ฮวาชีเยว่ยอบกายถวายพระพรฮองเฮาก่อนที่อีกฝ่ายจะให้นางนั่งลงข้างกันอย่างยินดี ฮ่องเต้นั่งอยู่ทางขวาของฮองเฮา ด้านขวาของพระองค์เป็เก้าอี้ว่าง โดยถัดไปยังมีองค์ชายรัชทายาทประทับอยู่
ฮวาชีเยว่มองสบดวงตาสีน้ำตาลขององค์ชายรัชทายาทหวงฝู่ฉางอวี๋ที่พยักหน้าให้นางอย่างเคารพ เขามิได้หยาบคายดังเช่นองค์หญิงฮุ่ยเจินและองค์หญิงฮุ่ยหลิง
ฮวาชีเยว่มิอาจปฏิเสธ นางนั่งลงอย่างนอบน้อม ฮองเฮาจับมือนางขึ้น มองมือนุ่มนวลดุจหยก รอยยิ้มเมตตาดุจพระโพธิสัตว์ทว่ากลับแอบซ่อนแววประสงค์ร้าย “ท่านหญิงจิ่งฮวา ทุกครั้งที่เจอเ้าข้าก็รู้สึกยินดีนัก พวกเราคงมีชะตาต้องกันจริงๆ ”
ฮวาชีเยว่ยิ้มเรียบเรื่อย ออกปากอธิบาย “ขอบพระทัยฮองเฮาที่ตรัสชมเพคะ ฮวาชีเยว่เป็เพียงสตรีธรรมดา ย่อมมิอาจเทียบเคียงเฟิ่งหวง [1] เช่นพระองค์”
ในดวงตาฮองเฮาปรากฏร่องรอยยินดี ในใจแค่นเสียงหยัน นางมั่นใจว่าสตรีเช่นนี้แม้อีกสิบชาติก็ไม่อาจเทียบนางได้
มิใช่ทุกคนจะสามารถเป็ฮองเฮาได้
“รัชทายาท นี่คือฮวาชีเยว่ ท่านหญิงจิ่งฮวา” ฮองเฮายิ้ม แนะนำคนให้แก่องค์ชายใหญ่
หวงฝู่ฉางอวี๋ยิ้ม พยักหน้าให้นางอย่างสงวนท่าที
ฮวาชีเยว่ลอบตกตะลึง หวงฝู่ฉางอวี๋ผู้นี้เป็พระโอรสในฮองเฮา ทว่ากลับมีบุคลิกแตกต่างจากองค์หญิงฮุ่ยเจินและองค์หญิงฮุ่ยหลิงโดยสิ้นเชิง ความสูงศักดิ์และใจเย็นเช่นนี้องค์หญิงทั้งสองมิอาจลอกเลียนได้โดยง่าย
เห็นฮองเฮาสนิทสนมกับฮวาชีเยว่ องค์หญิงฮุ่ยหลิงที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ริษยาสุดขีด
แม้นางจะเข้าใจว่าหลิวฮองเฮาเพียงเสแสร้งเท่านั้น ทว่ารอยยิ้มที่นางมีก็ห่างหายไปจากใบหน้านานแล้ว
ฮวาชีเยว่รับมือกับฮองเฮาและรัชทายาทอย่างสงบนิ่ง แม้นางจะไม่แน่ใจว่าฮองเฮาตั้งใจวางลูกไม้อะไร แต่ก็ยังมั่นใจว่าสตรีผู้นี้รับมือยากนัก
“รอบสุดท้ายใกล้จะเริ่มแล้ว ท่านหญิงจิ่งฮวาไปเตรียมตัวเถอะ! ” สนทนากันได้สักครู่ หลิวฮองเฮาก็ยิ้มออกมา
ฮวาชีเยว่กล่าวอำลาทั้งฮ่องเต้และฮองเฮา ทว่าเดินไปได้ไม่ถึงสิบก้าวก็ถูกหยุดเอาไว้ก่อน
นางหันกลับไปอย่างตกตะลึง เห็นนางกำนัลที่เป็ผู้เรียกนางเดินตามมาด้านหลัง
นิ้วของนางกระตุกเล็กน้อย ทว่ายังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ “ทำไมหรือ? ฮองเฮา้าพบข้าอีกครั้งหรือ? ”
“เ้าค่ะ ทางเรา้าตามตัวคุณหนูฮวากลับไป เพราะหยกของฮองเฮาหายไป และท่านก็เป็ผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายฮองเฮาจนถึงเมื่อครู่นี้! ”
นางกำนัลพูดเสียงดัง ส่งให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาสนใจ ทุกคนล้วนแต่มองฮวาชีเยว่ด้วยสายตาหลากหลาย
สีหน้าของฮวาชีเยว่หม่นลง ในดวงตาทอประกายหวาดกลัวชั่วครู่ ทว่ายังคงพยักหน้า “ได้ อย่างไรข้าก็นั่งอยู่ข้างฮองเฮาจนถึงเมื่อครู่ ย่อมน่าสงสัยที่สุด”
ขณะที่กล่าว นางก็เดินตามนางกำนัลกลับไป
ฮวาชีเยว่บังเอิญสบตากับอวิ๋นสือโม่ครู่หนึ่ง เขาจ้องมองนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าปรากฏแววตาแปลกประหลาด
ฮวาชีเยว่ตวัดสายตาออก นางเดินเข้าหาฮองเฮา ฮ่องเต้มองฮองเฮาอย่างผิดหวัง “ฮองเฮา เ้าค้นหาดีแล้วหรือ? พระหยกที่เรามอบให้เ้าหายไปแล้วจริงหรือ? ”
สีหน้าฮองเฮาซีดลง ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา “ฝ่าา หม่อมฉันจะกล้าโป้ปดพระองค์ได้อย่างไรเพคะ? เช่นนั้นนับว่าเป็ความผิดแล้ว! ”
“ฝ่าา พระหยกของฮองเฮาหายนับเป็เื่ใหญ่ ของขวัญพระราชทานจากฮ่องเต้ล้วนประเมินค่ามิได้ เมื่อครู่หม่อมฉันนั่งอยู่ข้างฮองเฮาย่อมน่าสงสัยที่สุด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ค้นร่างกายหม่อมฉันเถอะเพคะ”
ฮวาชีเยว่พูดขึ้น ฮองเฮายิ้มอย่างยินดี นางรอประโยคนี้อยู่แล้ว “ท่านหญิงจิ่งฮวาเข้าใจความลำบากใจของข้าเช่นนี้น่ายินดีนัก ฝ่าา ให้หม่อมฉันทำอย่างไรดีเพคะ? ”
ฮองเฮาเ้าเล่ห์มากจริงๆ หากฉางหลงฮ่องเต้ไม่ยอมให้ค้นร่าง ย่อมแสดงออกว่าทรงเข้าข้างฮวาชีเยว่แล้ว
ยิ่งกว่านั้นฮวาชีเยว่ยังเป็ผู้เสนอให้ค้นร่างเอง ย่อมยากต่อการปฏิเสธ ทำให้นางยิ่งดูน่าสงสัยด้วยความที่อยู่ติดฮองเฮามากที่สุด หากไม่ค้นตัว ผู้อื่นย่อมสงสัยนางแล้ว
ฉางหลงฮ่องเต้พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก “ในเมื่อท่านหญิงจิ่งฮวาเสนอตัว เราก็ยอมรับ”
เขายังคงเชื่อในฮวาชีเยว่ผู้เป็ศิษย์ปรมาจารย์ที่มีโอสถวิเศษ อีกฝ่ายย่อมไม่จำเป็ต้องขโมยพระหยกจากฮองเฮา
พระหยกมิได้มีมูลค่ามากมายอะไร หลงแดงเพียงต้นเดียวก็มีมูลค่าเทียบเท่าเครื่องประดับเช่นนั้นนับพันชิ้นแล้ว
“ในเมื่อฮ่องเต้ทรงพระราชทานอนุญาต เราก็จะให้ชิงเหลียนค้นร่างท่านหญิงแล้วกัน” หลิวฮองเฮายิ้ม ไม่มีท่าทีสูญเสียความรักใคร่แม้แต่น้อย
ฮ่องเต้กลับรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา
ฮองเฮาแก่เกินไป น่าเกลียดเกิดไป และเลวร้ายเกินไปแล้วเมื่อเทียบกับฮวาชีเยว่
แม้เขามิได้เปิดเผยนาง ทว่าฮ่องเต้ก็ยังทราบว่าฮองเฮาจงใจ ทว่านางมีสกุลหลิวที่เข้มแข็งหนุนหลัง เขาย่อมมิอาจปลดฮองเฮาลงจากตำแหน่งโดยง่าย ทำได้เพียงอดทนต่อไปชั่วคราวเท่านั้น
ชิงเหลียนก้าวออกมาด้านหน้า ค้นร่างฮวาชีเยว่ต่อหน้าทุกคน
ฮวาชีเยว่ดูคล้ายกลับไปในคืนที่เกิดใหม่ ในที่สุดฮองเฮาก็เล็งเป้ามายังนางแล้ว แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายทราบข้อมูลการตายขององค์หญิงฮุ่ยเจิน
สีหน้าชิงเหลียนซีดลงทันทีที่ละมือออกจากร่างของฮวาชีเยว่ นางเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ “ฮองเฮาเพคะ...คุณหนูฮวาไม่มีพระหยกของพระองค์เพคะ…”
ั์ตาของฮองเฮาหดแคบลง ยามกล่าวขอโทษขอโพย “ข้าเข้าใจท่านหญิงจิ่งฮวาผิดไป วันนี้ข้าคงทำหายในวังกระมัง”
“ไม่ต้องกังวลเพคะ ความกังวลแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงใส่พระทัยพระหยกรูปนี้มากนัก หม่อมฉันหวังว่าพระองค์จะทรงหาพระหยกพบโดยไว อย่างไรหม่อมฉันก็ขอตัวก่อนนะเพคะ” ฮวาชีเยว่เอ่ยอย่างใจเย็นขณะยอบกาย ก่อนจะเดินจากไปอย่างมั่นใจ
หวงฝู่ฉางอวี๋มองตามหลังนางไป ความรู้สึกประหลาดเบาบางสายหนึ่งปรากฏในดวงตาขณะส่ายศีรษะ ฮองเฮาไม่ชอบฮวาชีเยว่ชัดเจน ทว่าลูกไม้ที่ใช้เองก็ผิดทำนองคลองธรรมเกินไปแล้ว
“ข้ามิได้ว่าไว้หรอกหรือ? ท่านหญิงจิ่งฮวามีปรมาจารย์คอยสนับสนุน ทั้งยังมีต้นหลงแดง ย่อมไม่ทำเื่เช่นนั้น! ” ฮ่องเต้ย้อนอย่างใจเย็น
ฮองเฮารีบกระซิบตอบ “ใช่เพคะ เป็หม่อมฉันคิดไม่ถี่ถ้วน โปรดเย็นพระทัยลงเถอะเพคะ”
“ช่างเถอะ! มาสนุกกับการแข่งขันดีกว่า”
ฮ่องเต้ตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่ง แต่ความไม่ชอบใจในตัวฮองเฮากลับยิ่งเพิ่มขึ้น คนที่เหลือล้วนไม่มีใครใส่ใจเื่เล็กน้อยนี้เว้นแต่อวิ๋นสือโม่ที่คิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ
“ปกติฮองเฮาย่อมไม่ทำเื่เช่นนี้...คราวนี้คงตั้งพระทัยจะใส่ความฮวาชีเยว่เป็แน่”
ฮวาชีเยว่เดินกลับไปที่นั่งของตน ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม
ที่จริง ยามที่นั่งอยู่หลังฮองเฮา ฮวาชีเยว่ทราบว่ามีผู้ใช้วรยุทธ์แอบหย่อนพระหยกใส่ในกระเป๋าด้านหลังนาง
หากนางเป็คนธรรมดา คงไม่รู้ตัว
แต่ฮวาชีเยว่ยามนี้ก็เป็ผู้ใช้วรยุทธ์ถึงระดับภูมิลักษณ์ัขั้นฐานแล้ว สูงกว่าผู้ใช้วรยุทธ์ที่หย่อนพระหยกใส่กระเป๋านางถึงสองขั้น
ดังนั้นนางจึงทราบว่าฮองเฮา้าใส่ร้ายนาง! ยามลงจากยกพื้นจึงได้ใช้พลังปราณบดขยี้พระหยกจนกลายเป็ผุยผง!
ในระดับภูมิลักษณ์ัขั้นฐานย่อมง่ายดายต่อการบดขยี้ของให้กลายเป็ผง
การเคลื่อนไหวของฮองเฮานั้นมีระดับต่ำเกินไปสำหรับฮวาชีเยว่
“คุณหนู เป็อะไรหรือไม่เ้าคะ? ”
ลู่ซินเห็นคนอื่นๆ มองฮวาชีเยว่ด้วยสายตาประหลาด จึงได้ถามนางอย่างกังวล
ไฉ่ชิงและไฉ่หนิงกลับใช้สายตาจับจ้องอยู่ที่ฮวาเมิ่งซือซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไป
“ข้าสบายดี การแข่งขันใกล้จะเริ่มแล้วใช่หรือไม่? ”
“เ้าค่ะ รอบแรก...คุณหนูรองปะทะหลี่อวี่เหอจากสำนักวายุทมิฬ”
โหย่วชุ่ยอธิบายขณะมองรายชื่อ ทราบดีว่าฮวาเมิ่งซือและฮวาชีเยว่ต่างก็เป็คู่แข่งกัน
ฮวาชีเยว่พยักหน้า สำนักวายุทมิฬเป็สำนักหญิงใหม่ที่มีผู้ใช้วรยุทธ์มากความสามารถอยู่มาก
หลี่อวี่เหอผ่านการประลองรอบแรกๆ มาได้อย่างง่ายดาย
ฮวาเมิ่งซือและหลี่อวี่เหอเดินขึ้นเวที ทั้งคู่ทักทายกัน ก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น
ทั้งคู่ต่างก็เป็ผู้ใช้วรยุทธ์ที่สำเร็จหน่ออ่อนขั้นฐานแล้ว การแข่งขันจึงดุดันเข้มข้น ใช้เวลายาวนาน ฮวาชีเยว่แทบจะเผลอหลับไปแล้วในตอนที่แสงแวบวาบสะท้อนสู่สายตา ดึงดูดความสนใจของนางไป
นางเห็นแสงสีฟ้าหมุนวนรอบกายฮวาเมิ่งซือ ปกป้องร่างกายตัวนางเอาไว้ หลี่อวี่เหอกู่เสียงะโก้องและพุ่งเข้าจู่โจมฮวาเมิ่งซือ เคลื่อนกายรวดเร็วยิ่งกว่าพายุหมุน!
“กระบวนท่าัวายุ! มิคาดจะยังคงมีผู้ฝึกวิชาโบราณนี้อยู่! ”
“หลี่อวี่เหอน่าประทับใจเช่นเคย! ดูเหมือนคราวนี้...จะยากต่อการให้คะแนนทั้งสองแล้ว”
“ใช่ ฮวาเมิ่งซือเองก็ไม่เลวเช่นกัน อย่างไรคนก็เป็ถึงกุลสตรีอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง! ”
ตูม!
ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากัน ร่างของหลี่อวี่เหอก็เข้าปะทะกับเส้นใยพลังที่รายล้อมปกป้องฮวาเมิ่งซือเข้า!
“์! กระบวนท่าปราการราชันย์! ”
“ใช่ หากดูไม่ผิด นั่นคือกระบวนท่าปราการราชัน! มิคาดคุณหนูสกุลฮวาถึงกับสามารถใช้วิชาหายากเช่นนี้ การฝึกฝนวิชานี้ต้องอาศัยความไหลลื่นของพลังปราณในร่าง”
“ใช่ วิชาปราการราชันเลือกผู้ใช้ มิใช่ทุกคนจะศึกษาได้! ”
เสียงถกเถียงยิ่งดังขึ้น หลี่อวี่เหอกระเด็นออกจากเกราะของฮวาเมิ่งซือ นางถอยไปสิบกว่าก้าว เกือบจะร่วงจากเวทีให้ทุกคนส่งเสียงอุทาน
ขณะที่ทุกคนอุทานออกมา สายฟ้าสีน้ำเงินบริสุทธิ์ไล่ตามหลี่อวี่เหอที่ยังโงนเงนไปติดๆ
“อวี่เหอ ระวัง! ”
มีคนะโขึ้นมา แต่หลี่อวี่เหอรู้ตัวช้าเกินไป!
สายฟ้าสีน้ำเงินบริสุทธิ์ทิ่มแทงแขนนาง เืสาดกระจาย ตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่า หลี่อวี่เหอยิ้มขมขณะล้มถอยไป นางะโเบาๆ ออกจากเวที ผู้ชมส่งเสียงอุทานกับภาพที่เห็น
หลี่อวี่เหอเป็สตรีงาม มีคนตามเกี้ยวมากมาย เห็นนางพ่ายแพ้ดังนี้ก็ให้ผิดหวัง
“การประลองแรกของรอบสุดท้าย ฮวาเมิ่งซือชนะ! ”
โฆษกประกาศเสียงดัง ฮูหยินรองปรบมืออย่างยินดี เสียงแห่งชัยชนะคือก้าวแรกสู่การขึ้นสู่จุดสูงสุดของลูกสาวนาง
“การประลองรอบที่สอง ฮวาชีเยว่ปะทะท่านหญิงิจู! ”
โฆษกประกาศ ตามกฎแล้วการประลองนัดนี้จะเริ่มต้นขึ้นในหนึ่งเค่อ
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็กังวลขึ้นมา “คุณหนูใหญ่เ้าคะ ท่านหญิงิจูต้องเกลียดชังท่านเป็แน่! ท่านจะลงแข่งจริงหรือเ้าคะ? ยิ่งกว่านั้นยังได้ยินว่าท่านหญิงิจูได้รับของวิเศษเพิ่มพลังปราณ คุณหนูเ้าคะ บ่าวว่า…”
เชิงอรรถ
[1] เฟิ่งหวง หมายถึง นกฟีนิกซ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้