เล่มที่ 1 บทที่ 11 อสรพิษั์
“แต่ว่าเมื่อครู่ ศิษย์น้องซูบอกว่าไม่ต้องให้ข้าช่วยนี่…” หลินเฟยยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่คิดยื่นมือเข้ามาช่วย
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดแล้ว ศิษย์พี่หลิน ช่วยด้วย…”
“แต่ข้าไม่มีอาวุธ…”
“ใช่แล้ว กระบี่…” ในขณะที่ดิ้นรนขัดขืน มือทั้งสองก็พยายามคลำหารอบๆตัว ในที่สุดมือก็ััโดนกระบี่ที่ตกอยู่ไม่ไกล ไม่ต่างอะไรกับการคว้าฟางเส้นสุดท้ายได้ จู่ๆก็มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่มีอสุรกายกุ่ยเย่ชากดดันอยู่ แต่กลับมีแรงโยนกระบี่ออกไปให้หลินเฟยได้…
หลินเฟยเองก็ไม่รอช้า ชักกระบี่ออกจากฝักทันที จากนั้นก็หันหลังกลับไป…
“ …” ศิษย์น้องซูตกตะลึงกับภาพที่เห็น ก่อนจะหลั่งน้ำตาออกมา
“เ้าลูกเต่าหลินเฟย แกมันไร้คุณธรรม ใจดําอํามหิต หากข้าถูกกุ่ยเย่ชากินเข้าไปล่ะก็ ต่อให้ตายเป็ผีข้าก็ไม่ปล่อยเ้าแน่…”
ศิษย์น้องซูร้องไห้ตัวโยนปานจะขาดใจ
แล้วจะโทษใครได้ เดิมมีกระบี่ในมือยังพอดิ้นรนได้บ้าง แต่เขากลับโยนไปให้หลินเฟย บัดนี้กุ่ยเย่ชาก็ได้แหวกเสื้อเขาออกไปแล้ว แถมยังไร้ซึ่งอาวุธติดมืออีก หากคิดจะฆ่าตัวตายก็คงทำได้แค่กัดลิ้นตัวเอง…
‘จบกัน จบสิ้นแล้ว คราวนี้ตายแน่ๆ…’
มือที่เต็มไปด้วยเกล็ดคว้าหมับเข้าที่ลำคอของศิษย์น้องซู พร้อมด้วยกลิ่นคาวน้ำลายของกุ่ยเย่ชาที่ไหลยืดลงมาเป็สาย
‘เหมือนว่ากุ่ยเย่ชาจะหิวไม่เบา’
ง่ามของกุ่ยเย่ชาที่อยู่แนบอก ความเย็นของโลหะที่ััผิวนั้น ทำให้ศิษย์น้องซูหวาดกลัวจนลืมแม้กระทั่งหายใจ หลังจากนี้มันคงจะผ่าท้องควักไส้ควักพุงออกมา และสุดท้ายก็ค่อยควักหัวใจออกมาย่างกับไฟโยวิสินะ ศิษย์น้องซูขัดขืนรุนแรงพร้อมกับร้องไห้จนสุดเสียง ดูท่าจะหนีจุดจบที่ถูกลิขิตไว้ไม่พ้นเสียแล้ว
ง่ามโลหะอันแหลมคมได้กรีดผ่าท้องของศิษย์น้องซู เืแดงสดหลั่งไหลออกมา ยิ่งกระตุ้นให้กุ่ยเย่ชาคลั่งหนักกว่าเดิม ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวอ้าขึ้นจนเกิดเสียง “ฟ่อๆ”
“อย่ากินข้านะ อย่ากินข้าเลย ข้ายังไม่อยากตาย…”
ศิษย์น้องซูร้องไห้ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย ในขณะที่กำลังฟูมฟายร้องขอชีวิตจะเป็จะตายอยู่นั้น ได้มีลำแสงกระบี่สายหนึ่งตวัดผ่าน ศีรษะอันสุดแสนจะอัปลักษณ์ของกุ่ยเย่ชาก็ปลิวหลุดจากบ่า…
ตอนที่หลินเฟยมาถึง ศิษย์น้องซูยังคงนอนอยู่ที่พื้น ที่ท้องมีแผลเป็ทางยาว เืสดๆกำลังไหลริน แต่ยังดีที่ไม่โดนอวัยวะภายใน ทว่าศิษย์น้องซูดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว สองตาไร้แวว เอาแต่พึมพำว่าข้าไม่อยากตาย
“นี่…” หลินเฟยถีบเข้าที่าแของเขาอย่างเหลืออด
“ถ้ายังไม่หนีล่ะก็ กลิ่นคาวเืนี่คงได้ล่อฝูงกุ่ยเช่ยาออกมารุมทึ้งร่างเ้าแน่…”
“รุมทะ...ทึ้งเลยหรือ?” พอได้ยินคำนี้ ศิษย์น้องซูลืมแม้กระทั่งความเ็ปที่าแ ดีดตัวลุกขึ้นทันที ก่อนจะกุมแผลที่ท้องวิ่งออกไป…
“…”
ก่อนที่อสุรกายกุยเย่ชาตนอื่นจะมา ทั้งคู่จึงรีบหนีออกห่างจากแม่น้ำหยิน ระหว่างทาง ศิษย์น้องซูทนพิษาแไม่ไหว เขาจึงทำแผลให้ตัวเองอย่างลวกๆ และกลืนยาลูกกลอนบำรุงเืตามลงไปหนึ่งเม็ด น่าจะไม่เป็อะไรมากแล้ว สงสัยเพราะได้บทเรียนเมื่อกี้ ทำให้ตอนนี้เขาดูสงบเสงี่ยมลงมาก
ส่วนกระบี่เล่มนั้น…
ศิษย์น้องซูแม้แต่เหลือบตามองก็ยังไม่กล้า
“มายืนข้างหน้าตรงนี้หน่อย หน้าอีกๆ ใช่ๆ ยืนตรงนี้อย่าขยับ…”
หลินเฟยพยายามยื้อเขาเอาไว้
ในตอนที่ทั้งคู่กลับมาถึงบริเวณอุโมงค์หิน หลินเฟยเตรียมตัวจะจากไป แต่ศิษย์น้องซูเอ่ยปากรั้งไว้ เขาทั้งข่มขู่ทั้งอ้อนวอน แต่หลินเฟยก็ไม่สนใจ สุดท้ายศิษย์น้องซูก็ทำได้เพียงจำยอมตอบรับเงื่อนไขของหลินเฟยทั้งน้ำตา
ในมองของหลินเฟยนั้น เมื่อเทียบกับกับการเสียเืฟรีๆแล้ว สู้เอามันมาตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตไว้จะดีเสียกว่า
ตอนนี้ศิษย์น้องซูยืนห่างแม่น้ำหยินเพียงก้าวเดียวเท่านั้น…
“ศะ…ศิษย์พี่หลิน จะ…จะต้องมาช่วยข้าเร็วๆนะ ท้องข้ายังเจ็บอยู่เลย” น้ำตาของศิษย์น้องซูจวนจะไหลออกมารอมร่อ
“รู้แล้วน่าๆ…” หลินเฟยถือโอกาสนี้ใช้ศิษย์น้องซูเป็เหยื่อล่อปีศาจ ไม่นานก็สามารถสังหารปีศาจได้ประมาณเจ็ดถึงแปดตน และตอนนี้เขาก็กำลังทยอยแยกไอมรณะออกจากลูกแก้วปีศาจลูกแล้วลูกเล่าอย่างขะมักเขม้น ยุ่งจนมือพันเป็ระวิง ไม่สนคำอ้อนวอนของศิษย์น้องซูเลยสักนิด
‘จะว่าไป ศิษย์น้องซูนี่ช่างเป็เหยื่อล่อที่ได้เยี่ยมจริงๆ’
ขณะที่หลินเฟยเพิ่งจะแยกไอมรณะออกจากลูกแก้วปีศาจสำเร็จได้หนึ่งลูกอยู่ดีๆกลางแม่น้ำหยินก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น จึงรีบวางขวดหยกในมือลง ก่อนจะคว้ากระบี่ขึ้นสะบั้นเกิดเป็ลำแสงสีม่วงสามสายออกไป แม้แต่คลื่นในแม่น้ำยังถูกสะบั้นออกเป็สองส่วนเลยทีเดียว
ทันใดนั้นเองภายในเกลียวคลื่นก็มีปีศาจสูงนับร้อยจ้างปรากฏกายออกมา…
ช่างเป็อสรพิษั์รูปร่างใหญ่โตจนน่าสะพรึง ลำตัวยาวหลายร้อยจ้างขยับส่ายในน้ำ จากนั้นกเกิดเป็เกลียวคลื่นโหมซัดรุนแรง ส่วนหัวอันมโหฬารและดุร้ายของมันก็เชิดขึ้น ดวงตากลมโตทั้งสองที่มีขนาดใหญ่ราวกับปากถ้ำกำลังจ้องมองมาที่ศิษย์น้องซูอย่างโเี้และหิวกระหายเต็มทน…
“นี่ๆ…” ศิษย์น้องซูเป็เพียงศิษย์สายนอก ไม่เคยพบปีศาจที่น่ากลัวแบบนี้ที่ไหนมาก่อน เวลานี้ตัวเขาที่ตื่นตระหนกจนปัสสาวะราด ได้แต่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ลืมแม้กระทั่งวิ่งหนีราวกับคนจมน้ำ สองมือปัดป่ายไปมา ปากก็เอาแต่พร่ำพูดไม่เป็ภาษา
“หลินๆ…ศิษย์พี่หลิน ช่วยข้าด้วย ช่วยด้วย…”
หลินเฟยไม่แม้แต่สนใจเขา กลับทำเพียงยืนมองอสรพิษั์ที่อยู่กลางแม่น้ำ
ั้แ่ทะลุมิติมา นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเฟยมีสีหน้าเคร่งขรึมกว่าปกติ
‘มันหลุดออกมาได้อย่างไรกัน?’
ในขณะที่หลินเฟยกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น อสรพิษั์ก็เชิดหัวขึ้นสูงพร้อมกับอ้าปากขนาดมหึมาของมันพ่นลมออกมา จากนั้นก็เกิดกลุ่มพายุที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง น้ำในแม่น้ำหยินถูกแช่แข็งภายในพริบตา…
“นาคาดับตะวัน!”
ความหนาวเสียดกระดูกปะทะเข้ามา ในที่สุดก็สามารถฉุดให้หลินเฟยหลุดออกมาจากภวังค์ได้ โพรงปากมหึมาของมันเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ หลินเฟยรีบโคจรปราณเข้าสู่กระบี่… จากนั้นสะบั้นออกไปจนเกิดเป็ลำแสงสายหนึ่งที่มีความยาวนับสิบจ้าง
ไม่นาน ลำแสงกระบี่ก็เลือนหายไป พร้อมทั้งะเิที่เกิดขึ้นและสงบลงอย่างรวดเร็ว
และหยาดเืที่สาดกระเซ็นไปทั่ว…
“โฮก!”
ไม่นานก็มีเสียงคำรามกัมปนาทดังสนั่นขึ้น ศีรษะขนาดเท่าูเาลูกย่อมๆของมันส่ายไปมา ก่อนจะกระแทกอย่างรุนแรงเข้ากับผาหิน ทำให้เกิดการสั่นะเืของพื้นดิน ลำตัวยาวนับร้อยจ้างของมันบิดกระส่ายไปมา น้ำในแม่น้ำหยินก็ไหลท่วมทะลักออกมา ในตอนนี้ราวกับว่าแม่น้ำสายนี้กำลังถูกจับพลิกคว่ำไปมา เละเทะไม่น่าดูเลยทีเดียว
“ช่วย…ช่วยด้วย” ศิษย์น้องซูที่ยังอยู่ท่ามกลางสรรพสิ่ง สามารถรอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งความเหน็บหนาวจากการปรากฏตัวของปีศาจนาคาดับตะวัน ทั้งถูกน้ำจากแม่น้ำหยินโหมใส่สภาพในตอนนี้เหมือนกับถูกแช่จนแข็งจนกลายเป็รูปปั้น สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือะโร้องขอชีวิตเท่านั้น…
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้