หลิวฟางแทบจะเดินตัวลอยกลับบ้าน
แม้น้าหลี่จะยังไม่ได้สัญญาเื่เลื่อนตำแหน่งของเหลียงปิ่งอัน ทว่ายืนยันให้หลิวฟางเปลี่ยนคำเรียกตน เมื่อเป็ทองแผ่นเดียวกันแล้ว อีกหน่อยฝานเจิ้นชวนจะไม่สนใจเื่ของเหลียงปิ่งอันได้หรือ? โดยหลักการแล้วฝานเจิ้นชวนแต่งงานกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ลำดับญาติย่อมต่ำกว่าหลิวฟางและเหลียงปิ่งอันแน่นอน สองคนนี้ไม่มีทางอีคิวต่ำคิดอาจหาญจะเป็ผู้าุโของฝานเจิ้นชวนอยู่แล้ว แต่บ้านฝานให้ความสำคัญต่อเซี่ยเสี่ยวหลานขนาดนั้น ฝานเจิ้นชวนจะไม่ใยดีน้าเขยของเซี่ยเสี่ยวหลานเชียวหรือ!
นี่มิใช่จุดประสงค์ในการเดินทางลงชนบทหลายรอบของสองสามีภรรยาหรอกหรือ?
เพราะ้าสร้างความสัมพันธ์กับฝานเจิ้นชวน!
และเป็เพราะหลานสาวฝ่ายมารดาของเธอสร้างความสัมพันธ์แล้ว หลิวฟางจึงรู้สึกว่าตนเองจะได้ใช้ชีวิตในบ้านสามีอย่างสง่าผ่าเผย เครือญาติตระกูลเหลียงพวกนั้นจะยังกล้าซุบซิบว่าเธอมาจากชนบทได้อีกหรือ บิดามารดาของสามีจะไม่ปรามาสเธอทั้งต่อหน้าและลับหลังอีก ว่าครอบครัวของเธอไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่หน้าที่การงานของเหลียงปิ่งอันได้เลย!
หลิวฟางยิ่งคิดยิ่งชื่นมื่น งานวิวาห์ยังไม่ทันถูกจัดขึ้น เธอก็ทึกทักว่าตนเป็ข้าหลวงผู้มีผลงานโดดเด่นของตระกูลเหลียง ภาคภูมิใจกว่าการสืบสกุลให้ตระกูลเหลียงโดยมีลูกชายเสียอีก พอเหลียงปิ่งอันกลับบ้านมาฟังข่าวดีก็ดีใจมากเช่นกัน ตกกลางคืนอดไม่ได้ที่จะดื่มเหล้าขาวสักครึ่งชั่ง
“ภรรยาของฉันคือศรีภรรยา!”
เหลียงปิ่งอันดื่มจนเมามายได้แปดส่วน บุรุษคนไหนจะไม่หวังความสำเร็จในหน้าที่การงานบ้าง ตำแหน่งของเหลียงปิ่งอันทำให้คนชนบทเคารพนบนนอบและยินยอมพร้อมใจเรียก ‘ข้าราชการรัฐ’ ทั้งที่จริงไม่ได้ดีเลิศสักเท่าไรในเขตเหอตง เหลียงปิ่งอันเชื่อว่าตนสามารถรับภาระหน้าที่สำคัญกว่าเดิมได้แน่นอน น่าเสียดายที่หลายปีมานี้โอกาสเลื่อนตำแหน่งหลายหนล้วนคลาดกับเขาไป เหลียงปิ่งอันรู้สึกอัดอั้นตั้นใจอยู่ไม่น้อย
รองหัวหน้าเหลียง
เขาไม่ชอบฟังคำว่า ‘รอง’ นั่นที่สุด
และไม่พอใจหน่วยงานรัฐอันจับเจ่าที่ตนเองประจำตำแหน่งอยู่ด้วย
ถ้าได้ขยับขยาย ตัดคำว่า ‘รอง’ ทิ้งไป หรือย้ายไปหน่วยงานอื่นก็คงจะดีเหลือเกิน!
สำหรับการแต่งงานกับหลิวฟางในอดีต เหลียงปิ่งอันไม่ได้รู้สึกเสียใจ แค่หลายปีมานี้หมดหวังในการเลื่อนขั้น เหลียงปิ่งอันก็จะขบคิดในเวลาดึกดื่นค่ำคืนที่เงียบสงัด หากคราวนั้นแต่งงานกับผู้อื่น เส้นทางของเขาจะราบรื่นกว่านี้สักหน่อยหรือไม่?
ตอนนี้สมใจแล้ว ได้อาศัยฝานเจิ้นชวนเดินขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น
พอเหลียงปิ่งอันอ้าปากก็มีกลิ่นสุราหึ่ง “สี่พันหยวนเมื่อครั้งก่อน ไม่ใช่ว่าพี่รองไม่รับไว้หรือ? เธอเพิ่มให้เป็จำนวนเต็มเถอะ ให้พวกเธอเริ่มปลูกบ้านตอนนี้เลยก็ได้ จะปล่อยหลานออกเรือนจากบ้านพี่ใหญ่หรือ ใช้ไม่ได้!”
เพิ่มเป็จำนวนเต็มอย่างนั้นหรือ?
“ให้ 5000 หยวน สร้างบ้านชั้นเดียวอย่างนั้นหรือ? ไม่สิ หากจะให้ทันเวลา... คงไม่ใช่ 5000 หยวนหรอก ถ้าอย่างนั้นคุณหมายถึง 10000 หยวนสินะ!”
สี่พันก็เคยให้แล้ว เพิ่มอีกหนึ่งพันย่อมไม่มีปัญหา
พี่รองกับลูกยิ่งไม่มีเงินมากมาย เมื่อหลานสาวออกเรือน คนเป็น้าอย่างเธอจะมอบของขวัญให้เ้าสาวเพิ่มก็ย่อมได้
แต่ถ้าให้หนึ่งหมื่นหยวน หลิวฟางรู้สึกเสียดายเหลือเกิน
ั้แ่ต้นปีจวบจนท้ายปี หลังหักค่าใช้จ่ายออกไปบ้านเหลียงยังเก็บเงินได้ไม่ถึงหนึ่งหมื่น จะให้เงินจำนวนมากขนาดนี้ในคราวเดียว ไม่พ้นต้องใช้เงินเก็บแน่นอน ทว่าแม้หลิวฟางเป็ผู้ดูแลเงินของบ้าน หากเหลียงปิ่งอันเอ่ยปากย่อมได้ผลลัพธ์เหมือนกัน ห้าพันยังให้ได้ เช่นนั้นก็กัดฟันเพิ่มอีกห้าพันหยวน จ่ายเงินส่วนนี้ไปเสียเถอะ ขอเพียงสามีเธอเลื่อนตำแหน่งได้ ถือว่าเงินส่วนนี้ถูกใช้อย่างมีความหมาย!
“ถ้าแบบนั้นก็ตามคุณว่าเถอะ...”
สองสามีภรรยาเริ่มหารือรายละเอียดปลีกย่อยกัน เหลียงฮวนที่พยายามแนบหูเข้ากับช่องประตูก็ไม่สามารถได้ยินข้อมูลมากกว่านี้ สิ่งที่มารดาเธอพูดเมื่อครู่น่าตะลึงพรึงเพริดมากพอแล้ว นึกไม่ถึงว่าบ้านฝานกำหนดกระทั่งวันแต่งงานเสียเรียบร้อย ดูจากสถานการณ์พี่สาวเธอคงจะแต่งงานเข้าตระกูลฝานจริง
ไม่คิดไม่ฝันว่าฝานเจิ้นชวนจะดีต่อพี่สาวเธอขนาดนี้ ยอมจัดงานใหญ่โตเชิญแเื่มากมาย อีกทั้งตกลงว่าหลังแต่งงานไม่จำเป็ต้องอาศัยกับฝานหาน
เหลียงฮวนรู้สึกว่าฝานหานน่าเวทนายิ่งนัก
แต่ฝานหานน่าสงสารไปก็ไม่มีเวลาสนใจแล้ว พอพี่สาวเธอแต่งงานกับฝานเจิ้นชวน พ่อของเธออาจใกล้ที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
ตนเองไม่ต้องสมรสกับชายแก่ แถมได้เป็บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของหัวหน้าเหลียง เหลียงฮวนจะไม่ดีใจหรือ? ความมั่งคั่งและเกียรติยศของบ้านเหลียงต้องอาศัยการแต่งงานของเซี่ยเสี่ยวหลาน ตอนนี้เหลียงฮวนไม่ได้รู้สึกเกลียดพี่สาว แต่มีความอิจฉาอยู่สามส่วน...ที่เหลืออีกเจ็ดส่วนคือสงสาร
ทว่าดีกว่าเป็สาวบ้านนอกมิใช่หรือ
สรุปทั้งหมดทั้งมวล พี่สาวได้ผลประโยชน์ครั้งใหญ่อยู่ดี
ขณะที่บ้านเหลียงกำลังปรึกษากันว่าจะ ‘ให้ของขวัญ’ แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน ฝานเจิ้นชวนก็ชี้แจงสถานะแก่เสียวอวี่แล้วเช่นกัน
หลังเมฆและฝน [1] เคลื่อนผ่านไป ฝานเจิ้นชวนที่อยู่ในชุดนอนก็ลุกขึ้นไปหยิบซองกระดาษออกมาจากในตู้เสื้อผ้า
“นี่คือเงินหนึ่งหมื่นหยวน อีกสองวันเธอก็ย้ายไปเถอะ”
เดิมทีเสียวอวี่ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าฝานเจิ้นชวนจะผลักไสเธอไปไวขนาดนี้ เธอยังคงมีสีหน้าซีดเผือดดั่งเดิม
“เจิ้นชวน ฉันทำไม่ดีตรงไหนหรือคะ?”
ท่าทางน่าสงสารทำให้ผู้ชายเกิดความเห็นใจได้ง่ายดาย และฝานเจิ้นชวนชื่นชอบความน่าสงสารแบบนี้นั่นเอง แต่รสนิยมของฝานเจิ้นชวนเปลี่ยนแปลงเร็ว สิ่งที่ไม่ได้มานั้นล้ำค่ากว่า รับประทานอาหารอร่อยขนาดไหนเป็เวลานานติดๆ กันก็ย่อมเอียน ตอนนี้ความสนใจของเขาอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งหมด วาจาที่เอื้อนเอ่ยออกมาจึงใจไม้ไส้ระกำเหลือทน
“เสียวอวี่ เธอรู้นิสัยฉันดี รับเงินแล้วย้ายออกไปเถอะ นี่คือความรู้สึกเดิมดีๆ ที่ฉันมีต่อเธอ เดือนหน้าฉันจะแต่งงาน หากเธอยังอยู่บ้านนี้มันไม่เหมาะสม”
เสียวอวี่ฉงนงงงวย “...ให้ฉันย้ายไปที่ไหนได้?”
ฝ้านเจิ้นชวนไม่ยี่หระ “หาที่อยู่สักแห่งในเมือง หรือกลับบ้านเกิดไปแต่งงานก็ได้เหมือนกัน ฉันจำได้ว่าเธอมีคู่หมั้นอยู่ที่บ้านเกิดไม่ใช่หรือ? อย่างไรก็ตาม เงินหนึ่งหมื่นพอให้เธอใช้ได้นานมาก สร้างบ้านที่บ้านนอกก็ยังได้เลย”
เมื่อได้ยินฝานเจิ้นชวนพูดถึงคู่หมั้น เสียวอวี่อยากหัวเราะเสียเต็มประดา
เธอมีคู่หมั้นจริง เนื่องจากครอบครัวยากจน เสียวอวี่จึงเข้าเมืองมาเป็แม่บ้านให้ ‘บุคคลสำคัญ’ ของตระกูลฝาน เดิมทีเธออยากหาเงินเล็กน้อยเป็สินเดิมเ้าสาวด้วยตนเอง ทว่าฝานเจิ้นชวนไม่ได้ให้โอกาสนี้แก่เธอ ต่อมาคำครหาแพร่ไปถึงบ้านเกิด คู่หมั้นของเธอไปขอถอนหมั้นถึงบ้านด้วยท่าทีแน่วแน่ บิดามารดาเสียวอวี่ขอให้เธอกลับไปอธิบาย บอกว่าไม่ต้องเป็แม่บ้านแล้ว เพียงแต่ในตอนนั้นฝานเจิ้นชวนยังสนใจเธออยู่ จะปล่อยเธอกลับไปได้อย่างไร?
ใช่ แม้การอยู่กับฝานเจิ้นชวนจะผิดทำนองคลองธรรม ทว่าสำหรับเสียวอวี่ก็ได้เพลิดเพลินกับสิ่งที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนไปด้วย
ก่อนหน้านี้ฝานเจิ้นชวนไม่ยอมปล่อย ส่วนตอนนี้เสียวอวี่ไม่อยากจากไป เธอไม่มีที่ให้ไปโดยสิ้นเชิง
เงินหนึ่งหมื่นคือเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนเธอเพิ่งมาถึงเขตเหอตงยังไม่กล้าฝันว่าตนจะได้เงินหนึ่งหมื่นหยวนด้วยซ้ำ หลายปีผ่านไป ทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นคน ชื่อเสียงของเธอในชนบทฟอนเฟะ คู่หมั้นคนก่อนถอนหมั้นไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นจนมีลูกแล้ว ฝานเจิ้นชวนกลับพูดออกมาง่ายๆ ... เธอกลับบ้านเกิดไปยังจะแต่งงานกับใครได้อีก!
เสียวอวี่มีความคับข้องใจมากมาย แต่เธอกล่าวต่อหน้าฝานเจิ้นชวนไม่ได้
ฝานเจิ้นชวนชอบผู้หญิงว่านอนสอนง่าย ถ้าเธอคัดค้าน มันจะเป็การทำให้ฝานเจิ้นชวนรังเกียจเธออย่างแท้จริง
เสียวอวี่รับซองกระดาษมา น้ำตาไหลพรากโดยไร้สุ้มเสียงใด
“เจิ้นชวน ฉันไม่อยากจากคุณไป...”
พอเสียวอวี่เริ่มร้องไห้ฝานเจิ้นชวนก็ะเือารมณ์ยิ่งนัก ทำให้ฝานเจิ้นชวนนึกถึงค่ำคืนนั้นที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันเป็ครั้งแรก เขาทาบอยู่บนร่างกายของเสียวอวี่ เปลี่ยนเธอจากเด็กสาวเป็ผู้หญิงคนหนึ่ง เสียวอวี่ไม่กล้าต่อต้าน อีกทั้งกลัวว่าจะปลุกนายหญิงตื่น จึงร่ำให้ไร้เสียงตัวสั่นระริกเช่นนี้
ฝานเจิ้นชวนอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ เช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอออก
“เช่นนั้นเธอก็อยู่ในเขตเหอตง เดี๋ยวฉันหางานให้เธอเอง ถ้ามีเวลาจะไปเยี่ยมเธอ”
แม้คนใหม่จะดีเลิศ กระนั้นยังไม่ทราบว่าเหมาะกับเื่บนเตียงหรือเปล่า ฝานเจิ้นชวนเองก็ไม่ได้มีนิสัยรักษาตนบริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อผู้หญิงคนไหน การจัดแจงอาชีพให้เสียวอวี่ทำงานในเขตเหอตง สำหรับเขามันง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
เสียวอวี่กอดเขา มือลูบไล้เขาไปในเสื้อของเขา
และทั้งสองก็อยู่ในอ้อมแขนกันอีกครั้ง
----------------------------------------
เหลียงฮวนไม่รู้ว่าจะคุยกับฝานหานอย่างไร
่นี้เธอภาคภูมิใจมาก ‘หลานเฟิ่งหวง’ ที่โด่งดังถึงขนาดนั้น เป็ร้านที่ลุงเธอเปิดนั่นเอง
ต่อให้ในโรงเรียนฝานหานจะสุดยอดแค่ไหน แต่หากพี่สาวเธอแต่งงานเข้าตระกูลฝานไปเมื่อไร สถานะในบ้านของฝานหานจะดิ่งลงแน่นอน แบบนั้นก็สู้เธอเหลียงฮวนผู้นี้ไม่ได้แล้วสินะ!
เหลียงฮวนกำลังมีความสุขกับการป้อยอของพวกเพื่อนนักเรียนหญิงจำนวนหนึ่ง คุยโวโอ้อวดว่าพอปิดภาคเรียนจะพาพวกเธอเข้าเมืองมณฑลไปเปิดหูเปิดตาชมเสื้อผ้าของ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ทันใดนั้นก็ได้ยินคนเรียกเธอ
“เหลียงฮวน หน้าประตูโรงเรียนมีคนมาหาเธอน่ะ”
เชิงอรรถ
[1]云雨 เมฆและฝน หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้