ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็แล่นเข้าสู่ตัวอำเภอ ซ่งมู่ไป๋หันไปมองด้านข้าง พบว่าผู้โดยสารสองคนที่นั่งมาด้วยต่างนอนหลับกันหมด
โดยไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วคนหนึ่งแกล้งหลับ ส่วนอีกคนนั้นหลับจริง เขายิ้มก่อนจะปลุก “ตื่นได้แล้ว ถึงในตัวอำเภอแล้ว”
เซี่ยโม่กับเหล่าจ้าวลืมตาตื่น ชายชราอ้าปากหาวพร้อมกับพึมพำ “รถส่วนตัวนั่งสบายกว่าจริงๆ ด้วย”
ชายหนุ่มคิดในใจ เหล่าจ้าวนี่อยู่เป็จริงๆ ตัวเองได้ประโยชน์ทำมาเป็พูดชม หากอีกฝ่ายไม่ใช่อาจารย์ของเด็กสาวละก็ เขาคงโต้กลับไปแล้ว
เซี่ยโม่เอ่ยขึ้นมาว่า “อาจารย์ พวกเราไปร้านยาของคนรู้จักของอาจารย์เลยเถอะค่ะ รีบเอาสมุนไพรไปขาย เพราะเดี๋ยวฉันต้องไปที่อื่นต่ออีก”
“ได้ ฉันมีคนรู้จักอยู่ที่ร้านยาิเหรินถัง ขับตรงตามถนนเส้นนี้ไปเรื่อยๆ”
ทว่าความสนใจของซ่งมู่ไป๋ยังคงอยู่กับประโยคเมื่อครู่นี้ของเด็กสาว “โม่โม่ เธอยังมีธุระต่ออีกเหรอ”
“ค่ะ ฉันอยากไปไปรษณีย์ ร้านหนังสือ ห้างสรรพสินค้า แล้วก็ร้านของเก่าด้วย” เด็กสาวแจกแจง
ซ่งมู่ไป๋ขมวดคิ้ว อีกฝ่ายอยากจะไปร้านหนังสือกับห้างสรรพสินค้า เขาพอเข้าใจได้ ไปไปรษณีย์ก็ยังพอเข้าใจได้อยู่ แต่ร้านของเก่านี่สิ
เขาเอ่ยอย่างไม่วางใจ “งั้นเดี๋ยวฉันไปเป็เพื่อน”
“พี่ซ่ง พี่บอกว่ามีธุระที่อำเภอไม่ใช่เหรอคะ พี่ไปทำธุระของพี่เถอะค่ะ ฉันไปคนเดียวได้ แค่หนึ่งชั่วโมงฉันก็น่าจะไปครบแล้ว”
เขาต่อว่าตัวเองในใจ การที่พูดแบบนั้นออกไปเท่ากับขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ ตอนนั้นเขากลัวว่าเด็กสาวจะรู้สึกไม่ดี ถึงได้พูดว่าตัวเองก็จะเข้าไปทำธุระในอำเภอเหมือนกัน
จะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้
สมองเขาหมุนคิดอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หาข้ออ้างได้
“โม่โม่ เธอคิดว่าที่ที่เธออยากไปมันอยู่ใกล้กันหรือยังไง ไม่รู้เหรอว่าแต่ละที่อยู่ห่างกันมาก หากจะไปให้ครบทั้งหมด แค่หนึ่งชั่วโมงไม่พอหรอก”
เซี่ยโม่ตาโตด้วยความมึนงง ชาติที่แล้วแม้เธอจะเคยเข้ามาในอำเภอ แต่ก็เคยไปแค่ห้างสรรพสินค้า ยังไม่เคยไปสถานที่อื่น ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าอยู่ไกลกันขนาดนั้นกระมัง
เห็นเด็กสาวทำหน้าลังเลก็รู้ทันทีว่าตัวเองจับจุดอ่อนได้แล้ว
“ให้ฉันขับรถไปส่งดีกว่า ส่วนธุระของฉันไว้ว่างเมื่อไรฉันค่อยมาใหม่”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างจำยอม “งั้นก็รบกวนด้วยค่ะ”
เหล่าจ้าวที่นั่งอยู่ด้านข้างลอบยิ้มในใจ เ้าหนุ่มมู่ไป๋นี่เพื่อจีบลูกศิษย์ของเขาทุ่มเทไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้สถานที่ที่เด็กสาว้าไปจะอยู่ไกลกัน แต่ก็ไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น เ้าหนุ่มมู่ไป๋อยากขับรถไปส่งลูกศิษย์ของเขาถึงได้จงใจพูดออกมาแบบนี้
วิธีนี้เป็วิธีที่คนรุ่นเขาในสมัยหนุ่มๆ ใช้กัน นึกไม่ถึงเลยว่าแม้เวลาจะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เด็กหนุ่มสมัยนี้ก็ยังไม่พัฒนา ยังคงใช้วิธีนี้จีบสาวอยู่
เวลาต่อมารถกระบะก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้าร้านยาิเหรินถัง
เซี่ยโม่ก้มหยิบตะกร้าที่วางอยู่ข้างเท้าขึ้นมา โดยระหว่างนั้นรีบล้วงมือเข้าไปในโกดังสินค้า เพื่อหยิบโสมป่ากับเห็ดหลินจือใส่เข้าไปในตะกร้า
“อาจารย์คะ เพื่อไม่เสียเวลา รบกวนอาจารย์เอาเข้าไปขายคนเดียว ส่วนฉันจะไปทำธุระต่างหาก”
เหล่าจ้าวทำหน้างุนงง เด็กสาวจะให้เขาเอาสมุนไพรล้ำค่าหายากราคาสองร้อยหยวนเข้าไปขายในร้านยาคนเดียวเนี่ยนะ
“รู้ใช่ไหมว่าสมุนไพรพวกนี้ราคาแพงมาก” เขาเอ่ยเตือน
“ฉันเชื่อใจอาจารย์ค่ะ ทำธุระเสร็จฉันจะกลับมารับนะคะ” เซี่ยโม่ตอบพร้อมแย้มยิ้ม
‘เชื่อใจ’ สองคำนี้ทำให้เขารู้สึกดีเหลือเกิน เขาจึงพยักหน้าออกไป “งั้นก็ได้”
หลังลงจากรถ เหล่าจ้าวมองเข้าไปในรถ สองคนที่นั่งอยู่ด้านในกำลังมองสบตาและส่งยิ้มให้แก่กัน เวลานี้เองชายชราถึงเพิ่งรู้ตัวว่า ตัวเองคือส่วนเกินของทั้งคู่
อีกด้านหนึ่ง ซ่งมู่ไป๋หันไปมองเด็กสาวพร้อมเอ่ยถาม “ไปไหนก่อนดี”
“ธุระของฉันไม่รีบ ไปทำธุระของพี่ก่อนเถอะค่ะ” เซี่ยโม่ตอบ
“ธุระของฉันก็ไม่รีบ ไปทำธุระของเธอก่อนดีกว่า”
ทั้งสองคนต่างเกี่ยงให้ไปทำธุระของอีกฝ่ายหนึ่งก่อน จนในที่สุดเซี่ยโม่ต้องเอ่ยออกมาว่า “ฉันอยากจะไปหลายที่ ที่ไหนใกล้สุดก็ไปที่นั่นก่อนแล้วกันค่ะ”
“ฉันจำได้ว่าร้านของเก่าอยู่ใกล้ๆ แถวนี้นะ”
“งั้นพวกเราก็ไปที่นั่นก่อนก็ได้ค่ะ”
คำว่าพวกเราทำให้ซ่งมู่ไป๋เบิกบานใจไม่น้อย แต่เขาอดสงสัยเื่หนึ่งไม่ได้ “เธอจะไปทำอะไรที่นั่น ที่นั่นไม่ได้มีของดีอะไรสักหน่อย”
“ฉันอยากไปซื้อหนังสือน่ะค่ะ” เด็กสาวตอบ
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ขับรถไปจอดที่หน้าร้านของเก่า
ก่อนลงจากรถเด็กสาวเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่ซ่ง พี่ไปทำธุระของพี่เถอะค่ะ เสร็จแล้วค่อยมารับฉัน ไม่ต้องรีบนะคะ ไปนานแค่ไหนก็ได้”
เขาค้นพบว่า เด็กสาวยังคงคะยั้นคะยอให้เขาไปทำธุระของเขาให้ได้ หากเขาไม่ไปเธอคงจะไม่วางใจ
คิดไปคิดมา เขามีเื่เล็กๆ เื่หนึ่งที่ต้องไปจัดการอยู่เหมือนกัน ไปจัดการให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมารับเด็กสาวที่นี่ก็ได้
“งั้นก็ได้ ฉันไปทำธุระก่อน น่าจะใช้เวลาไม่นาน เธอรอฉันอยู่ที่นี่ อย่าไปไหนล่ะ” เขาบอกกับเด็กสาวที่กำลังเปิดประตูลงจากรถ
“ค่ะ”
ลงรถมาแล้วเซี่ยโม่ถือถุงผ้าเดินตรงไปที่ร้านของเก่า
ที่หน้าร้านมีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ ทำให้เธอนึกถึงร้านของเก่าที่เคยไปในตำบล เช่นนั้นใช้วิธีเดียวกันก็น่าจะได้ผล คิดได้ดังนั้นก็หยิบลูกอมนมหลายเม็ดออกมาจากถุงผ้า ยื่นไปตรงหน้าหญิงวัยกลางคนพร้อมรอยยิ้ม “คุณอาคะ ฉันเป็นักเรียน อยากได้หนังสือสักสี่ห้าเล่ม ขอฉันเข้าไปดูข้างในหน่อยได้ไหมคะ”
หญิงวัยกลางคนมองไปรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีใครจึงยื่นมือไปรับลูกอมนมมาใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยอย่างเป็มิตรและกระตือรือร้น “เข้าไปสิ หนังสืออยู่ด้านหน้าสุด”
ขณะที่เซี่ยโม่กำลังจะเดินเข้าไป หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาว่า “สาวน้อย เธอชอบภาพวาดไหม ฉันเจอม้วนภาพวาดหลายม้วนในกองหนังสือ สวยอยู่เหมือนกัน หากเธอชอบฉันจะพาไปดู”
ภาพวาดงั้นหรือ เธอมีท่าทีตื่นเต้นยินดี
เซี่ยโม่รีบหันหลังเดินกลับไปหาหญิงวัยกลางคน “คุณอา ฉันชอบค่ะ ขอฉันดูหน่อยได้ไหมคะ”
“งั้นก็ตามฉันมา” หญิงวัยกลางคนเลื่อนประตูเหล็กของร้านของเก่าให้ปิด จากนั้นเดินนำเธอไปยังที่ที่ตัวเองใช้นอนพักตอนกลางวันซึ่งอยู่ใกล้ๆ
เป็บ้านซึ่งทำจากไม้ มีขนาดเล็กมาก ภายในมีแค่เตียงหลังเดียวเท่านั้น ในขณะที่ใต้เตียงมีของวางอยู่เต็มไปหมด
หญิงวัยกลางคนเอ่ยว่า “ม้วนภาพวาดอยู่ใต้เตียง ชอบภาพไหนก็หยิบไปได้เลย”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เซี่ยโม่นั่งคุกเข่ากับพื้น สายตามองม้วนภาพวาดที่วางระเกะระกะอยู่ใต้เตียง ก่อนดวงตาเธอจะเบิกกว้าง นอกจากม้วนภาพวาดแล้วยังมีกองไม้เก่าๆ สุมอยู่ น่าจะเป็ไม้จากเครื่องเรือนที่เคยอยู่ในบ้าน
ในกองมีไม้จินซือหนาน[1] ไม้จันทน์แดง ไม้หวงหยางมู่[2] และไม้สนรวมอยู่ด้วย
ด้านหน้ากองไม้คือม้วนภาพวาด ภาพวาดแต่ละม้วนเก่าจนสีกลายเป็สีเหลือง ดูแล้วน่าจะเป็ภาพวาดโบราณ
เธอหยิบขึ้นมาคลี่ดูหนึ่งม้วน เป็ภาพวาดต้นไผ่ของซูซื่อ หนึ่งในแปดจิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยราชวงศ์ถัง-ซ่ง
เซี่ยโม่ตื่นเต้นอย่างยิ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภาพวาดอื่นๆ ก็น่าจะเป็ของดีด้วยเช่นกัน แม้จะเป็เช่นนั้นหากเธอยังคงทำสีหน้าราบเรียบ
“คุณอาคะ ฉันชอบภาพนี้ คุณให้ฉันได้ไหมคะ ฉันยังมีลูกอมนมอีกหลายเม็ด” พูดพร้อมกับล้วงลูกอมนมออกมาจากกระเป๋า
เธอหยิบออกมาหลายสิบเม็ด เกือบครึ่งกิโลเห็นจะได้ จนในกระเป๋าตอนนี้ว่างเปล่า
หญิงวัยกลางคนยิ้มดีใจ เอ่ยอย่างใจกว้างว่า “ได้ ถ้าเธอชอบก็เอาไปให้หมดเลย”
----------------------------------------
[1] ไม้จินซือหนาน ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งที่เนื้อไม้มีลวดลายเหมือนดิ้นทอง นิยมนำมาทำโลงศพและเฟอร์นิเจอร์
[2] ไม้หวงหยางมู่ หรือ ต้นบอกซ์วูด เป็ไม้ในกลุ่มไม้พุ่ม เติบโตช้า ทำให้เนื้อไม้มีความแน่น เหนียว และแข็งแรงมาก อีกทั้งเนื้อไม้ยังมีความสวยงาม นิยมนำมาแกะสลักหรือทำเฟอร์นิเจอร์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้