื่องรางนำโชค ที่รักคิดว่าตัวเองคงจะโชคดีอยู่บ้าง พ่ออาจจะหงุดหงิดน้อยลงเพราะของโปรด แต่จากที่คิดคำนวณดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่หน้าประตูรั้ว
ก็เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เจอมาน่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดน้อยบวกกับความซวยของตัวเอง
เื่มันจะวุ่นวายได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ…
หากเป็คนอื่นอาจจะคิดว่าเื่ราวที่เกิดขึ้นติด ๆ กันเป็เพียงเื่เล็กน้อย สามารถจัดการได้ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ทว่ามันไม่ใช่สำหรับเด็กที่ไม่เคยนอกลู่นอกทางอย่างเขาเลย น้อยครั้งนักที่จะทำให้พ่อโกรธหรือหงุดหงิด เขาเลยรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย
ยิ่งรู้นิสัยว่าเวลาพ่อโมโหเดือดดาลน่ากลัวขนาดไหน ที่รักยิ่งเป็กังวล พ่อไม่เคยดุหรือตีเขาเลยสักครั้ง แต่ที่ว่าน่ากลัวนั่นคือเขาเกรงว่าคนที่คิดร้ายจะโดนพ่อฆ่าหั่นศพมากกว่า
เวลาพ่อเดือดจัด ห้ามไม่ค่อยอยู่จนเป็เื่ใหญ่โตตลอด…
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องแข็งใจเข้าไปในบ้านอยู่ดี ยังไม่ทันหายใจได้ทั่วท้องพอเปิดประตูรั้วเข้าไปก็พบพ่อนั่งเล่นหมากรุกอยู่กับปู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน
ในวินาทีที่ดวงตาเรียวรีคล้ายตัวเองปรายตามองด้วยอารมณ์ที่หลากหลายจนเขาคาดเดาไม่ถูก ที่รักก็กลืนก้อนกลม ๆ ที่จุกอยู่ตรงลำคอด้วยความเป็กังวล ก่อนในหัวจะผุดคิดได้ว่าพ่อมักจะใจอ่อนให้กับลูกหมาอ้วนทุกครั้ง ไม่ว่าจะหัวเสียสักแค่ไหน
“พ่อ ~ ไอ้ลูกหมาอ้วนกลับมาแล้ว” พูดเสียงสดใสและก้าวฉับ ๆ เขาไปหาผู้เป็พ่อ
ที่รักนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนที่ว่างอยู่ก่อนยกถุงโจ๊กโชว์คุณตำรวจตรงหน้า เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของใครบางคน ถ้าให้เดาว่าใครหัวเราะกับท่าทางออดอ้อนสมัยเด็ก ๆ ของเขาที่ถูกขุดมาใช้เพื่อเอาตัวรอดในครั้งนี้ ที่รักคิดว่าคงเป็ปู่ที่กำลังจับหมากรุกรูปม้าเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งบนกระดาน
“ไอ้ลูกหมาอ้วนมันหายไปั้แ่ม.3 แล้วนี่…ทำไมวันนี้ที่รักคนหล่อถึงได้ยอมกลายเป็ไอ้ลูกหมาอ้วนอีกครั้ง?” พ่อเอ่ยขณะจ้องมองหมากรุกของฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าคิดหนัก
“ก็่นี้รักเห็นพ่อเหนื่อย…เป็ไอ้ลูกหมาอ้วนให้พ่อได้ชื่นใจไง”
“ใช่หรือเปล่า?”
“…ก็เชื่อเด็กมันไปสักหน่อย” เสียงแหบแห้งของผู้ชายสูงอายุทำให้ที่รักยิ่งเป็กังวล
นี่คงไม่ใช่แค่พ่อแล้วหรือเปล่าที่รู้เื่นั้น…ปู่โกรธเขาอีกคนเหรอ?
“…ทะ ทุกคนรู้เื่แล้วเหรอครับ?”
กึก!
เสียงของหมากรุกตัวหนึ่งกระทบลงบนกระดานไม้อย่างแรง ที่รักมั่นใจว่าหมากตัวนั้นเป็ของพ่อแน่นอน เขาหลุบตามองกระดานไม้ที่มีตารางสีดำสลับขาวตรงหน้า พลันเหงื่อเม็ดน้อย ๆ ก็ผุดขึ้นเต็มหน้าผากไปหมด
“ไหนเล่าให้พ่อฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อ…”
ทั้งพ่อและปู่วางมือจากกิจกรรมยามว่างที่แสนโปรด สายตาของทั้งคู่จ้องมองมาทางเขาอย่างอ่อนโยนไร้ความดุดัน แต่ถึงอย่างไรที่รักก็ยังรู้สึกกดดันอยู่ดี
“ไอ้เด็กนั่นมันทำอะไรเราอีกหรือเปล่า…นอกจากมอมเหล้า”
“ไม่ ๆ ครับ คือมีคนมาช่วยรัก…รักก็เลยปลอดภัย”
“หลานท่านรองผู้การใช่ไหมที่มาช่วย?”
“น่าจะใช่…นามสกุลพิสุทธิ์น่ะครับ”
“อืม ไม่ผิดคน นามสกุลเดียวกับท่านรองผู้การ”
“รักขอโทษนะครับพ่อ…” ที่รักยกมือพนมไว้ที่กลางอกพลางหันไปทางปู่ “ปู่ด้วย รักขอโทษนะครับ รักไม่ได้ตั้งใจจะโกหก…แค่ไม่อยากให้เป็ห่วงกัน ก็เลยปิด ๆ ไว้ก่อน”
“กลัวจะเป็เื่ใหญ่ด้วยสินะ เมื่อไหร่จะเลิกกลัวการมีเื่สักที…รักน่าจะรู้ดีว่าพ่อพร้อมบวกแค่ไหนกับคนที่มันคิดจะทำร้ายคนในครอบครัวตัวเอง…เออ! ถ้าลูกของพ่อเกเร ชอบไปมีเื่จะไม่ว่าสักคำ แต่นี่อะไร…ลูกพ่อไม่เคยเกเร แต่กลับโดนคนอื่นรังแก แถมยังไม่กล้าไม่เอาเื่เขาอีก…มันน่าหงุดหงิดนัก”
“รักเห็นว่าตัวเองไม่ได้เป็อะไรแล้ว…อีกอย่างให้มันจบ ๆ ไป ถ้าเอาเื่ก็จะพาให้พ่อแม่หนักใจเปล่า ๆ ”
“พ่อดูหลานพ่อคิดสิ…ไม่ได้ผมมาสักนิด ไม่ได้แม่มันด้วย ไอ้นิสัยใจเย็น ไม่คิดมากแบบนี้ได้ใครมา…” พ่อพูดกับปู่ด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด แต่ปู่กลับหัวเราะเบา ๆ และเอื้อมมือไปลูบหัวหลาน
“ก็ฉันไง…ลูกหมาอ้วนมันเหมือนปู่ของมัน”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ…เหมือนพ่อไม่มีผิด ท่าทางนิสัยเืร้อนไม่ยอมคนของผมกับเมียจะให้เ้าคนพี่ไปเต็ม ๆ เบบถึงได้เป็สายลุยขนาดนั้น”
ที่รักส่งยิ้มให้ปู่ก่อนจะหันไปถามบางอย่างที่ค้างคาใจกับพ่อ “แล้วพ่อจะเอายังไงครับ จะไปเอาเื่พี่โอ้เหรอ?”
“ตอนแรกที่รู้เื่ก็กะว่าจะไปตบหัวมันถึงบ้านก่อนแล้วค่อยไปแจ้งความ แต่ก็ได้แค่คิดน่ะนะ…เพราะด้วยหน้าที่และอาชีพของตัวเองแล้วจะทำแบบนั้นได้ยังไง แล้วดันมีอะไรอีกหลายอย่างที่ทำให้เอาเื่มันไม่ได้…”
“เพราะพ่อพี่โอ้ยศ…”
“ไม่ต้องพูดถึงเื่ยศถาบรรดาศักดิ์อะไรเลยไอ้ลูกหมาอ้วน ถ้ามันมาทำร้ายคนในบ้านพ่อไม่ยอมอยู่แล้ว…แต่ที่พ่อต้องยอมไม่เอาเื่ก็เพราะ…หนึ่งพ่อเห็นแก่ท่านรองผู้การและหลานเขาที่ช่วยเราไว้ กับสองคือปู่ของเราขอให้เลิกแล้วต่อกัน ถ้าพ่อเอาเื่มันจนถึงที่สุด ปู่กลัวว่าคนจิตใจสกปรกแบบนั้นจะหันมาลอบกัดเราอีก”
“…”
“หลังจากเกิดเื่…ท่านรองผู้การโทรมาหาพ่อตอนตีสี่ เล่าเื่ทั้งหมดให้ฟังโดยละเอียด เื่นี้คนที่ผิดคนเดียวเต็ม ๆ จะเป็ไอ้เด็กนั่น ถ้าหลานเขาไม่ดันไปทำร้ายอีกฝ่าย คนที่ผิดคราวนี้ก็กลายเป็หลานของเขาด้วย ก็รวมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาท พ่อของคนชื่อโอ้เป็ผู้กำกับโรงพักหนึ่งนอกเขตรับผิดชอบของท่านรอง ท่านบอกว่าตอนที่ฝั่งนั้นโทรมาหาก็คุยยากหน่อย อารมณ์รุนแรงไม่สนใจอะไรเลย จะเอาเื่หลานเขาให้ถึงที่สุดอย่างเดียว แต่พอรู้ความจริงว่าลูกตัวเองก็ไปมอมเหล้าคนอื่นก็เลยเบาลงบ้าง ท่านรองบอกว่าผิดก็ว่าไปตามผิด…จะแจ้งความหลานเขาก็ตามสบาย แต่ท่านคงต้องแจ้งเื่นี้ให้พ่อทราบเหมือนกัน และคิดว่าทางพ่อก็คงจะเอาเื่ลูกชายเขาให้ถึงที่สุด…ก็สู้กันไปตามกระบวนการกฎหมายแล้วกัน”
“พ่อพูดเหมือนพ่อรู้จักกับท่านรอง…”
“มันก็บังเอิญเกินไปน่ะเ้ารัก เ้านายเก่าของพ่อที่เสียไปเมื่อปีที่แล้วเป็รุ่นน้องคนสนิทของท่านรอง พ่อก็เคยเจอท่านอยู่หลายครั้ง พูดคุยกันบ้าง แล้วตอนที่หลานเขาเล่าเื่ทั้งหมดให้ฟังและบอกว่าถ้ารักไปแจ้งความฝากท่านรองดูแลให้ด้วย ท่านก็เลยขอชื่อนามสกุลไว้ พอท่านรู้ว่านามสกุล นิรันดร์ ท่านก็นึกสงสัยว่าจะใช่พ่อไหม…ท่านก็ถามพ่อว่ามีลูกชายไหม ชื่อ รัก นิรันดร์หรือเปล่า หลังจากนั้นก็เล่าเื่ทั้งหมดให้ฟังต่อ”
“บังเอิญจนเหมือนละครเลยพ่อ…”
“ยังจะมาพูดเล่นอีก…”
ที่รักหลับตาปี๋ย่นคอจนเหมือนลูกเต่าขี้กลัวพอเห็นพ่อเงื้อมือใหญ่ ๆ เตรียมจะฟาดตัวเอง ผู้เป็พ่อเห็นลูกชายทำท่าหวาดกลัวก็หลุดหัวเราะออกมา ทั้งที่ลูกชายรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางที่จะโดนตีเด็ดขาด แต่ทุกครั้งที่โดนขู่ด้วยการเงื้อมือหมายจะฟาดก็ชอบทำหน้าเช่นนี้เสมอ
“…แหะ ๆ พ่อไม่ตีรักหรอกเนอะ”
“ก็รู้ว่าพ่อไม่เคยตีเราลงหรอก…ไอ้ลูกหมาอ้วนเอ๊ย…”
“แล้วยังไงต่อล่ะพ่อ…แต่แค่รักรู้ว่าพ่อไม่เอาเื่ฝั่งนั้นรักก็สบายใจขึ้นบ้างแล้ว”
“สบายใจเรา แต่ขัดใจพ่อน่ะสิ…” พ่อถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ท่านรองก็บอกว่าได้ให้เบอร์ของพ่อกับผู้กำกับคนนั้นไปแล้ว ลองคุยกันดูเผื่อจะมีทางออกที่ดีพอจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจโดยไม่มีเื่ราวใหญ่โต เพราะก็ตำรวจด้วยกัน แต่ท่านก็แอบกระซิบว่าให้พ่อเอาเื่นั้นแหละ พอไอ้ฝั่งนั้นโทรมาก็ไม่พูดพร่ำ ขอพ่อว่าอย่าไปแจ้งความเลย เดี๋ยวจะพาลูกชายพร้อมทั้งตัวเขาด้วยไปขอโทษถึงบ้าน เด็กจะเรียนจบแล้ว ไม่อยากให้มีเื่ราวใหญ่โต พ่อว่าท่านรองคงบอกไปบ้างว่าพ่อไม่ยอมคน ทางนั้นถึงได้มาแบบสุภาพ ขอร้องลูกเดียวเลย…แต่ก็อีกนั้นแหละ พอเขาเห็นว่าพ่อเสียงแข็งโมโหไม่ค่อยยอม เขาก็เลยยื่นข้อเสนอมาบ้าง…บอกว่าถ้าเราไม่เอาเื่ลูกเขา เขาก็จะปล่อยหลานท่านรองไปเหมือนกัน จะไม่แจ้งความ ให้แล้วต่อกันไป ค่ารักษาอะไรก็ไม่เอา เดี๋ยวจัดการเอง ถือว่าลูกเขาก็สิ้นคิดทำเื่ไม่ดี…แต่ถ้าพ่อยังจะแจ้งความให้เป็คดี เขาก็ต้องเอาเื่หลานท่านรองเหมือนกัน”
“มันแบบ…รักเข้าใจว่าพ่อหนักใจกับเื่นี้”
ใช่…ด้วยนิสัยไม่ยอมคนของพ่อ แล้วยิ่งลูกตัวเองโดนทำแบบนี้ด้วย ที่รักเดาว่าถ้าไม่มีข้อต่อรองนี้ พ่อไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายแน่ ๆ
“พ่อก็หนักใจมากแหละ…เราไม่ผิดเลยสักนิด เป็ผู้บริสุทธิ์ด้วยซ้ำ กลับต้องมายอมให้มันลอยหน้าลอยตา แต่ก็เพราะเห็นแก่ท่านรอง เห็นแก่หลานเขาที่เข้ามาช่วย…แถมช่วยต่อยมันแทนพ่อด้วย ก็เลยไม่อยากให้หลานท่านรองมาเดือดร้อนเป็คดีความ ถ้ามันเป็คดีขึ้นมาต้องไปสอบสวน หาพยาน ขอหลักฐานดูกล้องวงจรปิดที่ร้านอีก แล้วร้านของหลานท่านรองก็จะเสียชื่อ ไม่เป็ที่น่าเชื่อถือไปอีก…พ่อว่าก็น่าเห็นใจนั่นแหละ สุดท้ายก็เลยยอมรับข้อเสนอไป แต่พ่อก็มีข้อต่อรองเหมือนกัน พ่อบอกว่ายอมไม่แจ้งความในเื่นี้ แต่พ่อจะไปแจ้งความไว้เป็หลักฐานก่อนว่าลูกตัวเองเคยมีปัญหากระทบกระทั่งกับลูกชายเขา ถ้าหากเกิดเื่ไม่ดีกับเรา…ลูกของผู้กำกับเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยนะ”
“…”
“ทางนั้นก็รู้ดีว่าการแจ้งความไว้เป็หลักฐานยังไม่ใช่คดีความ…ถ้าเกิดเื่แล้วถึงจะเป็คดีความขึ้นมา อีกอย่างถ้าเราโดนทำร้ายจริง ๆ ก็ใช่ว่าลูกเขาจะเป็คนทำ เ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนต่อไปอีกนั่นแหละว่าผู้ต้องหาเป็ใคร ลูกเขาไม่ได้โดนเพ่งเล็งเต็ม ๆ เขาก็เลยต้องยอมเพราะถือว่าพ่อยอมให้สุด ๆ แล้วเหมือนกัน สรุปก็คือเราไม่เอาเื่…พรุ่งนี้เช้าผู้กำกับกับลูกชายจะมาขอโทษเราที่บ้าน”
“…แล้วพี่ฟ้า”
“ก็ไม่โดนแจ้งความเอาเื่เหมือนกัน ส่วนเื่ที่คนเห็นเหตุการณ์ในคืนวันนั้นมากน้อยแค่ไหนพ่อไม่รู้…แต่ท่านรองก็ดีจริง ๆ นะ ท่านบอกพ่อว่าไม่ต้องมาเห็นแก่ท่านหรือหลานท่านหรอก เอาตามที่พ่อเห็นสมควรเลย ถ้าอยากเอาเื่ก็เอาเลย แต่เพราะท่านดีมากแบบนี้ไง พ่อถึงต้องเห็นใจเขามาก ๆ ”
“…” โอ้โฮ…ดีทั้งลุงทั้งหลานจริง ๆ เลย
“ก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกันเ้ารัก…ต่อไปก็ระวังตัวให้มาก ๆ ล่ะ” ปู่พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“คนเรามันก็แปลกกันขึ้นทุกวัน…กับผู้ชายด้วยกันก็ยังคิดสกปรกอยากจะขืนใจ…คิดแล้วมันโมโหจริง ๆ นี่ถ้าเบบไม่มีดอมคอยดูแล คิดไม่ออกเลยว่าจะต้องเป็ห่วงขนาดไหน”
แม้ว่าพ่อจะรู้มาโดยตลอดว่าลูกชายคนนี้ของเขามักจะเป็เป้าสายตาของผู้ชายด้วยกันมากกว่าผู้หญิง แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายอกสามศอกยุคก่อนอย่างพ่อจะไม่ชินกับความรักและความ้าทางเพศที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เช่น ความรักในรูปแบบของผู้ชายรักผู้ชาย หรือ ผู้หญิงรักผู้หญิง
แต่ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ทว่าพ่อไม่เคยพูดเหยียดหรือแสดงท่าทางรังเกียจคนที่รักเพศเดียวกันเลยสักนิด เพียงแต่พ่อเคยพูดว่าความรักในรูปแบบนี้เชื่อได้ยากว่าจะอยู่ครองคู่กันไปจนแก่ อาจจะไม่อยู่ยาวนานพอจะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขก็จากลาไปตามทางของตนมากกว่า เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพ่อถึงคิดว่าคนที่รักเพศเดียวกันจะไม่อยู่ครองคู่ยาวนานเหมือนหญิงชาย ทั้งที่ปัจจุบันคู่รักหญิงชายหย่าร้างเลิกรากันก็มีเยอะแยะ
แต่จะอย่างไรก็ช่าง…สุดท้ายแล้วที่รักเชื่อว่าพ่อของเขาจะเคารพตัวตนที่แท้จริงของทุกคนด้วยความจริงใจ อย่างที่เป็เสมอมา…
“ต่อไปมีอะไรต้องบอกพ่อนะรัก พ่อพร้อมอยู่ข้างเราเสมอ”
“ครับพ่อ”
#กี่หมื่นฟ้า
มื้อค่ำวันนี้ดูทุกคนจะเจริญอาหารเป็พิเศษเพราะได้อยู่กันพร้อมหน้า จนลืมโจ๊กเ้าโปรดไปเสียสนิท เป็เวลาหลายอาทิตย์แล้วที่พ่อติดภารกิจสำคัญที่ทำงานจนไม่สามารถกลับบ้านใน่วันหยุดได้ แต่การกลับมาของพ่อในครั้งนี้ช่วยยืนยันเป็ครั้งที่ล้านให้พวกเขาในบ้านได้รับรู้ว่า…
พ่อยังคงเป็หัวหน้าครอบครัวที่ไม่เคยเห็นสิ่งอื่นใดสำคัญไปกว่าครอบครัวของตัวเอง…
…เพียงแค่รู้ว่าคนในบ้านถูกรังแก พ่อก็ทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับมาหาทันที
และนี่เป็เหตุผลที่ที่รักอยากจะเป็คนที่เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม…พ่อจะได้เลิกเป็ห่วง
“เติมข้าวอีกไหมรัก?”
“พอแล้วแม่ ให้มันกินเยอะจนแก้มย้อยติดพื้นแล้ว” พี่สาวพูด
แต่ลูกหมาอ้วนอย่างเขาไม่คิดสนใจคำว่ากล่าวของพี่สาวสักนิด ที่รักยกจานกระเบื้องด้วยสองมือผ่านหน้าคนพี่เพื่อขอข้าวสวยร้อน ๆ จากแม่
วันนี้แม่ทำอาหารอร่อยสุด ๆ ไปเลย
ลูกหมาอ้วนตัวนี้จะกินให้เกลี้ยงจาน!
“เอา ๆ ค่อย ๆ กินลูก แม่เก็บต้มจืดมะระไว้ให้เราอีกถ้วย ไว้พรุ่งนี้จะเอามาอุ่นให้กิน”
“ครับแม่”
“เออ…พ่อลาหยุดถึงวันจันทร์ วันจันทร์เราสองคนมีเรียนไหม?”
“เบบไม่มี…แล้วถ้าจำไม่ผิดน้องก็ไม่มี”
ที่รักเห็นว่าพี่สาวตอบแทนไปแล้ว และนั่นเป็คำตอบที่ถูกต้องจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ ก้มหน้าซดน้ำต้มมะระอย่างเอร็ดอร่อย
“งั้นไปชวนหลานท่านรองมากินข้าวสักมื้อไหม เพื่อเป็การขอบคุณ…พ่ออยากจะเจอแล้วพูดขอบใจด้วยตัวเองสักหน่อย”
“แค่ก ๆ ” ที่รักสำลักน้ำต้มรสขมที่มีอุณหภูมิร้อนพอสมควรจนหน้าดำหน้าแดง พี่เบบที่แม้จะบ่นว่าเขาไม่รู้จักระวังยังใจดีถึงได้ส่งมือมาลูบที่หลังเขาเบา ๆ
“รักยังไม่ได้ไปขอบคุณฟ้าด้วยตัวเองเลยมั้ง…งั้นให้รักไปชวนเองละกัน”
“พี่เบบ!!!” คนที่ไอจนแสบคอเมื่อครู่ในตอนนี้พูดเสียงดังฟังชัดและเบิกตาโตใส่พี่สาว
“อะไร? จริงไหม? ยังไม่ได้ไปขอบคุณและก็ขอโทษฟ้าใช่หรือเปล่า? มัวแต่ไปเที่ยวเล่นกับพันลี้อยู่นั่น”
ปฏิเสธไม่ได้จึงหลบสายตาแทน “ก็…ก็พี่ฟ้าเขายุ่ง ๆ ไง รักเลยยังไม่เจอสักที”
“ข้ออ้าง…พันลี้เป็ใคร น้องของฟ้าหรือเปล่า ทำไมจะพาไปหาไม่ได้”
“อืม แล้วทำไมรักยังไม่ไปขอบคุณที่เขาช่วยไว้ล่ะ โทรเอาก็ได้นี่ลูก…” แม่เอ่ย
อ้าว…ไอ้ลูกหมาอ้วนโดนรุมเฉยเลย “ก็ได้ ๆ ไว้รักจะไปขอโทษพี่เขา…”
“ถ้าจะให้ทันวันจันทร์…แกต้องไปขอบคุณ ขอโทษ และก็ชวนเขามากินข้าวพรุ่งนี้…เข้าใจไหม?”
“หึ…” ที่รักส่ายหน้าจนแก้มสั่น
เขาต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันในคราวเดียวต่อหน้าหมื่นฟ้าเนี่ยนะ แสดงว่าพี่สาวไม่รู้ว่าเวลาเขาอยู่ต่อหน้าคนตัวสูงนั่นมันหายใจลำบากขนาดไหน แค่เผชิญหน้ากันสามนาทีก็ตัวจะะเิแล้ว นี่ให้เขาพูด ขอบคุณ ขอโทษ แถมยังเอ่ยชวนมาทานข้าวที่บ้านอีก ไอ้ลูกหมาอ้วนตัวนี้คงตายไปก่อนแล้ว
“ชวนเพื่อน ๆ มาด้วยก็ได้…พ่อจะได้ทำความรู้จักทุกคนไปเลย…ชวนดอมมาด้วยนะเบบ พ่อไม่ได้เจอนานแล้ว”
“ค่ะ”
“รักก็อย่าลืมชวนเพื่อนมานะ น้องของหมื่นฟ้าด้วย”
“คะ ครับ”
หลังจากตอบรับคำสั่งของพ่อแล้ว ที่รักรู้สึกว่าตัวเองเจริญอาหารน้อยลง เกิดอาการปั่นป่วนในท้องเพราะความเป็กังวล จนพาให้พุงที่มันป่องขึ้นเมื่อครู่แฟบลงจนเห็นได้ชัด
โห…คิดมากจนเผาผลาญพลังงานไปขนาดนี้เลยอะ…
และเมื่อเวลาผ่านไป อาหารทุกอย่างบนโต๊ะอาหารหมดเกลี้ยง ที่รักและพี่สาวจึงช่วยกันนำจานไปล้าง ก่อนจะกลับมาดูละครภาคค่ำกับพ่อแม่และปู่ที่ห้องนั่งเล่นจนถึงดึก
ทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้านอนเมื่อถึงเวลา เป็ในตอนนั้นเองที่ที่รักแอบย่องลงมาที่ห้องเก็บของใต้บันได คนตัวเล็กยืนกะพริบตามปริบ ๆ ตั้งสติและภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
มือเรียวเอื้อมไปบิดกลอนอย่างแ่เบาด้วยกลัวว่าปู่ที่นอนอยู่ห้องข้างล่างจะตื่นเพราะได้ยินเสียงประตู ทว่าเขาเข้ามาภายในห้องคับแคบได้โดยไม่ถูกจับได้ ดวงตาเรียวรีจ้องมองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า ๆ ที่อยู่ตรงหน้า
มันเป็เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกับระบบของกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน ทุกอย่างที่กล้องบันทึกไว้จะถูกส่งตรงมาที่คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ ที่รักหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ด้วยหัวใจสั่นระรัว ใต้ฝ่ามือร้อนชื้นเพราะเหงื่อ กระทั่งบนใบหน้าก็มีเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ เริ่มผุดเต็มไปหมด
เหมือนเขาเป็สายลับที่กำลังล้วงข้อมูลสำคัญจากองค์กรใหญ่ ๆ เลย…
ทั้งที่จริงเป็เื่ขี้มดอย่างเื่…เขาโดนหอมหัวหรือเปล่า แค่เพียงเท่านั้นเอง
แต่หัวใจที่เต้นแรงเร็วอย่างในตอนนี้เล่นใหญ่จนเขาหงุดหงิด
และที่รักก็ตัดสินใจเคลื่อนมือไปจับเมาส์เพื่อกดเลือกวันเวลาที่ใกล้เคียงในตอนที่เกิดเหตุ น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงคออีกครั้งเมื่อเขาเห็นรถเบนซ์สปอร์ตสีดำของหมื่นฟ้าจอดเทียบที่หน้าบ้าน ไม่นานนักคนตัวสูงที่โคตรจะดูดีในวันนั้นก็เดินลงมาจากรถ ไม่อยากจะเชื่อว่ากล้องวงจรปิดยี่ห้อที่พ่อแสนจะภูมิใจว่าเป็คนเลือกเองจะชัดเจนได้ขนาดนี้ ชัดจนเขายังกลัวว่าจะทำให้หัวใจเต้นเร็วได้มากกว่านี้ หากว่าเื่ที่สงสัยดันเป็ความจริงขึ้นมา
“อะ ไอ้รัก…”
ที่รักพูดกระอึกกระอักเรียกชื่อตัวเอง ทั้งเขินอายและสับสนที่เห็นตัวเองไปกอดอีกฝ่ายไว้แน่น พลันใบหน้าก็ร้อนวูบวาบเมื่อััที่ติดค้างอยู่ในความรู้สึกนั้นถูกยืนยันด้วยภาพเคลื่อนไหว
ัันั้น…เป็เขาเองที่ไปกอดหมื่นฟ้า T___T
“ยะ อย่า ~…” ริมฝีปากบางอ้าค้างขณะจดจ้องไปที่จอ มือเรียวทั้งสองยกขึ้นขยำขยี้ที่ผมของตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด มันยุ่งพอ ๆ กับความรู้สึกของเขานั่นแหละ แล้วภาพที่ทำให้ที่รักสติหลุดจนต้องออกแรงทึ้งหัวตัวเองคงเป็ตอนที่หมื่นฟ้าโน้มใบหน้าลงไปหอมหัวของเขาจริง ๆ “ฮือ ~ หอมทำไมเล่า!!!! ถีบออกไปก็จบแล้ว คนเมาโดนถีบไม่ถือสาหรอก…”
ภายในห้องแคบแสนอบอ้าวมีเสียงร้องฮือของใครบางคนไม่ขาดสาย ทว่ามีแต่เสียงร้องครวญครางแต่ไม่เห็นมีน้ำตาสักหยด ก็เพราะว่าคนตัวเล็กรู้สึกว่าร้องไห้ไม่ออก มันอึดอัดจนตัวจะะเิถึงได้เปล่งเสียงร้องออกมาแทน
เป็ในตอนนั้นที่เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้น ที่รักคว้าโทรศัพท์มาด้วยสติเลือนลอย แม้จะทำใจก่อนเข้ามาในห้องนี้แล้ว แต่สุดท้ายหัวใจก็รับไม่ไหวอยู่ดี
ที่รักใช้นิ้วปัดบนหน้าจอเพื่อเปิดอ่านข้อความ บรรดาเพื่อน ๆ ในกลุ่มถล่มข้อความเข้ามาถามเื่นี้อย่างกับแอบมองเขาอยู่ใกล้ ๆ
P.Panli : เป็ไงบ้างวะ?
Joyyy. : ดูยังมึง?
T. : กูว่าไอ้รักแม่งไม่กล้าดูหรอก
เ้าของแก้มย้อย ๆ ที่ใคร ๆ ชอบดึงเล่นส่ายหน้าไปมาเป็เชิงปฏิเสธทุกคำถามของเพื่อน ๆ ที่รักหมดแรงจะพิมพ์ตอบคำถาม เขาเหมือนคนขาดสติจริง ๆ ถึงได้ดึงสาย USB เชื่อมโทรศัพท์เข้ากับคอมพิวเตอร์แล้วดึงวิดีโอใน่เวลานั้นใส่โทรศัพท์ก่อนจะกดอัปโหลดส่งให้เพื่อนในกลุ่มดูเอง
รู้นิสัยพวกมันดี…ต่อให้พิมพ์บอกว่าเป็เื่จริง ยืนยันด้วยตัวอักษรและเสียงแล้วก็ตาม
แต่พวกนี้ต้องบีบคั้นขอดูเป็ภาพเคลื่อนไหวอีกแน่ ๆ งั้นส่ง ๆ ไปให้จบ ๆ เลยแล้วกัน
คำตอบนี้คงชัดเจนที่สุด…
ที่รัก : send video
และเมื่อวีดีโอนั้นปรากฏขึ้น คำว่า อ่านแล้ว เด้งขึ้นมาเช่นเดียวกัน ที่รักอยากจะร้องไห้ไว้อาลัยให้ตัวเองที่มีเพื่อนขี้สอดขนาดนี้ โดยเฉพาะไทป์กับจอย ถ้าไม่ติดว่ารักมากจะยอมพูดคำหยาบด่าแก้อับอายไปสักชุด
P.Panli : ช็อกโลกมาก
Joyyy : แง ~ กูเขินนนนนนนน
ที่รัก : น่าเขินตรงไหนจอย…น่าอายมากกว่าปะวะ?
T : ไอ้รัก…กูแคปแล้วซูมดู จมูกพี่ฟ้าโคตรโด่งเลยนะ แต่จมไปในหัวมึงเลยว่ะ 55555555555
ที่รัก : T_________T เกลียดมึงจังเลยไทป์
P.Panli : พี่กูโคตรเสือซ่อนเล็บ
ที่รัก : ตอนนี้กูอยากเป็เต่าซ่อนหัวแล้วเนี่ยยยย ไม่ต้องให้ใครเห็นหน้ากูเลย หดหัวอยู่แต่ในกระดองพอ
Joyyy : 55555555555 จะว่าสงสารก็สงสารนะ เข้าใจว่ามึงเขินจริง
ที่รัก : ไม่ได้เขิน แต่อาย เข้าใจไหมจอย อายที่เมาแล้วไปเรื้อนใส่เขาอะ
ในระหว่างที่คุยกับเพื่อนอยู่นั้น ที่รักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้ ถ้าให้เดาคนที่ชอบลงน้ำหนักที่เท้าแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น
แกร๊ก...
“พะ พี่เบบ”
และเป็พี่สาวของเขาจริง ๆ พี่เบบเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะปิดล็อกประตูทันที ราวกับว่าอีกฝ่ายก็คิดแอบเข้ามาในห้องนี้เหมือนกัน
“แกมาทำอะไรรัก?”
“แล้วพี่เบบมาทำอะไรล่ะ?”
คำตอบของพี่สาวไม่ใช้เสียงที่เปล่งออกมาจากปาก หากแต่เป็สายตาที่จ้องมองไปทางด้านหลังของเขา ที่รักรีบกดปิดบันทึกวีดีโอนั้นทันที แต่คิดว่าคงไม่ทันเสียแล้ว
พี่เบบเห็นหมดแล้วแหละ T_____T จบแล้วชีวิตไอ้ลูกหมาอ้วน
“ฉันก็จะมาลบวีดีโอเมื่อกี้แหละ…”
“อะ อะไรนะ? พี่เบบรู้เื่นี้เหรอ?”
“ก็เพิ่งรู้เมื่อเย็นตอนที่พ่อกับแกยังไม่กลับถึงบ้าน…ฉันตงิด ๆ ว่าตอนที่ฟ้ามาส่งแกจะต้องมีอะไร ถึงได้มาเปิดดู…” พี่เบบที่ไม่ค่อยจะเขินอายกับเื่แบบนี้ยังหลบสายตาเขาและพูดติด ๆ ขัด ๆ “เห็นแกหอมกับฟ้า”
“…”
“ตอนแรกก็ว่าจะลบเลยเพราะกลัวพ่อเขามาเปิดเช็กความเรียบร้อย แกก็รู้ว่าทุกครั้งที่พ่อกลับมาจะต้องมาดูกล้องวงจรปิดทุกครั้ง…แต่พ่อดันมาถึงเร็ว ฉันเลยต้องรีบออกไปรับหน้า เบี่ยงเบนความสนใจให้เขาลืมไอ้ห้องนี้ไง”
ณ ตอนนี้อยากจะคลานเข้าไปกราบที่ตักพี่สาว แต่มีบางอย่างที่อยากจะรู้มากกว่าจึงเอ่ยถาม “พี่เบบคิดจะบอกน้องไหมเนี่ย? ถ้ารักลงมาช้า คงไม่ได้รู้ความจริง”
“บอกสิ จะบอกหลังจากที่แกไปขอบคุณฟ้าแล้ว เพราะถ้าบอกก่อนคนขี้เขินอย่างแกไม่ยอมไปเจอหน้าฟ้าอีกแน่ ๆ ”
“แค่นี้ก็ไม่อยากไปแล้วเนี่ย…”
“แล้วแกนึกอะไรถึงมาเปิดดู?”
“ก็วันนั้นเพื่อนมันดันโทรมาตอนที่รัก…ที่รักวอแวใส่พี่ฟ้าพอดี…พวกมันเลยอยากรู้ว่าพี่ฟ้า…หอมรักจริง ๆ หรือเปล่า”
“ดี ๆ กันทั้งนั้น ไม่ได้นึกถึงเื่ที่จะเอาเื่กับไอ้โอ้กันเลยพวกแกนี่ ดันไปโฟกัสเื่อย่างนี้กันอย่างเดียวเลย” พี่เบบส่ายหน้าเอือมระอาก่อนจะเดินมาที่หน้าคอมพิวเตอร์และเลื่อนเมาส์กด ๆ อย่างเดียว “ลบแล้ว”
“พี่เบบ…ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยเซฟรักทุกทางเลย”
“ไม่ได้เซฟแก เซฟสถานการณ์ในบ้านต่างหาก ถ้าพ่อมาเห็นมีหวังโวยวายบ้านแตกที่ลูกชายโดนทำแบบนี้หน้าบ้าน…แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้ลูกชายตัวดีนั่นแหละเป็ฝ่ายไปบังคับใจเขา”
“โว้ย ~ พี่เบบ!! ถอนคำพูดเลยนะ บังคับใจอะไร…รักตัวเท่าลูกหมา ถ้าคนเขาไม่เต็มใจจะหอมปะ?!”
พูดอะไรออกไปน่ะไอ้หมารัก…เพราะความเขินแท้ ๆ เลย…
“โหย…หลงตัวเองเหมือนกันนะ คิดว่าน่ารักขนาดหมื่นฟ้ายอมหอมเลยดิ”
T____________T ไม่เคยคิดว่าพี่เบบจะปากร้ายขนาดนี้ ปากร้ายจนทำให้เขาทั้งเขินและโมโหได้ในคราวเดียวกัน
“รักไม่คุยกับพี่เบบแล้ว…”
ที่รักพูดปัด เตรียมลุกหนีพี่สาวก่อนที่ตัวเองจะแสดงอาการเขินอายให้พี่เบบเห็นไปมากกว่านี้ ทว่าพี่เบบรั้งไว้ด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“พรุ่งนี้ไปหาฟ้ากับพวกฉันด้วย ดอมจะโทรไปนัดฟ้าให้ ถ้ารอให้แกไปเจอเองคาดว่าอีกสามปีกว่าฟ้าจะได้ยินคำขอบคุณ….แล้วพ่อก็คงไม่ได้เจอฟ้าเร็ว ๆ นี้แน่”
“แต่พรุ่งนี้พ่อบอกว่าจะพารักไปแจ้งความไว้เป็หลักฐานก่อนนะ แล้วอีกอย่างไอ้พี่โอ้ก็จะมาขอโทษที่บ้านด้วย…รักว่าพรุ่งนี้น่าจะยุ่งทั้งวันเลย”
“ข้ออ้าง…แกจะทำเื่ที่โรงพักทั้งวันเลยหรือไง แล้วไอ้โอ้ก็ไม่อยู่ทั้งวันหรอก อย่ามาอ้าง”
“…”
ที่รักถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แทนคำตอบรับ ก่อนจะออกจากห้องนั้น ในระหว่างที่เท้าเล็กก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้น สมองที่เต็มไปด้วยภาพจำและเื่ราวต่าง ๆ ก็คิดฟุ้งซ่านพุ่งพล่านไม่หยุด หากให้เปรียบเทียบความวุ่นวายในหัวสมองของเขา ที่รักคิดว่ามันเหมือนน้ำต้มที่เดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อ ไม่เหลือที่ว่างให้ความสงบเงียบ มีแต่ความวุ่นวายที่พาให้รู้สึกกระวนกระวาย
เมื่อเขาเข้ามาภายในห้องนอน ซึ่งเป็ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเอง ที่รักก็ทิ้งร่างลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนล้วงโทรศัพท์ที่สั่นแจ้งเตือนไม่เลิกออกมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็เพื่อน ๆ ของเขาที่ส่งข้อความมาล้อกันไม่เลิก
ทว่าขอความล่าสุดของพันลี้ทำให้เขาอุทานคำหยาบที่สุดในชีวิตออกมา…
“เชี้ยยยยยยย!!”
ดวงตาเรียวรีที่เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
P.Panli : กูส่งวีดีโอไปให้พี่ฟ้าดู แม่งอ่านแล้วไม่ตอบ
Joyyy : อีลี้ มึงส่งไปทำม้ายยยยยยย อีห่า กูปวดหัวแทนอีแก้มย้อยเลย มันจะกล้าไปเจอหน้าพี่เขาอีกได้ไง เขินตายห่า
เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากหอมจอยแรง ๆ ตอบแทนที่เพื่อนพูดได้ตรงใจ
P.Panli : ก็กูอยากจะรู้ว่าพี่ฟ้าจะพูดไง ตอนนั้นคิดอะไรถึงได้หอมหัวเพื่อนกู พี่กูนี่แอบไว้ใจไม่ได้ว่ะ
T : 5555555 ถ้ากูมีน้องอย่างมึงกูเครียดตายเลยไอ้ลี้ เข้าข้างเพื่อนแต่ด่าพี่ตัวเอง
ที่รัก : T_______T แล้วคือพรุ่งนี้กูต้องไปเจอหน้าเขาอะ มึงส่งไปทำไม!!! ไอ้พันลี้หน้าหมา!!!
Joyyy : อีแก้มย้อยมันด่าไม่เป็ แต่ตอนนี้คงอยากด่าไอ้ลี้เจ็บ ๆ ด่าแรงสุดคือไอ้หน้าหมา 55555 กูขำ
P.Panli : ไปหาพี่กูทำไมอะ?
ที่รัก : พี่เบบให้ไปขอบคุณเขาและก็ขอโทษ แล้วชวนมากินข้าวที่บ้านด้วย ชวนพวกมึงด้วยแหละ วันจันทร์มากันนะ พ่อกูอยากเจอทุกคน พวกมึงต้องมากันนะ กูขอ
T : ถ้าไม่ไปก็คือไอ้รักรับหน้าดูแลพี่ฟ้าเต็ม ๆ แน่เลย
ที่รัก : แม่นกว่าหมอดูก็มึงอะไทป์
P.Panli : กูจะไป ไปดูปฏิกิริยาพี่กูเนี่ยแหละ มีอะไรกับเพื่อนกูหรือเปล่า?
Joyyy : พันลี้ มึงเป็น้องพี่ฟ้าจริง ๆ ใช่ปะ? 555555555555 อีห่าโคตรฏเลย
ที่รักวางโทรศัพท์ลงข้างตัว เขาไม่อยากจะรับรู้อะไรแล้วจึงเลือกไม่สนใจอ่านบทสนทนาของเพื่อนต่อ ในหัวจินตนาการไปไกลว่าคนตัวสูงจะรู้สึกอย่างไรหลังจากถูกทวนความจำด้วยวิดีโอนั้น บางทีหมื่นฟ้าอาจจะอยากลืมเื่วันนั้นอยู่ก็ได้ แต่พันลี้ดันส่งไปย้ำเตือนความจำอีก และแน่นอนว่าหมื่นฟ้าจะต้องเดาได้ว่าคลิปวิดีโอมาจากเขา
ที่รักไม่รู้ว่าเพราะอะไรหมื่นฟ้าถึงตัดสินใจทำตามคำขอคนเมาอย่างเขา อาจจะทำเพราะรำคาญใจหรือหน้ามืดขาดสติ แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ช่าง…
ในตอนนี้ที่รักคิดว่ามีสองอย่างที่หมื่นฟ้าจะรู้สึก
หนึ่ง…คือโกรธมากเพราะเขาดันเอาคลิปวิดีโอนั่นส่งให้เพื่อนคล้ายเห็นเป็เื่สนุก…ทั้งที่น่าอายมากกว่า
สองคือปล่อยผ่าน…ไม่คิดมาก เห็นเป็เื่ปกติ
และแน่นอนว่าข้อสองถูกตัดทิ้งอย่างรวดเร็วหลังจากประมวลทุกอย่างในสมองอย่างถี่ถ้วนแล้ว
“คืนนี้จะนอนหลับไหมไอ้รัก…” พูดก่อนจะถอนหายใจออกมา ั้แ่เกิดมาที่รักไม่เคยเจอเื่วุ่นวายที่มันลุกลามรวดเร็วจนเหนือการควบคุมแบบนี้
ทั้งหมดอาจจะเป็เพราะเขาคิดน้อยเกินไปละมั้ง…
#กี่หมื่นฟ้า
ดวงตาคู่คมกำลังจ้องมองไปยังวิดีโอที่น้องชายส่งให้ทางไลน์ส่วนตัว หมื่นฟ้าดูจนจบโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เขากดปิดและโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพลางมองหน้าเพื่อนสนิทต่างมหา’ ลัยที่คบกันั้แ่สมัยมัธยม และเป็หุ้นส่วนคนสำคัญของร้าน
เขาเพิ่งขึ้นมานั่งพักที่ดาดฟ้าชั้นสองของร้านซึ่งเป็พื้นที่ส่วนตัว เพราะเหนื่อยจากการตรวจดูความเรียบร้อยมานานหลายชั่วโมง ไม่นานนักเพื่อนสนิทก็ตามขึ้นมาบ้าง
“มึงมีอะไรหรือเปล่าเรียว?”
หมื่นฟ้าถามขณะเคาะมวนบุหรี่ออกจากซอง ปรายตามองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เรียวแสดงอาการเลิ่กลั่กคล้ายคนที่เพิ่งทำความผิดมา เขาคบกับเรียวมาั้แ่ม. 3 เพียงแค่เพื่อนผิดปกติไปนิดเดียวก็รู้ได้ในทันที
“มึง อย่าด่ากูนะ…”
“ถ้าไม่พูดก็จะด่า…”
มวนสีขาวถูกริมฝีปากอิ่มคาบไว้ หมื่นฟ้ารอฟังคำสารภาพจากเพื่อนสนิทขณะจุดไฟที่ปลายมวนกระดาษ ทว่าครั้งนี้เรียวดูจะใช้เวลาคิดทบทวนนานกว่าจะยอมปริปาก
ไฟสีแดงสว่างวาบเผาไหม้มวนกระดาษไปเกือบครึ่งก่อนจะถูกก้านนิ้วยาวทั้งสองคีบออกจากปาก หมื่นฟ้าละสายตาจากเพื่อนเพื่อคลายความกดดัน ควันสีขาวค่อย ๆ ปลดปล่อยออกมาทั้งทางจมูกและริมฝีปาก เขามองควันพิษที่ตัวเองเป็คนสร้างลอยอยู่กลางอากาศจนเลือนรางหายไป
หมื่นฟ้าชอบเปรียบเทียบความรู้สึกของคนเรากับควันบุหรี่…
มันจะเข้มข้น ชัดเจน ในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป
จะถูกเวลาเจือจางจนเลือนราง และหายไปอย่างไร้ร่องรอยในที่สุด…
“วันนั้นที่มึงต่อยไอ้โอ้…ลูกค้าโซนวีไอพีเห็นเยอะอยู่…ก็เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่มึงออกไปแล้ว”
หมื่นฟ้าหันกลับมาให้ความสนใจกับคนที่พยายามจะพูดความจริงกับเขา “อือ…”
“จริง ๆ แล้วกูโกหกมึง กูไม่ได้บอกลูกค้าแค่ว่ามึงไม่พอใจที่ไอ้โอ้พูดจาไม่ดีเลยต่อยมันไป…กูเสริมอะไรไปอีกนิดหน่อยให้มันดูมีน้ำหนักขึ้นมา…แบบมึงจะได้ไม่ดูเหี้ยเกินไปที่ต่อยลูกค้าเพราะแค่ทนไม่ไหวที่เขาด่า”
“เอาตรง ๆ ไม่อ้อม…” หมื่นฟ้ารู้ว่าตัวเองชอบพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและเ็าเช่นนี้เป็ประจำจนติดเป็นิสัย และเรียวคงชินกับความนิ่งเฉยไม่สนใจโลกของเขา แต่ครั้งนี้กลับทำให้เรียวดูวิตกกังวลมากกว่าเดิม
“กูบอกลูกค้าไปว่า…มึงโมโหที่ไอ้โอ้ลวนลามแฟนตัวเอง...มึงเลยพลั้งมือต่อยไอ้โอ้ไป”
ทันทีที่เรียวนำเอาทุกคำสารภาพมากองตรงหน้า เ้าตัวก็มีท่าทางสบายใจและโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับคนฟังที่ค่อย ๆ ก้มหน้าหลับตาลงและยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมขมับตัวเอง
เรียวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยต่อ “กูขอโทษนะ…คือกูคิดคำแก้ตัวให้มึงไม่ทันจริง ๆ น่ะ มันชุลมุนวุ่นวายไปหมดเลยตอนนั้น…ก็มึงคิดดูนะเว้ย เ้าของร้านไปต่อยลูกค้า ต่อให้ลูกค้าเมาแล้วขาดสติจนด่ามึงเสีย ๆ หาย ๆ มันก็ไม่โอเคอยู่แล้วที่มึงไปทำร้ายร่างกายเขา แค่ทนคำด่ายังทนไม่ได้เลย…กูก็เลยคิดว่าถ้ามีเื่นี้เข้ามาเกี่ยวมันน่าจะเข้าใจได้หน่อยปะวะ…ที่ทำให้มึงขาดสติจนไปต่อยลูกค้า”
“ไม่ว่าจะมีเื่อะไรเข้ามาเกี่ยว ยังไงกูก็ผิดอยู่ดี มันลบล้างหรือทำให้คนเห็นอกเห็นใจไม่ได้หรอก เพราะยังไงกูก็ทำร้ายร่างกายเขา แล้วกูก็เป็เ้าของร้าน มันไม่โอเคอย่างที่มึงว่าจริง ๆ …มึงรู้นิสัยกูดีนะเรียว อะไรที่กูทำลงไปแสดงว่ากูตัดสินใจดีแล้ว ต่อให้มันเป็การกระทำที่ไม่สมควรก็ตาม ขอแค่เราพูดความจริงออกไป ใครจะคิดยังไงก็ช่าง กูพร้อมรับผลที่จะตามมาเสมอ”
เรียวกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ั้แ่คบกันมาหมื่นฟ้าไม่เคยอธิบายยาวเหยียดด้วยสายตาและน้ำเสียงใจเย็นอย่างนี้มาก่อน นั่นทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายไม่คิดโกรธเคืองกัน
“กูแค่กลัวว่าคนอื่นจะมองมึงไม่ดี…ถึงแม้มึงจะทำพฤติกรรมไม่ดีจริง ๆ ก็เถอะ แต่ก็เพราะว่ามึงช่วยน้องคนนั้นนะ มึงไม่ได้เป็พวกอันธพาลเืร้อนที่ทำไปโดยไม่มีเหตุผลสักหน่อย”
หมื่นฟ้าพยักหน้าเข้าใจในความห่วงใยที่เพื่อนมีให้ ความผิดพลาดในครั้งนี้ไม่ได้เลวร้ายเกินไปจนอภัยไม่ได้อย่างที่เพื่อนกังวลในตอนแรก เพื่อการันตีให้เรียวรู้ว่าเขาไม่คิดโกรธเคืองจริง ๆ จึงแบ่งบุหรี่ในมือให้เพื่อน เรียวหลุดยิ้มแล้วรับไปสูบต่อ
“แบ่ง ๆ กัน จะได้ตายพร้อมกัน กูไม่อยากเหงาอยู่ในนรกคนเดียว”
เรียวหัวเราะ ก่อนจะหยุดชะงักอารมณ์ขันของตัวเองพอนึกบางอย่างออกมาได้ “มีอีกเื่ว่ะไอ้ฟ้าที่กูยังไม่ได้บอกมึง”
“อะไรอีก? ให้กูปวดหัวทีเดียวไม่ได้ใช่ปะ…”
“…คือวันนั้นมีเพื่อนในกลุ่มมึงมาดื่มด้วยนะ แต่อยู่โต๊ะด้านใน ๆ เลย ชื่ออะไรไม่รู้ว่ะ กูจำไม่ได้อะ…มันไม่เชื่อว่ามึงเป็แฟนกับน้องคนนั้น เถียงกูต่อหน้าลูกค้าคนอื่นด้วยนะว่าเป็ไปไม่ได้หรอก…” เรียวพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจคล้ายว่านึกถึงใบหน้าของคน ๆ นั้นอยู่ “กูก็เลยบอกว่า…เขาแอบคบกัน คนอื่นจะไปรู้อะไร? มีแต่กูนี่ที่รู้ มันถึงได้เงียบไป กวนส้นตีนมากมาเถียงกูต่อหน้าลูกค้าคนอื่น ทำเหมือนอยากจะแหกหน้ากูให้ได้อะ…แต่ดีที่กูไม่โป๊ะแตก”
“กูว่าแล้ว”
“ทำไมวะ?”
“หลังจากเกิดเื่ เพื่อนกูไลน์มาถามตลอดว่า่นี้กูชอบใครไหม? คบกับเด็กที่ไหนหรือเปล่า…พวกมันหาว่ากูปิดบัง”
“กะ กูขอโทษนะ…พามึงลำบากเลย” เรียวรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้หมื่นฟ้ารำคาญใจได้มากที่สุดคือการตอบคำถามเื่ความสัมพันธ์ และเพราะหมื่นฟ้าไม่ชอบเปิดเผยเื่ส่วนตัวมากนัก จึงเป็เหตุให้เลิกกับแฟนคนเก่าที่คบกันมานานหลายปี เรียวรู้จักแฟนคนนั้นของหมื่นฟ้าเป็อย่างดีด้วย
“ช่างมันเหอะ…คนรู้ไม่เยอะ เดี๋ยวก็ลืมกัน”
“…”
“แต่รักจะซวยไหมอีกเื่?”
“ทำไมวะ?”
“ก็จะโดนถาม โดนให้ช่วยโน่นนี่เยอะแยะไง”
“โดนถามก็เลี่ยงได้ แต่โดนให้ช่วย…กูงงว่ะ”
“ก็ถ้าคนอื่นเชื่อจริง ๆ ว่ากูคบกับน้อง อยากได้อะไรจากกูก็จะไปบีบจากรักแทนไง” หมื่นฟ้ามองเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจน
“มึงก็ไม่สนใจใครอยู่แล้ว…อีกอย่างน้องคงไม่มาขออะไรจากมึงหรอก ถึงมาขอมึงปฏิเสธว่าไม่ทำก็จบ”
“ถ้ากูปฏิเสธได้ง่าย ๆ แบบนั้นก็ดีดิ…” หมื่นฟ้าถอนหายใจ ก่อนจะคว้าบุหรี่ในมืออีกฝ่ายมาจรดริมฝีปากและสูบด้วยแรงอารมณ์พลางคิดในใจ ‘ขนาดเขาให้หอมหัว กูยังยอมทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาขอมา…คนนี้ปฏิเสธยากฉิบหาย’
“ขนาดแยมมึงยังปฏิเสธมาแล้ว” เรียวสะดุ้งโหยงเมื่อเพื่อนตวัดสายตาดุ ๆ ใส่ เขาไม่ควรเอาแฟนเก่าที่เพื่อนรักฝังใจมาเปรียบเทียบกับคนอื่นเลย
“นั่นแยม…นี่รัก คนละคนกัน”
“ตะ แต่นั่นแฟนเก่า แล้วน้องคนนี้ไม่ได้เป็อะไรกันสักหน่อย…”
“ก็ไม่ได้เป็อะไรกัน…แต่ปฏิเสธไม่ค่อยได้”
เรียวขมวดคิ้วคิดสงสัยในสิ่งที่เพื่อนพูด หมื่นฟ้าตอบอย่างชัดเจน ทว่าเขากลับรู้สึกว่าประโยคนั้นคลุมเครือจนทำให้สับสนไปหมด โดยปกติหมื่นฟ้าจะไม่ยอมใครง่าย ๆ ถ้าไม่ใช่เพื่อนหรือครอบครัว อีกฝ่ายไม่มีทางทำตามคำร้องขอแน่ ๆ บางครั้งหมื่นฟ้าสามารถปฏิเสธคนอื่นได้อย่างไร้เยื่อใย ไม่แคร์ว่าคนโดนปฏิเสธจะรู้สึกอย่างไร หากว่าเ้าตัวไม่สบายใจที่จะทำก็ไม่รับปากเด็ดขาด
หรือว่าน้องแก้มเยอะ ๆ คนนั้นจะเป็ข้อยกเว้น…
เรียวกลั้นยิ้มเมื่อมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นในหัว ‘กูเจอว่าที่เ้าของท้องฟ้าผืนนี้แล้วเหรอวะ?’
“เดี๋ยวกูลงไปดูร้านข้างล่างก่อน…ส่วนมึงก็ลงไปดูโซนวีไอพีด้วย”
เรียวถูกฉุดกระชากออกจากห้วงความคิดก่อนพยักหน้ารับ “เออ ๆ ”
หมื่นฟ้าที่กำลังเอามวนบุหรี่ที่เหลืออยู่น้อยนิดขยี้กับถ้วยกระเบื้องสีขาวเพื่อดับไฟปรายตามองโทรศัพท์เครื่องสีดำที่สั่นแจ้งเตือนอยู่ ปลายสายคือเพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่ในกลุ่ม เพื่อนคนนี้เป็เพื่อนสนิทคนโปรดเพราะมีนิสัยและไลฟ์สไตล์คล้าย ๆ กัน
นั่นก็คือไม่เื่เยอะ ไม่พูดมาก …
มือหนากดขยี้ซ้ำ ๆ จนไฟสีแดงมอดดับไปจึงคว้าโทรศัพท์มารับสาย
“ว่าไงมึง?”
(พรุ่งนี้ว่างกี่โมง มีคนอยากเจอ…)
“ใคร?”
(รัก)
“น้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ไอ้โอ้ไม่ยอมหยุดเหรอ?”
(ไม่ใช่ เห็นเบบบอกว่าน้องอยากจะขอบคุณมึง)
“จริง ๆ ไม่ต้องลำบากมาก็ได้ กูไม่ได้คิดมาก”
(เขาให้กูมานัดเวลากับมึงอะ?)
“พรุ่งนี้ว่างตอนเย็นเลย ่ก่อนเปิดร้าน”
(โอเค เดี๋ยวพาน้องไปหา)
“อือ”
(เออ…เพื่อนคนอื่นไลน์มาถามกูว่ามึงแอบคบใครอยู่? หมายความว่าไง…พวกมันไปเห็นมึงอยู่กับใครวะ)
หมื่นฟ้าลอบถอนหายใจ เพื่อนคนอื่น ๆ ขี้เสือกไม่เลิก ดึงดันอยากจะรู้ทั้งที่เขาไม่เต็มใจจะบอก แต่อย่างน้อย ๆ เขายังรู้สึกดีอยู่บ้างที่มีเพื่อนอย่างดอมที่ไม่เคยคิดยุ่งเื่ของใคร อย่างเช่นตอนนี้ที่เพื่อนถามออกมาตรง ๆ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่รู้เื่เท่าคนอื่นทั้งที่อยู่กลุ่มเดียวกัน
“ไว้เดี๋ยวปิดร้านแล้วกูโทรไปเล่าให้ฟัง…มึงจะนอนหรือยังล่ะ?”
(คืนนี้มีบอล นอนดึก…โทรมาได้เลย)
“อือ”
(เค แค่นี้แหละ)
คนตัวสูงส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างเหนื่อยหน่ายใจก่อนจะโยนโทรศัพท์ไว้ที่ตำแหน่งเดิม เขาหยัดกายลุกเต็มความสูงเดินลงมาชั้นล่างโดยไม่เอาอะไรติดตัวมาสักอย่าง แม้กระทั่งซองบุหรี่ที่มักจะพกติดกระเป๋าตลอด เสียงของเรียวร้องเรียกเตือนให้เขาเอาโทรศัพท์ไปด้วยตามไล่หลังมา ทว่าหมื่นฟ้าแกล้งหูทวนลมและตรงดิ่งไปที่หน้าร้านแทน
ก็เพราะตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่เต็มสมองเขาไปหมด…พกอะไรติดตัวมาอีกจะพาให้หนักหัวเปล่า ๆ
แต่ถ้าให้ทบทวนดูดี ๆ น้ำหนักมากล้นในสมองล้วนแล้วแต่เป็เื่ของเด็กคนนั้นทั้งนั้น…
TBC
#กี่หมื่นฟ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้