เมื่อมือปราบิญญาเริ่มเคลื่อนไหว เย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์ก็ตรวจพบได้ทันที
“เตรียมตัวให้พร้อม หว่านเอ๋อร์ เธอคุ้มครองคุณน้า หนานฟาง นายจัดการตามที่เห็นสมควร ฉันจะรับมือเขาเอง”
เย่เฟิงรีบให้หลงหว่านเอ๋อร์กับชูชูมาอยู่ข้างหลัง ก่อนหันหน้าไปทางระเบียงแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ฉันจะร่วมสู้กับนายด้วย”
หลงหว่านเอ๋อร์ดึงดันที่จะอยู่ข้างเขาและไม่ยอมจากไป
“ฉันก็จะช่วยด้วย”
หนานฟางถือขวดเบียร์ขึ้นมาสองขวด
“น้าด้วย”
ชูชูที่แสนอ่อนแอก็ยกมีดทำครัวขึ้นมา
“...”
เย่เฟิงพูดไม่ออก และก่อนที่เขาจะเกลี้ยกล่อมได้ทัน มือปราบิญญานิโคตินก็มาถึงลานบ้านด้านนอกแล้ว ฝ่ายตรงข้ามะโเบาๆ แม้อยู่ภายใต้ค่ำคืนที่ฝนตกแต่ร่างในชุดกันลมสีดำก็ปรากฏบนระเบียงห้องที่ทุกคนรวมตัวอยู่!
ในที่สุดชูชูและหนานฟางก็เห็นหน้าตาของอีกฝ่ายภายใต้แสงเทียนสลัว พวกเขาไม่มีจิตหยั่งรู้ และก่อนหน้านี้ได้แค่ฟังที่หลงหว่านเอ๋อร์กับเย่เฟิงบรรยายเท่านั้น
“เป็เขาจริงๆ”
สีหน้าของหนานฟางขรึมลงทันที เมื่อยืนยันตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย
“คุณมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
เย่เฟิงยืนขวางหน้าทั้งสามคนไว้ ก่อนเงยหน้าขึ้นถามนิโคตินที่อยู่ตรงระเบียง
“บลาๆ?”
หมวกของนิโคตินใหญ่มากจนบดบังใบหน้าทั้งหมดของเขาทำให้มองเห็นได้ยาก แต่เขาพูดภาษาฝรั่งเศส!
เย่เฟิงสมองโล่งไปชั่วขณะ เขาเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมกับซูเมิ่งหานทำให้ฟังเข้าใจได้กว่าครึ่ง แต่เขาไม่เข้าใจภาษาฝรั่งเศสเลยสักนิด! แล้วตอนนี้จะสื่อสารกันอย่างไรล่ะ?
ในเวลานั้นเอง ริมฝีปากสีเชอร์รี่ซึ่งอิงแอบอยู่ข้างกายเขาก็โต้ตอบภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่ว มันช่างไพเราะน่าฟังราวกับเสียงนกขมิ้น
ไม่นึกเลยว่าหลงหว่านเอ๋อร์จะพูดภาษาฝรั่งเศสได้!
เย่เฟิงตะลึงงัน นี่มันก็เกินธรรมชาติไปหน่อยไหมที่ผู้ฝึกวรยุทธ์จะทำอะไรแบบนี้ได้?
“คนโง่ เราต้องปรับตัวให้เข้ากับยุค เข้าใจไหม?” หลงหว่านเอ๋อร์แอบหยิกเย่เฟิง ก่อนอธิบายเสียงเบา “เขาถามว่านายยินดีเข้าร่วมองค์กรไวเปอร์ไหม นายสังหารคนของพวกเขา พวกเขาก็จะตามฆ่านายไม่หยุด เว้นแต่นายจะเข้าร่วมองค์กร”
เข้าร่วมกลุ่มไวเปอร์?
เย่เฟิงได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะ นี่เป็ความคิดที่ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สนใจจะเป็นักฆ่า เขารู้ว่าองค์กรนักฆ่าระดับสากลขนาดใหญ่เช่นนี้จะต้องมีกฎระเบียบเข้มงวด ถ้าเข้าไปแล้วก็คงยากที่จะออกมา
“เธอบอกเขาไปว่าฉันยังอยากมีอิสระอยู่” เย่เฟิงกระซิบบอก
ถ้าปฏิเสธตามตรง อีกฝ่ายคงลงมือกำจัดเขาเลยใช่ไหม?
เห็นได้ชัดว่าหลงหว่านเอ๋อร์ก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน เธอจึงพูดพลางค่อยๆ ผละตัวจากอ้อมแขนของเย่เฟิง เพราะไม่อยากกลายเป็ภาระให้เย่เฟิงเวลาต่อสู้
นิโคตินได้ยินคำตอบของหลงหว่านเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยเสียงสดใส ฟังแล้วน่าจะเป็วัยรุ่นชายที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี เขายื่นมือขาวหมดจดขึ้นกดหมวกสีดำ ทันใดนั้นก็มีวัตถุบางอย่างพุ่งมาทางเย่เฟิง!
“อาวุธลับ?”
เย่เฟิงระวังตัวอยู่ตลอดเวลาจึงสามารถโต้ตอบได้ทันที ชายหนุ่มวาดมือออกไปเพียงครั้งเดียว รังสีกระบี่ยาวสีทองก็สว่างวาบขึ้นสกัดอาวุธลับที่อีกฝ่ายยิงมาเกิดเสียงดังกึก!
มันคือดอกสว่านสีเงินขนาดเล็กรูปร่างคล้ายะุปืน ไม่นึกว่าถูกซ่อนอยู่ในหมวกของนิโคติน ถ้าหวังสังหารคนธรรมดาก็คงไม่มีใครหนีรอดไปได้
แต่น่าเสียดาย คนที่เขาเจอคือเย่เฟิง
“โอ้?”
นิโคตินแปลกใจเล็กน้อย เขาเห็นไม่ชัดว่าเย่เฟิงขัดขวางดอกสว่านเงินที่ตนยิงออกไปได้อย่างไร!
ต้องรู้ว่าปกติดอกสว่านเงินขนาดเหล็กก็ไร้เสียงอยู่แล้ว และในเวลากลางคืนอย่างนี้ก็ยิ่งยากที่จะสังเกตเห็น ต่อให้จุดเทียนภายในห้อง ผู้ฝึกวรยุทธ์ทั่วไปก็คงไม่สามารถโต้ตอบได้ทัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเ้าหมอนี่มีสัญชาตญาณที่แม่นยำซึ่งไวต่ออันตรายเหรอ?
ในประสบการณ์การลอบสังหารคนแบบนี้ใช่ว่านิโคตินจะไม่เคยพบมาก่อน อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเย่เฟิงไม่ได้พึ่งสัญชาตญาณ แต่เป็ทักษะจิตหยั่งรู้!
วืด! พรึบ!
ลมหนาวพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง เป่าเทียนเพียงเล่มเดียวที่มีดับลง ทันใดนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืด
หนานฟางและชูชูเหมือนคนตาบอดในทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ได้แต่ยืนอยู่กับที่ด้วยความประหม่า
“เธออยู่ที่นี่คอยปกป้องคุณน้ากับหนานฟาง” เย่เฟิงโน้มตัวกระซิบข้างหูหลงหว่านเอ๋อร์ จากนั้นใช้วิชาย่างก้าวไร้เงาพุ่งไปหานิโคตินด้วยความเร็วสูง
หลงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าประมาทจึงไม่ได้ตามเขาไป เธอรีบก้าวไปขวางหน้าหนานฟางกับชูชูภายใต้ความมืดมิด
เมื่อเย่เฟิงมาถึงหน้านิโคตินก็เริ่มโจมตีด้วยหมัด ทว่าพบเพียงความว่างเปล่า ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเช่นกัน เขาถอยไปเพียงก้าวเดียวแล้วะโลงจากระเบียงไปยืนอยู่เหนือประตูลานบ้านทันที ทั้งตัวเปียกโชกด้วยสายฝนที่เทกระหน่ำ
“เคลื่อนไหวรวดเร็วมาก”
เย่เฟิงแอบแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าศักยภาพการต่อสู้ของนิโคตินเกิดจากอะไร
ทั้งตัวของหมอนั่นล้วนเป็อุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นสูง รองเท้า หน้าไม้ขนาดเล็กที่อยู่ข้างหลัง เสื้อกันลมสีดำ หมวกสีดำ ทุกอย่างล้วนเป็ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถใช้เป็อาวุธได้!
อาวุธของเขามันยอดเยี่ยมมาก ล้ำสมัยกว่าของพวกทหารจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ แต่อานุภาพทำลายล้างน้อยกว่า
การสังหารคนสำหรับนิโคตินไม่จำเป็ต้องใช้อาวุธหนักใดๆ ขณะสังหาร เขาใช้เพียงเข็มเงินเล่มเดียวก็เรียบร้อยแล้ว ในเมื่อถูกขนานนามว่าเป็มือปราบิญญา เขาต้องมีความแข็งแกร่งในการสังหารปีศาจแน่นอน
หลังจากสวมรองเท้าบูทคู่นั้นแล้วความสามารถในการะโของเขาจะเพิ่มขึ้นจนน่าอัศจรรย์! ดอกสว่านเงินที่ซ่อนอยู่ใต้หมวก โดยส่วนใหญ่ก็สามารถสังหารเป้าหมายได้ภายในนัดเดียว นอกจากนี้ยังมีอาวุธประจำกายที่เป็ท่าไม้ตายนั่นก็คือหน้าไม้ขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง ลูกศรปราบิญญาเป็อาวุธพิเศษสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์โดยเฉพาะ มันจะกัดกร่อนพลังงานเฉพาะ เช่น พลังภายใน!
นิโคตินเหยียดแขนแล้วปล่อยลวดสองเส้นออกมาจากปากแขนเสื้อ มันพุ่งใส่เย่เฟิงด้วยความเร็วราวกับจะมัดเขาไว้
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเย่เฟิงอย่างฉับพลัน เขาไม่ได้เคลื่อนตัวหลบ แต่กลับะโขึ้นไปบนอากาศ!
ลวดสลิงสองเส้นพันมือและเท้าของเขาไว้ทันที ซึ่งหลงหว่านเอ๋อร์รับรู้เหตุการณ์นี้ได้โดยจิตหยั่งรู้ เธอแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับเย่เฟิง นี่คือจงใจใช่ไหม?
“บ๊ายบาย”
นิโคตินแสยะยิ้มแล้วดึงลวดที่คุมตัวเย่เฟิงไว้อย่างแ่า หน้าไม้ขนาดเล็กถูกคาบไว้ในปากเตรียมพร้อมลั่นไก!
หน้าไม้ขนาดเล็กอันนี้คือฝันร้ายของผู้ฝึกวรยุทธ์ เพียงโดนมันโจมตี ผลที่ได้รับมากกว่าปืนระงับชีพจรของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติโดยสิ้นเชิง มันจะทำให้ร่างกายของเย่เฟิงหมดกำลัง
น่าเสียดายที่เย่เฟิงมีปฏิกิริยาเร็วกว่า
‘วิชาเซียน เปลวสุริยะ!’
มือและเท้าของเย่เฟิงล้วนถูกมัดไว้ แต่เขากลับไม่ตื่นหนกเลยสักนิด ชายหนุ่มอ้าปากกว้าง ลูกไฟกลมพ่นออกจากปากของเขาอย่างคาดไม่ถึง มันพัดม้วนออกไปเพียงชั่วพริบตา!
นิโคตินหน้าถอดสี เขาอยาะโหนี แต่เย่เฟิงรั้งตัวเขาไว้ ลวดสองเส้นดึงตัวนิโคตินกลับมา ลวดที่เดิมทีใช้พันธการเย่เฟิง กลับกลายเป็เครื่องเร่งสังหารนิโคตินเสียเอง
ตูม!
นิโคตินกลายเป็มนุษย์เพลิงในชั่วพริบตา