“อย่าขยับ ให้ข้าดูหน่อย”
“อื้อ อื้ออื้อ” ข้าไม่เป็ไร อ๋าวหรานถูกจับปลายคางอยู่จึงพูดให้ชัดเจนไม่ได้
“อา... โง่จริง”
!!!??
อ้าวเฮ้ย! โง่มารดาแกสิ! ใครโง่กันฮะ? ใครโง่กัน!?
นี่ยังเป็ตัวเอกผู้แสนใจดีคนนั้นอยู่ไหม? ทำไมข้าถึงรู้สึกลึกๆได้ถึงความอันตราย!
“เ้า... เ้าต่างหากที่โง่!”
อ๋าวหรานโดนทำให้โกรธจนแทบกระอั่กเืตาย สองครั้งแล้ว! ไอ้บ้าเอ้ย! ถูกคนคนเดิมทำให้ใเป็ครั้งที่สอง แล้วยังถูกคนคนนั้นหัวเราะเยาะเอาอีก จนแม้แต่อ๋าวหรานเอง ยังรู้สึกว่าตัวเองปัญญาอ่อนแล้ว
ยังดีที่อ๋าวหรานสงบนิ่งมั่นคง ทำตัวโง่อยู่ครู่หนึ่งก็กลับมาเป็ปกติ ไม่ได้ทำตัวโง่ต่อไปเรื่อยๆ
อ๋าวหรานที่สงบลงได้แล้วมองไปยังใบหน้าอันสมบูรณ์แบบนั้น ทั้งๆแสดงท่าทางเป็ห่วงชัดเจน แต่อ๋าวหรานกลับเห็นว่าในแววตาคู่นั้นเหมือนจะส่อแวว...หัวเราะเยาะออกมา ยังไม่ทันได้สังเกตให้ดีก็ถูกขัดจังหวะ
จิ่งฝาน “เืออกแล้ว ยังดีที่ไม่สาหัส”
อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะกลอกตา ต้องไม่สาหัสอยู่แล้ว เมื่อครู่ข้าก็บอกแล้วว่าไม่เป็ไร ต่อให้ข้าจะปัญญาอ่อนแค่ไหนก็ไม่มีทางกัดลิ้นตัวเองขาดหรอก!
คิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ อ๋าวหรานไม่สนใจความเ็ปที่ลิ้นถามเสียงอู้อี้ว่า “แรงะเิเมื่อสักครู่เ้าเป็คนทำหรือ?”
จิ่งฝานตอบ “อืม”
อ๋าวหรานถาม “ด้วยฝ่ามือเดียวหรือ?”
จิ่งฝาน “ใช่”
อ๋าวหรานตกตะลึง ตอนที่เขารู้ว่าตัวเองเชี่ยวชาญเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวนั้นยังรู้สึกอิ่มเอมใจอยู่นิดหน่อย อย่างน้อยเขาก็ทำให้ใบไผ่ร่วงเป็แถบได้ แต่ตอนนี้เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเอก เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน! คนอื่นเวลาะเิพลังออกมาก ถึงกับสามารถะเิบ่อน้ำร้อนไปได้ทั้งแถบ
อ๋าวหรานถามต่อว่า “เ้าทำได้อย่างไร? ทำไมถึงได้มีแรงมากขนาดนี้? กำลังภายในของตระกูลจิ่งของเ้าร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว?”
อ๋าวหรานถามอย่างกระตือรือร้น เขาสงสัยจริงๆ ว่าจิ่งฝานทำได้อย่างไร เขานั้นเพิ่งจะเริ่มเข้าใจเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวไปแค่เล็กน้อย แล้วก็ชะงักติดอยู่ตรงนั้นเขาอยากจะก้าวหน้าให้มากกว่าเดิม เขาไม่ใช่พวกใจร้อนอยากจะเห็นความสำเร็จในทันทีทันใด กลับกันบางครั้งเขาก็ค่อนข้างจะเกียจคร้าน เขาคิดว่าเื่ทุกอย่างทำให้อยู่ในระดับกลางๆ ก็พอแล้ว ไม่จำเป็ต้องทำให้ดีที่สุด
แต่ตอนนี้ในฐานะคนจากโลกอนาคตที่ถูกปลูกฝังเื่วิทยาศาสตร์และอารยธรรมภายใต้แิสังคมนิยมมายี่สิบกว่าปี ต่อให้เขาจะเป็คนสงบนิ่งแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะสูญเสียความสนใจต่อเื่จำพวกวรยุทธ์กำลังภายในพวกนี้ได้ ไม่แน่ว่าผ่านไปสักพักเขาก็อาจจะไม่กระตือรือร้นเท่านี้แล้ว แต่อ๋าวหรานในตอนนี้ที่อายุยี่สิบกว่าปี กลับเหมือนหนุ่มน้อยชั้นม.2 ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่ไม่อาจสลัดออกไปได้
ความสงสัยใคร่รู้เช่นนี้ถูกใบหน้าราวกับน้ำแข็งของจิ่งฝานทำให้รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหลายก้าว แต่ด้านหลังกลับมีก้อนหินอยู่ ทำให้ไม่อาจถอยต่อไปได้อีก ในขณะเดียวกัน ตอนที่เขาถอยหลัง จิ่งฝานกลับเดินหน้าเข้ามา ดวงตาอันดำมืดจ้องมองเขา มือข้างหนึ่งบีบบ่าของเขาเอาไว้อย่างเอาเป็เอาตาย ถึงแม้จะไม่ถึงกับเจ็บ แต่อ๋าวหรานก็รู้ว่าเขาไม่อาจสลัดหลุดได้อย่างแน่นอน
“เ้าสนใจกำลังภายในของตระกูลจิ่งมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
อ๋าวหรานรู้สึกว่าคำพูดของจิ่งฝานมีน้ำแข็งซ่อนอยู่ภายใน
แต่จู่ๆ อ๋าวหรานก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจิ่งฝานถึงได้โกรธขนาดนี้ ในนิยายต้นฉบับ กำลังภายในของตระกูลจิ่งจะไม่ถ่ายทอดให้คนนอก รวมถึงจะไม่พูดให้คนนอกฟังเด็ดขาด กำลังภายในของตระกูลจิ่งนั้น บรรพบุรุษตระกูลจิ่งคิดค้นขึ้นตามหลักสรีรวิทยาของมนุษย์ เป็กำลังภายในที่มีความสมบูรณ์แบบเป็อย่างมาก นับได้ว่ามีอานุภาพร้ายกาจ ตอนหลังเมื่อตระกูลจิ่งประสบภัยก็ถูกพวกคนไม่ดีเ่าั้ฉวยโอกาสตอนกำลังประสบเคราะห์ขโมยไป แล้วตอนนี้อ๋าวหรานก็มาแสดงความสนใจต่อสิ่งที่เป็ความลับนี้ สำหรับผู้ถือครองความลับแล้วคงจะไม่ชอบใจนัก นอกจากนั้น อ๋าวหรานก็อ่านนิยายกำลังภายในมาไม่น้อย แต่ละตระกูล แต่ละสำนัก วรยุทธ์ของพวกเขาล้วนแต่เป็แบบเฉพาะ คนนอกที่เรียนนั้นก็เป็พวกขโมยเรียนเอาทั้งนั้น
“ข้าก็แค่ลองถามดูเท่านั้น ข้าฝึกเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวแล้วเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย ข้ารู้สึกว่าเหมือนกับจะมาถึงขีดจำกัดแล้วติดอยู่ตรงนั้น อยากจะก้าวไปอีกขั้น แต่ข้าคิดอยู่เป็นานสองนานก็หาสาเหตุที่เป็เช่นนี้ไม่ได้ ข้ารู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าเ้าทำได้อย่างไร”
อย่าโทษอ๋าวหรานที่เอาเื่ฝึกเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวั้แ่ต้นจนจบไปบอกจิ่งฝานเหมือนกับเป็สุนัขรับใช้เลย เพราะเขานั้นไม่คิดจริงๆ ว่าเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวจะทำให้จิ่งฝานสนใจได้ ไม่แน่ว่าต่อให้เอาเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวไปกางอยู่ต่อหน้าจิ่งฝานเขาก็คงจะไม่มีทางให้ความสนใจ อย่างไรเสียก็เป็ตัวเอกที่มีสูตรโกง [1] เพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวสำหรับเขาคงเป็เหมือนแค่ซี่โครงไก่ [2] ก็เท่านั้น
“งั้นหรือ?”
เห็นว่าสีหน้าของจิ่งฝานดีขึ้นมากแล้วมือที่บีบอยู่ที่ไหล่เขาก็เปลี่ยนเป็แตะไว้เฉยๆ
อ๋าวหรานก็เบาใจลง
“วันหน้าเกรงว่าคงต้องให้พี่จิ่งช่วยชี้แนะข้ามากสักหน่อยแล้ว”
“ได้สิ มีวรยุทธ์ก็ต้องรู้จักแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน”
มองดูใบหน้าราวกลับสายลมในฤดูใบไม้ผลิของจิ่งฝาน อ๋าวหรานอดที่จะค่อนแคะในใจไม่ได้ ข้าเป็แค่ตัวรับะุแทนเท่านั้น ยังกล้าดีอันใดไปแลกเปลี่ยนความรู้กับเ้า? เกรงว่าคงโดนะเิเป็บ่อน้ำร้อนแน่ แล้วยังเป็น้ำร้อนสีแดงเสียด้วย
ราวกับเห็นสีหน้าขมขื่นของอ๋าวหราน จิ่งฝานยิ้มมีความสุขยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาโชติ่สว่างไสวจนทำให้คนวิงเวียน วูบวาบจนอ๋าวหรานคิดว่าตัวเองจะตาบอดเสียแล้ว จู่ๆ ก็นึกถึงร่างตรงกลางบ่อน้ำร้อนที่ค่อยๆ หันกลับมาจ้องเขาด้วยดวงตาคู่นั้น ั์ตาแดงราวกลับดวงตาของสัตว์ร้าย ทำให้คนใอย่างยิ่ง
อ๋าวหราน “เ้า...”
จิ่งฝาน “อืม? มีอะไรหรือ?”
อ๋าวหราน “เ้าอย่ายิ้มเลยจะดีกว่า มองแล้วทำให้ข้าอยากลวนลามเ้า”
อ๋าวหรานอดไว้ไม่ถาม นี่คือโลกที่ไม่เหมือนกับโลกแห่งความเป็จริง ทุกอย่างสามารถเป็ไปได้ ตาสีแดงคู่นั้น อาจจะเกิดจากวรยุทธ์นั่นก็เป็ได้ อีกทั้ง... เขากลัวว่าเขาถามออกไปแล้วจะไปสะกิดเข้ากับความลับอะไรเข้าอีก จนทำให้จิ่งฝานไม่พอใจ
จิ่งฝาน “เ้า...อยากลวนลามข้า?”
อ๋าวหราน “หา?!”
ตบหน้าตัวเองสักสองทีตอนนี้แล้วทำเป็ว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้ไหม?
------------
เชิงอรรถ
[1] สูตรโกง(金手指) หมายถึงมีพลังเก่งกล้าจนเหมือนใช้สูตรโกง
[2] ซี่โครงไก่(鸡肋)หมายถึงทำไปก็ไม่คุ้มค่า